@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

เมื่อไหร่จะรู้จักพอนะ

รายละเอียด

ตัวอย่างแจ็คหม่า เอาเครื่องมือเทคโนโลยีไปเอาเปรียบมนุษย์โลก จะตกนรกอีกนานเท่าไหร่ จะกล่าวไปไยถึงคนไทยอีกที่ไม่เอ่ยชื่อ เขาก็ยังทำอยู่ ใช้เทคโนโลยีความรู้ความฉลาดตัวเอง ยังไม่รู้จักพอไม่รู้จักหยุด แทนที่จะมาเสียสละ แบ่งแจก กระจายสู่คนอื่น เราไม่กักตุนหรือมีไว้น้อยก็ยังอยู่ได้ ก็ช่วยมนุษย์ได้จริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:58:11 )

เมื่อไหร่จะรู้ตัวหนอ 

รายละเอียด

ทีนี้พวกเดียรถีย์ พวกอวิชชาที่ไม่เข้าใจสภาวธรรมจริงที่เป็นสัมมาทิฏฐิเป็นโลกุตระ ก็ไปเข้าใจความไม่สุขไม่ทุกข์แบบ เดียรถีย์ แบบมิจฉาทิฏฐิ คือไปทำสัญญาไม่ให้มันมีความรู้สึก ไม่ให้มันรับรู้ทุกข์รู้สุข มันก็ไม่มีสิ ความทุกข์ความสุขเพราะไปดับจิต ดับเวทนา ดับสัญญาบื้อๆ ไม่ให้มันทำหน้าที่มันก็ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ก็เป็น อทุกขมสุข แบบ เดียรถีย์ แบบ อสัญญีสัตว์ แบบไม่รู้เรื่องไม่รู้สัจจะที่แท้จริง ไม่รู้จิตเจตสิกรูปนิพพานไม่รู้เรื่อง เวทนาในเวทนาไม่รู้เรื่อง ยิ่งแยกเป็นจิตในจิตถึงตัวเหตุใหญ่เลย เจโตปริยญาณ 16 ก็ยิ่งไม่รู้ใหญ่เลย ต้องแจกไปถึงเวทนา 108 ยิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่เลย แม้แต่ชาวพุทธ ที่ไม่ได้เรียนดีๆไม่ได้เรียนอย่างสัมมาทิฏฐิ ก็จะไม่เข้าใจ 

แม้พวกคุณจะมาไล่เวทนา 108 ไม่ออก มาเรียงพยัญชนะที่อาตมาอธิบายแจกไว้ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้วเอามาแจก คุณแจกไม่ได้อย่างอาตมาพูด แต่คุณก็มีสภาวะ เพราะคุณมีตา หู จมูก ลิ้นกาย ใจ 6 แล้วคุณก็รู้จักสภาพสุขทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ นี่ก็เป็น 18 แล้ว 

ทั้ง 6 ทวาร ตากระทบรูป มันสุขก็ได้ทุกข์ก็ได้ ไม่ทุกข์ไม่สุขก็ได้ หู จมูก ลิ้น กาย ใจมันทำให้เกิดเวทนาสุขทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ได้ทั้งหมดทั้งนั้น เป็น 18 

อย่างเช่นคนอวิชชาคนโง่ๆโลกียะอยู่มันก็สุขก็ทุกข์ไปตามเหตุปัจจัยที่ตัวเองอุปาทาน มีตัณหา มันก็เกิดสุขเกิดทุกข์หรือไม่สุขไม่ทุกข์อย่างนั้น แย่งกัน แล้วก็บำเรอตน บำเรอกิเลส มันก็ยิ่งโง่หนักไปทุกวัน ได้เสพสุขเสพทุกข์อย่างโลกียะ เห็นแล้วน่าสงสารจริงๆ เมื่อไหร่จะรู้ตัวหนอ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ เรื่อง กาย งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันนี้วันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 แรม 3 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 พฤษภาคม 2566 ( 14:18:05 )

เมื่อไหร่จะรู้สักทีนะ

รายละเอียด

เมื่อไหร่ หอกร้อยเล่ม เช้ากลางวันเย็น จะแทงเข้านี่ ไม่รู้สึกรู้สาเลย ใครจะมาทิ่มแทงก็อยู่อย่างนั้น ทำไมถึงแข็งและเหนียวจังเลย 

เมื่อไหร่คุณจะมีไหวพริบออกมา เมื่อนั้นคุณจะละอายอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นคุณจะเคารพอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นคุณจะรักอย่างแรงกล้า เมื่อนั้นคุณจะศรัทธาอย่างแรงกล้า จริง เมื่อนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่กระเตื้อง 

ในเรื่องปัญญา 8 ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ สุดยอดจริงๆ เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:49:40 )

เมื่อไหร่จะรู้สักทีนะว่ามีมากแล้วอะไร

รายละเอียด

พวกใบลานเปล่า เป็นพวก ปทปรมะ ก็ไม่ได้อะไร

ก็เรียกว่าโง่น่าดูเลยคนพวกนี้ ไม่รู้จักอาการน่าเลื่อมใสของคนที่น่าเลื่อมใส แล้วก็ไปเลื่อมใสคนที่ไม่น่าเลื่อมใส ไปคบอสัตบุรุษ พวกที่หลอกให้มานับถือ หลอกให้ลาภยศสรรเสริญสุข แล้วก็เสวยอยู่กับลาภยศสรรเสริญสุขอยู่อย่างนั้น เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักที เมื่อไหร่จะรู้สักทีนะ ว่ามีมากแล้วอะไร? 

มีความรู้มากแล้วก็ไม่รู้สักที แล้วก็ไม่รู้จัก เริ่มต้นด้วยศีลแล้วปฏิบัติ อปันกปฏิปทา มาเรียนรู้อย่าไปดูถูก เริ่มต้นปฏิบัติกับสัตว์เป็นศีลข้อต้น โดยเฉพาะสัตว์คน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน อาการน่าเลื่อมใสในวรรณะ 9 ของพ่อครูเป็นเช่นไร


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 10:34:57 )

เมื่อไหร่จะเกิดหิริโอตตัปปะ หรือสัทธรรม 7

รายละเอียด

เราเอาตำราพระพุทธเจ้า เอาอนุสาสนีพระพุทธเจ้ามากางอธิบาย มหาบัวก็ดี พวกนั่งหลับตาปฏิบัติก็ดี พวกฟุ้งไปไม่ได้อยู่ในร่องรอยคำสอนพระพุทธเจ้า เอาพระไตรปิฎกมาขยายความอย่างอาตมาอธิบายพูดนี้ไม่เป็นหรอกพูดไม่ได้ ได้แต่พิลึกพิลือออกป่าสู้กับเสือกับงูใหญ่ มันมีที่ไหนในศาสนาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าอธิบายไว้ที่ไหนเป็นพวกพระล่องไพร เป็นระพินทร์ ไพรวัลย์ มันไม่มี เป็นศาสนาล่องไพร ศาสนาระพินทร์ ไพรวัลย์ เป็นศาสนาเพชรพระอุมา มันไม่มี ศาสนาวิตถาร มันไม่มีอะไรของพระพุทธเจ้า อาตมาก็พูดแรงแล้วนะ มันน่าจะพูดแรงแรง เพราะหอก 300 เล่มแทงเช้ากลางวันเย็น มันไม่กระดิกเลย ไม่แรงไม่รู้จะทำอย่างไร นี่หอกอาตมาก็หักไปอีกเยอะแล้วนะ ไม่ใช่ว่าอาตมาแทงแล้วจะได้ผลนะ จะได้ผลบ้างไหมนี่ ในระยะอีก 100 ปีคงจะกระเตื้องบ้าง 

ผลที่คาดว่าจะได้ก็อีกประมาณ 100 ปีคงจะได้อีกสัก มีกำไรสัก 10 บาท 20 บาท เมื่อไหร่จะเกิดหิริโอตตัปปะ เมื่อไหร่จะเกิดสัทธรรม 7

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 15:18:14 )

เมื่อไหร่บุญนิยมทีวีจะกลับมาใช้ดาวเทียมเหมือนเดิม

รายละเอียด

ก็ขอบอกว่า ความหมายของคุณคงหมายความว่า คงจะไปใช้เทคโนโลยีทางทีวี ทีวี หมายความว่าเป็นโทรทัศน์ ที่เป็นโทรทัศน์รับได้จากดาวเทียม สภาพที่อาศัยดาวเทียมส่งสัญญาณ แล้วดาวเทียมก็กระจายไปสู่โลก คุณก็มีเครื่องรับ เป็นทีวี รับจากสัญญาณของดาวเทียม อันนี้ก็บอกตรงๆว่าหมดวาสนาแล้ว เพราะว่าค่าเช่าดาวเทียมมันเดือนละหลายแสน แล้วก็ยิ่งโควิดมาก็ยิ่งแย่ใหญ่ เราก็เลยมาเอาเทคโนโลยีใหม่ที่เขาไม่ต้องใช้ดาวเทียมแล้ว ใช้ internet ซึ่งของเราก็ยังไม่เก่งเท่าไหร่ ก็พยายามสื่อออกไป มันจะแพงเท่าไหร่ มันไม่แพงเท่าดาวเทียม ทีดาวเทียมเราก็เสียมาตั้งหลายปีตั้งแต่ พ.ศ. 2550 ได้มา 12 ปีแน่ะ1 นักกษัตร จากนี้ไปก็พยายามเอาอินเทอร์เน็ตนี่แหละมันไม่แพงเท่าดาวเทียม เท่าไหร่ก็เอา เขาก็ยังไม่ค่อย อาตมายังไม่รู้เทคนิคอันนี้ ก็ขอยืนยันว่า มันสุดวิสัยเราที่จะกลับไปเหมือนเดิมแบบที่มีดาวเทียม 

เอาแต่ดูโทรทัศน์ก็ขวนขวายหน่อย หากล่องรับ internet กล่องรับสัญญาณ คุณมีมือถือก็กดดูเลย Facebook บุญนิยมทีวี หรือไลน์บุญนิยมทีวี youtube มันได้ทั้งนั้นแหละ เสร็จแล้วคุณอยากให้ขึ้นที่จอโทรทัศน์ก็ต่อสายเข้าไป เครื่องของคุณเล็กๆนี่แหละ ไปหาเสียบเข้าจอใหญ่เท่าไหร่ก็ได้มันก็ขยายขึ้นไปเท่านั้น ผู้รู้เขาก็บอกได้มันไม่ได้ยากอะไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม อโศกเพื่อมวลมนุษยชาติปรากฏได้ในยุคโควิด วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:10:56 )

เมื่อไหร่เป็นกายเมื่อไหร่ไม่เป็นกาย

รายละเอียด

ผู้ที่ไม่สามารถแยกกายแยกจิตได้จริงๆ จะไม่สามารถรู้เมื่อไหร่เป็นกายเมื่อไหร่ไม่เป็นกาย ตัวนี้แหละคุณจะต้องจัดการความเป็นกายไม่ให้เป็นกายได้ตั้งแต่คุณยังไม่ตาย คุณยังไม่ตายจะมีกายอาศัย กับ ไม่มีกาย ไม่มีกายคือจะมีส่วนในชีวะของคุณนี่แหละแต่เป็นพีชะ ยกตัวอย่างมูลกรรมฐาน 5 เมื่อไหร่เป็นกายเมื่อไหร่ไม่เป็นกาย กายจะต้องมีเวทนา มีจิต กายจะต้องมีความรู้สึก จึงจะเรียกว่าเป็นกาย เมื่อมันไม่มีความรู้สึก เช่นเล็บส่วนที่ยาวออกมาพ้นปลายประสาท มันไม่ใช่กายแล้ว เพราะว่ามันไม่มีเวทนาแล้วไม่มีความรู้สึกมันเป็นเพียง พีชะ คำว่า กาย คำนี้ พีชะ จึงเป็นคำกึ่งๆ เพราะยังไงมันก็ติดอยู่กับร่างของเรา ผมที่เราไม่ตัดออกไป ขนส่วนที่ไม่มีเวทนา ฟันที่ไม่มีเวทนา หนังก็ที่ไม่มีเวทนา อันนี้ยากหน่อย หนังที่เป็นผิวนอกประสาทรับรู้แล้วก็ขูดออกได้ บางคนหนังเท้าหนาๆ ตัดออกมาเป็นแผ่นๆได้เลยนะอย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:42:08 )

เมื่อไหร่โลกจะเข้าใจประชาธิปไตยเป็นอำนาจของประชาชน

รายละเอียด

ขณะนี้สิ่งที่เราได้ทำมาเรื่องที่อาตมารออยู่ว่าเมื่อไหร่โลกจะเข้าใจ ที่เราได้ทำ สมมติสัจจะก็ตาม เรื่องของปรมัตถ์สัจจะก็ตาม เช่น เรื่องสมมติสัจจะเรื่องของประชาธิปไตยที่ประชาธิปไตยเป็นอำนาจของประชาชน  แล้วอาตมาต้องพาพวกคุณไปร่วม จะว่าอาตมาเป็นตัวหลัก อาตมาก็ว่าใช่ แต่ไม่ใช่ ส่วนข้างนอกเขาไม่ยอมรับแต่พวกคุณว่าใช่ไหม ก็พวกคุณรู้ว่าใช่ พวกคุณไปเพราะรู้ว่าอาตมานำไป หากอาตมาไม่นำพาไปพวกคุณก็ไม่ทำ อาตมาต้องพาไป ส่วนคนอื่นที่ไปร่วมด้วย เขาก็ต้องทำ ตามที่มีเรื่องหรือมีรูปหรือมีสาระหรือมีอะไรต่ออะไรประกอบกันอยู่แล้ว เราไปทำ ทั้งเป็นเรื่องของสามัญมนุษย์ที่ไปอดทน อดทนอย่างสบาย มันก็ร้อนมันก็ขลุกขลัก ไม่ได้ราบรื่น มันก็ไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ก็ต้องไปนอนกลางถนนกินกลางถนนทำอะไรต่ออะไร เดี๋ยวก็ตูมมาตามมา มันก็เป็นบ้าง และสรุปประเด็นตรงที่ว่า เราได้ทำเท่าที่เราจะได้ทำ อาตมาว่าคนเขาก็ยัง เงอะๆงะๆ ในเรื่องว่า เอาความสงบไปฆ่าความรุนแรงพวกที่มีมีดมีปืนระเบิดได้ เอามือเปล่า แล้วไม่ตบเขาด้วย เงียบๆ ไม่มีปฏิกิริยาอะไรไประรานเขาเลย แต่เขายอมแพ้ ฟังแล้วก็หูหักนะ มันเอาอะไรไปชนะ …เอาคุณค่าของความถูกต้องและความจริง คุณผิดจริงคุณเลวจริง คุณมาทำลายชาติจริง เปิดเผยหลักฐานความจริงให้มากๆหมด จนเขาแย้งไม่ได้ เขามองหน้าไม่ติด แม้แต่อื่นๆก็ช่วยมีศาลช่วย ชนะคนอื่นก็ช่วยกัน ก็กันไว้ได้หมดร่วมกัน เขาพูดเราเหมือนคนกระจอกเหมือนสิ่งเล็กๆละเอียดเล็กน้อย มีพยัญชนะเขียนติดบนเวที อย่างโน้นอย่างนี้คำนั้นคำนี้ แม้แต่ที่เราไปคำแรกก็มีสันติ อหิงสา อโหสิ คนก็ไม่ยอมรับคำว่าอโหสิ เขาบอกว่าไม่ยกโทษให้ไม่เอา เขาก็เลยเอาแต่ สันติ อหิงสา แล้วก็มีอีกมากมายที่เป็นคำความ มีหลักฐานมา เป็นข้อเขียน อาตมาก็ยังไม่อยากจะไปเอามายืนยัน เอามาอ้างอิงอะไรมากมายนัก เดี๋ยวจะหาว่า

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2563 ( 09:47:50 )

เมื่อ“สัญญา”แท้ต้องกำหนดรู้จากการ“เห็น” ไม่มีจึงไม่ครบองค์ประกอบเพราะขาดธรรมะ 2

รายละเอียด

เริ่มตั้งแต่“สัญญา”ที่ว่าต้องมี“การเห็น“ด้วย“ตากระทบรูป”พูดกันชัดปานนี้แท้ๆ พวก“หลับตา”ปฏิบัติก็ยัง“ไม่รู้” ก็ยังพากัน“หลับตา”ปฏิบัติอยู่นั่นแล้ว แค่นี้เขาก็ไม่มี“สัญญา”กำหนดรู้“ความจริง”นี้ได้ “ความไม่รู้”จึงเป็น“โง่”อยู่ต่อไปไม่หยุดหย่อน  “วิชชา 8”ข้อที่ 1 ของคนผู้“หลับตา”ปฏิบัติ จึงชื่อว่ายังไม่มีเพราะ“ตา”ยังไม่“กระทบหรือสัมผัส”กับ“รูป”ที่ครบ“กาย” นั่นคือ ไม่ครบทั้ง“ภายนอก”ทั้ง“ภายใน” ไม่ครบ“ภาวะ 2” ไม่ครบทั้ง“กาย”ทั้ง“จิตใจ” ก็ไม่ครบทั้ง“กายในกาย” ไม่ครบทั้ง“เวทนาในเวทนา” ไม่ครบทั้ง“รูปจิต”ทั้ง“อรูปจิต”ไม่ครบทั้ง“ธรรมในธรรม” อันเป็น“ธรรมะ 2”หลายนัย เช่น กุศลธรรม-อกุศลธรรม หรือโลกียธรรม-โลกุตรธรรม เป็นต้น 

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 194 หน้า 165


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2564 ( 19:46:02 )

เย ทุเรสันติเก

รายละเอียด

เกินกว่าที่มีผู้รู้อยู่แล้วนั้นไปอีก

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า273


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:25:13 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:31 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:44:20 )

เยธัมมา เหตุปปภวา

รายละเอียด

ธรรมทั้งหลายต้องมีเหตุเป็นแดนเกิดก่อน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค2 หน้า 40


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2562 ( 21:25:44 )

เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 14:36:02 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:44:40 )

เยภุยสิกา

รายละเอียด

ไม่มีปัญหาจะเอาตามผมก็เอา จะเอาตามหมู่ก็เอา แต่สังคมทุกวันนี้เป็นประชาธิปไตยเอาตามเสียงข้างมาก เยภุยสิกา เพราะผู้ที่สูงแล้ว แม้จะไม่ได้ยกย่องท่านท่านก็ไม่ว่าอะไร และถ้าเอาตามหมู่ส่วนมากมันก็ดี

ที่มา ที่ไป

610613 ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ(พ่อครูมอบดาบอาญาสิทธิ์ให้หมู่)วันที่ 13 มิถุนายน 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(อัตตา) ตอน สามัคคีคือขัดแย้งอันพอเหมาะ 


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:18:24 )

เรากำหนดเองได้คือเช่นไร

รายละเอียด

สรุปตรงที่ว่า 1.เมื่อผู้ใดปฏิบัติธรรมพ้นสุขพ้นทุกข์ได้จริง..จบเลยจบทุกอย่าง ทั้งเป็นคนเกิดอีกก็ทำดี 2. ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ 3. คุณจะปรินิพพานเป็นปริโยสานก็ได้ หรือคุณจะเกิดอีกก็ได้ มาทำประโยชน์อีกเท่าไรก็ทำได้ มันจบแล้วนี่ ในการจะเวียนว่ายตายเกิดใช่ไหม เรากำหนดได้เองด้วย ไม่มีพระเจ้าที่ไหนมากำหนด เรานี่แหละกำหนดเองด้วย เราเป็นตัวของตัวเองกำหนดได้หมดเลย เราจะเอาอะไรยังไงได้หมด 

แต่ถ้าคุณตาย ปรินิพพานเป็นปริโยสาน คุณจะกลับมาเกิดอีกไม่ได้นะ ตัดสินให้ดีๆ ตรงนั้นน่ะ แล้วคุณจะรู้เองว่าคุณจะตัดสินหรือไม่ตัดสิน ถ้าคุณไม่เป็นโพธิสัตว์คุณก็เอียงไปทางตัดสินเป็นอรหันต์ คุณก็ไปสิ แต่ถ้าคุณจะไปเป็นโพธิสัตว์(ระดับสูงขึ้น) คุณจะมีปัญญาเข้าใจว่า จะต้องต่อ ต้องต่อ อย่างอาตมานี่เป็นโพธิสัตว์มาแล้วหลายชาติ มาหลายๆ ขั้น ถึงขั้น 7 แล้วจริงถึงมีความรู้อันนี้เอามาพูดอย่างมั่นใจ ไม่ได้ไปพูดเล่นๆ ไม่ได้ไปพูดให้มันผิด พูดถูกทุกอย่าง ขอยืนยัน เป็นความถูก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดสำคัญที่สุดในสัจธรรมของพุทธคือสุข-ทุกข์ วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 11:14:16 )

เราก็ทำประโยชน์กับคนที่ควรไปให้สูงสุด

รายละเอียด

พูดอย่างนี้ก็ได้ พวกที่ไม่ดีก็อย่าไปรวมกับเขาเลย เขาก็เป็นของเขา เขาอยากจะมากวนเขาก็มารวนได้ แต่เราก็พยายามไม่เป็นศัตรู ไม่ได้ทำอะไรเขา จนกระทั่งสุดท้ายเขาก็ไม่เดือดร้อนอะไร เขาก็ไม่มากวนเรา เราก็ทำประโยชน์กับหมู่ที่เราอยู่ด้วย ส่วนจะไปเป็นโทษเป็นภัยกับคนอื่นๆ เราก็ไม่หมดแล้ว คนอื่นก็มีลึกๆรู้เหมือนกันว่าเขาไม่อยากหาเรื่อง หรือยิ่งมีภูมิธรรมรู้แล้วว่าคนนี้เขาไม่ได้มาหาเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อนเลย มีแต่เขาทำประโยชน์คุณค่าสัจธรรมความดีงามพวกนี้ เขาก็ยิ่งจะไม่ทำเลย เพราะฉะนั้นคนที่จะไปทำคนดีอยู่ ไปตอแยคนที่ดีอยู่ก็คือคนโง่เท่านั้น คนโง่จะไม่เข้ามาใกล้เรามากนักหรอกเป็นอจินไตย คนที่มันต่างกันมากจะไม่เข้ามาใกล้ 

แต่คนที่โง่หนัก ก็พยายามจะไปเบ่ง ไปเบ่งกับคนที่ด้อยกว่าอยู่เรื่อยๆ อย่างที่เห็นอยู่ในโลก ทำให้ตัวเองใหญ่ตัวเองมีอำนาจ มันก็หลงอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะเลิกหลง ทีนี้เราจะไปบังคับเขาไม่ได้ ให้เขาเลิกหลง เราไปบังคับเขาไม่ได้ เขาเองเขายึดอย่างนั้นเป็นอย่างนั้นอย่างที่มันเป็นอยู่ในโลก มันก็ต้องปล่อยไปตามที่เขาเป็น เราไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง เขามายุ่งกับเราหรือเขาจะมาทำร้ายเรา เราก็ไม่รู้หรอก 

เพราะฉะนั้นก็อย่าไปทำ เราก็ทำประโยชน์นี่แหละกับคนที่ควร อย่างเช่นอยู่ด้วยกันเป็นประโยชน์ต่อกันไปให้สูงสุด เสร็จแล้วใครจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน เลิกจบแล้วชีวะชีวิตมนุษย์ เป็นจิตนิยามสูงสุดแล้วก็ทำไปสิ ทำได้แล้ว ถ้าใครยังไม่อยากปรินิพพานเป็นปริโยสานยังจะช่วยมนุษย์อยู่ มีปณิธานเหมือนพระอวโลกิเตศวรก็เอา ท่านก็มีตัวอย่างมีอยู่ในโลก ใครจะทำมากทำน้อยก็แล้วแต่ จะเอาอย่างพระอวโลกิเตศวรหรือเจ้าแม่กวนอิม ก็เอาสิ หรือจะเอาครึ่งนึงของท่านครึ่งทางของท่าน แล้วก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานไป หรือจะไม่เอาครึ่งนึงเอาแค่เศษหนึ่งส่วนสี่ก็เอาได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 14:20:44 )

เราก็มีสิทธิ์พิชิตได้ เธอก็มีสิทธิ์พิชิตได้ คุณก็มีสิทธิ์พิชิตได้!

รายละเอียด

คนทุกคนจึงทำ“กรรม”ของตนเองได้ สั่งสม“วิบาก”จนเป็น “บารมี”ได้ กระทั่งบรรลุสูงสุดถึงที่สุด พิชิต“ความสำเร็จสูงสุดในความเป็นผู้ตรัสรู้”จนกระทั่งเป็น“ศาสดา”ได้เช่นกัน ไม่สงวนสิทธิ์ไว้ที่“พระพุทธเจ้า”องค์เดียวเท่านั้น หากใคร“ใจถึง-ปฏิบัติตนเองได้จริง” ก็สามารถบรรลุจริงได้ ดั่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงทำได้ ซึ่งทุกองค์ก็ล้วนเป็น“คน”ที่มี“จิตนิยาม”เช่นเดียวกันกับ“คน”ปกติทั้งหลาย

ความเป็น“ศาสดา”ของพุทธศาสนาจึงไม่ใช่ยศไม่ใช่ตำแหน่งที่“เจ้าผู้ยิ่งใหญ่ลึกลับ”ซึ่งอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ จะมาเป็นผู้ประทานให้ใครต่อใครเป็น“ศาสดา”ก็ได้ตามอำเภอใจ โดยไม่มีที่มาที่ไป

ไม่มีเหตุ-ไม่มีปัจจัย หรือไม่มีเหตุ-ไม่มีผล

ศาสนาพุทธจึงเป็น“วิทยาศาสาตร์”อันใครๆก็มีสิทธิ์ที่จะ

เล่าเรียนศึกษาพิสูจน์ให้ถึงความเป็น“ศาสดา”องค์ใดองค์หนึ่งได้

ถ้าผู้นั้นได้สั่งสมบำเพ็ญบารมีจนมีภูมิธรรมสูงส่งถ้วนถึง

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 260 หน้า 209


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:20:17 )

เราก็อร่อยอยู่แต่เราทำเฉยนะไม่ต้องไปยึดมั่น

รายละเอียด

ไม่ใช่เราก็อร่อยอยู่แต่เราทำเฉยนะ อาการจิตเราก็ยังอร่อย แต่เราก็บอกว่าไม่ต้องไปยึดมั่นเป็นเราเป็นของเรา มันเป็นบัญญัติ คนที่สามารถถึงขั้นนี้ก็พอใช้ได้ ก็พอวางได้ มันก็เป็นของมันอย่างนั้น มันเป็นสมาธิแบบลืมตาเป็นสมถะทางบัญญัติ จริงๆ จิตของคุณยังมีรสอะไร รสที่มันกลางๆเป็นอย่างไร อร่อยคืออะไร ไม่อร่อยคืออย่างไร มันก็จะต้องอ่านอาการในจิตให้รู้จริงๆ ให้รู้ความจริงตามความเป็นจริง รสอันนี้มันหวานก็รู้ว่าหวาน แต่รสอร่อยมันแซมอยู่ในรสหวาน มันหวานมากหวานน้อยก็รู้ความจริงตามความเป็นจริง เสียงอย่างนี้เป็นเสียงนี้ มันจะเรียกว่า เราก็เคยจำได้อย่างนี้เราเรียกว่าไพเราะ เราปรุงแต่งร่วมด้วยได้ เสียงแบบนี้เป็นอมตะ แต่สมัยใหม่ที่เขาปรุงแต่งกันเราไม่ค่อยรู้เรื่องเขา แต่ก่อนเราเคยสมมุติมันก็จำได้มันเป็นอย่างนี้ เสร็จแล้วเราก็บอกว่ามันก็อร่อยมันก็เพราะอย่างนี้ แต่เราก็เฉยเสียนี่มันซ้อนไม่ใช่นะ จิตของเราจะเห็นว่าเออ อย่างนี้มันก็เป็นสิ่งอย่างนี้แหละ มันไม่มีไพเราะอย่างเก่า มันจางคลายหายไปเลย มันกลางๆจริงๆ แต่คุณจะจำได้ว่าเราเคยติดยึด แยกให้ออกว่าอันนี้เป็นสัญญาเป็นความจำได้ ขณะนี้สัญญาก็ไม่มี สัญญาก็เป็นกลาง สัญญาก็เป็น 0 ไม่มีรส เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ล้วนเป็น 0 หมด กลางๆหมด อุเบกขาหมด นี่แหละ ความ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34)  รู้ตามได้ยากขนาดศึกษากันมาขนาดนี้นะ 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 18:20:07 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:08:51 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:45:48 )

เราก็เป็นพวกตระกูลเดียวกันกับพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เวทนาต่างกัน นั่นแหละมันชี้บอกให้เห็นว่า คนที่เขาไม่รู้เรื่องในเรื่องโลกุตระ ในเรื่องความคิดความรู้สึกความเข้าใจ ความยึดถือ มันคนละอย่างกันแล้ว เขาอย่างนั้นว่ามันดีมันสูงส่ง อย่างนั้นคนมันต้องเจริญแบบนั้น ไอ้แบบนี้มันเสื่อมมันโทรม มันต่ำ เขาดูถูกดูแคลน มันเป็นความจริงที่เขาเข้าใจแบบเขา 

เพราะฉะนั้นนัยยะพวกเราเข้ามาเป็นคนจน มาเป็นคนที่เหมือนพระพุทธเจ้ามาเป็น ท่านเองท่านใส่รองเท้าทองใส่เครื่องทรงอร้าอร่ามต่างๆนานา เสร็จแล้วก็มาปลดทิ้งหมดเลย มาใส่ผ้าห่อศพ เอามาซักๆแล้วก็มาใช้ รองเท้าก็ถอดทิ้งไป เดินพระบาทเปล่า ทรัพย์ศฤงคารก็ไม่เอาเลย เราก็เป็นพวกตระกูลเดียวกันกับพระพุทธเจ้า อันนี้ก็ง่ายๆ มาเอาอย่างพระพุทธเจ้า ทำมามีประวัติมีเรื่องราวก็มียืนยัน แม้เราไม่ได้เกิดยุคเดียวกับพระพุทธเจ้า แต่ผู้ที่สืบทอดมาก็มีมาถึงทุกวันนี้ 

ความเข้าใจแล้วก็การเลือก เอาของใครของมัน มันก็คือทิฏฐิ หรือปฏิภาณปัญญาของแต่ละคน มันแยกพวก ต่างกัน เกิดความต่างกันมันก็เป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นผู้ที่มีปัญญามีปฏิภาณรู้ว่า ถ้าเป็นอย่างนี้ เราไม่ว่าอะไรเขา แต่เขาจะดูถูกเราว่าพวกเราเป็นพวกตกต่ำไม่ได้ดีแล้ว มันไม่เจริญแล้ว เขาจะดูถูก เราก็เข้าใจเขา เราเข้าใจว่าจริงๆแล้วความตกต่ำหรือความเจริญ อะไรแท้ๆ โลกียะเขาก็จะคิดอย่างเขา โลกุตระเราก็คิดอีกอย่างหนึ่ง เรามาจนเราเจริญ เราไปรวยนั้นเราซวย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเอื้อไออุ่น งานตลาดอาริยะ 2566 วันศุกร์ที่ 14 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 พฤษภาคม 2566 ( 20:38:28 )

เราควรทำดีกับคนที่เรารักหรือคนที่เราชัง

รายละเอียด

ก็ทำดีกับคนทั้งคู่เราก็ได้ดีที่สุดเลย ถ้าคนที่เราไม่รักเราไม่ทำดีด้วยแล้วก็เสียประโยชน์สิ เราต้องทำดีกับคนที่เรารักและทำดีกว่าคนที่เราไม่รักด้วย ชัดเจนนะ เพราะฉะนั้น คนไม่ดีเราควรทำดีกับเขาดีกว่า เพราะคนที่เรารักเราก็ทำดีกับเขาอยู่แล้ว แต่คนที่เราไม่รักนี่แหละเราควรจะตั้งใจทำดีกับเขามันสำคัญกว่านะ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2563 ( 15:22:37 )

เราควรปฏิบัติอย่างไรถึงอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขได้

รายละเอียด

ปฏิบัติตามหมู่สิ เพราะว่าที่นี่เป็นสังคมที่เราเลือกแล้วเป็นอิสระเสรีภาพ ใครจะมาเป็นสมาชิกก็ตาม เราไม่ได้ไปเรียกร้องไม่ได้ไปซื้อหาบังคับมา ทุกคนมาที่นี่ด้วยอิสระพอใจของตัวเองความสมัครใจของตนเองอิสระด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นเข้ามาแล้ว ที่นี่ก็เป็นสังคมที่ คัดเลือกแล้วสร้างแล้ว เราต้องรู้ว่าเรามาเลือกสังคมที่นี่เอง บอกว่าเป็นสังคมที่ดีแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องเคารพเสียงของสังคม ถ้าเรายอมรับเสียงของสังคมของคนหมู่ใหญ่ในนี้แล้วไม่มีทุกข์ร้อน ใจเราต้องยอมรับถ้าไม่เช่นนั้นไม่ยอมรับก็จะทุกข์ แม้ว่าเราจะถูก แต่ถ้าหมู่กลุ่มเขาจะเอาอย่างนี้ บอกแล้วว่าหมู่กลุ่มนี้เป็นหมู่ที่คัดเลือกแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของสัปปุริสธรรม ที่เป็น กาละนี้ เหตุปัจจัยนี้ หมู่กลุ่มนี้ธรรมะนี้ มีองค์ประกอบนี้ในหมู่นี้ หรือแม้แต่บางทีเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่เป็นอำนาจใหญ่ เขาก็จะต้องเอาอย่างนี้ เราก็จะต้องตาม เมื่อองค์รวมสรุปแล้ว เมื่อศึกษาสัปปุริสธรรม 7 นี้แหละ พวกเราเป็นเด็กก็ตามก็ต้องศึกษาว่ามีอะไรบ้าง เนื้อหาของสัปปุริสธรรม 7 สรุปง่ายๆคือ หมู่นี้ไม่ใช่หมู่กเฬวราก หมู่นี้เป็นสังคมโลกุตระเป็นอาริยะชนเป็นหมู่คนประเสริฐ ไม่ใช่อาริยะแบบโลกีย์สามัญ เป็นกุศลของเราแล้วที่ได้มาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เรื่องฟลุค เป็นได้ไม่ง่าย จึงมีคนจำนวนน้อยที่เข้ามาได้ที่นี่ คนทั้งโลกมีส่วนมากที่เป็นโลกียะ เป็นเรื่องอบายเสียเยอะด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:55:50 )

เราคือผู้จัดการใหญ่ เราคือเจ้าของบริษัท!

รายละเอียด

ทั้งมี“อิสระ”แท้ ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจใคร-สิ่งใด เป็นใหญ่ในตนเอง

และจัดการตนเองได้จนมีอำนาจ“เหนือโลก-เหนืออัตตา” 

ทั้งสามารถทำ“อัตตา(อาตมัน, ปรมาตมัน)”หรือ“จิตวิญญาณ”

ซึ่งเป็น“เทฺว”ที่ยิ่งใหญ่ปานใด ให้เป็น“อนัตตา” พิสูจน์ได้ขณะเป็นๆ

ที่สุดทำ“กายแตกตาย(กายัสสะ เภทา)”ให้สูญสลายเป็น“อุตุ

ธาตุ”ไป“หลังจากการตาย(ปรัมมรณา)”ไปแล้ว ก็จบสิ้นความเป็น

“จิตนิยาม” จบความเป็น“อัตตา-อาตมัน”เป็นที่สุดแห่งที่สุด

สำหรับผู้ทำ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ได้สำเร็จจริง

ศาสนาพุทธมี“ที่สุด”เป็น“ที่สุด”ในทุกปริเฉทชัดเจน 

และหมด“ที่สุดแห่งที่สุด”กันได้แม้แต่ละชาติๆ 

ทั้งหมดสิ้นสุดเป็น“ที่สุดของชีวะ”ขั้น“จิตนิยาม”ให้เป็น

“พีชนิยาม”และทั้งให้แปรสภาพกลายเป็น“อุตุนิยาม”ไปเลยได้  

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 262 หน้า 210


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:23:25 )

เราจนธนบัตรแต่เราร่ำรวยปัจจัย4

รายละเอียด

เหมือนกับอาตมาว่าเป็นคนจนที่อุดมสมบูรณ์ เรารู้ว่าเราจนธนบัตร แต่เรารวยปัจจัย 4 สิ่งที่สำคัญของชีวิต เรารวย เพราะฉะนั้นจึงมีสัมมาอาชีพ มีอาชีพบริสุทธิ์ เพราะฉะนั้นที่บอกว่า พ้น มิจฉาชีพ 5 ถึงยิ่งใหญ่ที่สุดเลย และอาตมาพาทำพาพิสูจน์อย่างที่ไม่ใช่แค่อยู่ในตำราในพระไตรปิฎก เขาบอกว่าสุดโต่ง อะไรนะคนมาทำงานฟรีไม่เอาลาภแลกลาภ แต่เขาไม่เข้าใจหรอกว่ามันหมายความว่าอย่างไรในมิจฉาชีพ 5 อธิบายไม่ออกแล้วเอาไปปฏิบัติไม่ได้ พาคนทำไม่ได้ มีอาตมานี่แหละอธิบายได้แล้วพาคนมาทำได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 14:50:07 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:02:37 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:46:21 )

เราจะต้องทวนกระแส

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเราจะต้องทวนกระแส เอาเรื่องรักกันเมตตากัน เกื้อกูลกัน ไม่ใช่เอาแต่เรื่องเบียดเบียนทำร้ายฆ่าแกงกัน อันนั้นมันหมดยุคแล้ว มันเป็นยุคของสัตว์เดรัจฉาน เป็นยุคของคนมิลักขะ คนเถื่อนคนป่าไม่ใช่ มันไม่ใช่ …มันเป็นยุคของ อาริยกะ 

เพราะฉะนั้นอาตมาก็จำเป็นต้องพูด แล้วพวกเราชาวอโศก ต้องปฏิบัติประพฤติให้มันสอดคล้องกับที่อาตมาพูดหน่อยนะ แต่ไม่มีหรอก ชาวอโศกเราตั้งแต่ตั้งมา 50 กว่าปี ไม่ได้มีความอำมหิตอะไรมากมายเลย ไม่เกิดความอำมหิต แม้แต่เรื่องที่ชาวอโศกจะทะเลาะวิวาทกัน ตามคุณภาพของพุทธพจน์ 7 ของพระพุทธเจ้า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 19:34:43 )

เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของอาหารของโลก

รายละเอียด

พวกเราเมืองไทยอยู่ในโซนนี้ ซึ่งเราก็เกิดมาดี เกิดมาในประเทศนี้ของเราอยู่ในโซนอบอุ่นจนร้อน โซนที่ก็ไม่ได้ร้อนจัดเท่าแอฟริกา หรือว่าตะวันออกกลาง ของเราอยู่ในโซนที่ดี อากาศดินน้ำไฟลมอย่างพอดีเลยอย่างนี้ เราจึงทำพืชพันธุ์ธัญญาหารได้ดียิ่งขึ้น มันต้องเป็นเรา เพราะเราได้ถูกจัดสรร จะใช้ว่าโดยพระเจ้าก็ได้ ถูกจัดสรรด้วยเหตุปัจจัยที่ลงตัวที่สุด ที่เราจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของอาหารของโลก แล้วมันก็เป็นคุณค่าที่จริง ตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่พวกเราได้ศึกษากันมาแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2563 ( 09:13:17 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:02:52 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:46:49 )

เราจะเผื่อแผ่เกื้อกูลประเทศอื่นที่ขาดแคลนพืชพันธุ์ธัญญาหาร

รายละเอียด

ยังมีประเทศเล็กประเทศน้อยแม้แต่ประเทศใหญ่เช่นซาอุฯ ที่เราจะเผื่อแผ่เจือจานกันไปให้เขากิน มันลึกไปจนกระทั่งถึง นอกจากจะทำไม่เป็นแล้ว ยังไม่รวย ซาอุทำไม่เป็นแต่รวย ประเทศที่ทำไม่เป็นแล้วไม่รวยอีกต่างหาก จนแสนจนอีก นอกจากไม่เป็นแล้วนี่นะ พูดให้ชัดขึ้นไปอีก โง่อีก คือมันเป็นธรรมดาของวิบากคน ที่จริงภูมิประเทศก็พอขวนขวายจะว่าไปแล้ว ภูมิประเทศบางที่บางแห่ง มันง่ายกว่าทะเลทราย ทะเลทรายอาตมาว่า ปลูกยากกว่าพวกเอธิโอเปีย ที่เขายังมีดินนะ น้ำก็ไม่มาก ทะเลทรายก็ไม่มีน้ำมาก เอธิโอเปียก็อาจจะไม่มีน้ำมาก ก็หาวิธี 

สิ่งเหล่านี้ช่วยกันคิด ช่วยกันเสริมสร้าง ช่วยกันทำ ทำให้ได้แล้วก็สร้างให้มากเอาไปเผื่อแผ่เกื้อกูลช่วยเหลือกันให้ได้มากๆ บางคนก็ทางคมนาคม ก็จะย่นย่อให้ชัดเร็วง่ายสะดวก รถไฟรางก็แล้วแต่ เครื่องบินก็แล้วแต่ มันก็จะไวจะเร็วจะมากจะสะดวกกันอีก แม้จะอยู่กันคนละฝั่งโลก อีกหน่อยจะไปอเมริกาก็แค่ชั่วโมงเดียว ถึงแล้วครึ่งโลก อเมริกากับเรามันคนละฝั่งโลกเลย ชั่วโมงเดียวถึงเลย แล้วมันก็เร็ว เป็นได้ไม่มีปัญหาหรอก ดีไม่ดี รอโลกให้มันหมุนมาก็หย่อนเลย เท่าที่โลกมันเร็ว หรือเราจะเร็วกว่าโลกหมุน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:14:00 )

เราชาวอโศกพื้นที่ไหนซื้อได้ก็ซื้อ

รายละเอียด

ประเทศไทย เท่าที่ประวัติศาสตร์มีมา ก็ไม่ได้ไปล่าอาณานิคม ไม่ได้ไปล่ายุโรป อเมริกา ไม่เคยคิด ไม่เคยทำ ก็แค่บอกว่าเขตข้าขยายพื้นที่ ยุคไทยมีอาณาเขตมากสุดคือตอน…อย่างเราชาวอโศกพื้นที่ไหนซื้อได้ก็ซื้อ อาตมาไม่เคยพารุกป่ารุกที่ แม้เราอยู่บ้านราชฯคนคำกลางยังมารุกที่สาธารณะเลย ทางท่ากกเสียวไม่ได้มารุกเท่าไหร่กุดระงุมก็รุกมาไม่น้อย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสารที่ 6 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:30:21 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:03:20 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:47:21 )

เราดำเนินชีวิตด้วยสาราณียธรรม 6 สุดยอดสังคมพรหม

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น เรามีชีวิตและดำเนินชีวิตตามทิศทาง การดำเนินชีวิตที่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ สรุปลงไปที่ สาราณียธรรม 6 มันเป็น สุดยอดของสังคมแล้วสาราณียธรรม 6 สุดยอดสังคมพรหม สังคมเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา สาราณียธรรม 6 เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม เมตตามโนกรรม ลาภธัมมิกา ศีลสามัญตา ทิฏฐิสามัญตา  

นอกนั้นก็เป็นเรื่องทฤษฎี จะเรียก สาธารณโภคี จะเรียก ทิฏฐิ จะเรียก ศีล ก็เป็นทฤษฎีที่ออกมาปฏิบัติและเกิดผล ผลมันคือสาธารณโภคีจบสมบูรณ์ที่สุดอยู่ในตัวแล้วคำสอนพระพุทธเจ้า สาธารณโภคี ซึ่งพิสูจน์ได้ในกลุ่มบุคคลชุมชนชาวอโศก

อาตมากล้าพูดได้ว่ามีที่เดียวในโลก จะเป็นสังคมอาร์มิชก็สู้ สาธารณโภคีของพระพุทธเจ้านี้ไม่ได้ สู้สาราณียธรรม 6 ไม่ได้ สังคมสาราณียธรรม 6 พิเศษกว่า อาร์มิช อิโตเอ็น คิปบุช 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 20:54:35 )

เราต้องศึกษาความดีและความชั่วของคน

รายละเอียด

ท่านพุทธทาสบอกว่า จงมองแต่ข้อดีของเขา ความชั่วอย่าไปมองเขาเลย คราวนี้ก็เอียงโต่งไปทางข้างเดียวแล้วไม่ศึกษาความชั่วของเขาก็ตามของเราก็ตาม  มันเป็นสิ่งที่มีอยู่ในโลก แล้วเราไม่ศึกษาว่ามันเป็นอย่างไร แล้วมันมีอยู่ในตัวเราก็ทำเป็นทิ้งทำเป็นลืมเฉยๆไม่ได้ มันไม่หาย มันต้องรู้ว่ามันมีอยู่ในตัวเรานะไอ้ความชั่วนั้น แล้วต้องหาตามหาเหตุที่มันพาทำให้ชั่ว แล้วดับเหตุนั้นมันถึงจะสมบูรณ์นี่คือของพุทธ เพราะฉะนั้น คานธี ก็ยังไม่ได้เรียนรู้สมบูรณ์บริบูรณ์หรือแม้แต่ท่านพุทธทาส ที่บอกว่าเอาแต่ดูความดีอย่าไปดูความชั่วของเขาเลยมันไม่สมบูรณ์ ต้องรู้ชัดเจนทั้งความชั่วและความดีของใคร และก็ต้องรู้จริงๆ พระพุทธเจ้าสอน ชั่วนี้รู้ให้จริงแล้วอย่ามี อย่าให้เกิดที่ตัวเองเป็นอันขาด ต้องรู้ทันมันนะ ความชั่วไม่รู้ทันมันก็กินตัวเรา ชั่วนี้อย่าว่ามันไม่เก่งนะ ความชั่วนี้มันเก่งนะอย่านึกว่าความชั่วไม่เก่ง ความชั่วนี้มันเก่ง ถ้าจะว่าจริงๆแล้วความชั่วเก่งกว่าความดี เพราะฉะนั้นในโลกจึงมีคนที่อวิชชามากกว่าคนมีวิชชา มีอรหันต์น้อยกว่า มีผู้ที่ตกเป็นสัตว์โลกมากกว่าใช่ไหม นั่นคือความชั่วหรือความไม่รู้มากกว่าความรู้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 09:39:57 )

เราต้องศึกษาทั้งความดีและความชั่วของคน

รายละเอียด

คือท่านพุทธทาสบอกว่า จงมองแต่ข้อดีของเขาความชั่วอย่าไปมองเขาเลย  คราวนี้ก็เอียงโต้ไปทางข้างเดียว แล้วไม่ศึกษาความชั่วของเขาก็ตามของเรา ก็ตามมันเป็นสิ่งที่มีอยู่ในโลก แล้วเราไม่ศึกษาว่ามันเป็นอย่างไร แล้วมันมีอยู่ในตัวเราทำเป็นทิ้ง ทำเป็นลืมเฉยๆ  ไม่ได้ มันไม่หาย  มันต้องรู้ว่ามันมีอยู่ในตัวเรานะไอ้ความชั่วนั้น แล้วต้องหาตามหาเหตุที่มันพาทำชั่ว แล้วดับเหตุนั้น ถึงจะสมบูรณ์ นี่คือ ของพุทธ เพราะฉะนั้น คานธีก็ยังไม่ได้เรียนรู้สมบูรณ์ บริบูรณ์ หรือแม้แต่ท่านพุทธทาส ที่บอกว่า เอาแต่ความดีอย่าไปดูความชั่วของเขาเลยมันไม่สมบูรณ์  ต้องรู้ชัดเจนทั้งความชั่วและความดีของใคร และต้องรู้จริงๆ  พระพุทธเจ้าสอน  ชั่วนี้รู้ให้จริงแล้วอย่ามี  อย่าให้เกิดที่ตัวเองเป็นอันขาดต้องรู้ทันมันนะ  ความชั่วไม่รู้ทันมันก็กินตัวเรา  ชั่วนี้อย่าว่ามันไม่เก่งนะความชั่วนี้ มันต่างนะ อย่านึกว่า ความชั่วไม่เก่ง  ความชั่วนี้มันเก่งนะ  ถ้าจะว่าจริงๆแล้ว ความชั่วเก่งกว่าความดี  เพราะฉะนั้นในโลก จึงมีคนที่อวิชชามากกว่า คนมีวิชชามีอรหันต์น้อยกว่าผู้ที่ตกเป็นสัตว์โลกมากกว่าใช่ไหม  นั่นคือความชั่วหรือความไม่รู้มากกว่าความรู้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:03:29 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:36:00 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:48:08 )

เราต้องอาศัยทั้งปรมัตถ์และสมมุติ

รายละเอียด

ถ้าเป็นความเห็นของคุณ ความเห็นของอาตมาก็เป็นความเห็นของอาตมาแต่ความเป็นระเบียบวินัยก็ดี ความรู้ก็ดี เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากัน เราอาศัยความรู้ซึ่งเป็นเรื่องของปรมัตถ์ และต้องอาศัยความเป็นระเบียบวินัยซึ่งเป็นเรื่องของสมมติสัจจะ มันเป็นธรรมชาติของเขา ผู้ที่เข้าใจ 2 อย่างก็จบ 1 จบอย่างนั้นกูจะยึดของกู ผู้ที่จะแย้งก็แย้งกันไป หรือผู้ที่จบไม่ยึดแล้วไม่แย้ง ถ้ารู้จบแล้ว คุณจะรู้ของคุณเองโดยไม่มีใครบอกไม่มีใครสั่งสอน มันจะมีแต่ปัญญาเต็มๆ ปัญหากับปัญญา หากคุณยังหาอยู่ก็เป็นปัญหา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 12:12:30 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 14:08:37 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:48:52 )

เราต้องอ่านอาการจิตว่าตอนนี้จิตเราเป็นเทวะหรือเป็นผู้สัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

เราต้องอ่านอาการทางจิตของเราว่า ตอนนี้จิตเราเป็นเทวะหรือเป็นมาร เทวะพระพุทธเจ้าแยกเป็น 3 อย่าง สมมุติเทพ อุบัติเทพ วิสุทธิเทพ 

สมมุติเทพเป็นการสมมติไปได้หลากหลายต่างๆนานา กายต่างกันสัญญาต่างกัน แต่ถ้ามาเป็นของพุทธองค์อุบัติต้องเกิดอย่างสัมมาทิฏฐิ ผิดไปจากสมมุติเทพ ต้องเป็นผู้สัมมาทิฏฐิ 

เริ่มตั้งแต่พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี นั่นแหละเริ่มเป็นอุบัติเทพ พอเป็นอรหันต์ ก็เรียกว่าเป็นวิสุทธิเทพขั้นที่ 1 อย่างนี้เป็นต้น

เมื่อ เป็นผู้ที่รู้ 3 โลกคือเทวดา มาร พรหม ความเป็นโลกนั้นมีทั้งตัวตนบุคคลร่างกายมีทั้งจิตด้วย เฉพาะจิตมีแยก 3 อย่าง คือ เทวดา มาร พรหม  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์กัณฑ์พิเศษ เนื่องในวันวิสาขบูชา พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสรู้วันเพ็ญเดือน 6 วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม 2565 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีขาล ตรงกับวันวิสาขบูชา ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 19:16:08 )

เราต้องเป็นนปุงสกลิงค์ให้ได้

รายละเอียด

เมื่อย่นย่อไปถึงสามเส้า ของ รูป นาม และประธาน ประธานนี่คือของใครของมันทั้งนั้นต้องจัดการ เป็นตัวกลางๆก็ได้ เป็นตัวเข้าข้างไหนก็ได้ ส่วน อีกสองตัว รูปกับนามหรือแยกเป็นอิตถีภาวะกับปุริสภาวะ สลับกัน บางทีรูปก็เป็นอิตถีภาวะ บางทีก็เป็นปุริสภาวะ สลับกันไปมา แต่ถ้าเผื่อว่าจะยึดมั่นถือมั่นไปเลย คุณก็ต้องเอาอันใดอันหนึ่งของศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าปัญญาธิกะ ท่านก็ยึดเอาอิตถีภาวะเป็นตัวดิ้น การเคลื่อน เอาตัวปุริสภาวะเป็นตัวตั้งตัวหลัก เพราะฉะนั้นปุริสภาวะคือหนึ่ง ถ้ายังมีก็ต้องเป็นหนึ่ง ถ้าไม่มีเลยก็คือ 0 ใช้ภาษาเรียกถ้ามีอยู่หนึ่ง ก็คือปุงลิงค์ ถ้าไม่มีเลยก็นปุงสกลิงค์ ถ้ามีสาม ก็คือมีอิตถีลิงค์ ร่วมกับ ปุงลิงค์ กับ นปุงสกลิงค์ ต้องศึกษาหนึ่งที่ดึงออกมาเป็นตัวเราเป็นประธานเป็นคนจัดการ กับอิตถีภาวะ เราต้องเป็นนปุงสกลิงค์ให้ได้ ไม่เข้าข้างใคร จะเข้าข้างใครก็ต้องเข้าข้างสิ่งที่เป็นคุณ เป็นสิ่งที่มีดี ถ้ามีไม่ดีไม่เอา เพราะฉะนั้นคนเป็นกลางที่มีปัญญาจึงเข้าข้างคนดี คนเป็นกลางที่ไม่มีปัญญา ก็เข้าข้างใครไม่ได้ ยิ่งไปมีเฉโก เอานิยายไม่ได้เลย มันได้เห็นแก่ตัว ตัวได้ประโยชน์ก็เข้าข้างอันนั้น ลำเอียงใช้ไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 12:17:48 )

เราต้องแข็งแรงการ์ดเราต้องแข็ง โควิดยังไม่ลด

รายละเอียด

คุณพูดแล้วจบแล้ว ได้ตามที่คุณต้องการ แล้วก็ขอยืนยันว่า การ์ดขอยกไว้ก่อน เพราะว่าเราประมาทไม่ได้ ก็คงมาตรการไว้อย่างนี้แหละ เราต้องแข็งขันไว้ก่อน เราเองแม้จะบริสุทธิ์ในตัวเรา แต่เราต้องป้องกันสิ่งที่อยู่ภายนอกมันก็แข็งแรงของมันนะไม่ใช่มันอ่อนแอ ถ้ามันอ่อนแอเราก็เบาลงไปได้ แต่นี่เราต้องแข็งแรงการ์ดเราต้องแข็ง โควิดมันยังไม่ได้ลดเลย มันยังมีอัตราการก้าวหน้า มีอัตราการเขมือบ โดยเฉพาะอเมริกา ยุโรป ไล่กันหลายประเทศ กำลังชิงชนะเลิศกัน ตอนนี้อเมริกา บราซิล อินเดีย รัสเซีย กำลังชิงชนะเลิศกัน ตอนนี้เมืองไทยเรา ไล่ลงมาถึงอันดับร้อยแล้วนะ เมืองไทยเรายิ่งลดลงไปตอนนี้อันดับ 100 แล้ว แสดงว่าเมืองไทยยิ่งแข็งแรงยิ่งปลอดภัย สถิติพวกนี้เป็นความรู้ของคน เป็นความสำคัญของมนุษยชาติและมันเป็นความรู้ที่จะต้องให้รู้ในธรรมชาติพวกนี้ ถ้าไม่เช่นนั้น เราซวย ถูกธรรมชาติกวาดเกลี้ยง เราต้องป้องกันและหาทางต่อสู้กับธรรมชาติคนก็ทำได้มากขึ้นเรื่อยๆเมืองไทยเราก็ไม่น้อยหน้าทำได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 13:01:46 )

เราต้องให้โดยไม่มีสาเปกโข

รายละเอียด

ทุกวันนี้เราก็ทำกันอยู่แต่ไม่ได้พูดเปรยให้ทำกันทั่วประเทศ เป็นเพียงรู้กันว่าให้ทำกันเป็นปกติ อาตมาอธิบายว่าต้องขอบคุณเขา เขามารับของเรา ถ้าไม่มีผู้มารับของเรา เราไม่มีการได้ให้ใครนะ เราได้ให้เพราะมีผู้มารับ เป็นบุญคุณมากที่คุณมาเป็นผู้รับ ไม่งั้นเราไม่ได้เป็นผู้ให้นะ เนื่องจากไม่มีผู้รับ ให้โดยไม่มีสาเปกโข คือ ให้โดยไม่มีจิตหวังจะมีอะไรต่อ ให้แล้วก็ตัดไม่มีภพชาติเลย ไม่หวังที่จะได้อะไรตอบแทน หรือไม่หวังไม่มีภพชาติอะไรต่อไป 

_ล.23 ข.49 ทานสูตร เทวดา 6 อย่าง พรหม 1 อย่าง

อันที่ 1 จาตุมหาราชิกา(ท้าวกุเวร ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์) คือ ทำทานแล้ว

1. ยังมีความหวังให้ทาน สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ

2. มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ

3. มุ่งการสั่งสมให้ทาน สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ

4. ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ 

ถ้าเป็นนามธรรม คุณจะไม่ขาดจากการยึดถือเป็นของข้า ตลอดกาลนานไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ภพชาติก็เป็นของข้าๆ เอาของข้าคืนมา หรือ ต้องเอามาใช้หนี้ข้า สุดยอด ปริภุญฺชิสฺสามีติ จะเป็นภพชาติเป็นแดนอะไรอื่นต่อไปหมดเลย 

เทวดา 6 ชั้นก็คือสมมุติ เป็นเมืองหลอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 11:21:45 )

เราทำก่อนเราได้ก่อน

รายละเอียด

รู้ มนสิการ เราทำใจในใจของเราให้มันสังขารปรุงแต่งกันอยู่ แค่ ความเป็นพืชหรือให้มันเป็นอุตุได้เลย ถ้าเป็นอุตุได้เลยก็เท่ากับตัดความเป็นกาย กายะ ขาดออกไปจากตัวเรา ไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ถ้าทำจิตของเราให้สำเร็จถึงขั้นว่า จิตหรือเจตสิก แยกไปเป็นเจตสิก เช่น  เวทนาเจตสิก แล้วเราก็ใช้สัญญากำหนดรู้ แล้วมันจะต้องทำการเกี่ยวข้องปรุงแต่งกันอยู่ เพราะมันยังมีการรู้กัน เราก็อาศัยกันเราจะไม่อาศัยดินน้ำไฟลมก็ไม่ได้ จะไม่อาศัยพืชก็ไม่ได้ จะไม่อาศัยสัตว์ได้ 

สัตว์ พูดไปแล้ว เขาอยู่ตามยถากรรมของเขา เราไม่เกี่ยวข้อง เอาแต่แค่เกี่ยวข้องกับคน มีวิบากแก่กันและกันมากมาย เราก็มาทำให้เป็นวิบากกุศล จนกระทั่งถึงอโหสิกรรม กรรมที่ไม่เป็นกุศลไม่เป็นบาปไม่เป็นบุญอะไรต่อกันและกัน เขายังไม่อโหสิหรอกแต่เราอโหสิเขาก่อน เราไม่ไปปรุงแต่งไม่ไปติดใจอะไรกับเขา แต่เราทำก่อนเราได้ก่อน คุณจะทำอยู่ คุณจะยึดอยู่ก็เรื่องของคุณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 ราชธานีอโศก วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 05:56:45 )

เราทำคุณอันสมควรก่อน แล้วค่อยสอนคนอื่น

รายละเอียด

เราทำคุณอันสมควรก่อน แล้วค่อยสอนคนอื่น สัปปายะของเรามันครบแล้ว มันมีทั้งสิ่งแวดล้อมสมบูรณ์ มีทั้ง องค์ประกอบที่บริบูรณ์ จะเป็นองค์ประกอบแค่ เสนาสนะ บุคคล อาหาร ธรรมะ เป็นสัปปายะ 4 ก็ตาม จะเป็นองค์ประกอบทั้ง สุริยเปยยาล 7 ก็ตาม เป็นนามธรรมนะ มิตรดีสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี ฉันทะต่อมาก็เป็นนามธรรมแล้ว แม้ศีล จะกึ่งรูปธรรมนามธรรมก็ส่วนตัวของแต่ละคนมันไม่เกี่ยวกับคนอื่น ของตัวเราไม่เกี่ยวกับคนไหน อัตตา นี่เป็นของตัวเองเลย แม้แต่คำว่าทิฏฐิ ก็ตัวเอง ไม่ประมาท ตัวที่ 6 ของสุริเปยยาลและตัวโยนิโสมนสิการเพื่อตัวของคุณเอง คำว่าโยนิโสมนสิการจะจบอยู่ที่ตรงนี้ ทุกวันนี้ยังไม่ชัดในวงการศาสนาพุทธ เพราะผู้รู้อธิบายโยนิโสมนสิการว่า พิจารณา ไปเน้นพิจารณา โยนิโสเป็นตัวรู้ เป็นปฏิภาณปัญญา ส่วนมนสิการเป็นตัวทำ ตัวจิต ตัวประพฤติเลย เขาไปเอาแต่ตัวรู้ กลายเป็นศาสนาตัวรู้ มากความรู้แต่ทำไม่ลึกลงถึงเนื้อ มนสิการไม่ลึกลงถึงเนื้อ อิทธิบาทไม่ถึงมังสา อิทธิบาทเก่งไปด้วยความฉันทะ วิริยะ ก็เพี้ยน ฉันทะ วิริยะ เพี้ยนไปสู่สภาวะปฏิภาณปัญญา ตักกะ ไม่ลงถึงจิต นี่คืออิทธิบาท 4 เผินอยู่ที่ ฉันทะกับวิริยะ ไม่ลงถึงจิต เพราะฉะนั้น เนื้อๆ มังสา ไม่ได้เนื้อ นี่คือ 4 อิทธิบาทที่อาตมาแยกให้คุณฟัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 16:49:27 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:03:35 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:49:49 )

เราทำงานนอกสภาอยู่แล้ว

รายละเอียด

เราก็ยังไม่มีอะไรมาก ก็ต้องตั้งพรรคกันดู มันจะเป็นอย่างไร อาตมาก็ยังไม่รู้ ตั้งขึ้นมาเป็นพรรคการเมืองแล้วจะดำเนินอย่างไรก็เห็นดำเนินไปอย่างเฉื่อยๆ ตอนนี้ก็ให้ผู้ที่มีความ Active หน่อยอย่างพวกหมอเขียว ลองมาช่วยเข้ามาดูแลเข้ามาขับเคลื่อนดูซิ ก็ยังไม่เห็นอะไรเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นใครจะไปสมัครอะไรต่ออะไรให้เขาเลือกตั้งเป็นส.ส.หรือไม่อย่างไร ลองดู ก็ยังตอบไม่ได้ 

พรรคนี้จะหนุนลุงตู่หรือไม่ ก็เป็นอิสรเสรีภาพเหมือนกัน ก็ถ้าเผื่อว่าตั้งเป็นหลักเกณฑ์แล้วค่อยสมัครเป็นสมาชิก เราทำงานนอกสภาอยู่แล้วเราไม่ได้สมัครไปเป็น สส.จะเข้าไปในสภา 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 9 พ่อครูพบ ญาติธรรมสันติอโศก วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2566 ( 13:07:04 )

เราทำสังคมของเราให้เป็นสังคมสันติภาพไม่มีใครรุกราน 

รายละเอียด

พวกเราถือว่ามีปัญญาเข้าใจในสิ่งสำคัญ ไม่ไปเสียเวลาไม่ไปวุ่นวายกับเรื่องเหล่านั้น ถ้าเราทำสังคมของเราให้เป็นสังคมสันติภาพ สังคมปลอดศึก ปลอดสงคราม ปลอดจากคนรุกราน ให้เป็นสังคมชุมชนหรือประเทศ แม้แต่เป็นชุมชนก็พิสูจน์ได้ ชุมชนชาวอโศกเป็นชุมชนที่ไม่มีใครรุกราน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก ครั้งที่ 41 อาหารเป็น 1 ในโลก วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 19:48:33 )

เราทำใจของเราเป็นอุตุได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในความรู้ที่รู้ซึ้งจริงจัง พูดถึงแรงวัตถุพูดถึงนิยามความเป็นพืช เราจะเข้าใจ และที่สำคัญก็คือ ฟังตรงนี้ให้ชัดๆ เราทำใจของเราเป็นอุตุได้ แยกธาตุจิต จิตธาตุจิตนิยามให้เป็นอุตุธาตุ อุตุนิยามได้ มันเป็นความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลย ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าตรัสรู้ในเรื่องนี้ไม่มีทางทำได้ เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธจึง สูญได้ ล้างอัตภาพได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 11:27:19 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:03:48 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:50:12 )

เราทำได้ เราก็พูดความจริง

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเราทำได้ เราก็พูดความจริง ซึ่งในประเทศไทยยุคนี้แหละมีประชาชนคนจริงในประเทศไทยกลุ่มหนึ่งได้“แก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมมนุษย์”สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ-สังคมมนุษย์ได้จริงยืนยันให้พิสูจน์ได้อย่างบริสุทธิ์สะอาดใจ นั่นคือ กลุ่มชนคนไทยที่เรียกกันว่า ชาวอโศก หรือ“สันติอโศก”นี่เเหละเชิญ! เอหิปัสสิโก ไปเห็นแจ้ง“ของจริง”ได้ด้วยซึ่งจะเห็นความจริงได้ ด้วยการเห็นหรือ“สัมผัส”ด้วยตาหูจมูกลิ้นกายใจเองเลยว่า “การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”หรือ“การแก้ปัญหาของมนุษย์ในสังคม”แบบพระพุทธเจ้าที่เป็น“โลกุตระ”นั้นแก้ได้ 

ขอยืนยันว่า ตำราเรียนหรือทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ของเมืองนอกที่ร่ำเรียนมาจนจบด็อกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์จากยุโรปตะวันตก อเมริกา จีน อินเดีย รัสเซีย เกาหลีทั้งใต้ทั้งเหนือ ตะวันออกกลาง ฯลฯ หรือแม้จะเป็นประเทศที่มีพุทธศาสนาก็ตาม ในยุคนี้ไม่มี“สัมมาทิฏฐิ”ที่จะ“แก้ปัญหาเศรษฐกิจ”ได้สำเร็จเสร็จ“จบกิจ”ของปัญหาเศรษฐกิจได้หรอก“ทฤษฎี”ที่แก้ได้ มีอยู่แท้ๆนั้น มีในเมืองไทยนี่เอง คือทฤษฎีพุทธ และเป็นพุทธอันมี“โลกุตรธรรม”ด้วยนะ! 

ไม่ใช่พุทธที่ยังมิจฉาทิฏฐิอยู่ โดยเฉพาะที่แน่ๆก็เชิญมาพิสูจน์กันได้ใน“ชาวอโศก”ผู้มี“ปัญญา”โลกุตรธรรม จริงๆแก้ ปัญหาสำเร็จคนที่เขายังไม่อิโหน่อิเหน่อะไร ก็จะถามว่าเศรษฐกิจโลกุตรธรรมนั้นมีจริงหรือ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2566 ( 12:41:40 )

เรานี่แหละพุทธก็จะปฏิบัติแบบไม่เหมือนชาวพุทธทั่วไป

รายละเอียด

ตอบเลยว่าสันติอโศกนั้นสุดยอดในการนับถือศาสนาพุทธ และก็มีความรู้ความเข้าใจว่าศาสนาพุทธของพุทธเจ้าเป็นโลกุตระเป็นอริยะอย่างที่เรากำลังเข้าใจกันแล้วก็ปฏิบัติประพฤติจนได้มรรคผล ตามที่เราเข้าใจนี่แหละ คุณNaza myLove  สนใจก็ติดตามดูกันต่อไปเราขอยืนยันว่าเรานี่แหละพุทธก็จะปฏิบัติแบบไม่เหมือนชาวพุทธทั่วไปที่เขาปฏิบัติกัน ก็เลือกดูเลือกทำการปฏิบัติเอา

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 09:55:59 )

เราประหยัดเอาแคลอรี่มาใช้ผลิตสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญในชีวิต

รายละเอียด

เราก็มาพูดถึงเรื่องสัจธรรมด้วยและเหตุการณ์ตัวอย่างด้วย

เป็นเรื่องที่มีพัฒนาการ โดยเฉพาะเมืองไทย โดยเฉพาะชาวอโศกเรา ขออภัยคนข้างนอกที่พูดถึงเรื่องจริงนี้ แต่ไม่ได้พูดด้วยความหลงตัวตน อวดตัวตน หรือจะเบ่งว่าตนเก่งกว่าแต่อย่างใด แต่เป็นการพิสูจน์ว่าเป็นไปได้ ยกตัวอย่าง

เราปลูกกะหล่ำปลี นี่หัวมันใหญ่กว่าหน้าอาตมาไม่รู้เท่าไหร่ หัวหอมนี่เขาคัดมา มะเขือเทศเป็นต้น ผักคะน้า มีใบใหญ่เหมือนใบตองเลย มีความกรอบด้วย อย่านึกว่าใบตองนะ นี่คะน้า ซึ่งมันเป็นองค์ประกอบที่ได้สัดส่วน พร้อม และเราก็พยายามพากเพียร เราไม่ไปเอาพลังงานแคลอรี่ ไปสูญเสียกับอบายมุข เอารัดเอาเปรียบคนอื่น หรือคิดกอบโกยสะสม เพื่อจะร่ำรวยมีมากกว่าใครๆ เราไม่ควรไปจ่ายพลังงานแคลอรี่กับพวกนี้ เราประหยัด เอาแคลอรี่มาใช้ผลิตสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญในชีวิต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ มาทำแก่นชีพ-เชื้อชาติพุทธให้รุดหน้าเกินพัน วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:50:57 )

เรามาเป็นได้แต่เขาหาว่าสุดโต่ง

รายละเอียด

แต่เขาว่ามันสุดโต่งไป นี่แหละมากกว่า คนในยุคเดียวกันแต่สุดโต่ง เรามาเป็นได้แต่เขาหาว่าสุดโต่ง เศรษฐกิจสังคมการเป็นอยู่กินอยู่ก็อันเดียวกัน แต่พวกเราไม่อ้วนฉุ เป็นคนสันทัดคน ได้สัดส่วนดี เอาค่าเฉลี่ยหาคนลงพุงได้น้อย คนลงพุงจะมีหัวโตอยู่คนนึงเท่านั้น นอกนั้นเขาก็มีร่างท้วมได้ 

เรื่องพวกนี้เป็นคนสามารถที่จะเข้าใจว่าจะเป็นอย่างนี้ มีพฤติกรรมอย่างนี้  อารมณ์อย่างนี้ ความรู้สึกอย่างนี้ เป็นอย่างนี้ก็เหมือนคนทั้งหลาย เขาก็รู้เรื่องเงินทองข้าวของ อารมณ์ความรู้สึกการกระทบสัมผัส เขาก็รู้เหมือนอย่างที่เรารู้ได้ แต่เราก็มาเลือกเป็นอย่างนี้จิตใจของเราเป็นจริงอย่างนี้ คนอื่นบางคนอาจเข้าใจว่าดีเหมือนกัน แต่เขาก็ไม่มาก็เรื่องของเขา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม คนจนโลกุตระมีประชาธิปไตยที่ดีสุดในโลก วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 16:27:12 )

เรามีกรรม 5

รายละเอียด

กรรมเป็นของของตน ตนเป็นทายาทของกรรมตนเอง เป็นมรดกกรรมตนเอง ไม่ผิดเพี้ยน ไม่บิดเบี้ยว ไม่มีใครแย่งของใครได้ แล้วเราก็ต้องรับถ่ายทอด กัมมโยนิ กรรมพันธุ ต้องสืบทอดเผ่าพันธุ์ของตนเอง ไม่มีใครสามารถแบ่งรับได้ ไม่ใช่ของปู่ย่าตายาย ของเราเองเราแบ่งให้ลูกให้หลานก็ไม่ได้ กรรมพันธุ เป็นของตนของตนเราต้องได้รับได้พึ่งได้พา กัมมปฏิสรโณ จะเป็นอย่างไร จะดูดจะผลักอย่างไรก็คือกรรมเป็นตัวบงการเป็นตัวชี้บ่ง เป็นตัวให้เราเป็นเราไปทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชนะมารอย่างไร้สารพิษ สุจริตแท้ ด้วยพาหุงฯ8 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:18:43 )

เรามีคุณธรรมเป็นอาวุธ

รายละเอียด

กตัง แปลว่า เสร็จแล้วจบ กรณียังแปลว่า กิจ แปลเป็นไทยก็คือ จบกิจ ยิ่งใหญ่มาก 

จบกิจ คือ เลิกเลยไม่เป็นกิจเป็นการกับเราอีกแล้วในเรื่องนี้ บริบูรณ์สมบูรณ์ 

เพราะฉะนั้นเรื่องที่เลวร้ายเราก็อย่าให้ไปทำเป็นกิจการงานเสียเวลาแรงงาน ทุนรอน ไปยุ่งกับมันอยู่ เลวร้าย ตั้งแต่การสร้างอาวุธมาฆ่าคน เป็นกิจการที่เลวร้ายที่สุด จนกระทั่งอาตมา ให้โศลกหรือม็อตโต้ว่า 

“คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ” ให้มันแรงออกไป เขาจะสำนึกกันหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่เขายังไม่มีภูมิธรรมที่พอจะรู้ว่าแล้วอยู่กันอย่างไม่มีอาวุธแล้วจะอยู่อย่างไร คนก็มารังแกตายสิ 

ประเด็นนี้แหละคนไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่า เราป้องกันตนเองได้ด้วยคุณธรรม เรามีคุณธรรมเป็นอาวุธ เรามีความเสียสละเป็นอาวุธ เรามีภูมิปัญญาที่จะสร้างสิ่งที่เป็นสาระแก่นสาร ให้แก่คนอื่น ช่วยคนอื่น 

เรามีแต่ช่วย ไม่ฆ่า ไม่แกง ไม่ทำร้ายใคร ใครเขาจะฆ่าใครเขาจะแรงมา เราก็เข้าใจความเกิดความตาย ตายก็ตาย ถ้าเราได้ทำสิ่งที่ดีได้เป็นกรรมเป็นวิบากของเราไปแล้วมันไม่มีตกต่ำ ตายชาตินี้ชาติหน้าก็จะยิ่งเจริญขึ้น เจริญขึ้น มันยังไม่บรรลุอรหันต์ แม้บรรลุอรหันต์แล้ว รู้จักการตายการเกิดอีก แล้วก็เพิ่มภูมิธรรมให้สูงขึ้นไปอีกเป็นโพธิสัตว์ระดับสูง ที่อาตมาอธิบายไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องอจินไตย เป็นเรื่องโลกุตรธรรมยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้า อาตมาเป็นโพธิสัตว์และรู้เรื่องนี้ดี และก็เป็นเรื่องที่จะเอามาพัฒนาลงไปให้แก่มนุษย์ กลับคืนมาจากที่มันเสื่อมมันสูญไปนานแล้ว แล้วเป็นกลียุคสุดท้ายแล้วที่อาตมามารักษาธรรมะโลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้าของพระสมณโคดมนี้ 5,000 ปี นี่ถึง 2,500 กว่าปีมาแล้วมันก็เสื่อมขนาดนี้ อาตมาจะต้องมากอบกู้ นี่เป็นเรื่องจริงไม่ใช่พูดอวดดิบอวดดีอะไร ไม่ได้อยากใหญ่อยากดัง มันพูดยิ่งใหญ่เหลือเกินไม่ใช่ มันเป็นเรื่องของมนุษยชาติที่ดีที่สุด จำเป็นที่สุด แล้วต้องทำสิ่งนี้ ไม่ได้ทำเพื่อโอ้อวดไม่ได้ทำเพื่อให้คนอื่นหวังว่าฉันเก่ง ฉันรู้ ฉันยิ่งใหญ่ กิเลสเหล่านี้อาตมาไม่มี นี่มันซับซ้อนอย่างนี้ 

พูดไปก็หาว่าโกหกซับซ้อนไม่เชื่อหรอกว่าไม่มีกิเลส ด่าคนอย่างกับอะไรดี เขาก็ถือกันง่ายๆ คำว่า “ด่า” นี้อาตมาว่าอย่างสุภาพไม่ได้พูดแรงอะไร คุณมีความผิดก็ถูกว่า แล้วอาตมาว่าแรง ว่าจริง ว่าตรง ว่าสั้นมันก็แรงเจ็บ แล้วคุณก็เข้าใจไม่ได้ว่าสิ่งนี้มันเป็นอย่างนี้แหละมันแรงกล้า เพราะฉะนั้นคุณสำนึกเมื่อไหร่คุณจะต้องรู้ว่า นี่ท่านด่าถูกนะ โขกหัวเราเลย คุณจะรู้สึกสำนึกละอายอย่างแรงกล้า กลัว นี่เรายังยึดถือ ท่านด่าให้เท่าไหร่เท่าไหร่มันก็ไม่ถูกเราเลย เหมือนกับถูกหอกแทง 100 เล่ม เช้า กลางวัน เย็น ไม่รู้สึกรู้สาอะไร ทำไมมันจะแข็งมันจะด้านขนาดนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 17 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 2

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:41:27 )

เรามีจิตอย่างไร จับในปัจจุบันให้ได้

รายละเอียด

ก็ขอติงอยู่อย่างหนึ่งว่า พระพุทธเจ้าก็เคยเตือนพระอานนท์ คือเรื่องกิเลสหรือไม่ใช่กิเลส บางทีเราผัสสะแล้ว มันไม่ใช่กิเลสหรอก มันเป็นความจำ มันเป็นสัญญาเก่า อาการของสัญญาเก่า มันระลึกขึ้นมาในขณะนั้น มันเป็นสัญญานะไม่ใช่ปัจจุบันธรรม คุณอ่านจิตของคุณ จิตของคุณเฉยๆว่างๆ แต่คุณรู้สึกว่ามันเป็นกิเลส แค่มันเป็นความจำขึ้นมาหลอก อันนี้แหละรู้ยาก จริงๆ เราไม่ได้อยาก ไม่ได้ต้องการ ไม่ได้อะไรเราก็เฉยๆจริงๆ ธาตุจิตแท้ๆของเราบรรลุแล้วเราเฉยๆกับมัน แต่ความจำมันหลอน มันหลอกเรา เราเคยอยากได้เราเคยชอบเคยติด นึกออกไหม นี่ ระวัง

พระพุทธเจ้าถึงได้ปรารภกับพระอานนท์ ว่า สัญญาความจำนี้กว่าจะหายไปเกลี้ยง กว่าจะล้างได้หมด มันซ้ำซ้อนแล้วมันมาหลอกเราเอง ถ้าจิตปัจจุบันนั้นไม่เป็นกิเลสแล้ว แต่เราไม่รู้ ตัดรอบไม่ได้ เพราะความจำมันมีอยู่ไง ความจำมันก็มาหลอกเรา เราเคยมา ของที่เราเคยมามันเป็นอดีตที่มาหลอกเรา แท้จริงต้องอ่านในปัจจุบันนี้ว่า เรามีจิตอย่างไร อ่านให้ชัดจับในปัจจุบันให้ได้ เอ๊ มันยังอยากได้ หรือเรายังชอบหรือเราชังมัน ถ้าไม่มีชอบไม่มีชังแล้วในปัจจุบันมันก็จบ สัญญามันก็หลอกเราไม่ได้ หรือไม่หาย มันก็จะพัฒนา ถ้าเป็นกิเลส เฮ้ย ปัจจุบันยังพัฒนาอยู่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 12:03:11 )

เรามีชีวิตอยู่อย่างมีกำไรเพราะเราได้ขาดทุนให้แก่ผู้อื่น

รายละเอียด

ในหลวงเราตรัสคำว่า เอาแบบคนจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ผู้ที่ขาดทุนได้ และก็มีชีวิตอยู่อย่างคนจนเบิกบานสุขสำราญใจ ขาดทุนได้ตลอดเวลา ตัวเองก็ขาดทุน เพราะเราสร้างเราคิดทุนแล้วให้แก่คนอื่นมากกว่าที่เราจะเอา เราชักเนื้อ แต่แม้จะชักเนื้อเราก็เหลือกินเหลือใช้อุดมสมบูรณ์พอเพียง เราจึงขาดทุนแก่ผู้อื่นได้ และถือว่าเรามีชีวิตอยู่เรามีกำไร เพราะเราได้ขาดทุนให้แก่ผู้อื่น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ GDP แบบโลกียะกับแบบโลกุตระ วันพุธที่ 10 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 22:07:09 )

เรามีหน้าที่ทำความจริงขึ้นไปเท่านั้นเอง ไม่ไปหาวิธีโฆษณาหว่านล้อม

รายละเอียด

เราก็ไม่ได้ไปพยายามผลักดันขับดันอะไรหรอก เรามีหน้าที่ทำความจริงขึ้นไปเท่านั้นเอง ไม่ใช่ไปหาวิธี propaganda โฆษณาหว่านล้อม  แต่เรามีหน้าที่ทำความจริง จนกระทั่งผู้ที่มีอะไรใหญ่มีเหลี่ยมมุมที่คนรับได้เห็นได้เขาก็รับรองเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 11:12:24 )

เรายืนยันความจริง

รายละเอียด

อันนี้อาตมาก็ว่าสุดยอด เราก็พูดความจริงแต่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เราก็ยืนยันความจริง ส่วนคนที่ไม่เอาความจริงมายืนยันเอาความโกงมายืนยันมันมีเยอะเหลือเกิน เราก็ต้องยืนยันความจริงอย่างแรง บางคนก็ว่าอวดตัวเกินไป ยัดเยียดตัวเองเกินไป ก็ต้องขออภัยที่ต้องทำเช่นนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 12:58:29 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:04:04 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:50:39 )

เรารู้จักสาระก็พากันมาทำสาระ

รายละเอียด

เรารู้จักสาระก็พากันมาทำสาระ อาตมาเน้นสาระเน้นเข้าไปสู่ของเก่า แล้วมันจะใหม่เสมอ มันจะทันสมัยใหม่เสมอ อาตมาเน้นเข้าไปหาอะไรเอ่ย?อาหาร โดยเฉพาะเน้นเข้าไปหาพืชพันธุ์ธัญญาหาร ขณะนี้พืชพันธุ์ธัญญาหาร จะเป็น 1 ในโลกเป็นของสำคัญที่สุดเลย สำคัญกว่าอาวุธฆ่าคน สำคัญกว่าน้ำมัน สำคัญกว่าธนบัตร สำคัญกว่าทองคำ สำคัญกว่าเพชร นั่นคือการยืนยันว่า ความรู้เหล่านี้เสื่อมไปจากศาสนาพุทธแล้ว คำว่าอรหันต์ตายแล้วเกิดได้ คำว่าเกิดคือมีชีวิต คนเป็นอรหันต์แล้วยังไม่ตาย จะไม่ให้ท่านเกิดได้อย่างไร มารถึงมาอาราธนาพระพุทธเจ้าว่าตายได้แล้ว เหมือนกันกับบรรลุอรหันต์แล้วต้องตายเลยสิ อ้างว่าอรหันต์ตายใน 7 วัน ก็เอาพระราชบิดามาเป็นการอ้าง จริงๆแล้วเลข 7 พระนางสิริมหามายาก็ 7 วัน ทำไมต้องเลข 7 เลข 7 เป็นเลขเกิดเลขตาย อาตมาปาง 7 รวมไว้เป็นเทวะเป็นคำสองลักษณะ เกิด ตาย ซึ่งมันเป็นความรู้และความดับ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:23 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:04:25 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:51:21 )

เราวางเขาได้เขาวางเราไม่ได้ ก็ต้องพยายามทำอย่างไร

รายละเอียด

เราวางเขาได้เขาวางเราไม่ได้ ก็ต้องพยายามทำอย่างไรทำให้เขาหัดวางให้ได้ หรือเอาให้เขามาด้วยกันเลยได้  เออ จะได้เลย 2 คน ที่จะเอาอันใดอันหนึ่ง จะให้เขาวางเราได้ บางทีมันก็ยากอยู่ การวางเราได้ มันมีอยู่ 2 แบบ แบบหนึ่งวางเราได้คือเขากดแล้วเลยไปเลยไปเลย นี่ก็วางได้เหมือนกันแต่ถีบส่งไปเลยมันก็ไม่ดี ต้องวางได้อย่างที่เขาเข้าใจได้ว่าเราไปไม่ได้ก็ให้คุณไปเถอะ อย่างอาตมานี่ มาทางนี้แฟนอาตมายินดีไม่มีปัญหายกให้เลย มันเป็นบารมีนะเลียนแบบยากเหมือนกัน ปฏิบัติธรรมอาตมาก็จะบอกว่ามาทางนี้ เขาบอกว่ามาด้วยไม่ได้หรอก เขาก็บอกว่าให้ไปได้เลย แฟนอาตมา พอปล่อยมา เราก็ยังไม่วางมือก็ยังตามมาดูอยู่  6 ปี อยู่อย่างนั้น ไม่ไปเกี่ยวข้องอะไรกับใคร จากนั้นก็แยกกันไปอย่างนี้เป็นต้น นี่เป็นเรื่องเอามาประกอบอธิบายให้ฟัง สัจจะมันเป็นสัจจะ ค่อยๆทำไปเถอะ เพราะฉะนั้นคุณจะใจแข็งหรือคุณจะมีศิลปะทำให้เขารู้สึกว่า เอาเถอะไปเถอะ เขาก็คิดว่ามันดีแล้ว แล้วเขาก็ยอมปล่อยเรามา หรือเขาบอกว่า พี่นะถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็ยินดีด้วยเขาก็น่าจะมาทางนี้นะ โอ้โห อย่างนี้ได้ทีละ 2 คนดีใหญ่ จะทำได้แค่ไหนก็ลองดู 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 16:48:53 )

เราอยู่เหนือการเมืองแต่ไม่ใช่ใจดำไม่ช่วยเลย

รายละเอียด

เราไม่ได้เป็นคนซื่อบื้อ เราอยู่เหนือมันก็จริงแต่เราไม่ใช่คนใจดำ ที่จะเห็นอะไรตายต่อหน้าต่อตา คนทำร้ายทำลายกันรังแกกันไม่ถูกไม่ต้องแล้วก็เป็นคนใจดำ บอกว่าเป็นคนเป็นกลางที่ไม่รู้ไม่ชี้ใครจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่เขา เราเป็นกลาง เราก็อยู่เฉยๆ เราก็ไม่ได้ไปหูหนวกตาบอด แล้วไม่ใช่เป็นคนใจดำและไม่ใช่เป็นคนที่ไร้ปัญญา เราก็มีปัญญาปฏิภาณพอ และเรามีมากกว่านั้นตรงที่ว่า 

เราไม่แคร์แม้แต่จะตาย เพราะว่าการเกิดการตายเราเข้าใจแล้ว ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เป็นกุศลเจตนา เราไม่ได้เจตนาไปทำร้าย เราก็มีธัมมวิจัย มีปัญญาวินิจฉัย ว่าเราไปทำสิ่งที่ดีงาม เสียสละด้วย แม้แต่ที่สุดเสียสละคือเสียสละชีวิตตายเลยนะ ด้วยกุศลเจตนาจะไปขาดทุนอะไร มีแต่กำไร มีแต่เรื่องเจริญ มีแต่เรื่องดี เราก็มีกุศลวิบากแก่เราเองอย่างแท้จริงด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเป็นปัญหาเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เรารู้ด้วยปัญญาปฏิภาณเพียงพอ 

เพราะฉะนั้นต่างคนต่างเห็น เห็นอย่างคุณเห็นก็ทำอย่างที่คุณเห็น ทุกคนก็ทำตามที่ตัวเองเห็นดีเห็นงามเป็นอิสรเสรีภาพต่างคนต่างว่าไป ถ้าอย่างไรเสีย อาตมาว่ายังมี ที่คุณทองพูดมากับอาตมามันมีนัยยะที่ขัดแย้งกันอยู่เหมือนกัน อาตมาก็คงจะต้องเห็นอย่างที่อาตมาเห็นขออนุญาตนะ ขออนุญาตเห็นตามที่อาตมาเห็นก็แล้วกัน ส่วนคุณจะเห็นอย่างของคุณอาตมาไม่มีสิทธิ์จะไปละลาบละล้วงอะไรหรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เศรษฐกิจดี หรือ เศรษฐกิจไม่ดี คืออย่างไร วันพุธที่ 17 พฤษภาคม 2566 แรม 13 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มิถุนายน 2566 ( 17:00:13 )

เราเป็น “คนจน”ที่เข้าใจ “คนรวย” มีแต่กอบโกยมีแต่เอารัดเอาเปรียบ!

รายละเอียด

เพราะ“คนจน”ที่มี“ปัญญา”นั้นเข้าใจเรื่อง“การเป็นคนรวย”แบบ“โลกียธรรม”ดียิ่ง ว่า การเป็น“คนรวย”ที่เป็นโลกียะ ทำ“ความรวย”ให้แก่ตนเองอย่าง“เอาเปรียบ”หรือ“ได้เปรียบ”อยู่ในสังคมชนิดที่ใช้ความฉลาดแบบ“เฉโก”กันเต็มที่อยู่ตลอดไม่เคยพัก ไม่เคยหยุดการเอาเปรียบเลยนั้น มันยังเป็น“คนเบียดเบียนผู้อื่น”แท้ๆ ฉะนั้นการเป็น“คนรวย”นั้นมันคือ“เหตุ”ที่ทำให้การบริหารเศรษฐกิจสังคมประเทศชาติหนักหนาสาหัสลำบากยุ่งยากย่ำแย่จัดหนักไม่มีวันจบสิ้นลงได้เลย ในความรวยแบบ“ทุนนิยม” มันจึงเป็นความไม่ดีไม่งาม เป็นความไม่เจริญไม่ประเสริฐแต่อย่างใดแท้ๆ 

หนังสืออ้างอิง

เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 หน้า 405  ข้อที่ 547


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2565 ( 14:57:52 )

เราเป็นคนจน

รายละเอียด

คือ  มันเป็นการเอื้อมเอื้อเกื้อกว้างสิ่งที่เป็นไปได้ ที่บอกว่าเราเป็นคนจนไม่ใช่พูดเล่นเราเป็นคนไม่สะสมข้าวของ  เราทำในส่วนที่ให้คนมาอาศัยได้มาก แม้แต่สมาชิกที่อยู่ในนี้  (ราชธานีอโศก) ก็จะมีความสัมพันธ์หรือว่ามีสวัสดิการ มีสิ่งที่จะร่วมกันใช้ได้ขนาดหนึ่งสำหรับคนที่ไม่ใช่สมาชิก ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์  ก็ไม่สามารถที่จะมาใช้กองกลางนี้ได้  ซึ่งมันมีหลักเกณฑ์ของมนุษย์ชาติ  มีหลักเกณฑ์ของสังคมมีกฎเกณฑ์ของมันอยู่ เจตนาที่จะมีหลักเกณฑ์ช่วงนี้เพื่อ เอื้อมเอื้อเกื้อกว้าง  ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่น ให้กว้างขึ้น เท่าที่เราจะสามารถทำได้เป็นความจริงใจ ถ้ามนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างที่มีความเอื้อมเอื้อเกื้อกว้างด้วยความจริงใจ สังคมอยู่เย็นเป็นสุข อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้าปฏิบัติธรรมเข้าใจจิตวิญญาณ และความเป็นสังคม  พยายามเชื่อมโยงกับสังคมไปให้ไกลที่สุด

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปิ๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 13:12:38 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:36:56 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:52:26 )

เราเป็นคนจน

รายละเอียด

มันเป็นการเอื้อมเอื้อเกื้อกว้างสิ่งที่เป็นไปได้ ที่บอกว่าเราเป็นคนจนไม่ใช่พูดเล่นเราเป็นคนไม่สะสมข้าวของ เราทำในส่วนที่ให้คนมาอาศัยใช้สอยได้มาก แม้แต่สมาชิกที่อยู่ในนี้ก็จะมีความสัมพันธ์หรือว่ามีสวัสดิการ มีสิ่งที่จะร่วมกันใช้ได้ขนาดหนึ่ง สำหรับคนที่ไม่ใช่สมาชิก ไม่อยู่ในกฎเกณฑ์ก็ไม่สามารถที่จะมาใช้กองกลางนี้ได้ ซึ่งมันมีหลักเกณฑ์ของมนุษยชาติ มีหลักเกณฑ์ของสังคมมีกฎเกณฑ์ของมันอยู่ เจตนาที่จะมีหลักเกณฑ์ช่วงนี้เพื่อ เอื้อมเอื้อเกื้อกว้าง ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อผู้อื่นให้กว้างขึ้นเท่าที่เราจะสามารถทำได้ เป็นความจริงใจ ถ้ามนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างที่มีความ เอื้อมเอื้อเกื้อกว้าง ด้วยความจริงใจสังคมอยู่เย็นเป็นสุข อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้าปฏิบัติธรรมเข้าใจจิตวิญญาณและความเป็นสังคม พยายามเชื่อมโยงกับสังคมไปให้ไกลที่สุด 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 09:51:35 )

เราเป็นคนจนมหัศจรรย์

รายละเอียด

เราเป็นคนจนนะ อันนี้เป็นเรื่องพิสดาร เป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องสุดวิเศษ เราคนจนแต่อยู่ดีกินดี อุดมสมบูรณ์ ตามคำสอนพระพุทธเจ้ามาพิสูจน์ได้ในยุคนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่  

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2565 ( 15:19:32 )

เราเป็นคนไม่เสียชาติเกิด

รายละเอียด

ถ้าเขาฟังธรรมด้วยดี สุสสูสังลภเตปัญญัง เขาก็จะได้ปัญญา แต่เขาฟังไม่ดี ตั้งจิตไว้ผิดก็ยิ่งไปใหญ่ ยึดมั่นถือมั่นว่าเราไม่ใช่อย่างที่เขาว่ามา เป็นความเห็นผิดที่หนักหนาสาหัส เขาก็ยิ่งจะซวยมาก อาตมาก็ไม่รู้จะช่วยได้อย่างไร ก็ได้แต่แสดงธรรมและพูดไปด้วยความเมตตา ด้วยความสงสาร เห็นๆอยู่ พูดถึงพวกเราให้ชัดๆ ไปตำหนิเขาก็จะหาว่าเราปากจัด มาชมดีกว่า ชมก็ชมพวกเรานี่แหละ ชมโลกุตรธรรม ชมเนื้อหาสาระที่เป็นสัจธรรมของศาสนาพุทธ เราเป็นมนุษย์ชาวพุทธที่เกิดมาในยุคนี้ ยุคโลกุตรธรรมเสื่อม แล้วอาตมาก็เอาโลกุตรธรรมมาประกาศ พวกคุณมีดวงตา 

ชาวอโศกมีดวงตา ฟังเข้าใจรับได้ก็เลยเอาชีวิตมาสนใจ เป็นคนไม่เสียชาติเกิด แล้วมาเป็นคนมีศีล แล้วก็มาปฏิบัติอปันกปฏิปทา 3 จนกระทั่งเกิดสัทธรรม 7 จนกระทั่งเกิดฌาน ฌานของพระพุทธเจ้าเป็นฌานวิสัยที่เป็นอจินไตย ไม่ใช่ฌานนั่งหลับตาสะกดจิตที่เขาทำกันอยู่ทั่วไปเป็นเดียรถีย์หรือทางเถรสมาคมหรือวงการพระป่า ซึ่งออกนอกรีตหมดแล้ว ขอยืนยันว่าฌานหลับตาเป็นฌานนอกรีต เป็นฌานนอกพุทธ ไม่ใช่ฌานที่เป็นฌานวิสัย ที่เป็นอจินไตยที่เป็นพุทธวิสัย เป็นฌานวิสัยที่เป็นแบบโลกุตระของพระพุทธเจ้า นั่งหลับตานี้ไม่ใช่เลย 

อาตนาก็ต้องพูดย้ำเพื่อให้เขาได้ยินได้ฟังให้ได้ตรวจสอบ อาตมาใช้คำว่าท้าทายให้มาตรวจสอบเลย อาตมายืนยันว่าที่อาตมาพูดอาตมาตำหนินี้ตำหนิถูกว่าคุณผิด ไม่ได้ตำหนิผิดว่าคุณถูก แต่ตำหนิถูกแล้วว่าคุณนั้นผิด ขอยืนยัน ที่อาตมาพูดอยู่นี่อาตมาเกิดมาเห็นความเสื่อมของศาสนา หรือจริงๆแล้วอาตมาได้ยืนยันแล้วว่าอาตมาเป็นคนมากอบกู้ศาสนาพุทธคืนมา ในยุคนี้ เอาโลกุตรธรรมขึ้นมาสถาปนาลงไปในมนุษย์ได้ จนเกิดกลุ่มหมู่มนุษย์ที่บรรลุโลกุตรธรรม เป็นสังคมสาราณียธรรม 6 นี่พูดยืนยัน อ้างอิงหลักธรรมพระพุทธเจ้าเลยนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤษภาคม 2566 ( 11:29:46 )

เราเป็นนักปฏิบัติธรรมสายไหน

รายละเอียด

คำว่า”อาริยะ”จะอยู่ใกล้เคียงกับคำว่า”อริเยอะ”  แล้วแต่เราเป็นนักปฏิบัติธรรมสายไหน ถ้าสายอริเยอะนี้ ปฏิบัติธรรมไป โอ้โฮ! ศัตรูรอบตัวเลย แต่ถ้าสายอาริยะจริงนี้ก็จะมีมิตร มีพี่น้อง มีความเป็น มีภราดรมากขึ้น นั้นแสดงว่า ถือศีล 5 มันก็มี 2 แบบ แบบถือศีลห้า ก็ได้ ถือศีลห่า ก็ได้ ถือแล้วคนอยากจะให้ตายไม่ค่อยดีเท่าไร ก็จับทิศทางให้ถูกก็แล้วกัน

ถือศีลห่าคือถือศีลเป็นยุคๆ ไง ถือศีลอย่างฝน 2 ห่า 3 ห่า เป็นยุคๆไงเรียกว่าห่า อย่าไปเข้าใจผิดคำว่าห่าเสียหายสิ ถือศีลเป็นช่วงๆ ถือศีลเป็นยุคๆ เป็นตอนๆ อ้า นี่มาห่าหนึ่งแล้วฝนมา 2 ห่า มา 3 ห่า

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ถือศีลให้รู้รูปนาม ให้เกิดปัญญาจนอวิชชาหายไป วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2566 แรม 2 ค่ำเดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2567 ( 19:23:16 )

เราเป็นผู้ตัดสินเอง เชื่อตัวเองจะช้าจะเร็วก็ไม่วกวน

รายละเอียด

คุณอาจจะพอฟังคนอื่น เอาคนอื่นมาเป็นน้ำหนักเป็นเครื่องประกอบได้ แล้วคุณจะเชื่อเขาไหมล่ะ คนเราไปเชื่อคนอื่นมากกว่าตัวเองก็ได้ ไม่เชื่อตัวเองเลย เพราะฉะนั้นเราควรจะต้องมาเป็นตัวเรา ตัวเราจริงๆแท้ๆ เราเป็นผู้ตัดสิน จะช้าจะเร็วก็แล้วแต่ มันจะได้ไม่วกวน คนที่ตัดสินให้แก่ตัวเองแล้วแม้จะเป็นสายศรัทธา ยาวสุดก็ 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป ส่วนปัญญาธิกะนั้น ตัดสินไม่ผิด ตัดสินคมชัดแม่น ไม่วกวนไม่ซับซ้อน ผู้มีปัญญาสูงสุดตัดสินเป็นลำดับ คนนี้ 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป มหากัปนั้นนับไม่ถ้วนกำหนดไม่ได้แล้วยังมีติ่งทศนิยมอีก เพื่อความไม่ประมาทเผื่อ error แสนมหากัป หมายถึงเศษที่กำหนดไม่เที่ยงด้วย .001 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตรปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 19:17:23 )

เราเป็นสายอโศก

รายละเอียด

เขารู้แต่ธรรมยุตกับมหานิกายเขาก็เลยบอกว่าเอ็งอยู่สายไหน ก็บอกได้ว่า ไม่ได้อยู่ในสายไหน เพราะธรรมยุตเราก็รู้ ว่าบกพร่อง จนเป็นนานาสังวาส เถรวาทก็บกพร่องจนเป็นนานาสังวาส เราได้ทำตามธรรมวินัย และเราก็ขอแยกออกมาแล้วเขาเรียกมหานิกายกับธรรมยุต ของไทยเขาเรียกเถรวาท มหายานนี้ไปทางญี่ปุ่น จีน เถรวาทแปลงไปเป็นธรรมยุตกับมหานิกาย โพธิสัตว์ คือมหายาน อรหันต์ คือเถรวาท ของเรารู้หมดอรหันต์และเถรวาท เราเป็นทั้งสองอย่าง เป็นอรหันต์ก่อนแล้วจึงไปเป็นโพธิสัตว์ เราทำคุณอันสมควรก่อน พร่ำสอนผู้อื่นจึงไม่มัวหมอง เพราะว่าเขาไม่รู้ ก็เลยไม่รับ ถ้าเขารู้เขาก็จะรับ อาตมามาบวชสายธรรมยุต ครั้งแรก มีอุปัชฌาย์เป็นธรรมยุต แล้วมีเหตุการณ์เรื่องราว Story ต้องไปมีอุปัชฌาย์เป็นมหานิกาย ธรรมยุตอาตมาก็ไม่ได้ถอดถอน ไม่ได้ลาออกจากธรรมยุต แต่ก็ไปบวชสวดญัติเป็นมหานิกายอีก อาตมามีใบสุทธิ 2 ใบครั้งแรกนะก็คืนหมด โดยอุปัชฌาย์มาว่าอาตมาไม่ได้อาตมาทำได้อย่างเรียบร้อย ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย อุปัชฌาย์ที่มาบวชให้อาตมาไม่ได้มีองค์ใดรังเกียจอาตมา จนกระทั่งท่านสิ้นไป เพราะฉะนั้นในความเป็นจริงที่เกิดถ้าใครสามารถ มาทำวิจัย เก็บรายละเอียดพวกนี้ได้ครบจะดีมากเลย เอาล่ะ ใครอย่าเอาตะเข็บมาให้อาตมาฟื้นฝอยอีก ร่างกายอาตมาที่ชำรุดดีนะว่ามีเท่านี้ แค่รำคาญ ไอก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไร พ่อครูเคยเรียนสะกดจิตมาก่อน อ่านในสัจจะชีวิตเล่ม2 แต่ตอนนี้พ่อครูไม่ได้เอามาใช้ หากสะกดจิตไม่เป็นประชาธิปไตย 

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 09:52:21 )

เราเป็นเจ้าของกรรม

รายละเอียด

เราเป็นเจ้าของกรรม กรรมเป็นของของเรา เราเป็นทายาทของกรรม กรรมพาเกิดพาเป็น กรรมสะสมเผ่าพันธุ์ กรรมสะสมตระกูล สั่งสม DNA แล้วคุณก็ได้พึ่งพาอาศัยกรรม กัมมปฏิสรโณ อยู่ในวัฏสงสารนี้

1. กัมมัสสโกมหิ (มีกรรมเป็นสมบัติแท้ของตน) 

2. กัมมทายาโท (มีกรรมเป็นทายาทรับมรดกของตน)

3. กัมมโยนิ (มีกรรมเป็นแดนเกิด-หรือพากำเนิด) 

4. กัมมพันธุ (มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์, พันธุ์เทพ,พันธุ์มาร) 

5. กัมมปฏิสรโณ (มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยแท้ๆ) 

(พตปฎ. เล่ม 14  ข้อ 581)

 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความสมานฉันท์ 7 แบบ วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 แรม 7 ค่ำ เดือน 8 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มิถุนายน 2565 ( 15:12:09 )

เราเป็นเจ้าของจิตวิญญาณเอง

รายละเอียด

และสามารถสลายจิตวิญญาณของเราเองได้ จึงไม่มีวิญญาณนิรันดรที่จะต้องไปอยู่กับพระเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:39:06 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:04:43 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:52:57 )

เราเสียนั่นแหละคือเราได้

รายละเอียด

เศรษฐกิจ โดยจริงๆภาษาเขามาใช้ยอดเยี่ยมเลย เสฏฐะ แปลว่า ความประเสริฐ แต่ภาษาของทางสากลเขาแปลว่า ความประหยัด Economy เขาแปลว่าความประหยัด เป็นภาษาสากลภาษาอังกฤษ เศรษฐศาสตร์ เขาแปลว่า ประหยัด ซึ่งเป็นการแปลได้ถูก ประหยัด แต่มันไม่คลุมเท่า เสฏฐะ ภาษาบาลี หาก ภาษาสันสกฤตก็เป็น เศรษฐะ แปลว่าความประเสริฐแปลว่ามนุษย์ที่มีความประเสริฐ คุณธรรมเลิศยอดประเสริฐนี้คือคุณธรรม มีภูมิปัญญาเลิศยอด โลกียะเขาก็มีภูมิปัญญาทางเศรษฐกิจหรือประเสริฐหรือยิ่งใหญ่ทางเศรษฐกิจ มันซ้อนๆอยู่ เขาก็ยังแย่ง ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข รวย ถือว่าเศรษฐกิจดี เห็นไหม ตรงนี้ชัดไหม 

แต่ชาวอโศกที่เป็นพุทธลูกพระพุทธเจ้าแท้ๆเห็นเศรษฐกิจดี คือ มาจน มีเมืองไทยที่มีพระเจ้าแผ่นดินบอกว่า เอาแบบคนจน มาจน ขาดทุนของเราคือกำไรของเรา ถึงอย่างไร ในหลวงท่านทำได้แค่ตรัสบอกเขาไปเท่านั้น แต่ประชาชนทำตามจนเป็นรูปธรรมเป็นปรากฏการณ์อย่างที่อาตมาพาทำยังไม่ได้ก็ตาม ท่านก็มีภูมิธรรมโพธิสัตว์ของท่านขนาดนี้แล้ว ซึ่งค้านแย้งกับโลกทั้งโลกเขาแน่นอน อาตมาเคยพูด คนในโลกหรือว่าผู้บริหารประเทศ นักบริหาร พระเจ้าแผ่นดินองค์นี้นี่ ตรัสอะไร เอาแบบคนจน แล้วก็บอกว่ามาขาดทุนสิ Our Loss is Our Gain. ขาดทุนของเรา คือ กำไรของเรา ท่านตรัสเป็นภาษาอังกฤษด้วยคนฝรั่งก็เข้าใจ มันหมายความได้ว่าอย่างไร 

จนนี่แหละคือเราได้ เสียนี่แหละคือเราได้ ภาษามัน dialectic หรือเป็นสิริมหามายา มันเป็นคำวิพากย์วิภาษกันอยู่ มันย้อนแย้งกันอยู่ในตัวของมันเอง พราะฉะนั้นผู้ที่เข้าใจชัดเจนแล้วว่าสัจจะมันซ้อนอยู่ในสัจจะอันนี้ คุณเห็นไหม เราเสียสละหรือเราจนนั่นแหละคือเรารวยหรือเราได้ เราเสียนั่นแหละคือเราได้ ขาดทุนของเรานั่นแหละคือ กำไรของเรา เข้าใจสัจจะอันนี้ไหม ได้ทำไหม สำเร็จไหม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเมืองและเศรษฐกิจแบบโลกุตระ พรรคสัมมาธิปไตย วันพุธที่ 15 มีนาคม 2566 แรม 9 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 เมษายน 2566 ( 18:15:27 )

เราเสียนั่นแหละเราได้

รายละเอียด

ยังไม่ทันเปิดขายจริงนะ เขามาเยี่ยมดูก็อดไม่ได้มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อเถอะ เราก็เห็นใจเขาอยากได้ก็เลยขายให้ เราก็ไปซื้อมาเติมใหม่ ยังไม่ทันได้เปิดเต็มที่นะนี่แค่ชิมลาง สนุก ปีใหม่นี้ เอาเถอะสนุก เราก็จะต้องเต็มที่เลย จะมีจากชุมชนต่างๆมาหลายสิบร้าน แต่นี่เราทำร้านเดียว ปีใหม่อาตมาว่า จะไม่มีที่ให้จอดรถ ก็ว่าไป คือ เมืองไทยเรานี้ เป็นเมืองที่มีโลกุตรธรรม มันเป็นของแปลก มีอัญญา อัญญะ ไม่เหมือนทั้งโลกเขา มันมีของอื่นของแปลก มันมีโลกอีกลูกหนึ่ง มีดาวอีกดวงหนึ่ง ที่มันเรียกว่าทวนกระแสกัน มันเป็นเรื่อง ลักษณะที่ไม่ใช่อันเดียวกัน แต่เป็น Opposite , contrast 

โลกทั้งโลกเขาไปทิศทางโลกียะทิศทางเดียวกัน แต่ของเราไม่ เขารวย เรามาจน เป็นต้น เขาเอา เราก็เสีย เราเสียนั่นแหละเราได้อะไรอย่างนี้ แล้วมันจริงใจนะ ไม่ได้พูดเล่น ได้ทำอย่างนั้นแล้ว ก็จบไปเลยมันสบายแล้ว มันได้เสีย เป็นไงได้เสียแล้ว ได้สละแล้วได้ให้แล้ว ได้เป็นคนมีประโยชน์แล้ว คุณได้เสียให้เขา สละให้เขา เป็นคนมีประโยชน์เสียอะไรเสียแรงงาน เสียวัตถุ เสียผลผลิต เสียสิ่งที่คนเขาอยากได้หรือคนเขาได้ไปแล้วก็เป็นประโยชน์ เราก็เป็นคนมีคุณค่า เราเป็นคนมีประโยชน์ เป็นแต่เพียงว่าเราจะสร้างได้ไหม สร้างที่จะให้เขา เราจะเป็นคนมีเรี่ยวแรง มีความสามารถ ผลิตทำให้เขาได้ไหม โดยเฉพาะสินค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ นามธรรม คือจิตวิญญาณที่เป็นโลกุตรธรรม อันนี้ยากมากที่คนเขาจะเข้าใจเพราะเขาเป็นเทวนิยม เขาเป็นศาสนาพระเจ้า เขาเป็นโลกียะ เขายังไม่ออกจากกรอบ กรอบหรือโลกของโลกียะเขายังออกจากโลกโลกียะไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์​ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:04:47 )

เราเองเป็นเจ้าของจิตวิญญาณเอง

รายละเอียด

ใช่ แต่ว่าสักวันใดวันหนึ่งอาตมาก็คงต้องตาย พระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่กว่าอาตมาก็ยังต้องตายเลย แต่อาตมาจะยังไม่ตายปรินิพพานเป็นปริโยสาน เพราะอาตมายังมีปณิธานที่ต้องทำงานให้แก่โลก ศึกษาให้แก่ตัวเอง เพื่อที่จะไปเป็นผู้ที่เข้าใจโลกเข้าใจอัตตา ที่ประดามีที่คนที่สูงที่สุด อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเท่าๆ กันกับคนอื่น แต่ท่านพากเพียรเป็นไม่รู้กี่ชาติเป็นล้านๆชาติ จนตรัสรู้สิ่งที่สูงสุดจนกระทั่งรู้ว่าจิตวิญญาณที่เป็นพระเจ้านั้นไม่มีจริง อยู่นิรันดรนั้นไม่จริงเท่า 

จิตวิญญาณเป็นอนัตตา ไม่มีใครเป็นเจ้าของ เราเองเป็นเจ้าของจิตวิญญาณ และเราสุดท้าย ก็แตกสลายธาตุเป็นอนัตตาไม่มีตัวตน ไม่มีจิตวิญญาณเหลือเป็นดินน้ำไฟลมไปเลย เพราะรู้แล้วว่าถ้าเกิดอยู่ก็มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป 

เพราะฉะนั้นก็ทำงานให้เต็มที่ เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งแล้วสุดท้ายก็ปรินิพพานเป็นปริโยสาน แล้วก็ทำได้ด้วย 

ศาสนาพระเจ้าศาสนาเทวนิยมทำไม่ได้ จำนน ก็เลยบอกว่าจิตวิญญาณเป็นนิรันดร ซึ่งไม่นิรันดร พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วสามารถทำลายให้เป็นดินน้ำไฟลมไปได้ เขาก็บอกว่าพูดเอาเอง เขาก็ยืนยันว่าต้องไปอยู่กับพระเจ้า เขาไม่เข้าใจพูดอย่างไรเถียงกันอย่างไรก็ไม่รู้จักจบ เขาก็ยืนยันว่าต้องไปอยู่กับพระเจ้า คุณจะบอกว่าเป็นดินน้ำไฟลม ไหนเขาก็บอกว่าเป็นตัวเป็นตนเป็นคนอยู่นี่นะ ใครรับรองว่าตายไปแล้วจะกลายเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม ไปหมดเลย เขาก็แย้งได้ เรานี่แหละรับรองตัวเอง ทำไมรับรองได้ เพราะรู้โลก รู้อัตตา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 14:43:24 )

เราแพ้ได้แต่เราเป็นผู้ไม่ผิด

รายละเอียด

ประเด็นนี้ยิ่งใหญ่ เราควรยอมแพ้ทั้งกายใจ ถูกต้อง อาตมาประสพมาแล้ว ต้องมีความรู้ในคำว่า กาย ใจ และคำว่า ยอมแพ้ คำว่า ยอมแพ้ แพ้หรือชนะ นี้เป็นเรื่องของสมมติสัจจะ ถ้าจะบอกว่าเป็นปรมัตถ์ ผิดถูกก็เป็นสมมุติสัจจะ แต่แพ้ชนะมันเป็นเรื่องของโลกีย์แท้ๆ ผิดถูก จับคู่กัน แพ้ชนะ จับคู่กัน ผิดถูกจะเป็นโลกุตระมากกว่าแพ้ชนะ เพราะฉะนั้นเราแพ้ได้แต่เราเป็นผู้ไม่ผิด เพราะฉะนั้นเราเข้าใจกาย เราเข้าใจใจ กายคือสภาพสอง ใจคือสภาพหนึ่งของเรา คนต้องเข้าใจกายใจ แล้วแยกกายกับใจ เมื่อใดเราจะเอาแต่กาย เมื่อใดเราจะเอาเฉพาะใจ แต่หากไม่ได้สองส่วนได้แต่ใจ ก็จบ กายเรายอมแพ้ได้ องค์รวมภายนอกเรายอมแพ้ได้ แต่ใจเราก็ยอม เต็มใจไม่มีปัญหาอะไร แพ้ก็แพ้ชะตาทราม ดวงใจทรงความมั่นคง ไม่มีปัญหาอะไรในสมมุติสัจจะ แต่ในปรมัตถ์สัจจะ เราแพ้อะไร..เช่น เถรสมาคมยืนยันว่าถูกเป็นอย่างนี้ เราก็ไม่ต้องไปดึงดัน คุณจะเป็นอย่างนั้น ส่วนเราก็ยืนหยัดยืนยันว่าถูกคืออะไร กับใจเรา แล้วเราก็ทำไปอย่างมีภูมิปัญญา เป็นผู้ที่ฉลาด อาตมาทำมาตลอด จนทุกวันนี้อาตมาทำได้ง่ายขึ้น จนเขาไม่กล้าห้ามไม่กล้าต้านที่อาตมาพาทำแล้ว เพราะอาตมาพยายามทำอย่างให้เห็นว่า จริงๆอาตมาทำถูกต้องตามพระพุทธเจ้ามากกว่านะ โดยเอาพระไตรปิฎกมาเป็นหลักฐาน เขาแย้งไม่ได้ โชคดีที่มีพระไตรปิฎกเป็นหลักฐาน คุณก็ใหญ่อย่างนั้นเราไม่ไปแย้ง แม้จะบอกว่าให้โพธิรักษ์ไปบริหารสงฆ์เมืองไทย อาตมาไม่ไปหรอก ยกตำแหน่งหน้าที่อาตมาไม่เอา อาตมาทำตามหน้าที่ไป นี่เป็นเรื่องรายละเอียดที่ยิ่งใหญ่ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2563 ( 10:47:05 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:04:59 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:54:56 )

เราโตขึ้น อย่างไร

รายละเอียด

ดีนะ ที่เข้าใจว่า เราโตขึ้น ที่จริงน่ะแก่แล้ว รู้ว่าอะไรโต คำว่า โต คำนี้หมายถึงอะไร เราโตขึ้น แสดงว่า เป็นผู้เข้าใจความหมายคำว่า โต หมายถึง ปรมัตถธรรม หมายถึงธรรมะที่เป็นทางจิตวิญญาณ ร่างกายมันก็เลยอายุสักประมาณ 30 25 เขาก็ว่าเต็มที่ 30 ประมาณนั้น นอกนั้นก็จะค่อยๆเสื่อมลงแล้ว มันจะไม่โตกว่านั้นแล้ว แต่ว่าปรมัตถธรรมมันโตขึ้น เจริญขึ้น คนเข้าใจได้ว่า จิตวิญญาณเจริญขึ้นมี 2 นัยยะ อันหนึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ อีกนัยยะหนึ่งเป็นปรมัตถ์แท้ เป็นสัมมาทิฏฐิแท้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาสื่อสภาวธรรมโลกุตระ วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2565 แรม 1 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 ธันวาคม 2565 ( 11:26:18 )

เราได้คือเราเสีย

รายละเอียด

เห็นความสำคัญและเข้าใจสาระสำคัญพวกนี้ให้ได้  แล้วมาเร่งพลังงานที่เรามีอยู่ ถ้าใครขยันใครมีสมรรถนะ ความสามารถ จะทำให้ยิ่งๆ ขึ้นก็ทำ เผื่อแผ่เจือจาน เราไม่ได้เห็นแก่การแลกเปลี่ยน มีแต่จะแจกแล้วมันชัดเจนแล้ว ทำไปเลย ยิ่งได้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเกื้อกูล ยิ่งช่วยเหลือ ยิ่งมีประโยชน์คุณค่า โดยทางสัจธรรม กรรมวิบาก คุณได้หรือเสีย ...ได้...เป็นคำสิริมหามายา ก็เพราะเราเสียนี่แหละคือเราได้ เราสละนั่นแหละคือเราได้ เราได้นี่แหละคือเราเสีย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:17:46 )

เราไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทองเลยได้

รายละเอียด

ในศาสนาพุทธสอนกันในเมืองไทยก็มีสำนักเรานี้แหละอธิบายพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ขยายความกัน แล้วก็ศึกษาฝึกฝนปฏิบัติจนสามารถที่จะเข้าใจ แม้จะเข้าใจไม่ละเอียดพอ แต่ก็เข้าใจมาเรื่อยๆ พระโสดาบันเป็นอย่างนี้นะ ใช้ศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 เป็นองค์ประกอบธรรมะต่างๆ แล้วก็พอเข้าใจ ใช้ศีล 5 ได้อย่างนี้ ศีล 8 ก็ละเอียดขึ้น ศีล 10 ไม่ใช้เงินทอง เราเห็นเงินทอง จิตเราจะรู้เลยว่าไม่ต้องมีก็ได้ สลายด้วย แล้วเราไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเงินทองเลยได้ มีปัจจัยสำคัญ เข้าใจว่าชีวิตไม่ตองอาศัยแฟชั่นในเครื่องกินใช้เลย ในโทรทัศน์ชวนกันไปกินเที่ยวสารพัด ชี้ชวนให้ซื้อหาแสวงหาก็ถูกโลกจูงไป พวกเราแต่ก่อนก็ดู โฆษณาชี้ชวน พอเราปฏิบัติธรรมเรียนรู้สาระขึ้นมา ก็เห็นว่าพวกนี้ แล้วจะไปดูถูกเขา มันไร้สาระ แต่ก็จะเห็นว่าแต่ก่อนพวกเราเองก็ไร้สาระอย่างนี้ แต่เดี๋ยวนี้เราชัดเจนว่านี่เป็นสาระอันไหนไม่เป็นสาระ เลือกเฟ้นคัดเฟ้นขึ้นมาในสาระของชีวิตเรื่อยๆ มีปัจจัย 4 เป็นองค์ประกอบเครื่องประกอบนิดหน่อยเรียกว่าบริขาร ซึ่งไม่ได้มากมายอะไรเลยในชีวิต แล้วเราก็ทำงานได้ครบถ้วนไหม ได้ครบถ้วน คุณทำไม่หมด ทำไม่ทัน ทำไม่ไหวด้วย

ที่มา ที่ไป

พ่อรูเทศน์ทำวัตรเช้า วันเสารืที่ 6 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:46 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:05:14 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:55:55 )

เราไม่พักอยู่ เราไม่เพียรอยู่ เราเป็นผู้ข้ามโอฆสงสารได้แล้ว

รายละเอียด

เราไม่พักอยู่  (อัปปติฏฐัง) เท่ากับยังเพียรต่อไป เราไม่เพียรอยู่  (อนายูหัง) เท่ากับพักหรือไม่ต่ออายุอิทธิบาท เราเป็นผู้ข้ามโอฆสงสารได้แล้ว  (โอฆมตรินติ) เมื่อใดเรายังพักอยู่ (สันติฏฺฐามิ) เมื่อนั้นเรายังจมอยู่โดยแท้ เมื่อใดเรายังเพียรอยู่ (อายูหามิ) เมื่อนั้นเรายังลอยอยู่โดยแท้ เราไม่พัก เราไม่เพียร  ข้ามโอฆะได้แล้วอย่างนี้แล ฯ  (พตปฎ. เล่ม 15  ข้อ 2) 

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

 พระไตรปิฎก เล่ม 15  ข้อ 2


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 10:41:04 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:05:46 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:56:32 )

เราไม่มีสิทธิ์ไปโกรธใครๆ ในโลก

รายละเอียด

ตามอาณีสูตร ที่พูดถึงกลองตะโพนอานกะ ว่ามันจะเสื่อมไปในอานคต แล้วมันก็เสื่อมจริงๆ นี้คือยุคเสื่อม เสื่อมที่เห็นๆ แล้วมันก็เสื่อมจนไม่มีโลกุตรธรรม ซึ่งอาตมาอธิบายมาหมดแล้วและยืนยันว่าหมดแล้ว โลกุตรธรรมไม่มี อาตมาต้องบังอาจประกาศตนเองว่า อาตมานี่แหละนำโลกุตรธรรมมา สถาปนาลงไปในยุคนี้ มาเป็นผู้กอบกู้ศาสนาพุทธ จนสำเร็จ
สำเร็จอย่างไร สำเร็จจนมีผู้รับรู้-รับเข้าใจ แล้วมาปฏิบัติตาม แล้วก็บรรลุมรรคผลเป็น โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ จริงนี้ไง ที่อาตมายืนยันไปหมดแล้วว่ามีอรหันต์จริงในชาวอโศก มีโพธิสัตว์ด้วย 

(อีกทั้ง)ขยายความโพธิสัตว์และอรหันต์มีนัยสำคัญที่แตกต่างกันยังไง ก็พูดไปแล้ว หลายรอบหลายที ละเอียดลออพอ ไม่ใช่น้อยแล้ว จนกระทั่งป่านนี้แล้วอายุ 90 ย่างแล้ว มันก็ชะลอความตายอยู่ตอนนี้ ก็ไม่รู้เมื่อไหร่มันจะตายจะหยุด จะลองพยายามดันทุรัง ขออภัย ดันสุรัง ไม่ใช่ดันทุรัง แต่ดันสุรัง อาตมาไม่ได้ดัน ทุ นะ ทุ มันไม่ดี ไม่ใช่ ดันทุร ดัน ทุรัง แต่ดัน สุ ดัน สุร ดัน สุรัง 

ที่พยายามดัน (ดันสุรัง) คือพยายามฝืน พยายามที่จะทำ ต่อให้มันได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เป็นการพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าด้วย เป็นการช่วยธรรมะของพระพุทธเจ้านี่แหละ เป็นการช่วยมนุษยชาติจริงๆจังๆ นี่แหละ แล้วเราก็จะมีทักษะจะมีความชำนาญ มีอะไรต่ออะไรเจริญขึ้นด้วย ก็ไม่ได้มีความเสียหายอะไรเลย มีแต่เรื่องดี แม้อาตมาจะถูกด่า ถูกว่า ถูกตำหนิอะไร ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก อาตมาก็ชัดเจนก็เข้าใจอยู่ว่า คนไม่รู้เขาก็ต้องด่า ไม่รู้ประสีประสาเหมือนอย่างเด็กๆ 

เด็กๆ ไม่รู้สีรู้สาอะไร เราทำดีให้เขา หวังดีทำให้เขา เด็กมันไม่รู้อะไร ดีไม่ดีมาทุบมาตีเรา มาว่ามาด่าเราเอาด้วยซ้ำ เด็กๆ มันก็จริงๆ ของเขา เขาไม่รู้เรื่อง คือไม่เดียงสา เขาไม่รู้ไปโกรธเขาไม่ได้ 

ไม่เดียงสา นี่ก็คือยังอ่อนยังเยาว์หรือยังโง่ ยังด้อย ยังน้อย เขาเข้าใจไม่ได้ เราไม่มีสิทธิ์ไปโกรธใครๆ ในโลก อย่าว่าแต่เขาไม่เดียงสา แม้แต่เป็นศัตรูจะมาฆ่าเรา เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปโกรธเขา ที่อาตมาพูดนี้เป็นการพูดด้วยสัจจะ 

อาตมาไม่ได้ไปโกรธ แม้คนจะมาฆ่าเราก็ไม่ไปโกรธเขา เพราะเขาไม่รู้ ไปโกรธได้ยังไง ไปโกรธคนโง่ คนบ้า คนเมา แค่ 3 อย่างนี้ก็เหลือแหล่แล้ว  คนโง่ คนบ้า คนเมา ไปโกรธเขาได้ยังไง เขาไม่รู้จริงๆ สติสตังค์เขาไม่เต็ม ความรู้เขาไม่พอ ไปโกรธเขาไม่ได้ อันนี้เป็นสัจจะที่รู้จริงๆ หรือเรารู้แล้วว่าอาการโกรธนี้จะทำขึ้นใส่จิตเราแม้น้อยนิด..ทำขึ้นทำไม ทำขึ้นก็เป็น”กรรมเป็นอันทำ” คนโง่อยู่ก็ทำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 42 ประชาธิปไตยโลกุตระที่มีอายะ 3 และ อธิปไตย 3 วันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2566 ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2567 ( 19:28:46 )

เราไม่ยึดมั่นถือมั่นคือเราไม่สุขไม่ทุกข์ได้

รายละเอียด

เราไม่สุขไม่ทุกข์ไม่โต่งไปทางกามหรืออัตตา ไม่มีอันตา(ปลาย)เลย อธิบายไม่ง่าย ใช้ภาษาไทยว่า กลาง ว่าง เปล่า ก็ยังน้อยไป จะอธิบายอย่างใดก็ทั้งนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 16:56:57 )

เราไม่รอ เราไม่หวังแต่เราทำ

รายละเอียด

ใช่ๆๆอาตมาไม่ได้เป็นคนหวัง เราไม่หวัง แต่เราทำ “เราไม่รอ เราไม่หวังแต่เราทำ” อาตมาเอาการปฏิบัติด้วยการประพฤติการกระทำเป็น หวัง อาตมาก็เคยอธิบายธรรมะพระพุทธเจ้าแล้วว่าคุณอย่าไปสร้างความหวังแล้วมันจะอกหัก เมื่อไม่สมหวังแล้วมันจะ อกหัก 

เราก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ให้เขาหวัง หรือไปทำให้เขาอกหัก มันก็ไม่ใช่ แหม มันซับซ้อน

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 18:07:16 )

เราไม่รู้ก็ตอบไม่รู้ ถ้าไม่จบต้อง ไม่ขอตอบใดๆ

รายละเอียด

คนถามปัญหาอาตมามา แล้วอาตมาไม่รู้ อาตมาตอบได้ไหม อาตมาก็ตอบว่าไม่รู้ ก็จบแล้ว ไม่มีได้ไงปัญญา ก็เอาความจริงเขาถามอันนี้มา แล้วเราไม่รู้ เราก็ตอบความจริงไป ถามว่าอันนี้เราไม่รู้แล้วก็ตอบไม่รู้ เป็นไรไปล่ะ เออ.. ไม่มีกฎหมายใดในโลก ว่าคนที่ตอบความจริง เขาถามมาว่าอันนี้คืออะไร เราตอบไปว่าไม่รู้แล้วถูกจับ มีไหม ไม่มีกฎหมายนี้หรอก 

มันเป็นความรู้ของผู้ตอบ คำว่า ตอบว่าไม่รู้ กับมีคนอีกคนหนึ่งเขาตอบว่า ไม่ขอตอบใดๆ คำไหนมันดูดีกว่ากัน คำว่า ไม่ขอตอบใดๆ นี้ ดูเท่กว่า คำว่า ไม่รู้ นี่มันซื่อเกิน โลกเขาชอบความเท่ แล้วความเท่ ทำให้คนชะงักเลย ถ้าอาตมาตอบว่าไม่รู้นี่ไม่จบนะ แต่อาตมาตอบว่า ไม่ขอตอบใดๆ นี้ จบเลย เขาเองเป็นคนตัดสิน ชื่ออะไรนะที่มา ... คุณเสนาะ พ่วงภิญโญ ก็เป็นอันจบกัน ไปไม่เป็นเลย ก็จบ แล้ว อาตมาก็ไม่ได้ไปตอบผิดความจริง มันเป็นความจริงอย่างนั้น โดยความฉลาดเฉลียวของอาตมา ตอบภาษานี้แล้วคุณเสนาะหยุดเลย 

ถ้าสมมุตินะ อาตมาจะตอบว่าไม่รู้ เขาก็จะว่า ท่านไม่รู้ได้อย่างไร เขาถามประเด็นว่าสึกหรือไม่สึกประเด็นที่ 1,  2.ท่านเป็นฆราวาสแล้วหรือยัง 

1. ท่านสึกหรือยังไม่สึก อาตมาก็บอกว่า ไม่ขอตอบใดๆ แล้วเขาก็ถามอีก ขณะนี้ท่านเป็นฆราวาสแล้วหรือยัง อาตมาก็บอกว่า ไม่ขอตอบใดๆ เขาก็หมดท่าเลย ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันจบกัน 

อ้าว ตอบไม่ได้ก็โง่สิ โง่ๆ อย่างนี้ เขาก็มีเรื่องต่อเลย เขาก็จะบอกว่า ไม่ได้อย่างไร ท่านยังครองผ้า เอาหลักฐานยืนยันมาเราก็เสร็จสิ เขาก็จะกำหนดหมดเลย ไม่ให้แต่งตัว ไม่ให้พูด ไม่ให้ใช้ ไม่ให้โฆษณาธรรมะอะไรไปใหญ่เลย ก็เสร็จสิ มันสุดยอดเลย อาตมาไม่ได้แกล้งเป็นนะ อาตมามีความจริงของอาตมาตอบออกมา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะประชาธิปไตยสุดยอด 11 ประการ วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แรม 1 ค่ำเดือน 12 ปี ขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 13:05:22 )

เราไม่แยกเป็นนิกาย

รายละเอียด

 เขาไม่ได้ว่าถูก เขาบอกพวกเราไม่ได้ว่าถูก ถูกก็ต้องเป็นแบบเถรสมาคมต้องไปทำบุญทำทาน ต้องมีจารีตประเพณีแบบเถรสมาคม แต่พวกคุณมาเป็นจารีตประเพณีแบบนี้ มันแยกกัน มันต่างกันเป็นนานาสังวาส ซึ่งไม่ใช่นิกายนะ กาย เราร่วมกันเป็นพุทธด้วยกัน พุทธกายร่วมกัน ธรรมกายร่วมกัน แต่มัน นานามันต่างกันเราไม่แยกเป็นนิกาย การแยกนิกายนั้นเป็นอนันตริยกรรม มันบาปอย่าไปทำ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมส่งท้ายปีเก่า 2565 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2566 ( 11:50:03 )

เราไม่ใช่คนชั้นสูงตามโลกตั้งค่า แต่เป็นคนชั้นสูงชนิดที่เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

จะว่าพวกเรานี้เป็นคนชั้นต่ำ ชั้นพื้นๆ ก็ใช่ เราไม่ใช่คนชั้นสูงตามโลกที่เขาตั้งค่า แต่เราเป็นคนชั้นสูงชนิดที่เป็นโลกุตระ เช่นเราเป็นคนจนนี่เป็นโลกุตระ คุณเป็นคนรวย คุณเป็นพวกไฮโซ แล้วคุณก็นับถือกันคนรวย แต่เรานับถือคนจน เห็นไหมว่าทิฐิความเข้าใจความเห็นมันยึดถือกันคนละทิศ เพราะฉะนั้นไม่แย่งกัน คนจนกับคนรวยมันไม่ทะเลาะกันมันสงบเป็นสังคมที่สงบสบาย ดีไม่ดีพวกคนจนนี้ มีทิฏฐิ มีความฉลาดช่วยเหลือคนรวยด้วย แจกให้คนรวยด้วย 

เพราะฉะนั้นคนรวยที่เขาเองเขายังไม่พอเขาก็มาเอาจากพวกเรา แต่พวกที่พอของเขาก็ไม่มาเอา ไม่ใช่ของที่เขาจะเอาด้วย มันก็มาแต่คนระดับอย่างนี้ มันก็ไม่ทะเลาะกันอีกไม่แย่งกันอีก ก็มีคนที่มันอยู่ในเกณฑ์ที่จะอยู่ อย่างพอเหมาะพอดีกันมา  สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส ใจเกื้อกูลแท้จริงเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 มกราคม 2566 ( 19:53:35 )

เราไม่ได้อยู่ด้วยบุคคลเราอยู่ด้วยหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เศรษฐกิจอย่างนี้ รัฐกิจอย่างนี้ สังคมกิจอย่างนี้ ก็เรื่องของสังคมอย่างพวกเราเป็น มีวิธีบริหารกันเรียกว่า รัฐกิจ อยู่กันอย่างนี้ อยู่สบาย ไม่ต้องทะเลาะกันแย่งกัน ไม่เหมือนมนุษย์บางกลุ่มอยู่กันในคณะกรรมการ อยู่ในสภาก็ทะเลาะกันตีกันวางแผนล่มสภากัน พวกเราไม่เป็นอย่างนั้น อยู่กันอย่างสงบเรียบร้อย 

ซึ่งรัฐสภาหรือคณะบริหารประเทศควรจะเหล่ตามาดูบ้าง จริง..ไม่ใช่คณะใหญ่หรอก แต่คณะนี้มีเนื้อหลักการหลักเกณฑ์ตามพระพุทธเจ้าสอนมานะ ถ้าเห็นดีเห็นงามช่วยขยายผล ว่าคนกลุ่มนี้ ประกาศกันอย่างไร อธิบายกันอย่างไร เนื้อหาสาระสัจจะมันเป็นอย่างไรแท้ๆ เข้ามาถึงจุดนี้แล้วนำไปเผยแพร่ต่อ คุณเองแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองระดับนายกรัฐมนตรี เป็นเจ้ากรมเจ้ากองตามหน้าที่ฐานะทั้งหลายแหล่ มาศึกษาสัจจะอันนี้สิ 

เป็นคนไทยเมืองไทยเกิดกลุ่มหมู่ในประเทศไทยมีชุมชนมีวัฒนธรรมมีพฤติการณ์ ที่เป็นจริง ซึ่งยืนยันว่า นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) เชื่อไหมคุณเชื่อไหม ...เชื่อ

เพราะฉะนั้นพิสูจน์กันด้วยระยะเวลาได้เลย อย่ารีบตาย ดูซิว่ากลุ่มหมู่นี้ มีคนคิดและพูดว่าถ้าโพธิรักษ์ตายพวกนี้ก็แตกสลายแข่งดีแข่งเด่นกันหมดแล้ว เขาเชื่อว่าอย่างนั้น 

ที่จริงเราไม่ได้อยู่ด้วยบุคคล เราอยู่ด้วยหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า อยู่ด้วยพฤติการณ์พฤติกรรมจริงที่แต่ละคนปฏิบัติได้ ประพฤติได้ แล้วก็ประพฤติออกมาด้วยความจริงใจไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้ฝืนไม่ได้ลำบากได้โดยไม่ยากได้โดยไม่ลำบากซึ่งฌานทั้ง 4 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 พาปฏิญาณศีล 8 วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 11:33:35 )

เราไม่ได้เอาหินที่ผิดกฎหมาย อาตมายังมีเจตนา 2 อย่าง หนึ่งต้องการสร้างภูเขาตะนาวศีลอีกอัน คือสะพานโค้งรุ้งที่จะเป็นทางเข้าออกของบ้านราชฯ

รายละเอียด

เอาออกมาจากที่สุจริต ที่ของเราหรือเป็นที่ของคนอื่นก็เป็นที่ที่เขาให้เราเอาออกไปเพื่อเขาจะได้ใช้ประโยชน์ในพื้นที่ได้ เราก็เอาหินนั่นมาเราจึงได้เห็นมา ขนกันมา ทั้งหินของผู้ที่ยินดียกให้เรา เราไม่ได้เอาหินที่ผิดกฎหมาย ที่เป็นทุจริต มีแต่สุจริตทั้งนั้น เอามาจากไหน …ก็ย่านๆนี้ ทางโขงเจียม ไปทางภาคกลางหายาก ก็เขาก็ท้วงเรามาคนนี้คงใหม่ๆหน่อย ว่าบ้านราชเมืองเรือบ้านไม้เมืองหิน บ้านงามเมืองพุทธ บ้านพิสุทธิ์เมืองอมตะ อาตมาก็พูดเปรยๆกับพวกเราตอนนี้เลยว่า อาตมายังมีเจตนา 2 อย่าง หนึ่งต้องการสร้างภูเขาตะนาวศีล ที่มีลำลองแล้ว มีฐานที่เราถมดิน เอาหินมากอง อย่างไม้ร่ม ผ่านฟ้า สุวรรณก็รู้แล้ว นี่ติดโควิดก็ไม่ได้ขนหิน แล้วเอาหินมาตั้งเป็นทิวเขาตะนาวศีล ล้อเลียนเขาตะนาวศรี เหมือนเก่งสะโพเราก็ล้อเลียนแก่งสะพือ เขาตะนาวศรี ใหญ่ยาวมากเลย เราก็มาย่อเท่าที่ทำได้ มันมีหินมีดินขึ้นไป ก็ตั้งใจทำอันนี้ให้เสร็จ จากอันนี้ก็จะมีอีกอัน คือสะพานโค้งรุ้งที่จะเป็นทางเข้าออกของบ้านราชฯ เรายังไม่มีทางเข้าที่เป็นทางเอก จะมีสะพานเชื่อมรัตน์ก็ยังไม่สง่า ก็ยังไม่เสร็จสักที ฝากฟ้าฝากลมไปหาท่านคมคิด จะสร้างตรงนี้เป็นสะพานทางเข้า มีสเปค คือ ต้องเป็นสะพานเหล็กโค้ง แล้วทำให้เป็นสีรุ้ง ดูเหมือนรุ้งโค้งรุ้ง แล้วจะรับน้ำหนักไม่น้อยกว่า 50 ตัน ให้รถผ่าน ไม่ต้องถึง 100 ตันหรอก ก็รอผู้ใจดีอยู่ ผู้จะมีน้ำใจช่วยเหลือ ถ้าทำอันนี้เสร็จ สะพานโค้งรุ้งกับภูเขาตะนาวศีล อาตมาก็คิดว่าพอแล้วนอกนั้นก็เก็บสิ่งที่ไม่เรียบร้อย ไม่ว่าจะเรือรามจักร เรือโคกใต้ดิน หรือเรือเจิ้นเทิ่นที่ค้างไม่เสร็จก็ทำให้สมบูรณ์แบบ ไม่สร้างสิ่งใหม่อีก 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 10:01:45 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 13:06:16 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 06:58:34 )

เริ่ม 53 ปี โพธิกิจยังเป็นรองต้องอุตสาหะ

รายละเอียด

อาตมาเคยสรุปให้พวกเราฟังว่า ความสามัคคีคือความขัดแย้งอันพอเหมาะ แล้วมันมีตัวเอกตัวรอง ถ้ายิ่งตัวเอกกับตัวรองนี้ มีความเก่งใกล้กันเท่าใด ตัวเอกยิ่งเด่น ถ้าตัวเอก ตัวรองนี้ห่างมากเลย ฝีมือไกลเลย ตัวเอกจะเด่นไหม ...ไม่เด่น 

เพราะฉะนั้น อย่ากลัวอุปสรรค อย่ากลัวการต้าน อุปสรรค คือ สิ่งที่ทำให้เราเจริญ
พยัญชนะ อุปะ กับ สัคคะ แปลว่าใกล้สวรรค์ สัคคะคือสวรรค์ อุปะคือใกล้ ผู้มีอุปสรรคคือผู้เข้าใกล้สวรรค์แล้ว จำไว้เด็กๆ ทั้งหลายอย่าไปกลัวอุปสรรค แต่อย่าห่าม แรงเกินตัว ตาย ตายอย่างเขียดเหยียดขาตาย 

ต้องประมาณให้ดีว่า อุปสรรคนี้ขนาดนี้กำลังดี ประมาณตนนะ อย่าอวดเก่งเกิน ตาย มันเกินไป แล้วสิ่งที่เป็นปุถุชนหรือสิ่งที่เป็นคนโลก เขาไม่ปราณี เขาเอาตายจริงๆ เขาไม่มีเมตตาปราณี เขาเอาตาย ก็ต้องระมัดระวัง 

คำว่า รอง จึงมีความหมายว่า คุณต้องรู้ตัวเองว่า ทำตัวเองให้เป็นรองในขนาดที่พอเหมาะที่สุด อาตมา ที่ตั้งชื่อว่า “เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรอง ต้องอุตสาหะ”

เพราะอาตมาไม่ได้หลงตัวเองว่าตัวเองเป็นเอก แล้วความจริงก็ไม่มีใครเห็นว่า อาตมาเป็นเอก มีชาวอโศกที่เห็นว่าอาตมาเป็นเอก ใช่ไหมนี่ อาตมาขี้ตู่หรือเปล่า...ไม่ใช่ 

ต้องใช่ อาตมาว่า อาตมาคงไม่หลงเลอะเกินไป ยกให้อาตมาเป็นเอก จนกระทั่งบอกว่าเคารพสุดเศียรสุดเกล้าต่างๆ นานา อย่างที่เคยพูดผ่านมาแล้ว

ที่จริงนั้นอาตมาเป็นเอกในกลุ่มรอง ซับซ้อนนะ เพราะฉะนั้น 53 ปีทำงานศาสนามา ก็ยังเป็นรอง เพราะฉะนั้นจึงต้องอุตสาหะอยู่ ต้องพยายามทำงานให้ดี ขวนขวาย พากเพียร เท่าที่สังขารเรี่ยวแรงที่จะให้ จะมี ถ้าเราเอง เรามีความพากเพียรอุตสาหะ ให้พอเหมาะพอดี เรี่ยวแรงจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าเราทำย่อหย่อน ทำไม่ค่อยขยันอุตสาหะ ไม่ค่อยพากเพียร ความเสื่อม ชรตา จะมากินตัว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 12:47:27 )

เริ่มก่อตั้งชุมชนชาวอโศกอย่างไร

รายละเอียด

วันนี้เป็นวันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่บวรปฐมอโศก ปฐมอโศกก็นานมาแล้วไม่ได้มาที่นี่ก็ปีกว่า ปฐมอโศกเป็นชุมชนที่เจตนาจะตั้งขึ้นโดยการ ทั้งซื้อสถานที่ ที่ดิน แล้วก็ทั้งมาปลูก พากันมารวมตัวกันเลย ผู้ที่เต็มใจจะมารวมกันอยู่ที่นี่ รวมตัวกันเป็นชุมชนหมู่บ้าน เกิดจากการที่เราไปรวมตัวกันที่สันติอโศก คนก็มากันแน่น แล้วก็ขยายไม่ออก ตอนนั้นสันติอโศกมีที่อยู่ประมาณไม่ถึง 5 ไร่ โดยที่มีคุณสันติยาเป็นคนบริจาคให้ มีที่กับเรือนไทยหลังหนึ่ง เกิดจากเรือนไทย 1หลัง กับพื้นที่ไม่ถึง 5 ไร่ 

ซึ่งเราก็ไม่เคยมีความคิดจะมาตั้งชุมชนอะไร อาตมาไม่เคยมีแผนความคิดตั้งแต่ทำงานมาตั้งแต่แรกๆ ไม่ได้วางแผนอะไรเลยจะต้องไปเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มีแต่การทำงานปัจจุบันเป็นหลัก ก็บอกกันมาช่วยกัน ก็มากันแน่นวันเสาร์-วันอาทิตย์จะมากันเยอะ วันธรรมดาก็ทำงานกันไป จนกระทั่งมันแน่นมากคุณจำลองก็เลยเห็นว่าน่าจะมีที่ที่จะเป็นหมู่บ้านที่จะต้องเกิดหมู่บ้านชุมชนแบบหมู่พวกเรานี่แหละขึ้น ก็พยายามแสวงหา ทั้งคุณสันติยาด้วย ไปถึงแดนเดียวกับที่ธรรมกายเขาอยู่ด้วย คลอง 3 หาที่ก็ไม่ได้มันแพงไปหรือไม่เหมาะสมก็แล้วแต่ก็ไม่ได้ที่ตรงนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่น วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:28:21 )

เริ่มจากกายกลิก่อน แล้วมาจิตตกลิต้องทำแบบนี้เป็นบรรทัดฐาน!

รายละเอียด

“กายกลิ”คือ “กาม”ที่เป็นกิเลส“ภายนอก” คือเปลือกของผลไม้

ต้องผ่านตรงนี้กันก่อน ก็ดันทุรังกันอยู่ วิชชาท่านยังไม่มี 

“กาม”มันเป็น“กลิ” คือ“โทษ,ภัย”ที่เป็นกิเลส และเป็นกิเลส

“ภายนอก”ขั้นต้นที่จะต้องจัดการก่อนด้วย แต่ความรู้ในลำดับแค่นี้ 

เขาก็ทำไม่ถูกต้องกันแล้ว มันก็เป็น“มิจฉาทิฏฐิ”แม้แต่ขั้นต้นสามัญ

แค่นี้ บรรดาผู้“หลับตา”ปฏิบัติก็คือ “มิจฉาทิฏฐิ”ตั้งแต่ต้นกันแล้ว

ก็น่าสงสารที่สุด อาตมาก็ได้แต่พูดให้รู้ เตือนให้ทำความเข้าใจ

ให้ถูกต้องกันดีๆ พูดกันมานาน ปากเปียกปากแฉะ พูดมา 30-40 ปี

แล้ว ก็แสนยากเหลือเกิน สำหรับคนที่ได้“หลงผิด”พากันติดยึด

“มิจฉาทิฏฐิ”กันอย่างเที่ยงแท้ถาวรยั่งยืนเสียแล้วนี่! ดังที่เป็นกัน

อยู่นี้ 

เราจึงต้องมาจัดการ“กำจัด”โทษภัย“ภายนอก”นี้กันเสียก่อน

เป็นลำดับต้น ตามธรรมดาธรรมชาติ สามัญของคนปกตินี่แหละ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 380 หน้า 276


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 12:38:21 )

เริ่มต้น 5 รูปแรกที่เป็นอาริยะของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

ซึ่งมันคุ้มแสนคุ้ม เมื่อตรัสรู้แล้วเอามาเปิดเผยก็มีคนรับได้ ท่านก็มีพระทัยสอนต่อ สอนอนัตตลักขณสูตร อีกกัณฑ์หนึ่ง โกณฑัญญะเป็นอรหันต์เลย อีก 5พราหมณ์ ก็เป็นอาริยะขึ้นมา เริ่มต้น 5 รูปแรกที่เป็นอาริยะของพระพุทธเจ้า เริ่มต้นเลข 5 แล้วก็เริ่มต้นพากันไป เป็นเลข 6 พากันเผยแพร่ พากันทำงาน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 09:27:56 )

เริ่มต้นความเป็นโพธิสัตว์นับที่ตรงไหน

รายละเอียด

โพธิสัตว์ระดับที่ 1 คือ โพธิสัตว์โสดาบัน เพราะฉะนั้นคุณสมบัติของคน ต้องรู้จักกาย พ้นสักกายทิฏฐิ แล้วคนเหล่านั้นรู้จักกายกันที่ไหน เช่นแม่ชีเทเรซาหรือใครต่อใคร ไม่ใช่ใครทั้งหมดหรอกที่เป็นโพธิสัตว์อย่างมหาตมะคานธีนี่ อาตมาบอกว่าเป็นโพธิสัตว์ เพราะมหาตมะคานธีเข้าใจเรื่องกาย เข้าใจเรื่องโลกุตรธรรม แล้วได้ปฏิบัติโดยไม่ใช้พยัญชนะเท่านั้น แต่เป็นผู้ที่มีสภาวะที่แท้จริง นอกนั้นพระเยซูก็ตามแม่ชีเทเรซาก็ตาม ยังไม่ได้มีความรู้พวกนี้เลย จริง เป็นผู้ที่ช่วยเหลือมนุษย์ได้มากมาย จะเอาแต่ประเด็นรับใช้หรือช่วยเหลือเขาเท่านั้นยังไม่พอ ยังไม่รู้จักอัตตา ยังไม่รู้จักตัวตนยังไม่รู้จัก สักกายทิฏฐิ แยกกิเลสกับจิตยังไม่เป็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2564 ( 20:25:50 )

เริ่มต้นด้วยฉันทะ ที่ยินดีอย่างจริงใจ

รายละเอียด

ยินดีเป็นรากเค้า เป็นยอดต้นข้อแรกของมูลสูตร ถ้าจิตของคุณไม่ยินดี ยินดีอย่างจริงใจด้วยนะ ไม่ใช่เสแสร้งทำเป็นยินดี แท้จริงก็ยังรักพระเจ้าอยู่ ไม่ได้หรอก คุณต้องบอกเผื่อเลยว่า คุณไม่ได้ยึดมั่นถือมั่นพระเจ้าอย่างจริง คุณมาเห็นอันนี้แล้วน่ายินดี แค่น่ายินดีก็ดีแล้ว แต่นี่คุณยินดีเป็นฉันทะเป็นมูลกาเป็นข้อที่ 1 เลย คุณเริ่มต้นด้วยฉันทะ อิทธิบาทจะเกิด มีวิริยะ จิตตะ วิมังสา อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2565 วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 22:00:13 )

เริ่มต้นต้องเรียนรู้กามและกายให้สัมมา

รายละเอียด

ถ้าล้างกิเลสส่วนนอกได้หมดเหลือภายในเหลื่อมกันอยู่ คุณก็ไปล้างกิเลสภายในไม่ได้ ถ้าหากคุณเอากิเลสกามภายนอกออกไม่ได้ คุณจะไปเอากิเลสขั้นที่ 2 ที่ 3 ออกได้อย่างไรมันไม่ได้ 

เพราะฉะนั้นเริ่มต้นอันแรกที่สุดเลย คุณจะต้องรู้เรื่องกาม แล้วรู้เรื่องกาย 

กายมีภายนอกกับภายใน กายนะมีภายนอกกับภายในเพราะกายต้องมี 2 กายนี้คือจิตคือมโน คือวิญญาณ 

เพราะฉะนั้นเมื่อไปเข้าใจกายผิด กามคุณก็ไม่เอา คุณเข้าใจกามผิด คุณก็เลยเข้าใจ กายผิด มันซ้อนกัน ศาสนาพุทธทุกวันนี้เข้าใจกายผิด ก็เลยเข้าใจกามผิด ไม่เอาเรื่องกาม  ตัดกิเลสลัดเข้าไปเอาในจิตเลย ไม่มีขั้นตอนหรอกในจิต

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 11:53:32 )

เริ่มต้นต้องเรียนรู้ตั้งแต่กาม

รายละเอียด

ติดรส ขออภัยต้องขอละเมิดมหาบัว แค่ติดหมากพลู ติดผิวเผิน แต่มันเผ็ดแสบมันยันมันจัดแต่มันนิดเดียว แค่นี้มาหาบัวก็ยังไม่รู้ ยังมีกามอย่างอื่นอีกไหม มีรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสอย่างอื่นอีกเยอะแยะ ไม่ได้พูดไปถึง ความติดในลาภยศสรรเสริญ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 13:28:56 )

เริ่มต้นปีใหม่ 2565 มีอาหารเป็นนิมิตหมาย 

รายละเอียด

วันนี้วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก เริ่มต้นปีใหม่ 2565 ปีฉลูก็ต้องไปฉลุย มีข้าวเหนียวพันธุ์สังข์หยด และข้าวเหนียวข้าวเจ้าพันธุ์ต่างๆ มีดอกกะหล่ำ จากศีรษะอโศก มีกล้วย มีหอมแดง หอมใหญ่ ไชเท้า มะละกอ ของบ้านราชฯ เริ่มด้วยอาหารเป็นนิมิตหมาย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ทำวัตรเช้า วันขึ้นปีใหม่ งาน ว.บบบ เพื่อฟ้าดิน วันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มกราคม 2565 ( 19:14:05 )

เริ่มต้นรู้จักธรรมะต้องรู้จักคำว่ากาย

รายละเอียด

ขอตอบจากผู้รู้ธรรมะผู้ที่เริ่มต้นรู้จักธรรมะก็คือเริ่มต้นรู้จักคำว่ากาย สักกายเป็นสังโยชน์ข้อที่ 1 ที่จะต้องเรียนรู้เลยถ้าไม่รู้คำว่ากายเป็นข้อที่ 1 ก็ไม่รู้ว่าตัวเราเองปฏิบัติถูกกายไหม ปฏิบัติกับคำว่ากายถูกต้องไหม ก็ไม่ได้ เป็นมิจฉาทิฏฐิในคำว่า กาย คนนี้ก็เลิกเลย ในการจะเรียนรู้ธรรมะพระพุทธเจ้า คำว่า กายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด 

ยิ่งไปเข้าใจกายไม่ได้ แล้วเข้าใจสักกะก็ไม่รู้ รวมกันเข้าก็เลยไม่ต้องปฏิบัติธรรมะพระพุทธเจ้าถ้าไม่พ้น สักกายทิฏฐิ ตนมีกายหรือไม่มีกาย มีกายที่ถูกต้องอย่างไรก็เรียนรู้ลดกิเลสไม่ได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:39:07 )

เริ่มต้นเป็นปฐมอโศกอย่างไร

รายละเอียด

ไปไปมาๆก็มีคนมาเสนอขายที่นี่คือที่ปฐมอโศก จริงๆแล้วเราก็มีที่ตรงนี้แล้วทางด้าน ท่านสีลวัณโณ ทางแม่ท่านกับน้องๆ มีที่ตรงนี้ 6 ไร่ ที่ปฐมอโศกที่แปลงแรกนี่ 6 ไร่ มามอบให้ เราก็มาอยู่กัน แล้วก็เริ่มต้น เป็นปฐมอโศก ก็ซื้อที่ติดกันนี่อีก 42 ไร่ก็เลยมีที่เกือบ 50 ไร่ จากนั้นเราก็ซื้อเติมตอนนี้เกินร้อยไร่แล้ว 

เป็นชุมชนหมู่บ้านเต็มรูป จริงๆแล้วสันติอโศกนั้นก็เป็นหมู่บ้านแต่เหมือนคนเมือง แต่ที่นี่เหมือนกับคนสามัญที่ทุกหมู่บ้านเขาจะเป็นอย่างนี้ได้ เราก็ไปมีที่นาแรงรักแรงฝัน เราทำนาทำสวนทำไร่อยู่ด้วย มีเนินพอกิน ทางเมืองกาญจนบุรี แต่ก่อนที่นี่ปลูกพืชผักไม่ขึ้น ขี้หมูเค็มมาก ปลูกพืชผักไม่ได้เรื่องไม่ได้กิน มันเค็มมีขี้หมูจัด ทั้งกลิ่นทั้งดินไม่ได้เรื่องเลย ก็เลยไม่เอาพืชพันธุ์ธัญญาหารที่นี่เป็นหลัก เราทำบ้างเล็กน้อยแต่ทำกันที่โน่นที่นาแรงรักแรงฝันหรือที่เนินพอกิน ได้พืชพันธุ์ธัญญาหารมาเป็นหลัก ก็เป็นประวัติศาสตร์ของพวกเรา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เอื้อไออุ่น วันพุธที่ 16 ธันวาคม 2563 ที่ปฐมอโศก 


เวลาบันทึก 04 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:34:03 )

เริ่มต้นเรียนรู้ ตั้งแต่ กาม

รายละเอียด

คือ  การติดรส  ขออภัยต้องของละเมิด มหาบัว  แค่ติดหมากพลู ติดผิดเผิน  แต่มันเผ็ดแสบ  มันยัน  มันจัด  แต่มันนิดเดียว  แค่นี้ก็ยังไม่รู้ ยังมีกามอย่างอื่นอีกไหม  มี รูป  รส  กลิ่น  เสียง  สัมผัส  อย่างอื่น  อีกเยอะแยะ  ไม่ได้พูดไปถึง  ความติดในลาภยศ  สรรเสริญ

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 37 บ้านราช วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 12:24:08 )

เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 07:38:42 )

เริ่มปฏิบัติธรรมต้องเอาศีลเป็นหลัก จึงปรับใจได้

รายละเอียด

ผู้ที่มาฟังอาตมาตอนแรกนั้นฟังไม่รู้เรื่องเป็นธรรมดา หูหักก่อนทั้งนั้น แต่อย่าเพิ่งหนี สุสูสัง ลภเต ปัญญัง พยายามตั้งใจฟังศึกษาไปตามลำดับ จับความให้ได้ เบื้องต้น ท่ามกลาง บั้นปลาย เป็นอย่างไร

 คนที่มีบารมีมาก่อนจะเข้าใจได้ไว แต่คนที่มีบารมีไม่มากนักหรือไม่มีบารมีก็จะเข้าใจได้ยาก แต่อย่าเพิ่งท้อถอย พากเพียรไป ฟังแล้วฟังอีก อานิสงส์ในการฟังธรรมจะมีจริงๆ ฟังแล้วก็ประพฤติ ฟังแล้วจับต้นกลางปลายให้ได้ ประพฤติมา แล้วคุณจะได้ อันนี้ซับซ้อนให้เรารู้จริงๆนำหน้าไปเยอะแล้ว แต่ยังปฏิบัติไม่ได้ก็รู้สึกละอายใจตัวเอง 

จะปฏิบัติใจอย่างไร..ก็จับความจริงให้ได้ว่าเราปฏิบัติได้ เอาสภาวะที่ปฏิบัติได้ขนาดไหน เอาศีลนั่นน่ะ เป็นตัวหลัก ศีลข้อ 1 2 3 4 5 จนถึงจุลศีลประกอบไปเลย ส่วนมหาศีลเป็นเรื่องของภิกษุ ท่านจะจัดการ อย่างชาวอโศกนี้ มหาศีลไม่ได้บกพร่อง แต่เถรสมาคมนั้นเต็มไปหมด ละเมิดมหาศีล ไม่ได้มีศีลกันเลย แล้วไปยึดพระธรรมวินัย 227 เป็น  จุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล 43 ข้อ ไม่รู้เรื่องแล้วว่าศีลคืออะไร ไปยึดวินัย 227 

ไปถามภิกษุสิว่าท่านมีศีลเท่าไหร่ ท่านก็ตอบว่า 227 นั่นหมายถึงวินัย แค่วินัยกับศีลก็เข้าใจกันไม่ได้แล้ว วินัยคือข้อบังคับ ศีลคือความอิสระ ใครพอใจปฏิบัติแล้วเอาเนื้อหามาปฏิบัติ ก็จะได้มรรคผลไปตาม ศีล มีศีล อปัณณกปฏิปทา 3 มีสัทธรรม 7 เกิดฌาน เกิดปัญญา ภาษามันบอกสภาวธรรม ซึ่งมันไม่ง่ายธรรมะของพระพุทธเจ้า คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น)   (พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 34) 

มันเป็นจริงอย่างนั้น เอ้า จะปรับใจอย่างไร..ก็คือต้องตรวจสอบตัวเอง ว่าตัวเองปฏิบัติจริงได้แค่ไหนเอาศีลเป็นหลักปฏิบัติ ศีลข้อ 1 ศีล ไม่ฆ่าสัตว์. ข้อ 2 คุณน่าจะได้แล้ว ศีลข้อที่ 1 คุณไม่ฆ่า แล้วมันมีใจที่ หยาบ กลาง ละเอียด มันมีอีก แต่ยังไม่อธิบายรายละเอียด 

ศีลข้อที่ 2 ก็เหมือนกัน เอาศีล 3 ข้อก่อน ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทุจริต 

ศีลข้อที่ 2 หมายถึง ข้าวของ วัตถุต่างๆ กับพืช คุณก็ต้องอาศัยวัตถุต่างๆกับพืชอยู่ แต่คุณไม่ทุจริต ไม่ลักขโมย ไม่ขี้โกงอยู่ 

ศีลข้อที่ 3 เกี่ยวกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส กามคุณ 5 คุณลดละได้หรือยัง

3 ข้อนี้เป็นพื้นฐานหลัก ข้อ 3 อาจจะยากกว่าข้อที่ 2 ซึ่งข้อที่ 2 ก็ยากกว่าข้อที่ 1 ข้อที่ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ มันง่ายจะตายไป คุณไม่ฆ่า คุณก็ซื้อกิน ใช่ไหม หรือให้คนอื่นเขาฆ่ามาให้คุณกิน จนกระทั่งอธิศีลสูงขึ้นไม่กินเนื้อสัตว์ คุณก็จะรู้ว่ามันไม่ง่าย 

ไม่กินเนื้อสัตว์มันลึกซึ้ง อธิบายไปหมดแล้วจนกระทั่ง ชีวกสูตร 5 ข้อที่เป็นบาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเลย ก็ค่อยๆ รู้ไปตามลำดับ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูท้องฟ้าสวย วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:09:36 )

เริ่มรู้ว่าเราไม่รู้ คือเริ่มต้นพระโสดาบัน

รายละเอียด

เริ่มต้นพระโสดาบัน ก็จะเริ่ม อ๋อ.. สักกะ อ๋อ.. กายะ ชักจะรู้สักกายะ มีทิฏฐิ มีความรู้ระดับต้น มีความเชื่อความเข้าใจระดับต้น ว่า อ๋อ.. สักกะ กายะ ที่เริ่มรู้ก็คือเริ่มรู้ว่า มันไม่ใช่อย่างที่เราเคยเข้าใจ จะเริ่มรู้ก็คือเริ่มรู้ว่าเราไม่รู้ เราอวิชชามาตั้งนานแล้ว ก็เพิ่งจะ อ๋อ.. ไม่ใช่นี่นะ นึกว่าเรารู้มาตั้งนาน เขายกย่องเป็นปราชญ์เอกของศาสนาพุทธด้วย เขายกย่องว่าเป็นชั้นยอดของศาสนาพุทธ เป็นเจ้าแห่งความรู้ด้วย อ๋อ.. เพิ่งจะมีความเข้าใจทิฏฐิว่า สักกะ กายะ เป็นอย่างนี้เอง สักกะ ประชุมของอวิชชาคือเราเอง คือเราไม่รู้ว่ากายะคืออะไร 

กายะตัวเดียวนี่ ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย ถ้าคุณไม่รู้ กายะ อย่างจริง แล้วทำกายะออกจากตัวตนไม่ได้ คุณก็ปรินิพพานไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:27:51 )

เริ่มสร้างตัวตนตั้งแต่พีชนิยาม

รายละเอียด

ในสูตร E=mc2 ในอุตุ ไม่มีตัวประธานที่มาเป็นเจ้าของได้ แต่ว่าเมื่อมาเป็นพีชะ มันก็มีสภาพชีวะเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ จึงสร้างตัวตนขึ้นมาเองได้ พืช แต่ยังไม่สูงไปถึงขั้นจิตนิยาม พีชนิยาม ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ ไม่ได้ยึดถือตัวตนทีเดียว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาด้วยปัญญามุทุภูเตของพ่อครู วันพุธที่ 24 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 16:44:21 )

เริ่มเกิดเป็นตัวเราของเราที่จิตนิยาม

รายละเอียด

พลังงานที่เริ่มเป็นตัวเราของเราเกิดตั้งแต่เมื่อใด จิตนิยาม เป็นตัวกลางที่รู้ เกิดเมื่อใด ยึดเป็นตัวเราของเราเริ่มที่ตัวไหน ก็เริ่มที่ตัวจิตนั่นแหละเป็นตัวกลาง เป็นตัวที่เป็นธาตุรู้ รู้ว่า มันมีการเคลื่อนที่มันมีการเกิดปฏิกิริยา เรียกว่า กรรม จิตต้องมีการกระทบมีการเคลื่อนที่ ทำจิตให้นิ่งหยุดอยู่ มันตรงกันข้ามกับการปฏิบัติธรรมการศึกษาฝึกฝนของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 13:47:50 )

เริ่มเป็นคนที่มีความเจริญ คือเช่นไร

รายละเอียด

เราไปบังคับให้เขาเข้าใจไม่ได้ เขายังติดยังข้อง แต่เราก็ต้องพูดให้เข้าใจ ใครที่มีปฏิภาณก็พูดให้เขาเข้าใจว่าถูกตำหนินะ จริงๆไม่แคร์ตอนนี้หรอกด่าเลยนะ ทำไมเราไม่รู้จักเจ็บ ท่านด่าเราแล้วนะไม่ใช่ตำหนิธรรมดาตำหนิหนักๆตำหนิแรงๆเลยนะ ทำไมเราไม่ละอายสักที 

คนที่เกิดหิริโอตตัปปะ คนนั้นคือเริ่มเป็นคนที่มีความเจริญ เทวธรรม เทวะ แปลว่าเจริญเริ่มมีความรู้เจริญ เราทำอย่างนี้อยู่ในสังคมมนุษยชาติ ผู้รู้ท่านพากันมาเจริญแล้ว มาเป็นคนจนมาเป็นคนไม่ติดรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ไม่ติดแม้แต่สุข โอ้โห… ท่านเจริญแล้วนะ คนที่รู้อย่างที่อาตมาพูดสรุปๆนี่คือคนเจริญ นอกนั้นยังไม่เจริญ ยังเป็นมิลักขะ ไม่ใช่อาริยกะ เพราะฉะนั้นความเจริญที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่อาตมาเอามาขยายให้ฟัง ตามความรู้อาตมาที่อาตมาเป็นลูกพระพุทธเจ้า ขอยืนยันว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ของศาสนาพุทธ สอนอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:09:36 )

เริ่มเป็นทิฏฐิปัตตะเมื่อใด

รายละเอียด

ถ้าจะเริ่มไปเป็น ทิฏฐิปัตตะ ทิฏฐิเขาต้องสัมมาทิฏฐิ ถ้าหากเขาไม่สัมมาทิฏฐิ เขามีทิฐิแบบเก่า ก็ได้แบบสัทธาวิมุติ แบบสมถวิมุติ เป็นแบบสาย เจโต เป็นเจโตวิมุติแบบเดียรถีย์ แต่เจโตวิมุติของพระพุทธเจ้าก็มี ต่างกัน กายต่างกันสัญญาต่างกัน มันมีนัยลึกซึ้งซับซ้อน

แค่กายสักขีก็ยังไม่เรียกว่าอรหันต์ได้ จะต้องเป็นปัญญาวิมุติขึ้นไปจึงจะเรียกว่าเป็นอรหันต์ได้ อย่างนี้เป็นต้น แล้วอาตมามีความยากตรงที่ว่า ท่านใช้พยัญชนะแค่ว่า น เหว โข

กายสักขี ต้องมีการสัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกาย จึงจะบรรลุอรหันต์ได้ แต่ถ้าไม่สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยกายก็จะได้แค่ศรัทธาวิมุติ ส่วนทิฏฐิปัตตะนั้นเห็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค สัทธาวิมุติอาจจะเห็น ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค บางตัว จึงบรรลุได้ อาสวะบางอย่าง แต่อาสวะบางอย่างของเขายังไม่ถึงขั้นทิฏฐิปัตตะ ยังอยู่ในภพ อยู่ในภวังค์เท่านั้น พระพุทธเจ้าจึงไม่นับว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ ต้องออกมาเป็นทิฏฐิปัตตะก่อน 

ทิฏฐิปัตตะจะต้องเป็นทิฏฐิสัมมาปัตตา คือการบรรลุระดับหนึ่ง ถ้าปันนะก็บรรลุในระดับ 2 เมื่อเป็นทิฏฐิปัตตะก็เริ่มมีสัมมาทิฏฐิไปเรื่อยๆ จึงจะขึ้นถึงขั้นกายสักขี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคุยกับเทวดาเอากิเลสล้างกิเลส วันพุธที่ 2 มิถุนายน 2564 แรม 7 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2564 ( 15:37:53 )

เริ่มเห็นความไม่เที่ยงของกิเลสคือเริ่มเข้าสู่โลกหน้า

รายละเอียด

ผู้ที่เริ่มเห็นความไม่เที่ยง นี่คือผู้ที่มีโลกหน้าโลกใหม่ ฟังความเป็นโลกใหม่โลกหน้าโลกอื่นให้ดีๆ โลกโลกุตระ รู้และทำจิตในจิตของตน ให้เปลี่ยนเป็นจิตใหม่ ลดลงได้นิดนึงก็เริ่มเดินทางเข้ากระแสโลกุตระได้นิดนึง ลดได้เก่งนิดนึง 2 นิด 10 นิด 20 นิด จนกระทั่งไม่นิดละ เยอะๆเลย จนหมดเลย ทำได้เกลี้ยง ทำให้กิเลสตายสนิทหมดเกลี้ยงได้ก็เข้าสู่โลกหน้าเต็มๆ

โลกนี้โลกหน้าไม่ได้อยู่ที่เดินทางไปไหน อยู่กับเราตอนเป็นๆนี้โลกนี้โลกหน้าอยู่กับเรานี้แล้วเราทำให้กิเลสหมดลง เราก็สู่คนโลกหน้า โลกใหม่ โลกโลกุตระ จนโลกโลกียะหมดไปจากจิตเราเลย  จิตคือโลก โลกคือจิต อัตตาของเราก็คือจิต จิตคืออัตตา หมดอัตตา หมดจิตโง่ๆ จิตอวิชชา จิตโลกเก่าหมด หายไปไม่เหลือเชื้อจนกระทั่งมีแต่จิตใหม่ เป็นคนใหม่เต็มที่ จิตเก่าคนเก่าไม่มาเกิดในจิตเราเอีก เป็นอรหันต์ขึ้นไปนี่เป็นขีดเขตของความเป็นอรหันต์ 

ที่อาตมาพูดไปนี้ไม่ใช่พูดเฉยๆ แต่พูดออกมาจากจิตจริง จิตที่เราเป็นจริงๆเอามาอธิบายมาพูดของตัวเอง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 11:09:41 )

เรียกการนั่งสมถะแทนการเรียกนั่งสมาธิ

รายละเอียด

จะไม่เรียกว่านั่งสมาธิแต่ให้เรียกว่านั่งสมถะ สมาธิของพระพุทธเจ้า ต้องลืมตาเปิดทั้งทวารทั้ง 6 แล้วเกิดกิเลสก็ทำการลดกิเลส ต้องมีพลังงาน ฌาน ฆ่ากิเลสไปเรื่อยๆ กิเลสลดไปส่วนหนึ่ง ก็เรียกว่า ได้ส่วนบุญ ได้ส่วนบุญไม่ใช่การได้มา แต่เป็นการเสียกิเลสออกไปจากจิตใจเรา เรียกว่าเราได้ผลของบุญมาทำลายกิเลสไปส่วนหนึ่ง พอทำลายไปได้เรื่อยๆก็เป็นผู้เจริญ เป็นเสขบุคคล เป็นบุคคลที่ปฏิบัติถูกต้องแล้ว เป็นอริยะตั้งแต่พระโสดาบัน สกิทาคามี ขึ้นไปเรื่อยๆจนหมดกิเลส หมดอาสวะ จึงเรียกว่าพระอรหันต์ เป็นอเสขบุคคล 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 17:08:57 )

เรียนความรู้สึกแยกธาตุจิตวิญญาณได้

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นศาสนาพระพุทธเจ้านั้นให้เรียนความรู้สึก ที่จะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ธาตุจิตวิญญาณแล้ว มันเป็นธาตุ ที่ไม่รับรู้สึกเลย นอกจากไม่รับรู้สึกเลยแล้ว มันไม่มีชีวะด้วย แยกคำว่า ไม่รู้สึก ไม่มีเวทนา และ ไม่มีชีวะด้วย นี่คือธาตุ อุตุนิยาม เพราะฉะนั้นเราจะรู้เลยธาตุในร่างกายเรา เช่น ท่านแยกให้พิจารณาผมขนเล็บฟันหนัง เล็บของคุณ มันยาวออกมาพ้นประสาท มันเป็น พีชะ มันมีชีวะ มันยังยาวออกมาได้ มีอาหารเลี้ยงก็ยาวออกไปได้ เป็นพีชะแต่มันไม่มีเวทนา มันไม่รู้สึกไม่ใช่วิญญาณ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาความเข้าใจเรื่องกายของอ.แปลง วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2564 ( 14:48:47 )

เรียนชาติทางนามธรรมในชาติ 5 จะพาบรรลุธรรม 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจึงเริ่มต้นศึกษาที่ชาติ เริ่มต้น ณ บัดนี้

ท่านแจก ชาติ 5 ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ แจกคำว่าชาติ อาจจะมีผู้บรรลุอรหันต์ในตรงนี้ 

ชาติ อาตมาแจกง่ายๆว่า ชาติคือรูป และชาติคือนาม 

ชาติ คือ รูป การเกิดทางกาย เกิดชาติพันธุ์ ประชาชาติ

ชาติ คือ นาม  การเกิดทางจิตโอปปาติกโยนิ  ได้แก่ 

1. ความเกิด (ชาติ)              2. ความบังเกิด (สัญชาติ) 

3. ความหยั่งลง (โอกกันติ)   4. เกิด (นิพพัตติ)  

5. เกิดจำเพาะ (อภินิพพัตติ)  [ล.16  ข.7] 

โอปปาติกะ คือ ความเกิดทางจิตวิญญาณ 

ชาติทางนามนี่แหละ มาเรียนตรงนี้ให้ละเอียด ทางรูป วัตถุเขาศึกษากันมาแล้ว พวกชาติพันธุ์การเกิดทางร่างกายรูปแบบนั้นไม่มีทางพาพ้นทุกข์ มีแต่หลงทางกาย ชาติพันธุ์สังขารโลกไป แต่ทางชาตินามธรรมนี้จะพาบรรลุธรรม 

ท่านแจกชาติ 5 โดยบัญญัติ ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ

อาตมาจะไม่ไปวิจัยคำแปล หรือ ความหมายที่ท่านแปลในพระไตรปิฎกก็ตามหรือในผู้รู้ท่านอื่นก็ตาม อาตมาจะแปล และขยายความตามความรู้ของอาตมา ใครไม่เชื่อว่าอาตมาเป็นผู้บรรลุธรรมเหล่านี้จริงก็คงจะไม่อยากฟัง แต่ใครพอเชื่อก็อาจจะฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ถ้าใครเชื่อมากก็จะฟังมาก ใครเชื่อจริงๆ ก็ตั้งใจฟัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาทเริ่มอธิบายที่ชาติ 5 วันศุกร์ที่ 15 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 16:33:06 )

เรียนซ้ำชั้นทำให้มีเพื่อนมากขึ้น

รายละเอียด

2489 ตอนนั้นอาตมาอายุ 12 ปี อายุ 13 อาตมาเรียนที่วัดกลางที่ อ.พิบูลฯ อายุ 14 มาเรียนที่อุบลฯ มาเรียน ม.5 ที่โรงเรียนอำนวยวิทยา แล้วมาเรียน ม.6 ที่โรงเรียนเบ็ญจมมหาราช ก็เรียน ม.6 อยู่ 2 ปีจะได้มีเพื่อนมากขึ้น อาตมามีเพื่อน ม.6 ทั้ง 2 รุ่น มีเพื่อน ม.8 3 รุ่น อาตมาจึงมีเพื่อนมาก 

อาตมาจัดงานมิ๊ตติ้งเยอะมีเพื่อนหลายรุ่น ยังมีเพื่อนที่เพาะช่างอีก จัดมิตติ้งเก่งสมัยหนุ่มๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 22 ยุคนี้สมาธิชาวอโศกเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2565 ( 22:03:56 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์