@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

หลักสูตรต้นของอาสวะคือสังโยชน์ข้อ 1 ถึง 3

รายละเอียด

เป็นโสดาบันบุคคล มีจิตสงัดจากสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพัตตปรามาสคืออะไร สังโยชน์ 1 2 3 คือหลักสูตรต้นของอาสวะหรือสังโยชน์ 10 

ตน กับ กาย 

กายมี 2 ตัวตนก็คือ เป็นประธานก็จัดการกับกายตามตัวตนของตนเอง หากสักกะของตนเป็นอวิชชา มาควบคุม กายคือรูปนาม ควบคุมอย่างมิจฉาทิฏฐิเป็นโลกีย์ ถ้ามันมาเป็นโลกุตระก็มีประธาน สักกะ เป็นท้าวสักกะเทวราชมาควบคุมกายอย่างเป็นโลกุตระทีละ 2 ให้ลดลงไปเรื่อยๆ 

สูตรที่จะมาปฏิบัติให้รู้จัก กายตน หยั่งรู้แจ้งไม่มีวิจิกิจฉา แล้วมีอุบายเครื่องออกเรียกว่าศีลพรต แล้วอย่าหยุดแค่รู้ศีลพรต อุบายเครื่องออกกันดีแล้ว แต่เขาไม่เอาจริง สีลัพพตปรามาส ลูบคลำ เล่นหัวกับโจร ไม่ฆ่าโจรเสียที เมื่อไหร่มันจะเสร็จสักที หนักเข้าก็ไปหลงกับโจรไปคบกับเพื่อนโจรอยู่ตลอดกาล เคยแยกให้ฟัง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 20:20:51 )

หลักสูตรทฤษฎีการเหาะได้

รายละเอียด

แต่หลักสูตรทฤษฎีการเหาะได้ที่อาตมาเอามาทำในยุคนี้ ในยุค 2,500 กว่าปีเป็นสูตรของพระพุทธเจ้า ที่อาตมามาสอนให้พวกคุณเหาะได้เป็นสูตรของพระพุทธเจ้า มันได้เสื่อมไป เสื่อมไปจนกระทั่ง ของพระพุทธเจ้าท่านเรียกของท่านว่าเป็น “โลกุตระ” เป็นวิชาการขั้นโลกุตระ มันเสื่อม คนเสื่อมจากโลกุตระ ไม่ใช่ว่าโลกุตระเสื่อม โลกุตระเป็นสัจจะเป็นความจริงเป็นวิชาการ เป็นความรู้ไม่มีวันเสื่อมหรอก เป็นสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง แล้วมาเปิดเผยให้คนได้ศึกษา แล้วจะเป็นมนุษย์เหาะได้อย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 13:51:16 )

หลักสูตรที่สูงมาก

รายละเอียด

มากันอย่างเป็นภราดรภาพ แล้วก็มาอยู่กันอย่างสันติภาพ จากนั้นก็สร้างสมรรถภาพ สร้างบูรณภาพกันไป ทุกคนก็มาเป็นคน สุโปสะ บำรุงง่ายพัฒนาง่ายเจริญไปเป็นคนขยัน เป็นคนมีวรรณะ 9 เป็นคนยอดขยัน เป็นคนไม่สะสม ไล่มาตั้งแต่ยอด วิริยารัมภะ อปจยะปาสาธิกะ ธูตะ สัลเลขะ สันตุฏฐิ อัปปิจฉะ น้อยก็พอ 0 ก็พอ น้อยจนไปถึงหลัก 0 น้อยที่สุดก็คือ 0 เป็นคนพอ ใจพอและมักน้อยสูงสุด เรียกว่าเป็นคนอัปปิจฉะ จึงเป็นคนที่มาพัฒนา อาตมาสอนทุกวันนี้เป็นหลักสูตรที่สูงมาก ที่สอนพวกเรา เป็นหลักสูตรโลกุตระ ผู้มาเรียนก็เรียนได้ ได้รู้จักและมีจริง พัฒนากันไปเรียกว่า สุโปสะ และก็อยู่กันอย่างง่ายมาก สุภระ เลี้ยงง่ายอยู่ง่ายอยู่กันง่ายไม่ยาก 

สังคมต้องการคนชนิดอย่างนี้ มีวรรณะ 9 แล้วก็ได้เป็นสังคมสาราณียธรรม 6 นี่เป็นสุดยอดของพระพุทธเจ้าแล้วที่อาตมาหยิบมายืนยันความจริง ว่าธรรมะพระพุทธเจ้ายุคนี้ก็เอาของพระพุทธเจ้ามาเรียนรู้และปฏิบัติบรรลุได้แม้ยุคนี้ คนข้างนอกเขาไม่เข้าใจไม่มีภูมิพอ เขาไม่เชื่อ ก็บังคับกันไม่ได้ เขาไม่เชื่อ แต่พวกเราเป็นจริงไหม? เป็นจริง เป็นจริงนี่อย่างว่าหลงตัว โมเม หรือเปล่า ...ไม่

ใครตัดสินหนอ ตัวเองตัดสิน พระพุทธเจ้าไม่อยู่ เขาไม่เชื่อหรอก ไม่ใช่พระพุทธเจ้ามาตัดสิน อาตมาตัดสินให้ว่าใช่ เขาก็ไม่เชื่ออาตมา เพราะอาตมาไม่ได้เป็นคนที่ทำตนให้น่าเชื่อ จริงๆ อาตมาไม่ได้ไปทำตนปะเหลาะให้คนเป็นคนที่น่าเชื่อ คนที่ไปทำตนให้เป็นคนปะเหลาะให้เขาเชื่อ นั่นคือพวก ดรามาติก เป็นพวกดัดจริต เป็นพวกทำเท่วางมาด อาตมาไม่มีมาดมีแต่ความบริสุทธิ์ใจ มีแต่ความจริงใจ มีสิ่งที่ มีแต่ความจริง เทกระบะออกมามีแต่ความจริง ๆ คนอะไร คนอย่างนี้ก็มีด้วย มีแต่ความจริง ธรรมะพระพุทธเจ้าสรุปยอดมาที่ศีล สมาธิ ปัญญา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศก ทำแล้ว ทำอยู่ และกำลังทำโลกุตระต่อไป วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 4 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 14:13:26 )

หลักสูตรพระพุทธเจ้าเป็นหลักสูตรที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ

รายละเอียด

คือผู้ที่มีภูมิปัญญา โสดา เสมอกับโสดาบัน  สกิฑาคามี  เสมอกับสกิฑา  อนาคามีเสมอกับอนาคามี  อรหันต์เสมอกับอรหันต์  หลักสูตรพระพุทธเจ้าเป็นหลักสูตรที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ  จนจบปริญญาของพระพุทธเจ้า  คือเป็นพระอรหันต์เสร็จแล้วทุกอย่างสมบูรณ์ แบบหมดเลย  เพราะฉะนั้น ชีวิตสงบแบบชาวอโศก  อาตมาพูดแล้วว่า ชุมชนชาวอโศกเป็นชุมชนอนาคามีขึ้นไป

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งานมหาปวารณา ครั้งที่ 77 วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 15:18:08 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:29:05 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:59:45 )

หลักเกณฑ์ 4 ข้อ ของชาวอโศก

รายละเอียด

1.ไม่เป็นหนี้ แต่ละชุมชนนะ ส่วนตัวก็ปลดหนี้ให้หมด บางคนไม่หมดก็พยายาม พระพุทธเจ้าว่าการเป็นหนี้เป็นทุกข์

2.พึ่งตนเองให้รอด ทำงานทำการด้วยสุจริต อนวัชชะพละ เป็นงานที่ผู้รู้ไม่เห็นดีด้วย เป็นแรงงานพึ่งตนรอดไม่เบียดเบียนใคร

3.ทำให้มากเหลือเกินกินเกินใช้

4.แจกสงเคราะห์ผู้อื่น

ที่มา ที่ไป

560814


เวลาบันทึก 01 มีนาคม 2563 ( 14:50:08 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:29:47 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:58:03 )

หลักเกณฑ์การบริจาคเงินเข้ากองกลางของชาวอโศก

รายละเอียด

ผู้ที่มีสิทธิ์บริจาคได้ ที่จะสามารถบริจาคเงินเข้ากองกลางของชาวอโศกได้ คนข้างนอกทั่วไปเราไม่รับ ไม่รับเงินบริจาคทั่วไป ใครจะมาบริจาคก็ได้อย่างนี้ไม่ได้เราไม่รับ เป็นกฎเกณฑ์ที่เราทำมาตั้งแต่ไหนแต่ไร อย่างหลักเกณฑ์ของเรา บอกคร่าวๆก็ได้ หากยังไม่เคยเข้ามาขอบคุณโอภาปราศรัยกับพวกมาวัด บวร ชุมชนอโศก หากยังไม่มาถึง 7 ครั้งขึ้นไป อันนี้หมดสิทธิ์ที่จะบริจาค หรือไม่มาก็สามารถที่จะอ่านหนังสือของชาวอโศกที่มีเยอะแยะ อ่านได้อย่างน้อยสัก 7 เล่มขึ้นไป พอจะเข้าใจพอจะรู้เรื่องอย่างนั้นก็จะสามารถที่จะบริจาคได้อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 17 กันยายน 2563 ( 20:14:10 )

หลักเกณฑ์การสร้างคุณค่าชีวิตอยู่ที่ศีล

รายละเอียด

เอาหลักเกณฑ์ของศีลของพระพุทธเจ้ามาเป็นหลักเลยก็ได้

ก่อนอื่นเราไม่ทำร้ายสัตว์ใด ไม่ฆ่าสัตว์ใด ไม่เบียดเบียนสัตว์ใด มีใจเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ อย่างนี้แหละ เป็นคุณค่ามหาศาลของคนทุกคน เป็นคุณค่าถึงขั้นว่า เราไม่เบียดเบียนเขาเลย เขามาเบียดเบียนเราก็ไม่เป็นไร เขามาเบียดเบียนจนทำร้ายให้เราเจ็บปวดก็ยอม หลีกเร้นเอา อย่าให้เขาทำ จนกระทั่งสุดท้ายหลีกไม่พ้นเขาฆ่าเรา ตายก็ตาย เราก็ไม่อาฆาตไม่พยาบาท ตายก็ตาย ปล่อยวางไป 

ถ้าเป็นพระอรหันต์แน่นอน คนฆ่าท่าน ท่านก็ไม่ติดยึด ไม่พยาบาท ท่านก็สูญไปเลย เลิก ไม่มีอะไรต่อกันอีก เกิดมาไม่มีอะไรต่อกันอีก แต่แม้ไม่เป็นพระอรหันต์ หรือเป็นพระอรหันต์ก็ตามเป็นโพธิสัตว์จะเกิดมาอีกก็ไม่จองเวรจองกรรมกันอีกแล้ว ไม่ติดไม่ยึดไม่จองเวรจองกรรมกันอีกแล้ว ให้เขาทำไป เขายังจะมาทำอีกในชาติที่ 2 ชาติที่ 3 ก็ทำ เพราะการเกิดการตายนั้นนับชาติไม่ถ้วน เราจะเกิดจะตายอีกกี่ชาติๆ ก็ได้ กรรมวิบากที่เราสร้างมีแต่ดีๆ นั้นจะเป็น กัมมปฏิสรโณ จะเป็นกรรมที่มีวิบากเป็นเครื่องอาศัย อาศัยวิบากที่ดีจนกระทั่งเลิกทำ จนกระทั่งเขารู้สึกตัว เขาสำนึกแล้วเขาก็ละอาย เขาก็เกรงกลัวต่อบาป แล้วเขาก็กลับมาสร้างประโยชน์หรือทดแทนคุณ หรือแก้ตัวที่ได้ทำชั่วนั้นใหม่ มันจะวนเวียนอย่างนั้น นี่แหละคือชีวิตที่มีคุณค่า เอาประเด็นเดียวนี้ก็ยิ่งใหญ่ ฟังให้ชัดๆ แล้วทำให้ได้ นี่คือศีลข้อที่ 1 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 22:01:00 )

หลักเกณฑ์การเมืองที่บริสุทธิ์ 10 ข้อ

รายละเอียด

มันมีเชิงแฝงกลเกมการเมือง เป็นความไม่บริสุทธิ์

แล้วความบริสุทธิ์ที่สุดคืออะไร ก็คือความถูกตรงตามหลักเกณฑ์ หลักเกณฑ์ที่อาตมาได้นิยามเอาไว้ เป็นนิยามข้นๆไว้ 10 ข้อ

1. งานการเมืองต้องมีคุณธรรมและเป็นกุศลเพื่อมวลมนุษยชาติ

2. นักการเมืองต้อง “รู้จัก” ประชาธิปไตยที่แท้

3. นักการเมืองต้อง “สอน” หรือเผยแพร่ประชาธิปไตยให้กับประชาชน  (ประชาชนก็ใส่ใจขวนขวายเรียนรู้ ไม่ใช่รู้แค่ว่าไปเลือกตั้งเท่านั้น) อาตมานี้สอนการเมืองประชาธิปไตย แต่ขอบอกไว้ว่าจะไม่ไปรับตำแหน่งอะไรแต่ทำงานร่วมกับรัฐบาลได้ ไม่เป็นข้าราชการด้วย ข้าราชการนั้นคือนักการเมืองประจำ นักทำงานรับใช้ประชาชนประจำ แต่ทุกวันนี้กลายเป็นศักดินาเบ่งใหญ่ นี่ก็ผิดอีก

4. นักการเมืองต้องเป็นผู้พึ่งตัวเองได้แล้ว

5. นักการเมืองต้องเป็นผู้มักน้อยสันโดษ รู้พอไม่สะสม เป็นเครื่องชี้บ่งเลย ไม่จำเป็นจะต้องไปรวย ประชาชนเขารวย เขาจะอุดหนุนมา กระเป๋าของนักการเมืองใหญ่คือประชาชน คือสมบัติของประชาชน เขาอยากจะช่วยเลย ถ้าหากเราทำเพื่อประชาชน ประชาชนผู้มีปัญญาจะช่วยเต็มที่เลย มีเท่าไหร่ก็เอาให้หมดตัว อย่างนั้น นักการเมืองต้องเป็นผู้มักน้อย ใจพอ กล้าจน ไม่โลภ ไม่สะสม เราได้บทเรียนจาก “คนรวยแล้วไม่โกง”มาแล้ว เอาคำว่ารวยแล้วไม่โกงมาหลอก แต่มันโกงคนเดียวไม่พอ โกงทั้งตระกูลตั้ง 5 แสนล้าน

6. นักการเมืองต้องไม่ทำงานการเมืองเป็นอาชีพหากิน ไม่มอบตนในทางผิด

พ้นมิจฉาชีพ 5  1). การโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น (กุหนา)  มีในงานการเมือง

2). การล่อลวง หลอกลวง (ลปนา) ในนักธุรกิจ-การเมือง

3). การตลบตะแลง (เนมิตตกตา)  ยังเสี่ยง-ยังไม่แน่แท้

4). การยอมมอบตนในทางผิด อยู่คณะผิด (นิปเปสิกตา)

5). การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ ลาภัง นิชิคิงสนตา)

(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 275 มหาจัตตารีสกสูตร)

7. งานการเมืองต้องเป็นงานอาสาเสียสละ คือต้องเข้าไปเสนอตัว คืออาสา ขอทำงานนั้น โดยไม่ได้เรียกร้องเอาอะไรตอบแทน อาสาคือเราเป็นผู้เสนอตัวเข้าไปรับใช้ ไม่ใช่เต๊ะท่า ให้คนมาเชิญ อย่างอาตมาพาไปทำไม่มีใครเรียกร้อง เขาหาว่าบ้าบอยัดเยียดตัวเองเข้าไปด้วยซ้ำ แล้วก็ยังจะทำต่อไปอีก ตรวจสอบได้ จะเข้าไปเสนอตัว แล้วก็ทำงาน โดยไม่ต้องการเรียกร้องอะไรตอบแทน

8. นักการเมืองจะต้องไม่มีอคติ (ต้องพ้น อคติ 4)

9. นักการเมือง คือ ผู้มีอิสระแท้จริง ไม่เป็นทาสโลกธรรม

10. งานการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่งานเพื่อตัวเรา เพื่อครอบครัว เพื่อหมู่พวก เพื่อพรรค แต่เป็นงานเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชนทั้งมวล เพื่อผู้อื่นที่พ้นไปจากตัวเอง พ้นไปจากครอบครัว พ้นไปจากหมู่พวก แม้แต่พ้นไปจาก “พรรค” ของตน

สิบข้อนี้อาตมานิยามเอาไว้ตั้งแต่ต้น ขยายความมากกว่านี้ได้ แต่สิบข้อนี้ทำให้สมบูรณ์แบบเถิด รับรองว่าไปโลด การเมืองประชาธิปไตย ไปรอดแน่

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 12:21:32 )

หลักเกณฑ์ของชาวอโศกที่พ่อครูตั้งไว้

รายละเอียด

หลักเกณฑ์ของอาตมา 

1.อย่าเป็นหนี้ 

2.พึ่งตนเองให้รอด 

3.ทำให้เหลือเฟือ เกินกินเกินใช้ของตัวเองให้มากยิ่งขึ้น โดยไม่ลดคุณภาพ คุณค่าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ 

4.อภินันทนาการ ท่านทั้งหลายในโลก แม้เศรษฐีรวยเท่าไหร่ก็ยังต้องกินต้องใช้พืชพันธุ์ธัญญาหาร ไม่ต้องพูดถึงคนจนเลยเขาต้องการกินอยู่แล้ว อาตมาว่านี่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเรื่องของความจริง ความรู้ความจริง เป็นงานยิ่งใหญ่ เป็นงานประเสริฐ เป็นงานวิเศษ เป็นงานที่สุดยอด 

เพราะฉะนั้นใครยึดงานนี้ได้มุ่งมั่นงานนี้เลย มีสมรรถนะมีความสามารถอย่างดีเลยทำได้ดี ทำได้เก่งโดยที่เห็นคุณค่าอย่างแท้จริง โอ้โห พวกเรานี้ก็ยัง จิตใจยังไม่ลงถึงอันนี้เท่าไหร่ ถ้ามีจิตใจลงถึงอันนี้เป็นกสิกรเต็มภาคภูมิ จะยิ่งใหญ่ 

ขนาดแค่ไปช่วยกันเก็บมากินหน่อยยังยากเลย ทั้งๆ ที่มันไม่เยอะนะ คนปลูกก็ยากกว่านะ ให้ไปเก็บมากินหน่อยยังยากเลย จะรอสุกแล้วตักใส่ชามมา โอ้ย!..เอาขี้เกียจออกไปหน่อย เอาขยันใส่ตัวเองหน่อย ไม่ใช่เรื่องเล่นแต่เป็นเรื่องจริง เรื่องดี เป็นเรื่องประเสริฐไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เหลาะๆ แหละๆ อาตมาไม่ไปดุไปดันอะไร 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาวอโศกคือชาวหรรษาที่แท้จริง วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2565 ( 19:33:46 )

หลักเกณฑ์ของศีล 3 ข้อ

รายละเอียด

คือ ศีลข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 ต้องศึกษาให้ครบ ศีลข้อ 1 เกี่ยวข้องกับสัตว์ คน ศีลข้อ 2 เกี่ยวข้องกับของเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม กับพืชถือว่าเป็นของมันไม่มีวิญญาณ  ไม่มีเวทนากับข้อที่ 3 ตัวเวทนาแท้ๆ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส 6 กามคุณ 5  แล้วมีจิตร่วมเป็น 6  ต้องศึกษาและมีสภาวะเหล่านี้  ปฏิบัติอธิศีล  อธิจิต แล้วต้องมีสำรวมอินทรีย์ 6  ต้องลืมตาปฏิบัติ  หากหลับตาปฏิบัติก็ไม่ได้สัมผัสทั้งอินทรีย์ 5  มันก็ผิดแล้วในวิชชาจรณสัมปันโนของพระพุทธเจ้าที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ได้ตรัสรู้  เริ่มต้นหลับตาปฏิบัติก็ไม่ใช่ทฤษฏีของพระพุทธเจ้าแล้วแต่มีไหม ก็มี ปนเละเทะอยู่ในศาสนาพุทธ

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562

 

 

 

 


เวลาบันทึก 18 ตุลาคม 2562 ( 16:24:21 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:34:07 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:29:34 )

หลักเกณฑ์ของศีล เอามาปฏิบัติทำให้ชีวิตเจริญ

รายละเอียด

คือการตั้งศีล เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไม่ใช่หลวงปู่พูดคนเดียว  ศีลคืออย่างไร  ปฏิบัติแล้ว ก็จะเกิด อธิจิต  อธิปัญญา  อธิวิมุติ  ศึกษาให้ดี แล้วจะรู้ว่ามีหลักเกณฑ์ของศีล เอามาปฏิบัติจะทำให้ชีวิตเราเจริญจริงๆ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:53:33 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:30:43 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:57:01 )

หลักเกณฑ์ของศีลคือจรณะ 15 วิชชา 8

รายละเอียด

เข้าหาจรณะ 15 วิชชา 8 ตามหัวข้อ หลักเกณฑ์ก็คือศีล ศีลก็พูดวนไปขยายความ ศีลข้อ 1 เกี่ยวกับสัตว์ ข้อที่ 2 เกี่ยวกับวัตถุและพืช ข้อที่ 3 มาหาเนื้อตัวเลย ตา หู จมูก ลิ้น กาย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส 

ก็เรียนรู้หลักของศีล 3 ข้อใหญ่ เข้าใจโดยละเอียดลออ ศีล 3 ข้อนี้หรือเข้าไปเป็นขั้นๆ ตั้งแต่สัตว์ เราอยู่กันอย่างญาติ อยู่กันอย่างเป็นประโยชน์ หวังประโยชน์แก่กันและกันอยู่ สรุปนะ อาตมาจะไม่ขยายความ

ข้อที่ 2 เกี่ยวกับพืชและวัตถุ เราก็อาศัยพืชอาศัยวัตถุกันในชีวิต แม้จะยังชีพกินเป็นอาหารก็ใช้พืชใช้วัตถุ เกลือเป็นวัตถุ เราก็อาศัยเกลือ ธาตุแป้งหรือ ธาตุอื่นๆ อย่างนั้นอย่างนี้เราก็อาศัย เป็น กวฬิงการาหาร เข้าไปเลี้ยงชีวิต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:34:03 )

หลักเกณฑ์ของศีลเอามาปฏิบัติทำให้ชีวิตเจริญ

รายละเอียด

การตั้งศีล เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสไม่ใช่หลวงปู่พูดคนเดียว  ศีลคืออย่างไร  ปฏิบัติแล้วก็จะเกิด อธิจิต  อธิปัญญา  อธิวิมุติ  ศึกษาให้ดีแล้วจะรู้ว่ามีหลักเกณฑ์ของศีล เอามาปฏิบัติจะทำให้ชีวิตเราเจริญจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่  25  พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2562 ( 20:19:08 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:35:14 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:56:16 )

หลักเกณฑ์ผู้ที่จะเข้ามาอยู่ในหมู่กลุ่มอโศกต้องมีภูมิธรรมอนาคามีขึ้นไป

รายละเอียด

สำหรับผู้ที่จะเข้ามาอยู่ในหมู่กลุ่มจะปฏิบัติกันนี่ เราก็มีหลักเกณฑ์เลยว่า 

1.ศีล 5 ก็ต้องสมบูรณ์ ต้องปฏิบัติให้ได้ เพราะเป็นพื้นฐาน

เบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ 2.ไม่กินเนื้อสัตว์เลย อย่างที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงเดี๋ยวนี้ จะบอกว่าเข้มก็เข้ม เพราะอาตมาต้องการอรหันต์ ถ้าไม่เช่นนั้น ชาตินี้มันก็ไม่ได้เป็นอรหันต์ง่าย 

3. ก็คืออบายมุขที่ไปเสพไปติดอยู่ในเรื่องต่ำไปวนเวียนอยู่ในโลกที่ชั้นแรกแล้ว ชั้นต้นแล้ว ถ้ายังเลิกไม่ได้ก็แย่แล้ว 

เพราะฉะนั้นพวกเราเรื่องอบายมุขกับข้างนอกนี้จะชัดเจน ห่างเยอะ เพราะฉะนั้นแม้แต่เรื่องของกามคุณ 5 ก็เยอะ จนกระทั่งอาตมาได้พูดไปแล้ว ว่าสังคมชุมชน ที่เป็นชุมชนของชาวอโศกเป็นสมาชิกในชุมชน จึงเป็นคนที่มีภูมิธรรมถึงขั้นอนาคามีขึ้นไป แม้ยังไม่บริบูรณ์ ยังไม่สมบูรณ์แบบ กายวาจาก็เป็นอนาคามี ถูกบังคับอยู่ในตัว บังคับด้วยกฎเกณฑ์ บังคับในเพื่อนฝูงหมู่กลุ่ม

จิตเราอาจจะยังมีกิเลส ยังมีเศษของกามอยู่บ้างในศีล 5 ก็ค่อยๆเป็นไป พวกเราก็ค่อยๆรู้กัน คนนี้ศีล 5 คนนี้ศีล 8 คนนี้ศีล 10 คนนี้ ศีล จุลศีลเพิ่มขึ้นตามลำดับตั้ง 43 ข้อ ค่อยๆไล่ไป มันไม่ต้องถึงจุลศีลหมดทั้ง 43 ข้อหรอก ปฏิบัติไป 10 ข้อ 20 ข้อ 10 กว่าข้อไปก็บรรลุอรหันต์ได้ก่อนแล้วก่อนที่จะหมดจุลศีล เพราะฉะนั้นยิ่งจุลศีลครบ ก็แน่นอน คุณทำได้ดีได้มรรคได้ผลตามจุลศีล แน่นอน ได้เป็นอรหันต์แน่นอน 

อาตมาสรุปย่นย่อแม้แต่ในศีล 3 ข้อ ขยายมา สรุปอย่างหยาบแต่มันหมายถึงมีแนวลึกอยู่ในตัวโดยปริยาย 

ศีลข้อ 1 เกี่ยวกับสัตว์ 

ศีลข้อ 2 เกี่ยวกับพฤติกรรมของเราที่เกี่ยวกับเรื่องข้าวของ วัตถุจนกระทั่งมาถึงพืช พืชมันไม่มีจิตวิญญาณ พืชมันแม้จะมีชีวะ มันก็ไม่มีจิตวิญญาณ อันนี้ก็เป็นนัยยะที่ลึกซึ้ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 45 วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 05:52:48 )

หลักเกณฑ์พิจารณาผู้เข้ามาบ้านราช

รายละเอียด

เอาน่า ใจเย็นๆ เรามีหลักเกณฑ์ ถ้าคนที่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เราก็เห็นหน้าเห็นตาเห็นความจำเป็นแล้ว ก็ไม่ให้เข้ามาเลยสำหรับคนที่เราไม่รู้จักมักจี่อะไรเลยมาจากไหนก็ไม่รู้ หรือคนที่มาก็พอจะรู้ แต่ก็ยังไม่ใช่คนในที่เป็นสมาชิกของชาวอโศก เราก็จะต้องซักไซ้ไล่เลียงหาองค์ประกอบ มันมีอะไรเกี่ยวข้องเป็นเหตุเป็นปัจจัยแล้วเราคิดว่าเหมาะควรขนาดไหนก็ว่าไปตามนั้น ส่วนสมาชิกของเราแท้ก็มีสมาชิกที่ห่างกับสมาชิกภายในเลย สมาชิกที่ห่างอยู่ก็ต้องมีอีกอย่างนึง ที่เราจะต้องพิจารณาหลักเกณฑ์ ส่วนสมาชิกที่อยู่ภายในเราก็มีหลักเกณฑ์อีกแบบหนึ่ง บางผู้บางคนก็ไม่มีปัญหาอะไรบ้าง คนเราก็มีหลักเกณฑ์บ้างเป็นไปตาม จริงใจและสมควรไม่ได้มาแกล้งกัน แต่ทำเพราะเหตุปัจจัยเรื่องโรค covid-19 จริงๆตามที่เรามีความรู้ความสามารถที่จะทำให้ดีที่สุดได้เราก็เอาตามนั้น เอาน่าใจเย็นๆ ถ้าตั้งใจดีๆ ก็มากักตัว ไหนๆก็จะมาอยู่ที่นี่ก็มาจะถูกกักตัวกี่วัน ว่าแต่เขาจะรับคุณหรือเปล่าเท่านั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:54:04 )

เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:00:41 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:55:09 )

หลักเกณฑ์พึ่งพาเอาตัวรอด

รายละเอียด

หลักเกณฑ์ที่อาตมาว่าไปแล้วว่าเรื่อง 1.อย่าไปเป็นหนี้ 2.ต้องมีความรู้ความสามารถพึ่งพาตัวเองรอด ต้องทำงานต้องสร้างสรรมีสมรรถนะทำมาหากิน สิ่งที่อาศัยกินอาศัยใช้ ไม่ต้องไปอ้าขาพับอีกไปทำอย่างอื่นหรอก ทำพืชพันธุ์ธัญญาหารเป็นหลัก แม้แต่เรื่องของสัตว์ก็อย่าไปยุ่ง เอาแต่พืชพันธุ์ธัญญาหาร ประมงก็ตามปศุสัตว์ก็ตามอย่าไปยุ่ง เอาพืชพันธุ์ธัญญาหารให้อุดมสมบูรณ์ให้มากจนกระทั่ง ทุกวันนี้การคมนาคมก็ยังดี ต่อไปจะเสียเงินค่าเครื่องบินเอาไปแจกให้หมดเลย แจกให้เข็ดเลย หรือคิดราคาให้ถูกๆ ก็ยิ่งดี แจกให้เลยก็ยิ่งดีกว่า หรือใครจะมาเอาเองก็มาเอา เราสร้างให้มากๆก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2564 ( 10:32:44 )

หลักเกณฑ์ในการเรียนรู้จับกิเลสศีลในแต่ละข้อ

รายละเอียด

ใช่ ต้องเอาความจริงที่ว่าคุณจะไปปิดตาหูจมูกลิ้นกาย คุณมีทวาร 5 และใจ มาร่วมทำงานเท่านั้นเองสามัญ อย่าไปปิดมัน แล้วก็ต้องรู้ว่าตากระทบรูปกิเลสมันจะมาร่วม หูกระทบเสียงแล้วกิเลสมันจะมาร่วม อันนี้ต่างหากที่ให้เรียนรู้ในการที่จะจับ พระพุทธเจ้าบอกว่า มีหลักเกณฑ์คือ ศีลข้อที่ 1 อันนี้เกี่ยวกับสัตว์จะสัมผัสกับสัตว์ หรือแม้จะสัมผัสกับคน คนก็คือสัตว์ สัมผัสแล้วสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกาย กิเลสมันเกิด จะสัมผัสคน จะสัมผัสผู้ชายกับผู้ชาย จะสัมผัสผู้ชายกับผู้หญิง หรือผู้หญิงกับผู้หญิงสัมผัสกัน สัมผัสคน แล้วมันจะเกิดกิเลสออกมา ไม่ว่าจะเป็นราคะ โทสะ โมหะ หรือ โลภะ โทสะ โมหะ คุณก็พยายามจับกิเลส นี่คือศีลข้อที่ 1 ที่จะต้องปฏิบัติ ศีลข้อที่ 2 เกี่ยวกับของ ไม่ว่าจะเป็นดินน้ำไฟลม พืชพรรณธัญญาหาร หรือของกินของใช้วัตถุอะไรต่างๆ นานาก็แล้วแต่  มันก็ต้องสัมผัสสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ในชีวิตประจำวันที่คุณต้องใช้สิ่งเหล่านี้ เป็นของกินของใช้ เมื่อสัมผัสแล้ว คุณเองทุจริตกับการสัมผัสนั้นมาไอ้ที่ไม่ใช่ของเรา ก็อยากได้ของของเขา อยากได้จนกระทั่งเป็นขโมย ก็คือ ของๆเขาไม่ใช่ของเรา 1. ปล้นชิงฆ่ามันเสีย แย่งของมันมา นั่นเลวร้ายที่สุด 2. จะแย่งชิงอย่างไรก็แล้วแต่ อย่างที่ทำกันทั่วโลกใช้อำนาจบาตรใหญ่ใช้อาวุธไปแย่งชิงเขามา  3. ใช้เล่ห์เหลี่ยม เพื่อที่จะทำให้เขาเอามาให้ เอามาเป็นของเราให้ได้ด้วยเหลี่ยมของการโกง  ยึดเอามาเป็นของกู ซึ่งมันไม่มีที่จบเลยนะ ข้อที่ 3 การสัมผัสตาหูจมูกลิ้นกาย มันเป็นการสัมผัสรส ก็ต้องลดกิเลสกามรส นี่อีกด้วย มันก็มีเท่านี้แหละ ข้อ 2 ก็เป็นวัตถุสมบัติ ข้อที่ 3 ก็คือ ลดกามคุณ ศีลข้อที่ 1 2 3 นี่แหละเป็นตัวหลักของศาสนาพุทธ เรียนรู้เข้าใจสภาวะอาตมาขยายจากศีลทั้ง 3 ข้อนี้คนถือศีลทั้ง 3 ข้อนี้และปฏิบัติให้จริง แม้แต่ออกไปเป็นวจีกรรมก็ออกไปจาก 3 ข้อนี้ มาจากมโนกรรม ศีลข้อที่ 4 ข้อที่ 5 ก็มาจากหลัก 3 อย่างนี้ อาตมาย่อให้ชัดที่สุดแล้ว ถ้าเข้าใจแล้วปฏิบัติกับตัวเอง เมื่อสัมผัสแล้วเกิดกิเลสโลภโกรธหลง ข้อที่ 2 เกิดโลภโกรธหลง ศีลข้อที่ 3 เกิดราคะ โกรธ หลง ก็เรียนรู้ให้ชัดเจนและลดกิเลส

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 12:27:03 )

หลักเกณท์ของนานาสังวาส

รายละเอียด

นานาสังวาส มีหลักเกณฑ์ 3 อย่างใหญ่ๆ 1.มีศีลไม่เสมอสมานกัน 2. มีความประพฤติต่างกัน 3.มีอุเทสต่างกัน

1. ศีล ไม่เสมอสมานกันก็คือ เขามีศีล 227 แต่ของเรา 227 คือพระวินัยเราก็ถือด้วยแต่เรามีศีลจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล ของเขาไม่เอาเรื่องศีลเลย เขาละเมิดมหาศีลกันทั้งยวงเลย อยู่ในมหาเถรสมาคมไปไม่รอดเลย ถ้าเอาจุลศีล มัชฌิมศีล มหาศีล มาจับเขาก็พังเลย เขาเป็นศาสนาไม่มีศีล ก็เลยเอาแต่วินัย 227 ขนาดนั้นก็ยังผิดกันอย่างระเนระนาดเลย 

2. การประพฤติก็ต่างกัน เช่นเราประพฤติไม่ใช้เงินทอง ทางโน้นใช้เงินใช้ทอง ทางนี้ไม่กินเนื้อสัตว์ ทางนั้นก็กินเนื้อสัตว์ เป็นต้น 

3. อุเทส คำอธิบายไม่เหมือนกัน หัวข้อเดียวกันแต่อธิบายไม่เหมือนกัน เช่น คำว่าฌานเป็นต้น คำว่าสมาธิเป็นต้น อธิบายกันคนละเรื่อง คำว่าวิมุติก็คำเดียวกันอธิบายคนละเรื่องสมาบัติคำเดียวกันก็อธิบายคนละเรื่อง ปัญญาคำเดียวกันก็อธิบายกันคนละเรื่อง

ปุญญะหรือบุญ เป็นคำเดียวกันแต่อธิบายกันคนละเรื่อง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์รายการพุทธศาสนาตามภูมิที่บ้านราชฯ วันพุธที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2563 ( 15:32:24 )

หลักเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่คือทุกคนเสียภาษี 100%

รายละเอียด

คนจะทำทานอาตมาเขาก็ต้องไว้ใจอาตมา แล้วอาตมาก็เอามาทำงานศาสนาจริง พวกเราดูเหมือนมีอะไรมาก อันนี้เป็นหลักเศรษฐศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ อะไรที่ดูเหมือนมีมากมีครบ มีความบริบูรณ์ มีเศรษฐกิจดีเพราะอะไร เพราะว่าทุกคนในนี้ต่างเสียภาษี 100% ให้ส่วนกลางเงินก็ต้องรวมกันมี ไม่มีใครคอรัปชั่นคอมมิชชั่น จึงเป็นเนื้อหนังที่ชัดเจนแต่มันไม่ใหญ่หรอกมันเล็ก มันเป็นโมเดลอย่างย่อ เป็นโมเดลตัวอย่าง เป็นความสวยงามถูกต้องวิจิตรพิสดารจริงๆ ไม่โตไม่ใหญ่แต่เป็นของจริงเป็นความสดสวยบริสุทธิ์สะอาด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ  ตอบปัญหาอย่างนานาสังวาส
วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
สื่อธรรมะพ่อครู(จรณะ 15 วิชชา 8) ตอน ไฟฌานทำลายกิเลสได้อย่างไร


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:59:48 )

หลักเศรษฐศาสตร์แบบสาธารณโภคี

รายละเอียด

ถ้าคนที่รู้ว่าอย่าไปมีมากเลย ลดมาให้ไม่มีแล้วเอาไว้กองกลางกัน  ตัวเองก็หัดใช้น้อย เปลืองน้อย ไม่ต้องเปลืองเลย หลักเศรษฐศาสตร์อันนี้  พูดวนไปวนมา ทำไมมันยากมาก  มันยากกันจริงๆ  จัง ๆ  ทำไม่เข้าใจได้ยาก  เพราะว่ากิเลสมันมีเป็นภูเขา  มันบังดวงตาคน กิเลสมันเป็นภูเขายังดวงตา  กว่าจะสลายภูเขาเคลื่อนภูเขาให้ออกพ้นไปจากสายตา ดวง   โอ้โห  จึงเป็นเรื่องที่ต้องเป็นครกขึ้นภูเขายังยากเลย  ไปเข็น ภูเขาให้ออกไปจากสายตา  ไม่ใช่แค่หืดขึ้นคอ  แต่มะเร็งขึ้นคอเลย   แต่มันไม่มีทางเลือก  มันต้องสอนต้องแนะนำมาพาให้เป็น

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก  วันอาทิตย์ที่  17  พฤศจิกายน  2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 17:07:09 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:35:56 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:53:33 )

หลักเหกณฑ์ของนานาสังวาสห้ามฟ้องร้องกันและกัน

รายละเอียด

หลักเกณฑ์ของนานาสังวาสข้อ 1 มีว่า ห้ามสองฝ่ายนี้ที่เป็นสงฆ์ด้วยกัน ห้ามไปอธิกรณ์กันและกัน คือ ห้ามไปฟ้องร้อง มีสงฆ์สองฝ่าย ฝ่ายใดไปฟ้องฝ่ายใด คนนั้นล่ะบาปคนนั้นตกนรก คนนั้นล่ะผิด ฟ้องร้องกันไม่ได้ ต่างคนต่างทำ จบ นี่คือ กฎระเบียบธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า นานาสังวาสแล้วฟ้องร้องกันไม่ได้ โดยเฉพาะนานาสังวาสที่ทำพิธีประกาศกันเป็นหลักฐาน อาตมาประกาศนานาสังวาสต่อหน้าองค์ประชุมสงฆ์ที่วัดหนองกระทุ่ม 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม  2563


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2563 ( 13:18:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:36:44 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:51:52 )

หลักแหล่งของชีวิตที่ควรอาศัย

รายละเอียด

จริงๆ สัจธรรมจริงๆ ถูกต้องที่สุดมีหนึ่งเดียว พระพุทธเจ้าตรัส ต้องค้นหาให้ได้ หลักแหล่งใดที่ดีที่สุด ที่เราควรจะต้องใช้เวลา สัมผัส เสพข่าว เสพข้อมูล เสพสิ่งที่ควรจะเอามารับรู้ พิจารณาตัดสิน แล้วก็ใช้เป็นสิ่งที่จะอาศัยใช้ไปในชีวิตว่า ทุกอย่างมันไม่เที่ยง มันเปลี่ยนแปลงไปด้วยเหตุปัจจัยองค์ประกอบของ กาละ เทศะ ฐานะ ตลอดเวลา เราก็ต้องรับทางโลกที่เขาเคลื่อนไหวไปตลอดเวลาด้วย ทั้งความจริงที่เรารู้หลัก รู้แหล่งความเป็นจริงที่เป็นหนึ่งเดียวนั้นด้วย เอามาใช้พิจารณาตัดสินใจ โดยจะอนุโลมปฏิโลมกันอย่างไร มันจึงจะสามารถที่จะอยู่กันได้อย่างอนุโลมนั่นแหละ อย่างที่จะต้องเราบ้างเขาบ้าง 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 13 มหาวิทยาลัยที่ประสาทปริญญาโลกุตระ วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มิถุนายน 2566 ( 14:14:46 )

หลักในการสร้างมนุษย์ตามทฤษฎีธรรมะพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

เราดำเนินชีวิตกันมาเป็นหมู่บ้าน ที่อาตมาใช้ทฤษฎีธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นหลักในการสร้างมนุษย์ จนได้มรรคได้ผลกันเป็นชุมชนที่มี ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติอย่างแท้จริง คนเขาไม่เข้าใจเขารังเกียจก็ไม่มา แต่คนที่เขามาเชื่อก็มี มันก็มีสองทิฏฐิ คนที่ไม่เชื่อก็ไม่มา แต่เราพูดความจริงเรามีสิทธิ์พูดความจริง แต่ความจริงใจอาตมาตรวจจิตใจตัวเองว่าเราอยากอวดไหมเราอยากโชว์ไหม อาตมาว่าอาตมาไม่มีสาเฐยจิตพวกนี้แต่ทำไมต้องพูด เพราะคนเข้าใจผิดในเรื่องอาริยะมันเป็นเรื่องผิดฝาผิดตัว เป็นเรื่องเลอะเทอะไปหมดแล้ว

เราก็ทำตามหลักพระพุทธเจ้ามีหลักฐานตรวจสอบตามหลักวรรณะ 9 เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา อาตมาก็อธิบายมาหมด คำว่าบุญ คำว่ากุศลธรรม กาย คำว่าศีล สมาธิ ปัญญา เป็นนัยยะที่เป็นโลกุตระ อาตมาก็ขยายความอ้างอิงคำสอนพระพุทธเจ้ามาตลอด เอาพระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐมาเป็นหลัก ก็พออยู่ได้มีหลักฐาน เขาก็ยอมรับนับถือพระไตรปิฎกฉบับเดียวกัน  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 37 วันเสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2561 


เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:13:07 )

หลักใหญ่ของพุทธคุณ 9 คือ วิชชาจรณะสัมปันโน

รายละเอียด

คำสอนที่เป็นหลัก หลักใหญ่เขาก็ไม่เอามาพูดแล้ว เพราะเขาไปหลับตา เพราะฉะนั้นหลักใหญ่ของพุทธคุณ 9 คือ วิชชาจรณะสัมปันโน คำสอนของพระพุทธเจ้าคือ วิชชาจรณะสัมปันโน ก็ต้องเรียนรู้ ประพฤติ คือ จรณะ แล้วก็ให้เกิดวิชชา จะบรรลุธรรมด้วยวิชชาและจรณะ 

ต้องมีจรณะ ประพฤติเป็นเหตุ แล้วก็มีวิชชาเป็นผลตามมา ซึ่งพวกเราก็จำได้หมดแล้ววิชชา 8 จรณะก็ 15 พวกเราไล่ได้ไหม มีอะไรบ้าง จรณะ15 สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ สัทธรรม 7  ฌาน 4 ของพุทธจึงเกิดจากเหตุจากการปฏิบัติสังวรศีลและ อปัณณกปฏิปทา 3 ปฏิบัติสัทธรรม 7 จึงจะเกิดฌาน

ไม่ใช่ไปหลับตาปฏิบัติ ไม่มีเหตุพวกนี้เลย ซึ่งแบบนั้น มันเป็นการหยุดนิ่งๆ สะกดเอาไว้ มันเป็นวิธีการสะกดจิตเท่านั้น ไม่ได้เรียนรู้อย่างพิสดาร อย่างวิจิตร อย่างที่ลืมตา ฌานของพระพุทธเจ้าลืมตาหมด ฌานของพระพุทธเจ้า ไม่ได้หลับตาเลย เพราะฉะนั้นเมื่อไม่มีทาน แล้วก็ไปปฏิบัติจิตให้มันเป็นฌาน เป็นวิมุติ หรือ ถือศีลก็ให้มันเกิดจิตเป็น อธิจิต เป็นฌาน เป็นวิมุติ มันไม่มีเหตุปัจจัยอย่างนี้ นั่งหลับตาทานก็ไม่มี ศีลก็ไม่มี 

เพราะฉะนั้นเขาจึงไปแปล แม้ผู้แปลพระไตรปิฎก สัมมาทิฏฐิ 10 มีทาน มีศีลเขาใช้พยัญชนะบาลีเลย สัมมาทิฏฐิ ทินนัง ทานให้ไปแล้วจะบรรลุผลหรือไม่บรรลุผล แน่นอนทานที่ให้ไปแล้วมันก็มีผลทันที เพราะฉะนั้น ทานจะมีผลหรือไม่มีผล มันจะต้องมีผลสิ ทานอย่างไรมันก็ต้องมีผลคือได้ให้ คือ ทาน มันเป็นกุศลทันที แต่ผลที่พระพุทธเจ้าหมายนั้นไม่ใช่หมายถึงกุศล แต่หมายถึงมันเกิดการชำระกิเลสหรือไม่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47 ปฐมอโศก วันพุธที่ 8 มีนาคม 2566 แรม 2 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2566 ( 12:38:57 )

หลักใหญ่ในการปฏิบัติฌานลืมตา

รายละเอียด

การปฏิบัติหลักใหญ่ที่ท่านสรุปไว้ว่า คือ อปัณณกปฏิปทา 3 ใน จรณะ 15 มีศีลก่อน แล้วถึงจะค่อยเกิด ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พหุสัจจะ วิริยะ สติ ปัญญา นี่คือสัทธรรม 7 เกิดสิ่งเหล่านี้แล้ว นับเป็น ฌาน ฌานลืมตา ฌานที่เกิดจาก อปัณณกปฏิปทา 3 ถ้าไม่มี อปัณณกปฏิปทา 3 ก็ไม่ใช่ศาสนาพุทธ เขาฟังแล้วก็ไม่ค่อยสะดุด ไม่ค่อยกระเตื้อง ไม่ค่อยเข้าใจ อาตมาไม่ค่อยเก่งอธิบายหรืออย่างไร อาตมาก็ว่าอธิบายจนแหลกละเอียดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 38 อัมพัฏฐสูตรและกายในกาย วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กันยายน 2565 ( 13:28:53 )

หลังการแตกตายทางร่างกายของผู้ปรินิพพานเป็นปริโยสานย่อม “สูญสิ้น” ไปจากโลกนี้!

รายละเอียด

“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”นี้ หมายถึง ภายหลังจากการแตกตายทางร่างกาย(กายัสสะ เภทา ปรัมมรณา)ของผู้บรรลุอรหันต์แล้ว “จิตนิยาม”หรือ“จิตวิญญาณ” หรือ“อัตตา”ของคนผู้เป็นอรหันต์นั้นก็

จะสลายแตกแยกเป็น“อุตุนิยาม”ไปสิ้น ไม่เหลือความเป็น“ชีวะ”กันอยู่ในวัฏฏสงสารอีกเลยแล้ว แม้แต่“ความเป็น‘พีชนิยาม’ก็ไม่เป็น”

จึงจะเป็น“การสูญสิ้น”ที่สลายหายไปจากโลก จากกาละ

อันไม่มีวันสิ้นสุดของเอกภพ ไม่มีเหลือเศษธุลีของความเป็น“จิตนิยาม”หรือ“อัตตภาวะ”ของคนผู้นั้นอีกเลย 

ไม่เหลือ “จิตวิญญาณ” หรือ “อัตตา”หรือ “เทฺว” ใด แม้ใน Space and Time of Continuum ตามสูตรของ ดร. อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 398 หน้า 287


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 16:00:01 )

หลังพระพุทธเจ้าแล้วมีใครเป็นโพธิสัตว์

รายละเอียด

มันเป็นเรื่องยุคสมัย พระพุทธเจ้าสมณโคดมเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายในภัทรกัปซึ่งมีผู้รู้ผู้ที่จะสอนได้นั้นน้อยที่สุดแล้ว หลังพระพุทธเจ้าแล้วก็มีโพธิสัตว์เช่นอาตมาเท่านั้น แล้วก็มีพระโพธิสัตว์องค์อื่น มีพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เป็นต้น มีโพธิสัตว์อื่น แม้กระทั่งอาตมาขานรับโพธิสัตว์ขั้นคานธี โพธิสัตว์ขั้นไอน์สไตน์ ก็ยังไม่อยากขยายความเดี๋ยวมันจะยาก 

แม้แต่คานธีก็ไต่เต้ามาจากเทวนิยม ก็มาหาความเป็นพุทธ มาหาความเป็นอเทวะไปเรื่อยๆ ก็มีแนวโน้มมา เป็นยุคนี้ที่มีตัวตนบุคคลเอามาอ้างอิงได้ จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้สูงเท่าในหลวงรัชกาลที่ 9 หรอกไม่ว่าจะเป็นคานธีหรือไอน์สไตน์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เทวนิยมใหญ่สุดโต่งอย่างไรในศาสนาพุทธ วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 19:34:26 )

หลังอโศกรำลึกจะเปิดบ้านราชหรือไม่

รายละเอียด

อันนี้ต้องขออภัยอย่างมากว่าเราต้องเคร่งครัด เราจะยังไม่เปิดรับข้างนอก อาตมาขออธิบายตามภูมิของอาตมาว่าโควิดจะเลิกเมื่อไหร่ โควิดจะเลิกเมื่อมันหมดสิทธิ์ มันตายจากตรงนั้นแล้ว ตรงไหน ขณะนี้บ้านราชไม่มีเชื้อโควิด เพราะฉะนั้นเราต้องเคร่งครัด มันจะมาจากคนเป็นพาหะ หรือสัตว์เราก็ไม่ไปรับมาแล้ว ฉะนั้นคนนี่แหละเราขอเคร่งครัดว่าคนข้างนอก คนข้างนอกไม่ใช่สมาชิกเข้าไม่ได้ ถ้าเป็นสมาชิกก็เป็นชั้นไหน ชั้นห่าง ชั้นชิดมาในหน่อย หากในมาก อย่างน้อยต้องกักตัว 28 วัน ไม่ใช่ 14 นะ หากชั้นในสมาชิกชาวอโศกมาได้ ก็กักในบ้านคุณนี่แหละสัก 28 วัน อาจมี 14 วันที่พิจารณาบางคน คนนี้สะอาดแน่ มีคนบอกว่าถึงกักบริเวณก็จะหาที่ทำงานให้ คุณได้ทำงานไม่มีปัญหา 

ที่มา ที่ไป

พิธีบูชาพระสารีริกธาตุ วันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563


เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 11:07:52 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:37:27 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:50:53 )

หลังเลือกตั้ง 2566 การเมืองต้องดูไปยังไม่ถึงขั้นต้องลงไปถนน

รายละเอียด

เอาละจะต้องไปลงถนนปกป้องสถาบันหรือไม่ ก็คงไม่ถึงขั้นนั้นกระมังเท่าที่ดูๆ แล้วก็รู้สึกว่าเขาจะยืดหยุ่น ถึงแม้จะมีอะไรอยู่ในจิตของเขาว่าเขาจะต้องเอาลงให้ได้หรืออะไรอยู่ก็ตาม แต่ท่าทีที่เขากำลังทำฉากหน้าเขาคงไม่ทำถึงขั้นจะต้องลงไปถนนหรอกเขาคงฉลาดอยู่ เพราะว่าเขารู้ดีนะว่าพลังประชาชนไม่ใช่เรื่องธรรมดา คนๆ นี้เขาเข้าใจเรื่องพลังประชาชนไม่ใช่ธรรมดา 

และเขาคงมีปฏิภาณรู้ด้วยว่าพลังประชาชนที่มาให้คะแนนเลือกเขาขึ้นมาขณะนี้ มันไม่ใช่พลังประชาชนทั้งประเทศ หรือไม่ใช่พลังประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศด้วย อาตมาว่าเขาพอมีปฏิภาณไหวพริบที่จะรู้เรื่องนี้อยู่ เขาคงไม่ทำให้เกิดพลังประชาชนที่จะต้องลงไป เพราะเขาเห็นมาแล้วบทเรียนพลังประชาชน ซึ่งไม่ถึงขั้นที่จะต้องมาแตะมาตรา 112 หรือจะมาล้มสถาบันอย่างโจ่งแจ้ง เขาจะแย่งชิงอำนาจอย่างแค่ทักษิณที่เขาทำมา เท่านั้นประชาชนยังถึงขนาดนั้น ถ้าไปถึงขั้นแตะสถาบัน หนักกว่านั้นแน่นอน รับรองถนนแน่นกว่านี้แน่นอน งวดนี้ แค่ที่ทำเรื่องของชาติเรื่องของการเมืองก็ยังขนาดนั้น ถ้าหากลึกไปถึงขั้นสถาบันรับรอง ประเทศไทย ไม่รู้ซะแล้วว่าประเทศไทย จะมาล้มล้างสถาบันเหมือนหลายประเทศที่เขาทำได้ เขาก็ทำเขามีจิตอย่างนั้นอยู่ อาตมาว่าจิตอย่างนี้แหละจะอยู่กันไปนานเท่าไหร่ประเทศไทยก็ดูไปก็แล้วกัน อาตมาก็ทิ้งเรื่องไว้แค่นี้แหละ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 23 การเมืองไทยวันนี้คือ สงครามความรู้กับการกระทำ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 3 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 16:09:57 )

หลับ

รายละเอียด

1. พัก , สภาพเข้าสู่การพัก , การพักทั้งกายทั้งใจ

2. จิตได้ทิ้งร่างกายของตนเองไปเลย เป็นช่วงปล่อยให้ร่างกายอยู่อีกส่วนหนึ่ง ไม่รับรู้ว่ากายจะอยู่อย่างไร รับกระทบอะไรไม่รู้ทั้งนั้น เรียกว่าทิ้งทวารทั้ง 5 ของตนเองไปเลยก็ได้ 

3. สภาวะภวังค์ชนิดหนึ่ง ได้แก่ สภาวจิตที่ตัดความรับรู้ทั้ง 5 ข้างนอกหรือปิดทวาร 5 ข้างนอกได้ 

4. การให้จิตพักผ่อนโดยไม่ทำงานทั้ง 6 ทวาร โดยเฉพาะ 5 ทวารนอก

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 213 , 214,  215,216,235


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:31:22 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 03:07:59 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:18:03 )

หลับตาคือวิชาของเดียรถีย์ในพุทธ

รายละเอียด

ความเป็น“กาย”จึงอธิบายความเป็น“พญานาค”เพราะ“โลกุตรธรรม”นั้นวิเศษ พิเศษเหนือไปจาก“โลกียธรรม”จริงๆ ที่ต้องเริ่มต้นด้วย“ทิฏฐิ”คือ“ความเข้าใจ” ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงนับตั้งแต่ความเข้าใจ“กาย” ซึ่งเรียนรู้ได้จาก ที่มี“ของตน”ที่บาลีว่า “สัก” นั่นคือ ต้อง“พ้นสักกายทิฏฐิ”

หากเข้าใจความเป็น“กาย”จากภาษาว่า“กาย”นี้แล ไม่ได้อย่างเป็น“สัมมาทิฏฐิ”ละก็ ต่อให้พากเพียรอุตสาหะหนักหนาอุกฤษปฏิบัติปานใด ก็ไม่มีสิทธิ์บรรลุพุทธโลกุตระ

เช่น หลงผิดเอาวิธี“หลับตา”เข้ามาใส่ในศาสนาพุทธ หรือเข้าใจว่า“กาย”คือ “ร่างภายนอก”ที่หมายเอาเฉพาะแต่ “สรีระ”อย่างเดียว ไม่มี“จิต”ร่วมอยู่ด้วยก็คือ “มิจฉาทิฏฐิ”แท้  ผู้นำวิธี“หลับตา”มาใช้ในศาสนาพุทธจึงเป็น“นาค” หรือ“งู”ปลอมเข้ามาเผยแผ่ลัทธิวิชาของ“เดียรถีย์”ในพุทธ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูตอบปัญหาผ่าพญาครุฑ ฉุดพญานาค วันพุธที่ 2 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2565 ( 20:37:41 )

หลับตาทำสมาธิคือแสวงบุญนอกเขตพุทธ!

รายละเอียด

ทำความชัดเจนแจ่มแจ้งให้ได้จริงๆเถิดว่า “หลับตา”ปฏิบัตินั้น มันแสวง‘บุญ”นอกขอบเขตพุทธ มันเป็นของเดียรถีย์เขาเพราะการ“หลับตา”ปฏิบัติกันนั้น มันไม่มีกระบวนการ“โลกุตรธรรม 37” จึงเกิดความ“อยู่เหนือ(อุตตระ)”ไม่ได้ ความเป็นที่สุด ที่เยี่ยมยอด“อนุตตริยะ”จริง ก็เกิดไม่ได้มัน“มิจฉาทิฏฐิ”เต็มรูปแล้ว ตั้งแต่“กาย”ตัวแรกก็ไม่มี จุดสำคัญวิเศษเยี่ยมยอดที่จะเกิด“อนุตตริยะ”ได้ก็คือ ต้องปฏิบัติตามกระบวนการ“โพธิปักขิยธรรม 37”จึงจะเกิดมรรคผลอันมีปฏิสัมพัทธ์ของ“สัมมามรรค-สัมมาผล”

หมุนรอบเชิงซ้อนกัน(ปฏินิสสัคคะ,คัมภีราวภาโส)ขึ้นมาได้

ด้วย“โลกุตรธรรม 37” 

แล้วบรรลุสู่“โลกุตรธรรม 9” เป็น“อาริยบุคคล 9” 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 134 หน้า 124


เวลาบันทึก 22 มิถุนายน 2564 ( 04:24:00 )

หลับตาทำสมาธิทิ้งกายนอกไม่รู้จักความเสพติด

รายละเอียด

พวกที่ไปหลับตาทำสมาธิทิ้งกายข้างนอก คุณก็หมดประตูความเป็น 2 ที่จะมีครบทั้งภายนอกภายใน สิ่งที่อยู่เป็นโลกที่คุณจะต้องเกี่ยวข้องแล้วยังเกิดกิเลสอยู่ไหม คุณไม่ได้ศึกษาความจริงเลย เพราะฉะนั้นจึงไม่รู้ว่าความจริงที่คุณจะต้องติด ต้องเสพ ต้องยึด ต้องเป็น ต้องมี อยู่นี้ มันคืออย่างไรแค่ไหน 

เพราะฉะนั้นไม่รู้จักความเสพติด เมื่อไม่รู้จักความเสพติด ขอยกตัวอย่างมหาบัว 

มหาบัวไม่รู้แม้ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ไม่รู้การเสพติด ไม่รู้ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส หมากพลูมีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่ติดยากนะไม่ใช่ติดง่าย มันไม่ได้เป็นรสที่น่าเสพเลยการติดหมากติดพลู แต่นี่อร่อยขาดไม่ได้เลย ขาดก็หาวเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ 

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 16:07:54 )

หลับตาทิ้งภายนอกเดียรถีย์ทันที

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นที่ไปหลับตาทิ้งภายนอกนี้ เดียรถีย์ ทันที พวกหลับตาปฏิบัติ เดียรถีย์ ทันที ซึ่งมันไม่มีภายนอกมันผิดแล้ว โมฆะแล้ว แล้วเรียนรู้ภายนอกไม่ใช่ง่าย

ที่จะรู้ภายนอกและภายใน อย่างที่ อภิภู ท่านมีพร้อม ทั้งรูปภายใน เห็นภายนอกอยู่ ไม่ได้ขาดกัน 2 สภาวะ ต้องทั้งเน้น ทั้งย้ำ 

ไม่ได้ ไม่เข้าสัมมาทิฏฐิเลยแล้ว มันจะมีสิทธิ์ไปรู้อะไรได้ ยังห่างอภิภายตนะมาก 

นี่ข้อ 1 นะ อภิภายตนะ ข้อที่ 1 ซึ่งก็รวมอะไรเอาไว้เยอะซึ่งเป็นขั้นอภิภู บุคคลผู้อภิภูแล้ว

ฟังแค่ อภิภายตนะ 8 มันไม่ใช่อายตนะสามัญ​และก็ มาใช้อธิบายลักษณะที่เป็นความรู้แค่อภิธรรมธรรมดา แต่ความรู้ที่อภินี้ขึ้นไปอีก สูงขึ้นไปอีก เฉพาะความรู้ขั้นอภิภายตนะ 8

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของผู้มีอภิภายตนะ 8 วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 14:13:17 )

หลับตานั้นโมฆะจากการดับกิเลส

รายละเอียด

หลับตานั้นโมฆะจากการดับกิเลสจะไม่ได้ลดกิเลสจริง มันเป็นอดีตกับอนาคตเท่านั้นกับการหลับตา ไม่มีความจริงความจริงนั้นมีแต่ปัจจุบันมีแต่ความ
จำ หรือสร้างภพชาติ อดีต 18 อนาคต 44 เป็นการปรุงแต่งที่ไม่ใช่ของศาสนาพุทธในพระไตรปิฎกเล่ม 9 ในพระสูตรแรก พรหมชาลสูตร นักศึกษาศาสนาพุทธ อ่านพระไตรปิฎกให้แตกศาสนาพุทธนั้นไม่ได้เป็นนั่งหลับตาปฏิบัติแต่ปฏิบัติมรรคทั้ง 7 องค์ การพูดการจาการคิดการทำอาชีพมีไหวพริบปฏิภาณที่มีพลวัตของจิต มุทุภูตธาตุ จิตของเรามีปฏิภาณแววไว อ่านทัน อ่านออก ถ้ามีธรรมวิจัยสัมโพชฌงค์ว่ามันเป็นจิตที่มีกิเลสแยกกิเลสออกได้ แล้วก็รู้วิธีที่จะลดกิเลสด้วยปัญญาด้วย วิปัสสนา เห็นว่ามันจรมา มันไม่เที่ยง แล้วก็เป็นเหตุเป็นเหตุแห่งทุกข์และเป็นหลงว่าเป็นความสุข ปัญญานั้นมีประสิทธิภาพมีอินทรีย์พละเข้มข้นชนะสิ่งที่มันไม่จริง มันจะยืนยันความจริงให้ไปล้มล้างความยึดถือของความสุขความทุกข์ ผู้ที่ปฏิบัติเป็นปัจจัตตังเวทิตัพโพวิญญูหิ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 12:01:24 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:38:49 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:19:11 )

หลับตาปฎิบัติเป็นมิจฉาทิฎฐิโมฆะตลอดกาล 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นในลักษณะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ สรุปลงไปที่พฤติกรรมใหญ่ของมหาบัว คือ มิจฉาทิฏฐิไปหลับตาปฏิบัติ ธัมมชโยก็ตาม มิจฉาทิฏฐิไปหลับตาปฏิบัติ 

หลับตาปฏิบัติมันไม่ใช่ของพุทธเลย แต่เป็นของเดียรถีย์ 100% 1,000% 100,000% ซึ่งมันไม่ใช่เลย แค่สัมมาทิฏฐิแค่นี้ยังไม่สัมมาทิฎฐิก็เป็นโมฆะตลอดกาล 

ศาสนาพุทธในเมืองไทยนี้ยังไม่ตื่น อาตมาจึงพยายามที่สุดที่จะให้ เหมือนกับพระพุทธเจ้าพยายามจะไปโปรด อาฬารดาบส อุทกดาบส ก็นั่งหลับตาทั้งนั้น เขาก็ตายไปแล้ว ก็เลยไปเจอชฎิล 3 พี่น้องก็หลับตาเหมือนกันก็ไปโปรดก็ได้มา อย่างนี้เป็นต้น 

เพราะฉะนั้นเรื่องหลับตาจึงเป็นเรื่องของโบราณๆที่มันเป็นตัวมิจฉาทิฏฐิ มันเป็นกลองอานกะ โลกุตรธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นอาริยกะ  มันสูญหายไปแล้ว อาตมาจึงเอามาเปิดเผยขึ้นมาใหม่ ซึ่งเขาก็ไม่เชื่อ เขาก็ยังยึดมั่นถือมั่นกับการนั่งหลับตา แค่นี้เป็นโมฆะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2565 ( 05:24:13 )

หลับตาปฎิบัติไม่มีวิญญาณฐีติ

รายละเอียด

ทีนี้ เมื่อไม่มีวิญญาณฐีติ ไม่ใช่วิญญาณตั้งอยู่ในบัดนั้น คุณหลับตาก็ไปสร้างวิญญาณของใครของมัน ต่างคนต่างหลับตา แต่ถ้าเป็นวิญญาณขณะเกิดลืมตาด้วยกันก็ยืนยันด้วยกันได้ 

เช่น มะม่วงลูกนี้ น่ากินจังเลย คนนั้นคนนี้สัมผัสด้วยตาอันเดียวกันนี้ก็น่ากิน วิญญาณพูดกันรู้เรื่อง แต่ถ้าต่างคนต่างหลับตาและบอกว่ามะม่วงลูกนี้น่ากินแล้วต่างคนต่างหลับตา เช่น คนตาบอดแต่กำเนิด แล้วต่างคนต่างเห็นท้องฟ้า บอกว่าเมฆสวยเหลือเกิน คนตาบอดอีกคนก็บอกว่าท้องฟ้าสวยจริงๆหนอ พูดกันเป็นตุเป็นตะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 11:34:52 )

หลับตาปฏิบัติก็ไม่ได้เรียนรู้กามภพ

รายละเอียด

ที่เป็นกามคุณ 5 อันเกิดจาก 4 ทวารแล้วมีทวารที่ 5 คือกาย กับใจ หากไม่ได้เรียนรู้ก็ไม่ได้เรียนรู้เป็นลำดับอันน่าอัศจรรย์ เริ่มต้นหากไปตัดลัดหลับตาปฏิบัติ มันก็ไม่เป็นลำดับ ท่านที่ติดยึดหลงว่าพวกนั่งหลับตาเป็นพระอรหันต์ อาตมาพูดไปเขาจะสะเทือนหรือไม่นะ จะร้อนอาสน์พระอินทร์ไหม พูดตรงๆสงสารศาสนาพุทธจริงๆเลย ไปหลงติดยึดงมงาย ก็เลยช่วยประเทศชาติไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช ยอดคนอาภัพที่มีระดับของศาสนาพุทธ วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 13 ธันวาคม 2562 ( 20:44:39 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:39:48 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:19:47 )

หลับตาปฏิบัติคล้ายๆ กับตาบอดตาใส

รายละเอียด

หลับตาปฏิบัติคล้ายๆ กับตาบอดตาใส มันไม่เห็นด้วยตาจริงๆ หูจมูก ลิ้น กายภายนอกทาง 5 ทวารคุณไม่ได้เปิดรับรู้ คุณได้แต่จินตนาการอยู่ในความคิด อยู่ในภวังค์เป็นสัมภเวสี เป็นวิญญาณผีลอยอยู่ในภพในภวังค์ตัวเอง มันไม่มีอะไรอื่นเกี่ยวข้องกับโลกภายนอกเขาเลย 

เพราะฉะนั้นเรื่องที่คุณจะปรุงแต่งเป็นรูปเป็นร่าง เป็นตัวเป็นตนอะไรก็แล้วแต่ คุณจะปั้นอะไรก็ได้ นี่ใช่ไหม ปั้นเป็นเหมือนที่คนอื่นเขาพูดกันตามคนนั้นคนนี้ หรือจะคิดเองไปคนเดียวเลยคนอื่นก็ไม่รู้เรื่องกับคุณ อทิสมาณกาย ไม่มีใครรู้ ใครเห็น คุณก็ทำได้ แต่จะมานับเป็นความจริงได้ยังไงกับมนุษย์คนอื่นๆ มันก็คือความเพ้อเจ้อเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ไปสารพัดจะทำได้ 

เพราะฉะนั้นอย่าไปเสียเวลากับสิ่งเหล่านั้นเลย เสียเวลากับสิ่งเหล่านั้นก็สูญเปล่า มันนับเอาเป็นความจริงไม่ได้ มันมีแต่จะเปลืองเปล่าทั้งเสียเวลา เสียพลังงาน เสียแรงงาน มันไม่เจริญขึ้นมาอะไรเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร(บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 13:55:25 )

หลับตาปฏิบัติดับแบบสุภกิณหาเป็นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

เกิดมาคือตัวอวิชชา แท้จริงตัวอวิชชา คือเหตุใหญ่เป้าหลักคือตัณหา จะดับชาติตัวไหนก็ดับชาติตัวตัณหา แต่ไปดับอุปาทานก็ได้ แต่มันนิ่ง ดับถูกหรือไม่ถูกก็ไม่รู้ พวกนั่งหลับตาปฏิบัติพวกนี้มั่วว่าดับอะไรไม่รู้เรื่องเลย มันมืดมน มันไม่ชัดเจน ไม่แจ้งสว่าง อยู่กับมืดกับมืด 

เพราะฉะนั้นคำว่ามืดหรือดำจึงเป็นคำที่ยากมากที่จะเข้าใจ ภาษาบาลีท่านว่า กัณหะ หรือกิณหะ เป็นพหูพจน์คือ กัณหา กิณหา แปลว่าดำมืด สุภกิณหา คนที่ไปหลงดำหลงมืด 

คนที่รู้ตัวดำตัวมืด พยัญชนะแทน คนไม่รู้ตัวดำตัวมืด แล้วนึกว่าเป็นตัวนิโรธ ก็คือพวกมิจฉาทิฏฐิที่เป็นลักษณะมืดดำ บทบาทมันนิ่งๆ แต่นิ่งๆ หยุดๆ เป็นพยัญชนะ ถ้าเป็นสภาวะจริงๆ มันมีความต่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:24:45 )

หลับตาปฏิบัติตรงข้ามกับอปัณณกปฏิปทา 3

รายละเอียด

แต่ผู้หลงผิดก็มืดบอดจริงๆ ไป“หลับตา”ปฏิบัติกัน    การหลับตาปฏิบัติ มันก็ตรงกันข้ามกับ“อปัณณกปฏิปทา 3” มันผิด“วิธีปฏบิติของพุทธ” แม้ภาษา“อปัณณปปฏิปทา” ก็ยืนยันอยู่โต้งๆ ชัดๆอีกปานฉะนี้  ก็ยังไม่ยอมรับความผิดนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:26:40 )

หลับตาปฏิบัติต่างจากลืมตาปฏิบัติอย่างไร

รายละเอียด

หลับตาปฏิบัตินั้นไม่มีกิเลสจริง มีแต่กิเลสปลอม มีแต่ความจำ 

1. จำได้ว่าเป็นกิเลสก็เอาความจำมานึกถึงเท่านั้น 

2. กิเลสตัวเองในอุปาทานแล้วก็เป็นสัมภเวสีคิดไปเองว่าเป็นกิเลส ปั้นมาใหม่ แล้วกิเลสเป็นกิเลสลมๆแล้งๆ เพราะคุณคิดเอง 

กิเลสจริงๆมันต้องเป็น ทิฏฐธรรม เป็นปัจจุบันชาติ สัมผัสต่างๆเห็นอยู่หลัดๆ สัมผัสทางหู เห็นกิเลสอยู่หลัดๆ ได้ยินเสียงกิเลสเกิด จมูกได้กลิ่นกิเลสเกิด ลิ้นแตะรส เกิดกิเลส นั่นแหละคือกิเลสจริง นอกนั้นเป็นความจำ เป็นการสร้างขึ้นมาเอง เป็นนิรมาณกาย เป็นกาย ที่สร้างขึ้นมาเองมันไม่ใช่ของจริงเลย ความจริงมันจะมีอยู่ในปัจจุบันชาติเท่านั้น อยู่ในทิฏฐิธรรม หรือทิฏฐกาละ ปัจจุบันนี้แหละคือความจริง เป็นปัจจุบันชาติ แตะ สัมผัสภายนอกภายในครบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 31 วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 01 มิถุนายน 2565 ( 11:47:51 )

หลับตาปฏิบัติธรรม

รายละเอียด

“หลับตา”ปฏิบัติมันไม่สามารถจะ“แยกกาย-แยกจิต” หรือไม่สามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“กายในกาย-เวทนาในเวทนา-จิตในจิต-ธรรมในธรรม”ได้เลย มันต้องมี“กาย-เวทนา-จิต-ธรรม”ครบทั้ง 4 ภาวะมันจึงจะสามารถปฏิบัติธรรมแบบพุทธบรรลุ“สัมมาผล”ได้ จึงจะสามารถมี“ปัญญา” รู้จักรู้แจ้งรู้จริงใน“ธรรมนิยาม 5” ที่แยกความเป็น“อุตุนิยาม-พีชนิยาม-จิตนิยาม-กรรมนิยาม-ธรรมนิยาม”ได้ครบครันบริบูรณ์ “ปัญญา”จึงจะสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงรู้จบภาวะใด ของ“กาย”ของ“เวทนา”ของ“จิต”ของ“ธรรม”ได้สุดลึกลงไปจัดการถึง“ราก(มูลกา)”กันทีเดียว ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ใน“มูลสูตร 10”(พระไตรปิฎก เล่ม 24 ข้อ 58)  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:38:28 )

หลับตาปฏิบัติธรรม

รายละเอียด

ผู้“หลับตา”ปฏิบัติก็ดี หรือศาสนาที่นับถือ“พระเจ้า”

ยังไม่มี“คำสอน”ของ“พระเจ้า”หรือของศาสดาเทฺวนิยมทั้งหลายก็ดี ซึ่งไม่มีการเรียนรู้“กายในกาย-เวทนาในเวทนา-จิตในจิต-ธรรมในธรรม”ก็ย่อมไม่สามารถปฎิบัติบรรลุ“โลกุตรธรรม”สัมบูรณ์พ้น“อวิชชาสวะ 8”ครบถ้วนสัมบูรณ์ได้เลย แน่นอน เพราะสำเร็จบริบูรณ์ด้วย“กิจ-กาล-กรรม”ได้ไม่ครบ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:53:36 )

หลับตาปฏิบัตินั้นมันตรงกันข้ามกับ จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นเดียรถีย์ 100%

รายละเอียด

ศีล อปัณณกปฏิปทา 3 ก็ต้องมีปัญญา ญาณ วิชชาร่วมรู้ สัทธรรม 7 ก็มี ปัญญา ญาณ​วิชชาร่วมรู้ แม้ที่สุดฌาน 1 2 3 4 ก็มี ปัญญา ญาณ วิชชาร่วมรู้ไปด้วย

เพราะฉะนั้นการไปหลับตาปฏิบัตินั้นมันตรงกันข้ามกันกับ จรณะ 15 วิชชา 8 เป็นพวกโมฆบุรุษ เป็นพวกเดียรถีย์ 100% พูดอย่างนี้แล้วชัดขึ้น แต่พวกหลับตางมงายเขาก็ฟังเด๋อ ฟัง คือ มันเหมือนกับชาล้นถ้วย เหมือนกับจะว่าไม่เข้าหูก็ไม่ใช่หูหนวก เข้าหูแต่ไม่เข้าใจไม่เข้าถึงจิต ไม่เข้าถึงความเข้าใจ ไม่เข้าถึงธาตุรู้ที่จะไปรู้อะไร ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่อย่างนั้นเท่านั้น ก็ไม่อยากให้เป็น ก็น่าสงสาร ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 18:24:01 )

หลับตาปฏิบัติพาให้ไกลจากศาสนาพุทธ

รายละเอียด

อาตมาก็พูดถึงเรื่อง หลับตาปฏิบัตินั้นผิดไปจากศาสนาพุทธ ชาคริยานุโยคะ สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ ต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่กระทบสัมผัส กระทบสัมผัสกับเครื่องกินเครื่องใช้ กระทบทางปาก ทางลิ้น ก็มีกาม ทางปาก ทางลิ้น จะรับรส รสที่จะมี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อยู่ในนี้หมด เป็นรสที่เราชอบหรือไม่ชอบ

เราชอบก็กินประจำ กินติดปากเลย ทั้งที่เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะกินติดปากประจำ เช่น กินหมากกินพลู กินไป เคี้ยวทั้งวัน แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองติด แค่นี้ยังหลอกมนุษย์ว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์อีก มันน่าสงสาร แล้วก็หลงเชื่อกันจริงๆ ไม่ใช่เป็นคนจำนวนน้อยน้อยนะ เป็นระดับที่คนถือว่าเฉลียวฉลาดในสังคมเป็น activities ในสังคม ก็ยังเชื่อว่าพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เชื่อตามกันมาว่า เป็นพระอรหันต์ ซึ่งมันซ้อนย้อนแย้งตีกลับ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 10 วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กุมภาพันธ์ 2565 ( 11:12:33 )

หลับตาปฏิบัติมีแต่ความลึกลับ ไม่มีความจริง

รายละเอียด

หลับตา ปฏิบัติเป็นพวกสัมภเวสี คิดนึกอยู่คนเดียว เป็นนรกสวรรค์วิมานอะไร แล้วที่สุด สะกดจิตตัวเองให้เป็นจิตว่างก็ของตัวเองทั้งนั้น ไม่มีใครรองรับ มีแต่ความลึกลับ อย่างนี้ก็ไปยืนยันไม่ได้ จะประกาศว่าเป็นความจริง ความจริงต้องมีภายนอกภายใน มีครบ คนอื่นก็ร่วมรู้ด้วย ตัวเองก็รู้ด้วยเพราะเป็นหนึ่งเดียวกันตรงกันนะ สัจจะมีหนึ่งเดียวกันนะ แต่ที่เขาทำมันไม่ใช่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การปฏิวัติโดยประชาชนของไทย เป็น Soft Power วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 17:19:11 )

หลับตาปฏิบัติมีแต่สัญญาภายในและกายวิปลาส

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นหลับตาปฏิบัติมีแต่สัญญาภายใน มันไม่ครบความจริง คุณปฏิบัติอย่างไรก็พิการ วิปลาส นั่งหลับตาปฏิบัติธรรม กายมีวิปลาส ไม่ครบไม่เต็ม ไม่ได้ ไม่บรรลุรู้สุดยอด จะได้ก็เป็นการปั้นเอามาหลอกตัวเอง นิรมาณกาย เป็นสัมโภคกาย ต่างคนต่างตาบอดเป็นอทิสมานกาย ไม่เห็นจริงของใครของมัน แต่ก็พูดกันรู้เรื่อง ร่วมรู้ร่วมกันเป็นสัมโภคกาย แต่เป็นการสร้างขึ้นมาอย่างไม่มีสิ่งยืนยันพิสูจน์ได้อย่างแท้จริง พระพุทธเจ้าจึงไม่เอา แต่คนมันทำ มันหลอกกันว่า เดี๋ยวจะมีพาดพิงถึงฤาษีลิงดำ เป็นคนสร้าง หลอกคนให้หลงเลอะ แล้วก็มีคนมาทำทานสร้างวิมานอะไรของท่านไปต่างๆนานา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:45:38 )

หลับตาปฏิบัติมีแต่สัญญาไม่ใช่ปัญญา

รายละเอียด

ความเข้าใจผิดที่ว่า นั่งสมาธิเข้าไปโดยไม่คิดอะไรแล้วปัญญาที่แท้จริงจะโผล่ขึ้นมา อย่างอ.บูรพา พาทำนี้ เป็นสิ่งที่ผิด สิ่งที่เกิดขึ้นในการนั่งหลับตาปฏิบัตินั้นเป็นเพียงสัญญา ที่โผล่ขึ้นมานั้นในคนนั่งหลับตาหยุดคิดนั้นเป็นเพียงสัญญา เป็นความจำ ผุดมาให้รู้ นอกจากความจำของตนไม่มีอะไรผุดให้รู้ได้ อยู่ในกะลาครอบของตัวเอง อยู่อย่างเก่าอยู่ในกะลาครอบ ไม่รู้อะไรเพิ่มเติมเลย การอยู่แบบนี้แล้วจะให้มีปัญญาเกิดขึ้นเป็นไปไม่ได้ปัญญาต้องมีโลก ปัญญาต้องมีข้างนอกด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 09:47:36 )

หลับตาปฏิบัติเป็นการหลงงมงายหน้ามืดตาบอด

รายละเอียด

ใช่เขาบอกว่าไม่ต้องสนใจอะไรเลย ไปนั่งหลับตาปฏิบัติเลย เป็นการหลงงมงายหน้ามืดตาบอด อาตมาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องเตือนปลุกให้ตื่นขึ้นมา เพราะมันผิดไปไกลลิบเลยไปนั่งหลับตาปฏิบัตินั้นเป็นไปไกลลิบเลย หลงว่านั่งหลับตาปฏิบัติแล้วจะบรรลุปัญญาจะบรรลุ เจโต บรรลุสมาธิ ซึ่งมันไม่บรรลุสักอย่าง จะได้ศีลเอง จะเกิดสมาธิเกิดปัญญาเกิดวิมุติ มันไม่มีสักอย่างไม่ใช่สักอย่าง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของพระธรรมวินัยข้อที่ 1 กับข้อที่ 8 วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 ธันวาคม 2564 ( 05:14:56 )

หลับตาปฏิบัติเป็นความเสื่อมที่สำเร็จรูปบริบูรณ์อย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นไปหลับตานี้ตีทิ้งได้เลย ไม่มีภายนอก ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ธรรมะของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่พุทธธรรม ไม่ใช่พุทธคุณ นี่พูดอย่างชัดเจนเลย พูดจาไม่ไว้หน้ากัน ไม่เกรงใจ พูดเต็มรูป และเป็นความจริงด้วย เป็นความหวังดีปรารถนาดีจริงๆ 

เพราะฉะนั้นในความไม่เป็นลำดับในข้อที่ 1 จึงเป็นเรื่องที่ ล้มเหลว เป็นความเสื่อมที่สำเร็จรูปบริบูรณ์ นี่คือความเสื่อมที่ยิ่งสุดเลยในศาสนาพุทธยุคนี้ อาตมาต้องมากู้กลับ

อย่าเข้าใจว่าอาตมาอวดตัวอวดตน หลงตัวหลงตนเลย แต่มันเป็นเรื่องจริง ฟังธรรมะด้วยดี เกิดปัญญาดีๆ แล้วจะเข้าใจว่า อ๋อ.. เมื่อคุณรู้แล้วคุณก็ไม่จำเป็นจะต้องรีบมาอยู่กับอโศก ไม่ต้องก็ได้ อยู่กับพวกคุณนั่นแหละ อยู่ในเถรสมาคมนั่นแหละ เข้าใจให้ถูกเป็นสัมมาทิฏฐิและพากเพียรปฏิบัติให้ตรงตามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ตั้งใจฟังอาตมาไปด้วย ก็ได้ ไม่ต้องแสดงรูปธรรมออกมา อยู่กับชาวอโศก ไม่ต้อง อยู่กับเถรสมาคมนั่นแหละ ถ้าว่าจริงๆ แล้วคงรับไม่ไหว ถ้ามากันมาก คงจะเละเป็นโจ๊กเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ 8 ประการในชาวอโศกบุญนิยม วันพุธที่ 12 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มกราคม 2565 ( 19:45:49 )

หลับตาปฏิบัติเป็นพวกอสัญญีสัตว์

รายละเอียด

อสัญญีสัตว์เราไม่ไปหลงทำ เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นเดียรถีย์ที่นั่งหลับตากันทั้งหลายนั้นคือปฏิบัติวิธีดับสัญญา คุณแยกธาตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ คุณแยกไม่ออก แม้แต่จะต้องเรียนให้ครบสูตร ท่านอธิบายวิธีอุบายเครื่องออกคือเวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ เป็นนาม 5 คุณก็เรียนไม่ได้คุณก็ไม่รู้พูดไม่ถูก โดยเฉพาะ ผัสสะไม่เอาเลย เมื่อผัสสะไม่เอามนสิการก็ไม่มีทำไม่ได้ เวทนา เจตนา คุณหมดสิทธิ์ที่จะรู้เจตนา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 15:20:16 )

หลับตาปฏิบัติเป็นศาสนาของคนตาบอดหูหนวก

รายละเอียด

ถ้าไม่มี โคจรรูป ปสาทรูป ก็ปิดประตูเรียนตั้งแต่รูปต้นๆเลย ดินน้ำไฟลม มหาภูตรูป ก็ปิดตาปิดหูปิดจมูกปิดหมดเลย ปสาทรูป เหมือนกับทำให้ตาบอดหูหนวกนั่นแหละ หมด แล้วมันเป็นอย่างไร มันก็มีแต่มืดกับมืด  บอดกับบอด หนวกกับหนวก ตาบอด ศาสนาพุทธเลยเป็นทุกวันนี้เลยเป็นศาสนาหลับตาปฏิบัติเป็นศาสนาของคนตาบอดหูหนวก อาตมาไม่ได้ใส่ความนะ อาตมาอธิบายวิชาการให้ฟัง สะดุ้งบ้างไหมนี่ คนที่ไปหลงใหลได้ปลื้มกับการนั่งหลับตา จะสะดุดจะสะกิดใจหรือไม่ หรือว่าไม่รู้ไม่ชี้ สัมผัสก็ไม่รู้เรื่อง ไม่รับสัมผัสด้วย ไม่ยอมรับรู้อะไร โพธิรักษ์พูดก็อย่าไปฟังมัน อาตมาก็ไม่รู้จะพูดยังไง ยืนยันตนเอง ว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ ตนเองบรรลุอรหันต์ ตนเองเป็นสยังอภิญญามากอบกู้ศาสนา ซึ่งต้องยืนยันความจริงอย่างนั้น เพราะอาตมามีแต่ความจริงและมีความจริงใจ ไม่ได้มีมดเท็จไม่ได้มีการอยากอวด อยากโอ่อะไรเลย ไม่มีอุปกิเลส 16 เขาก็ยิ่งหมั่นไส้หนักเข้าไปใหญ่ว่ามันอวดอุตริมนุสธรรม แต่ของอาตมามีในตนนะจ๊ะ ที่อาตมาพูดนี้อาตมาอุตริมนุสธรรมที่มีในตน โดยเฉพาะพวกเขานั่นแหละควรจะฟัง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 13:15:30 )

หลับตาปฏิบัติเป็นโมฆบุรุษ เป็นคนหนี คนหลบ คนหลงผิด

รายละเอียด

เขาจะไม่มีวันรู้กาม เพราะเขาเอาตาหูจมูกลิ้นกายคือกามคุณ 5 หนีออกมาแล้วไม่สัมผัสของจริงเขาจะได้ปฏิบัติอะไร กาม 5 ไม่มี ก็เขาหลับตาหรือเอาตาหนีจากรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสทั้ง 5 มันไม่มีแล้วตั้งแต่ปฏิบัติเบื้องต้น เป็นคนหนีเป็นคนหลบ เป็นคนหลงผิด 

การหลับตาปฏิบัติธรรมของศาสนาพุทธจึงเป็นโมฆะบุรุษ พูดมา 51 ย่างเข้า 52 ปีแล้ว จะว่าหูแตกก็ไม่แตก จะว่าหูหนวกก็ไม่ได้หูหนวก แต่ไปปิดหูตัวเอง ปิดหูก็ไม่ได้ปิดหูหรอก ไม่ได้เอาสำลีอุดหู เข้าไปในหูไม่ได้เอาแท่งทองคำปิดหู แต่ไม่ยอมรับ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ไม่ยอมรับเลย ตั้งแต่เบื้องต้นไม่รับเลย ไปหลงยึดมั่นถือมั่นเที่ยงอยู่ในการปฏิบัติธรรมว่า ต้องหลับตา ต้องปิดตาหูจมูกลิ้นกาย แล้วไปดูแค่ในใจ 

เขาบอกว่านั่งหลับตา นั่งแล้วอย่าให้จิตออกนอกตัว เขาสอนกันอย่างนี้ ให้อยู่ที่ใจอย่างเดียว ให้ใจอย่ากวัดแกว่ง ให้จมอยู่กับใจอย่าออก นั่นแหละคือผลสำเร็จทำให้มันเที่ยงแท้คงทนกดมันทำมันฝึกมันให้เป็นอย่างนั้น แล้วเขาก็ทำกันอยู่อย่างนั้น ยิ่งฝึกเข้ามันก็ชำนาญได้บ้างชำนาญได้เก่งได้ไวได้เร็ว เหมือนกัน เสร็จแล้วก็นึกว่าไอ้นั่นแหละคือผลสำเร็จ ทำได้แต่จับจิตให้เป็นก้อนจับก้อนให้เป็นจิตทำจิตให้มันหยุด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 11:56:04 )

หลับตาปฏิบัติเป็นโมฆะอย่างไร 

รายละเอียด

ผู้เรียนลัดเอาที่มนายตนะกับธัมมายตนะ พวกนี้ทิ้งเลย สุญโญ ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ หยาบก็ไม่รู้ รายละเอียดของความหยาบก็ไม่รู้ แล้วคุณจะไปเอารายละเอียดของความละเอียดทันที อาตมาเคยเปรียบเทียบว่าคุณจะเอามีดโกนยิลเลตต์ใบมีดโกนเล็กบาง ไปซัดกันกับทวน 80 ชั่งของกวนอู คุณจะยื่นยิลเล็ตต์เล็กๆโดนง้าว 80 ชั่งของกวนอูฟันคอขาดแล้ว เข้ามาใกล้ไม่ได้แทงขาดไปหมดแล้ว เพราะหยาบมันจะมีรอบตัวเลย ทุกอย่างรายละเอียดต่างๆ ละเอียดมันก็ยิ่งมีน้อยเข้าๆๆ แล้วคุณจะเอาความน้อยไปสู้ความหยาบ มันเป็นไปไม่ได้เลย ฟังให้ดีนะท่านผู้หลับตาปฏิบัติทั้งหลาย โมฆบุรุษทั้งหลายเอ๋ย อาตมาขอเรียกอย่างนั้นเลย โมฆบุรุษ หลับตาปฏิบัติเป็นโมฆะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 เมษายน 2564 ( 21:20:39 )

หลับตาปฏิบัติเผด็จการทุกอย่างเลย

รายละเอียด

สายหลับตาปฏิบัติ ปฏิบัติอยู่ในความมืด แล้วมันจะไปสว่างยังไง ปฏิบัติที่ไปคิดเอง ปรุงเอง หลับตานี้คิดเอง ปรุงเอง จิตตัวเองอยู่คนเดียว ไม่ได้มีสิ่งอื่นร่วมด้วย ถ้าเป็นประชาธิปไตยก็ไม่มีฝ่ายค้าน เผด็จการทุกอย่างเลย เผด็จการรัฐสภา เผด็จการทุกอย่าง Absolute หมดเลย

เพราะฉะนั้นคุณจะคิดจะไปยังไงก็ได้ พระพุทธเจ้าตรัสว่า พวกเจโตสมาธิ คือนั่งหลับตาสมาธิหรือมีสมาธิทางสายเจโต ไม่ใช่สายปัญญา สมาธิเจโต พวกสายหลับตาอยู่ในภพตัวเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยพระพุทธเจ้าและยุคสมัยนี้ คำว่าเจโตสมาธิหมายถึงสมาธิชนิดเจโต ไม่ใช่สมาธิชนิดปัญญา 

เพราะฉะนั้นสายนี้ปฏิบัติได้แล้วจะได้มิจฉาทิฏฐิทั้งหมด มีมิจฉาทิฏฐิไปทางอดีตขันธ์ 18 มิจฉาทิฏฐิไปทางอนาคตขันธ์อีก 44 ในพรหมชาลสูตร เพราะมันทิ้งหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 05:06:56 )

หลับตาปฏิบัติเหมือนกับคนตาบอดแต่กำเนิด

รายละเอียด

เห็นไหมว่าคนไม่จริงแบบนี้ หลับตาปฏิบัติเหมือนกับคนตาบอดแต่กำเนิดและดัดจริตรู้เห็นท้องฟ้า นี่คนหลับตาปฏิบัติเป็นเช่นนี้ แล้วตาบอดแต่ละคนที่เห็นท้องฟ้ามันเป็นอันเดียวกันไหม มันก็ไม่ใช่ ต่างคนต่างเป็น เห็นไหมว่ามันไม่เป็นความจริงได้เลย แล้วไปงมงายอยู่กับสิ่งที่ไม่จริง แล้วคุณจะไปล้างกิเลสจากวิญญาณที่ไม่จริง เพราะว่ากิเลสมันจะเกิดอยู่หลัดๆในปัจจุบันนี้ ถ้าไปนึกเอาก็เป็นกิเลสในความจำ ในสัญญา เช่น กิเลสตัวนี้เรายังมีอยู่นะเราจำได้มันก็มีอยู่แต่ในสัญญา จำได้ กิเลสจริงๆ มันเกิดเดี๋ยวนี้สัมผัสทางกายเรียกว่ากาม แต่มันไม่มีจริงๆ ก็รู้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 11:36:59 )

หลับตาปฏิบัติเหมือนล้างหม้อโดยไม่เปิดฝา

รายละเอียด

คุณหลับตาภายใน คุณเท่ากับ จะล้างชาม ล้างจาน ล้างหม้อ คุณว่าคุณจะล้างภายใน โดยคุณไม่เปิดหม้อ ไม่เปิดอะไรเลย แล้วคุณก็จะล้างๆโดยไม่เปิดหม้อเลย นี่สมมุติให้ดูนะ ที่จริงคุณไม่ได้ทำสักอย่างคุณล้างภายนอกก็ไม่ได้ล้าง แต่คุณคิดว่าเข้าไปล้างภายใน เหมือนหม้อที่ปิดทั้งข้างนอกข้างในอยู่นี่ แล้วคุณก็จะล้างภายใน คุณเอาน้ำล้างใหญ่เลย ขัดใหญ่เลยนะ คุณไม่ได้ล้างทั้งภายใน ภายนอกก็ไม่ได้ทำ เจตนาจะล้างเพราะจิตของคุณอยู่แต่ภายในจะล้างแต่ภายใน ข้างนอกคุณไม่เจตนาจะล้างคุณไม่รู้จักภายนอก แต่คุณเอาน้ำล้างๆๆ ที่จริงคุณไม่ได้เอาน้ำล้างภายนอก แล้วจะล้างภายในมันก็เป็นการเทน้ำทิ้งเปล่าๆ ชัดเจนขึ้นไหม 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:33:24 )

หลับตาปฏิบัติเหมือนโจรทำลายศาสนา

รายละเอียด

พวกหลับตาปฏิบัติจึงมีบาปมหาศาล เหมือนโจรทำลายศาสนาฉันใดฉันนั้น ผู้ที่พา
หลับตาปฏิบัติ เป็นโจรทำลายศาสนาพระพุทธเจ้า ทำอยู่นั่นแหละซึ่งมันผิดๆ เตือนเท่าไหร่ก็ไม่สะดุ้งสะเทือนก็ทำอยู่อย่างนั้นแหละ อาตมาก็ต้องแทงด้วยหอกร้อยเล่มเช้ากลางวันเย็น แล้วนี่ยังไม่จบ แทงเกือบทุกวันเลย ก็ยังไม่สะดุ้งสะเทือนเท่าไหร่ ไม่เป็นไร แทงต่อ อาตมาไม่ท้อแท้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 3 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพุธที่ 7 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 เมษายน 2564 ( 20:52:51 )

หลับตาปฏิบัติแล้วหลงว่าบรรลุเป็นอรหันต์นั้น มันนิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น การหลับตาปฏิบัติแล้วไปหลงว่าบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์นั้น มัน นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย เป็นกายเก๊ กายหลอก สร้างลมๆแล้งๆขึ้นมาเอง แต่คุณโมเมว่า มีกายแล้ว คุณก็สรุปว่าเป็นรูปธรรม นามธรรม แล้วก็บอกว่าสิ่งที่ถูกรู้ว่าเป็นรูป เอาตัวรู้เป็นนาม จากจิตของคุณเองไม่มีภายนอกเลย เป็นสัมภเวสี เป็นจิตล่องลอย ไม่ได้มีตา หู จมูก ลิ้นกาย ไม่มีที่ตั้ง ที่ตั้งทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่มีที่ตั้งของการอยู่กับโลกเขา คุณไม่ได้อยู่ในโลก คุณอยู่ในภพอัตตา อยู่ในจิตในจิตของคุณเท่านั้น คุณตัดภายนอกเลย 

พูดสักเท่าไหร่พวกที่หลับตาจึงจะฉุกคิดว่า เขาเป็นโมฆบุรุษแท้ๆ เลย ที่ทำไปนี้เป็นการสูญเปล่าจะทำไปอีกกี่นานชาติ อีกกี่ชาติมันก็ไม่ได้ พวกหลับตาเอ้ย ถ้าอาตมาทำให้พวกหลับตานี้ตื่นขึ้นมาได้ อาตมายิ่งกว่าพระพุทธเจ้าได้ชฏิล 3 พี่น้องมาชุดแรก พรึ่บๆๆ เลย แต่เขากลัวอยู่แล้วเขาก็ไม่เชื่อว่าอาตมาสูงกว่าเขา เพราะฉะนั้นเขาไม่มาหรอก แต่ถ้ามาเขาต้องเชื่อแล้วว่าองค์นี้ต้องเหนือกว่าเรา ชฏิล ทั้ง 3 พี่น้อง เขารู้ว่าเขาไม่ได้เหนือกว่าพระพุทธเจ้า เขาถึงมา ใช่ ไม่ต้องไปบอก ไม่ต้องไปพูดว่าได้มาจากอาตมา ไม่ต้อง คุณเจริญไปเถอะ ไม่ว่าอะไรเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2565 ( 13:55:46 )

หลับตาปฏิบัติโมฆะจริงๆ แต่หลับตาแล้วใช้ประโยชน์มีอุปการะมาก

รายละเอียด

ขอให้ผู้ที่นั่งหลับตานี้เลิกไปเลยไม่มีใครพูดหรอกอย่างนี้มีอาตมาพูดจริงๆแล้วย้ำจริงๆ ว่าโมฆะ แต่การหลับตาแล้วใช้ประโยชน์ได้ไหมใช้ประโยชน์ได้มาก มีอุปการะมาก 

อุปการะมากคือเป็นผู้ช่วยไม่ใช่ตัวหลัก แล้วช่วยอะไร 

1. ได้พักผ่อนแบบสงบจิต มีอุปการะมาก 

2. ศึกษาเพิ่มทักษะในเจโตสมถะ และใช้ตรวจอ่าน ภาวะจิตต่างๆ ในภวังค์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 19:59:08 )

หลับตาปฏิบัติโมฆะจากศาสนาพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

การหลับตาปฏิบัติจึงโมฆะจากศาสนาพระพุทธเจ้า แม้แต่สติก็ไม่เต็มคือ อปัณกปฏิปทา 3 ต้องปฏิบัติให้สติเต็มตื่น ทั้งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ตื่นกับการพัฒนาทางทวาร 5 ภายนอก และมีจิตร่วมกับทวาร 5 ภายนอก มีปสาทรูป โคจรรูป ทำตามวิสัย ก็จะมีนามธรรม เข้าไปร่วม ร่วมกับการโคจระ โคจร คือ เกิดการดำเนินบทบาทขึ้น 

ประสาทตาหูจมูกลิ้นกาย ทำงาน โคจระ ก็จะเกิดวิสัย วิสยรูป เกิดรูป ที่ตัวเองมีรูปโดยมีนามเป็นผู้รู้ แล้วก็มีสิ่งที่ถูกรู้ ทางตาหูจมูกลิ้นกายอย่างชัดเจน เต็มไม่เบลอ ไม่เลือนลางเลอะเทอะ คม แม่นชัด เต็ม ตามวาระ มีตามสถานะของแต่ละคน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:01:28 )

หลับตาปฏิบัติใช้เตวิชโช

รายละเอียด

คุณนึกว่าคุณลดกิเลสได้คิดนึกในสัญญาแล้วคิดว่าลดกิเลสนั่งหลับตาปฏิบัติอย่างนั้นนั่งหลับตาให้ตายอย่างไร ก็ไม่ได้บรรลุธรรม ไม่ได้ปัญญา การหลับตาปฏิบัตินั้น ใช้เตวิชโช อย่างเช่นอาตมานอนหลับตาไปไม่ได้นอนหลับไปก็ตรวจสอบแล้วนึกทบทวนอดีต เป็นการสังเคราะห์สังขารอยู่ภายในเท่านั้นเรียกว่า สัญญา มันไม่ได้เป็นปัญญาเลย อาตมากำลังเขียนหนังสือเกี่ยวกับปัญญาเล่ม 1 ปัญญาไม่ใช่เรื่องทั่วๆไปที่โลกรู้เลย แต่ปัญญาเป็นโลกุตรธรรม เป็นธรรมะของพระพุทธเจ้าตรัสรู้เป็นโลกุตรธรรม มันไม่ใช่ธรรมะของโลกีย์เลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 14:52:12 )

หลับตาปฏิบัติไกลจากวิเวกน่าสงสารจริงๆ ซวยสุดๆ

รายละเอียด

หยั่งลงในที่หลงเพราะกิเลสมาก กิเลสมากแล้วดันปิดบังเอาไว้อีก โอ้.. จึงไกลจากวิเวก ห่างไกลจากวิเวก ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ผู้ที่จะปลุกให้ตื่นนี้ สงสารจริงๆ มุ่งมั่นนะเอาชีวิตมาทิ้งทั้งชีวิต ปฏิบัติพากเพียร เสร็จแล้วก็งมจมอยู่อย่างนั้น ศึกษาดีๆอย่างน้อยก็พยายามเปิดพระไตรปิฏกอ่านบ้าง เล่มนั้นเล่มนี้อ่านดีๆ อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่าเราชัดเจนแล้วเข้าใจแล้วไม่มีผิดหรอก อันอื่นๆมาก็ฟังผ่านๆ ไอ้ที่ไปยึดมั่นถือมั่นการหลับตาปฏิบัตินี้ มันเป็นเรื่องน่าสงสารจริงๆ มันเป็นเรื่องซวยสุดๆเลย มันงมงายหมด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 19:55:28 )

หลับตาปฏิบัติไม่มีกายให้ปฏิบัติ

รายละเอียด

ถ้าขืน“หลับตา”ปฏิบัติ ก็ไม่มี“กาย”ให้ปฏิบัติ    ผู้“หลับตา”ปฏิบัติจึงเป็นผู้“มิจฉาทิฏฐิ” เพราะไม่มี“สำรวมอินทรีย์ 6” มีแต่นั่ง“หลับตา” นั่นคือ ไม่ได้มีการปฏิบัติระมัดระวังขณะที่“ตากระทบรูป”อยู่นั้น “กาย-วาจา-ใจ”ของเราจะมี“ทุจริตกรรม”ใดเกิดขึ้นบ้าง  เช่น “กาย”ภายนอกจะผิด“ศีลข้อ 1-2-3”อะไร? ไฉน? ก็จะต้องระมัดระวังอย่าให้เกิดขึ้นเป็นอันขาด หรือขณะเรามี“กรรมกิริยา”ทุกอิริยาบถ เราก็ต้องสำรวมอินทรีย์เรียนรู้เพื่อปฏิบัติกำจัดกิเลสเสมอ 

เพราะ“กรรม”เป็น“ความจริง” ถ้าเราทำลงไปแล้ว เป็น “บาปอกุศล” กรรมนั้นก็สั่งสมเป็น“วิบากติดตัวเราไปเป็นของเรา”จริงๆ ไม่เอาก็ไม่ได้ แบ่งให้ใครก็ไม่ได้ “วาจา”ภายนอกจะผิดศีลข้อ 4 อะไร? ไฉน? ก็จะต้องระมัดระวังอย่าให้เกิดขึ้นเป็นอันขาด ใน“มรรคองค์ 8”ผู้สัมมาทิฏฐิจึงชัดเจนในการปฏิบัติควบคุม“สังกัปปะ 7” ตามหลัก“ศีล”แต่ละข้อ มี“อปัณณกปฏิปทา 3-สัทธรรม 7”ที่พาให้เกิด“ฌาน 4”ด้วย“วิชชา 8” เป็นผู้“ลืมตา”ปฏิบัติ ไม่“วิจิกิจฉา”เลยว่า “ฌาน”ของพุทธคือ “ฌานลืมตา” ผู้“หลับตา”ปฏิบัติจึงเป็นผู้ยัง“มิจฉาทิฏฐิ”อยู่ในพุทธ

พระพุทธเจ้าเปรียบเปรยผู้มิจฉาทิฏฐิออกนอกรีตนั้น เป็นโจรปล้นศาสนา เช่น คนที่“หลับตา”ปฏิบัติเป็นต้น พระพุทธเจ้าทรงสมมุติว่า มีพระราชาคือ ผู้เป็นใหญ่ที่รักษาสมบัติอย่าให้โจรมาปล้นเอาสมบัติไปได้ หากมี“โจร”เกิดขึ้นก็ทรงให้ไปประหารด้วยหอก 100 เล่ม แม้ในตอนเช้า ถ้ายังไม่ตายก็ให้ไปประหารอีกในตอนกลางวัน และหากยังไม่ตายอีกก็ให้เอาไปฆ่าอีกตอนเย็น แล้วท่านก็จบไว้แค่นั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 30 ตำนานพญานาค ตอนที่ 1วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 15:06:58 )

หลับตาปฏิบัติไม่มีผล 

รายละเอียด

หลับตาปฏิบัติไม่มีผล  คือ การหลับตาปฏิบัติมันไม่ใช่ของศาสนาพุทธเลย  เป็นการปิดเวทนาไม่มีผัสสะ  เพราะฉะนั้นเวทนาที่จะเกิดนั้นที่จะเป็นกรรมฐานให้เราปฏิบัติ 108  มันไม่มี  แล้วพวกคุณจะไปปฏิบัติอะไรในพระไตรปิฎก เล่ม9 พรหมชาลสูตรท่านก็ได้ยืนยันไว้ว่า  ถ้าไม่มีเวทนา ก็ไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติ  ก็มีแต่ปัญหาเท่านั้น  เป็นความแส่หาของตัณหาทั้งนั้น  ความผิดเพี้ยนของการปฏิบัติ  ไปหลับตาปฏิบัติ  ก็ดับองค์ประกอบแห่งการปฏิบัติออกไปหมดแล้ว  ก็เลยไม่ได้เรียน ไม่มีผัสสะ  ก็เละไม่มีกายไม่มีภายนอก  ขนาดนั้นเขาก็ไปนั่งหลับตาปฏิบัติอีก  กายต้องต่อเนื่องจากภายในภายนอกขาดกันไม่ได้  ปฏิบัติธรรมต้องมีทั้งนอกและในทิ้งกันไม่ได้

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16  ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 11:50:22 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:40:59 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:20:33 )

หลับตาปฏิบัติไม่มีผัสสะที่เป็นฐานให้ปฏิบัติเข้าไม่ถึงแก่น

รายละเอียด

ท่านสรุปลงที่ตัวปฏิบัติคือ เวทนา ผู้ใดปฏิบัติธรรมหลับตาไม่มีผัสสะ ไม่มีเวทนา เพราะมีผัสสะจึงมีเวทนา ที่เป็นฐานที่ตั้งให้ปฏิบัติ เพราะฉะนั้นพวกหลับตาคือพวกนอกรีตเป็นพวกเดียรถีย์ พวกโมฆะจากศาสนาพุทธ พูดชัดเจนไม่รู้จะพูดอย่างไรแล้ว พวกที่เขาไม่รู้ ก็ยังมืดบอดก็ยังหลงอยู่ ไม่ฟังอาตมา อาตมาบอกความจริงทุกอย่างว่า อาตมานี่แหละอรหันต์ อาตมานี่แหละโพธิสัตว์ เขาก็ไม่เชื่อ ผู้ที่เป็นอาจารย์เขาก็ไม่กล้าพูดว่า ตัวเองเป็นอรหันต์ เป็นโพธิสัตว์ เพราะเขาไม่มี อาสโภ ไม่มีความอาจหาญแกล้วกล้าที่จะพูดได้อย่างอาตมา เขาก็เชื่อได้อย่างนั้นเพราะเขามีภูมิเท่านั้น 

เมื่อเอาของจริงมาพูด แม้แต่จะเป็นกามนิตยังไม่รู้เลย กามนิต ฟังธรรมอยู่กับพระพุทธเจ้าทั้งคืนไต่ถามปัญหาธรรมะกันทั้งคืน มาตามหาพระพุทธเจ้าพบกับพระพุทธเจ้าแล้วคุยกับพระพุทธเจ้าทั้งคืน พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่ได้บอกว่า ตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า คุยกันเสร็จแล้วตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็บอกว่า สนุกมากคุยกับท่านได้ธรรมะ ความรู้มาก เสร็จแล้วสว่างแล้วขอลา ผมจะไปตามหาพระพุทธเจ้า เหมือนกับทุกวันนี้ พระพุทธเจ้าก็ได้แต่ เออเนาะ จะไปตามหาเปลือกพระพุทธเจ้า เพราะว่าแจกเนื้อทั้งคืนแล้ว ก็ยังจะไปตามหาเปลือกอยู่นั่นแหละ 

ตอนนี้ทุเรียนมา ก็จะกินแต่เปลือกหนามทุเรียน ให้เนื้อทุเรียนก็ยังไม่รู้จักเนื้อทุเรียน เข้าใจไม่ได้ว่าอันนี้เป็นเนื้อทุเรียน เขาเข้าใจแต่ว่าทุเรียนคืออันที่มีเปลือกหนาๆ เท่านั้น มีความรู้เท่านั้นไม่รู้จักเนื้อทุเรียน ควักเนื้อทุเรียนให้ก็ว่าอะไร ใช่ทุเรียนเหรอ ทุเรียนมันมีหนามแหลมๆ อย่างนั้นต่างหาก มีความรู้แค่เปลือกเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ใครคือผู้ถึงแก่น ใครเป็นผู้หลงกิ่งใบดอกผล วันพุธที่ 25 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2565 ( 09:15:20 )

หลับตาปฏิบัติไม่มีโยนิโสมนสิการ

รายละเอียด

ก็ต้องมีปรโตโฆษะ โยนิโสมนสิการ จัดการกับกิเลสให้มันถึงที่เกิด ในคูหาสยังนี้ มันต้องปฏิบัติในขณะมันเกิดกิเลส ไปหลับตาปฏิบัตินี้ ไม่ได้ อาตมาเหนื่อยที่จะแก้ปัญหา คนหลงผิด สงสารพระกรรมฐานธุดงค์ ภาษาก็ผิด สงสารพระบ้านที่หลับตา มาเรียนรู้ปฏิบัติ ส่วนหนึ่งก็พอเข้าใจ แต่ส่วนที่เข้าใจผิดก็ไปนั่งหลับตา ยังไม่ลืมตายังไม่ตื่นยังไม่รู้เรื่อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้างานเพื่อฟ้าดิน เพื่อฟ้าดิน สร้างคนจนสุขสำราญฯ ตอน4

วันที่ 1 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 20:27:08 )

หลับตาปฏิบัติไม่เกิดความสงบจากกิเลสได้เลย 

รายละเอียด

ก็เรียนรู้เท่านี้แหละ มีผัสสะ เกิดเวทนา ในเวทนานี่แหละมันมีตัณหา ตัวตัณหานี่แหละเป็นตัวเจตนา ท่านก็ไปเรียงสอน ตั้งแต่เจตนาตัวแรก มีกามเป็นเจตนาหลัก แต่พวกหลับตาปฏิบัตินั้นจบเลย ปิดประตูไม่รู้จักเจตนา แต่มีเจตนาดับตามเดียรถีย์ ปิดประตูศาสนาพุทธเรียบร้อย 

ไม่มี อปันกปฏิปทา 3 มีสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 แต่มีสำรวมอินทรีย์เดียว คือสำรวมจิตอย่างเดียว ไม่ตื่น มีแต่หลับ แล้วก็หลง จมในความหลง ก็ไกลจากวิเวกตลอดกาลนาน ไม่เกิดความสงบจากกิเลสได้เลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน โจรปล้นศาสนาที่ฆ่าด้วยหอกหลายร้อยเล่มก็ยังไม่ตาย


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 11:42:32 )

หลับตาปฏิบัติไม่ใช้จรณะวิชชาของพุทธ

รายละเอียด

จรณะ และวิชชา ได้หายไปจากศาสนาพุทธแล้ว ที่ได้กล่าวใน อัมพัฏฐสูตร ที่ อัมพัฏฐะก็ยืนยันว่าเขาก็มีจรณะและวิชชา แต่พระพุทธเจ้าได้ซักถามไล่เรียงแล้ว อัมพัฏฐะก็จำนน เพราะเขาไม่มีการปฏบัติ เขาท่องได้เป็นนกแก้วนกขุนทอง คล้ายกับในสมัยนี้ที่เรียนจบปริญญา ปริยัติเปรียญ แล้วไปเรียนจบด็อกเตอร์จากมหาวิทยาลัยทางเทวนิยมตะวันตก แล้วนึกว่าตัวเองมีโลกุตระรู้จักโลกุตระ 

โลกุตรธรรมคืออะไร โลกุตรธรรมคือผู้หยั่งรู้ มีญาณหยั่งรู้จิตตัวเอง สักกายทิฏฐิ หยั่งรู้จิตตัวเอง มีธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์ รู้จักกิเลส สามารถจัดการกิเลส ด้วยการสร้างปัญญา สร้างฌาน ที่เป็นพลังงานทางจิตวิญญาณเป็นพลังงาน ฌาน เผาพลังงานราคะโทสะ โมหะลงไปได้ นั่นคือโลกุตรจิตจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 18:18:52 )

หลับตาปิดทวารทั้ง 5 ไม่มีวิญญาณฐีติ

รายละเอียด

อันนี้อาตมาก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์ทั้งตีทั้งแทงด้วยหอกร้อยเล่มเช้ากลางวันเย็น หมดไป 300 หลายชุดแล้ว กี่ชุดแล้วไม่รู้ ที่เขายังไปหลงเดียรถีย์ หลงยึดถือไม่เอาการเอางานอะไร เข้าป่าหลับตา หรือนั่งอยู่บ้านก็ตาม หลับตาเป็นหลัก คำว่าหลับตาคำเดียวนี้จบหมดเลยปิดทวารทั้ง 5 มันเท่ากับไม่มีวิญญาณฐีติตามพระพุทธเจ้าสอน วิญญาณไม่ได้ตั้งอยู่ทางตาหูจมูกลิ้นกาย เป็นวิญญาณสัมภเวสี มันอยู่ในภพข้างใน ล่องลอยไม่มีที่ตั้ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูปฐมนิเทศ พาปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ปี 2564 ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน วิบากของอรหันต์ที่อภิญญาน้อย


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 17:25:59 )

หลับตาปิดทวารมีแต่วิญาณสัมภเวสีไม่ใช่ฐีติ

รายละเอียด

คำว่าวิญญาณฐีติ อาตมาบอกว่าเป็นการปฏิบัติสัมมาทิฏฐิ เพราะว่าในขณะปฏิบัติต้องมีวิญญาณตั้งในขณะนั้นเลย วิญญาณจะมีฐีติ(ที่ตั้งอยู่) ต้องมีตา หู จมูก ลิ้น กายเป็นที่ตั้ง แล้วคุณก็จะต้องมีการกระทบสัมผัสกับสิ่งภายนอก แล้วเกิดวิญญาณ ต้องปฏิบัติอย่างนั้นจึงจะสัมมาทิฏฐิ ไปนั่งหลับตาปิดทวารทั้ง 5 มันไม่ใช่วิญญาณฐีติ มันมีแต่วิญญาณสัมภเวสี ซึ่งก็อธิบายแล้วว่า สัมภเวสีคือวิญญาณไม่มีที่เกิดไม่มีที่ตั้ง เป็นการแสวงหาที่เกิดแสวงหาที่ตั้ง เป็นวิญญาณล่องลอย พระพุทธเจ้าบอกว่าอย่างนั้นท่านไม่เอามาสอน อย่างที่ท่านว่าภิกษุสาติ ...ภิกษุสาติมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า "เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ว่า  วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว  แล่นไป  ไม่ใช่อื่น” 

ภิกษุเหล่านั้นปรารถนาจะปลดเปลื้องภิกษุสาติจากทิฏฐินั้น  จึงซักไซ้ ไล่เลียงสอบสวนว่า  ท่านอย่ากล่าวอย่างนี้  ท่านอย่ากล่าวตู่พระผู้มีพระภาค  การกล่าวตู่พระผู้มีพระภาค ไม่ดีเลย เพราะพระผู้มีพระภาคมิได้ตรัสอย่างนี้เลย  ดูกรท่านสาติ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น  พระผู้มีพระภาคตรัสแล้วโดยปริยายเป็นอเนก  ความเกิดแห่งวิญญาณเว้นจากปัจจัยมิได้มี.  (มหาตัณหาสังขยสูตร พตปฎ. เล่ม 12  ข้อ 440)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:06:02 )

หลับตามีอินทรีย์เดียวไม่มีสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6

รายละเอียด

พูดย้ำไม่รู้กี่ทีว่า ปฏิบัติธรรมพระพุทธเจ้า นั่งหลับตาโมฆะไปจากศาสนาพุทธ นี่ไม่ได้ใส่ความหาเรื่อง เป็นเรื่องจริงที่สุดเลย ศาสนาพุทธไม่ได้สอนให้หลับตาปฏิบัติ จรณะ 15 วิชชา 8 ก็ยืนยันชัดเจนว่า ถ้าคุณไม่มีสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 คุณไปหลับตามีอินทรีย์เดียว อยู่ภายในใจเท่านั้น มันโมฆะมันผิดแล้ว ไม่ใช่มาจากศาสนาพุทธแล้ว 

อปันกปฏิปทา 3 คือ หากไม่มี 3 อย่างนี้ สำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคะ 

ไม่มีการสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ไม่มีการกระทบของกินของใช้ และพิจารณากิเลสจากที่กระทบกับของกินของใช้ ของกินคืออาหาร กวฬิงการาหาร ของใช้คือ สิ่งที่จะผัสสะต่างๆ ที่ไม่ใช่ของกิน ก็ต้องจัดการโภชเนมัตตัญญุตา จัดการรู้กิเลส ลดกิเลสให้ได้จากของกินของใช้นี่คือการปฏิบัติธรรม ถ้าคุณไม่ได้มีตา หู จมูก ลิ้น กาย กระทบกับของกินของใช้ภายนอก แล้วคุณก็จะเกิดกิเลสจริงๆ ในปัจจุบันนั้นเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:26:51 )

หลับตามีอุปการะซึ่งไม่ใช่ตัวปฏิบัติเนื้อแท้

รายละเอียด

หลับตามีอุปการะ ซึ่งไม่ใช่ตัวปฏิบัติเนื้อแท้ อุปการะเป็นตัวช่วยได้บ้าง ช่วยให้ได้พักผ่อน ช่วยให้เตวิชโช ช่วยให้ Concentrate ในการไล่เรียงในการดู หลับตา ไม่มีอะไรรบกวนดี ก็จับอะไรมาไล่เรียงดูได้ดี แต่มันไม่ใช่สภาวะปัจจุบันธรรม มันไม่ได้ลืมตาเห็นความจริง สัจจะต้องเป็นปัจจุบันธรรม หลับตานั้นมีแต่อดีตกับอนาคต พูดไปจนกระทั่งปากเปียกปากแฉะ 

การปฏิบัติธรรมกับสิ่งที่ไม่จริงคืออดีตกับอนาคต คุณจะปฏิบัติไปทำไม ก็ควรจะมาปฏิบัติกับปัจจุบันที่เป็นของจริงเป็นจริงมันเสร็จในตัว ไปนั่งหลับตาปฏิบัติอยู่อย่างนั้นมันเป็นโมฆะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้สภาวะของรูป 28 สู่ความเป็นอรหันต์ วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 04 สิงหาคม 2565 ( 18:41:30 )

หลับตามีอุปการะอย่างไร

รายละเอียด

หลับตามีอุปการะไหม มี หลับตาทบทวนเตวิชโช เพื่อพักผ่อน 

  1. ได้พักผ่อนแบบสงบจิต มีอุปการะมาก 

  2. ศึกษาเพิ่มทักษะในเจโตสมถะ และใช้ตรวจอ่าน  ภาวะจิตต่างๆ ในภวังค์ 

  3. เอื้อให้ปฏิบัติเตวิชโช (ทบทวน) ได้อย่างดี . 

  4. สร้างพลังทางจิต ที่จะนำไปทำฤทธิ์ต่างๆ  (แต่ฤทธิ์ในพุทธศาสนา หมายถึง  ฤทธิ์ที่ระงับ ดับกิเลส เพื่อไปสู่นิโรธ-วิมุติ-วิโมกข์-นิพพาน) 

ผู้ที่อาสวะสิ้นแล้ว ถึงอย่างไรปล่อยตัวเองเป็นสันตติ ผู้นี้ก็จะมีจิตที่ ชรตา ไปอนิจจตาไป  ตายโดยสุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อปณิหิตนิพพาน ไม่สร้างนิมิตให้แก่ตัวเองอีกไม่ต้องคิดอะไรให้กับตัวเองอีกเลย ตายสูญ​พระอรหันต์ขึ้นไปทำนิพพาน 3 นี้ได้ แต่ถ้าคุณยังตั้งจิตต่อ อย่างเช่นอาตมาก็จะมีนิมิตต่อไปเรื่อยๆยังไม่สูญ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:15:44 )

หลับตามีแต่วิญญาณสัมภเวสี ไม่เป็นความจริง

รายละเอียด

ในพรหมชาลสูตร พระพุทธเจ้าสรุปไว้ชัดเจน ไม่มีเวทนา ไม่มีกรรมฐาน ไม่มีที่ตั้งในการปฏิบัติ มีแต่วิญญาณ หลับตาก็เป็นสัมภเวสี ซึ่งมันไม่เป็นความจริง ความจริงที่เป็นปัจจุบันชาติ มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ทางทวารทั้ง 5 กระทบ มีจิตร่วม มันจึงจะครบความเป็นจริงของวิญญาณ หลัดๆเลย กระทบเดี๋ยวนี้ ตาก็เป็นวิญญาณ หูก็เป็นวิญญาณ จมูก ลิ้น กายก็เป็นวิญญาณ วิญญาณทางข้างนอก มีกิเลสหมด ก็ทำให้มันลดลงไป จนหมดแล้วเหลือแต่อยู่ข้างใน เป็นรูปจิต อรูปจิต เป็นขั้นตอนจึงจะเลิกจิตวิญญาณ ดับจิตวิญญาณ ให้สลายหมดสิ้นจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 05:11:43 )

หลับตาล้างกิเลสภายในไม่ได้

รายละเอียด

อาตมาพยายามอธิบายทุกที พยายามจะอธิบายถึงตรงนี้ที่ไปนั่งหลับตา ไปทำกิริยากำหนดล้างกิเลสภายใน คุณไม่ได้ล้าง คุณไปสร้างนิรมาณกายเป็นสัมโภคกาย เป็นอทิสมาณกายเท่านั้น เป็นกายเพ้อเจ้อใหม่ องค์รวมของรูปนามคู่ใหม่แล้วเป็นภพใหม่ชาติใหม่ คุณไม่ได้แตะของจริงที่เป็นสัญญาเก่าด้วยซ้ำ คุณสร้างภพใหม่ ไร้สัญญา คุณเข้าไปสัมผัสมัน แล้วทำเป็นล้างๆๆ คือมันไร้สาระจริงๆ โมฆะ อย่างไม่รู้จะโมฆะอย่างไร นี่ไม่ได้ไปหาเรื่องใส่ความอะไรนะ วิจัยให้ละเอียดให้ฟังเลยว่า ความเป็นจริงของพฤติกรรมคุณที่กระทำ มัน บ่ มี ไก๊ มัน nothing เลย สองคนนี้ คนหนึ่งจีน (หมายถึงป้าเข่ง) คนหนึ่งฝรั่ง (หมายถึงคุณพิมพ์เพชรรุ้ง) พอคุยกันได้ อีกคนหนึ่งรู้ภาษาฝรั่งอีกคนหนึ่งรู้ภาษาจีนดี มัน nothing เลย มันก็ The same หรือ แปะเอี่ย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:35:31 )

หลับตาสมาธิเป็นอุปการะมากแต่ไม่ใช่ทางไปนิพพาน

รายละเอียด

แต่ที่พูดไม่ได้หมายความว่าการหลับตาไม่มีประโยชน์ ถ้าหลับตานั้น ทุกวันนี้อาตมานอน นี่ก็หลับตา แต่ว่ายังไม่หลับนะ บางทีไม่หลับเป็นชั่วโมง แล้วก็ทบทวนธรรมะ ปรุงธรรมะต่างๆนานาคุยกับเทวดาอย่างที่พระพุทธเจ้า ได้ความละเอียดเยอะแยะ อาตมาก็เป็นเจโตสมาธิที่ทำประโยชน์ไม่ได้เอาไปทำฤทธิ์เดช หรือหลับตาแบบสะกดจิตไม่ได้หลงผิดแบบนั้น ก็หลับตาแล้วทำประโยชน์ ถ้าจะว่าจริงๆแล้ว หลับตาทำสมาธิมันก็มีประโยชน์ที่เราจะใช้ ทุกวันนี้อาตมาก็ใช้ แต่ที่พูดหนักก็เพราะว่าเขาไปหลงผิดกัน ว่าการหลับตาปฏิบัติคือทางเอกคือวิธีปฏิบัติเพื่อไปนิพพาน ขอยืนยันว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสแบบนั้น ท่านไม่เคยตรัสว่าเป็นทางไปสู่นิพพาน ท่านตรัสแต่ว่าการนั่งหลับตาสมาธิเป็นอุปการะมากไม่ใช่ทางไปนิพพานเลย แต่อันนี้เป็นมิจฉาทิฐิที่เขาหลงกันน่าสงสาร อาตมาจึงพูดด้วยความจริงใจสงสารจริงๆที่พูดนี้ไม่ได้พูดคารมเล่นลิ้น สงสาร คืออาตมาเห็นใจคนมุ่งมั่นจะมาปฏิบัติธรรม แล้วไม่ใช่แค่ชาตินี้ชาติเดียวนะ พวกเขาที่ไปบวชกัน บางคนบวชกันตั้งแต่เป็นเณร มาบวชแล้วก็ติดใจการออกป่าเขาทำไป บำเพ็ญมาเป็นชาติๆ หลายชาติ มาชาตินี้ก็ยังชอบยังติด คนเรานี่ ชาติหนึ่งชาติหนึ่งไม่ได้มากมายอะไรหรอก 90 ปี 100 ปีตายไม่ได้นานอะไรเลย เสร็จแล้ววิบากเก่าที่ไปสั่งสมความชอบความยินดีติดยึดพวกนี้ ที่พูดนี้ตีความติดยึดพวกนี้ แต่เขาก็หาว่า ไปว่าเขา อย่างนู้นอย่างนี้ ถ้าอาตมาไม่ว่า จะไม่มีใครมาว่าเลย ไม่มีใครกล้าว่าด้วย มีแต่ไปด้วยกันหรือไม่กล้าว่า แม้จะพอรู้ ก็ไม่กล้าว่า เพราะชาวบ้านชาวช่องเขายกย่อง อาตมาจึงต้องหนักหนาสาหัสต้องเป็นหัวหอก พูดว่า พูดติเตียนต่างๆนานาเพื่อจะให้ชัดเจน 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 02 กันยายน 2563 ( 14:57:13 )

หลับตาสะกดจิตเป็นพวกงมงายโง่ได้ที่

รายละเอียด

อย่างพวกงมงายหลับตาสะกดจิตอยู่ทุกวันนี้ ไม่รู้จะปลุกอย่างไร ปลุกอย่างไม่ธรรมดาเอาหอกแทง 100 เล่มเช้ากลางวันเย็น โอ้โห ยิ่งกว่าเอาหอกไปแทงภูเขา หอกหัก ไม่รู้กี่ 100 ด้ามแล้ว ภูเขาก็เฉย มันดื้อยิ่งกว่าภูเขา พวกนั่งหลับตานะ โง่ได้ที่ เป็นคนไม่ตื่น เป็นคนไม่รู้เรื่อง เป็นคนไม่มีประสาท แทงเข้าไปประสาทตื้อ จะเรียกว่าประสาทเสียก็ไม่ใช่นะ ประสาทบอด เมื่อไหร่จะรู้เรื่องนะ ไม่ใช่ประสาทเสียอย่างเดียว ทั้งเสียทั้งบอด ปลุกไม่ขึ้นปลุกไม่ตื่น แทงด้วยหอกขนาดไหน ก็ไม่รู้สึกรู้สา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คนฉลาดสร้างอาหาร คนชั่วช้าสามานย์สร้างอาวุธ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 พฤศจิกายน 2564 ( 21:45:33 )

หลับตาหนีลาภยศไปหลงเดียรถีย์หลอก

รายละเอียด

อีกฝ่ายหนึ่งไม่เอาบอกว่านั้นยังติดลาภยศสรรเสริญ ก็ออกไปไม่เอาหนีเข้าป่า หลบ ไม่เอาอย่างนั้นก็ไปหลงเดียรถีย์หลอก ว่าไปหลับตาปฏิบัติได้หมดเลย กลับไปหลงหลับตาปฏิบัติ พระพุทธเจ้าท่านตรัสในพระสูตร ว่าไปหลับตาตามเดียรถีย์ที่หลอก อีกพวกหนึ่งไปหลงลาภยศสรรเสริญสุข อีกหมู่หนึ่งพอรู้ ไม่เอา หนี หลบเข้าป่า แต่ไปรู้ว่าวิธีคือจะต้องหลับตา หนีลาภยศสรรเสริญที่เป็นผัสสะ ตาไม่ให้กระทบรูป หูไม่ให้กระทบเสียง ทำจิตให้นิ่งๆดับๆไม่รับรู้ นี่แหละว่านิโรธๆ แล้วจะไปมีปัญญารู้จักนิโรธในขณะหลับตานั่นแหละ ไอ้พวกนี้ก็เป็นอาจารย์ใหญ่ ปราสิยพราหมณ์ มีลูกศิษย์คือ อุตรมานพ ก็เรียนกัน แต่ปาราสิยพราหมณ์อยู่เต็มป่า พวกสายอาจารย์มั่น สายอาจารย์ฤาษีลิงดำ สายธัมมชโยแต่ไม่ออกป่าพวกนี้เจ้านี้ก็หยุดแล้วประยุกต์เก่งชิบหายเลย ประยุกต์แล้วได้ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ได้ทั้งการสะกดจิต ตัวเองก็เลยเป็นเจ้าสะกดจิต 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน โจรปล้นศาสนาที่ฆ่าด้วยหอกหลายร้อยเล่มก็ยังไม่ตาย


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 11:26:39 )

หลับตาหรือลืมตาก็เป็นเตวิชโชได้

รายละเอียด

คุณจะไปตรวจสอบทบทวนวิญญาณจรตอนหลับตาก็ได้ เป็นสัญญาทบทวน เป็นการช่วย อนุเคราะห์อุปการะมาก ซึ่งคนใช้เป็นแล้ว จะไม่ติดใจ ไม่ยึดมั่นถือมั่น อย่างเช่นอาตมา เตวิชโช เป็นเรื่องอุปการะมาก แม้แต่ลืมตาอยู่ก็มีเตวิชโช เดี๋ยวนี้คุณก็มีได้ ไม่มีปัญหา ลืมตาก็เป็นเตวิชโชได้ หลับตาก็เป็นเตวิชโชได้ หลับตามันก็ดีขึ้นสิเพราะไม่ต้องห่วงข้างนอกเลย คิดรวมลงไปอ่านแต่ข้างในจริงๆ มันก็ดีไม่เห็นเป็นปัญหาอะไร 

เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นอรหันต์ด้วยกัน อาตมาพูดนี้ก็เข้าใจเลย ไม่แย้งเพราะสัจจะเป็นหนึ่งเดียว ตรงกันหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2564 ( 04:44:52 )

หลับตาหรือไม่หลับตาพระพุทธเจ้าก็ทำเตวิชโชได้

รายละเอียด

อาตมาว่าควรจะเป็นคุณที่น่าจะศึกษาให้ดีเสียก่อนมากกว่า ความเห็นของคุณกับความเห็นของอาตมาก็คงจะไปกันคนละอย่าง คุณชอบอันนั้นมากเลยคุณเข้าใจแล้วก็มองได้แค่ว่าพระพุทธเจ้านั่งหลับตาหรือไม่หลับตาก็ได้ในยามต้นยามสองยามสามเพื่อระลึกถึงสิ่งที่ท่านได้มาแล้วท่านไม่ได้มาปฏิบัติธรรม แต่ท่านทำเตวิชโช

เตวิชโชของพระพุทธเจ้าไม่ใช่แค่ตรวจสอบธรรมะเท่านั้น แต่เป็นการระลึกชาติที่ท่านเคยบรรลุธรรมมาแล้วได้สัมมาสัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้ามาแล้ว ในปางนี้ก็เกิดมาเป็นเจ้าชายสิทธัตถะแล้วมันในชาตินี้ท่านก็ระลึกถึงสิ่งที่ท่านปฏิบัติมาแล้วอาตมาเองเมื่อนอนหลับไปก็ระลึกถึงธรรมะที่ได้มีมาแล้ว วันไหนเมื่อยก็นอนหลับ วันไหนไม่เมื่อยก็ทบทวนไปได้ธรรมะที่เอามาสอนนี้ส่วนใหญ่เลยมีอะไรต่างๆนานาเยอะศึกษาตั้งใจฟังให้ดี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรม รายการวิถีอาริยธรรม ตอบปัญหาผ่าวิญญาณฐีติ 7 วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:32:21 )

หลับตาอยู่ในโลกเป็นสัมภเวสี

รายละเอียด

ถ้าคุณหลับตาอยู่ในโลกก็คือคุณเป็นสัมภเวสียังล่องลอยอยู่ไม่มีที่ตั้ง 

พระพุทธเจ้าว่าภิกษุสาติไว้หนักเลย เมื่อคุณหลับตาปฏิบัติจิตคุณก็จะสร้างภพชาติแล้วรออยู่ในภพชาตินั้น ไม่ได้เข้าไปข้างในตัวจริงของคุณนะ เข้าไม่ได้ ก็มันอยู่ข้างนอกหมดเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:03:16 )

หลับตาเป็นคนพิการบรรลุธรรมไม่ได้

รายละเอียด

แค่ไม่มีผัสสะ โดยเฉพาะไม่มีผัสสะเต็มสภาพภายนอก ตา หู จมูก ลิ้น กาย แค่นี้เขาก็มิจฉาทิฏฐิแล้วว่า ผู้ที่จะบรรลุธรรมจะต้องหลับตาแล้วจะต้องเกิดฌานเกิดสมาธิเกิดปัญญา ในการหลับตา พวกนี้มิจฉาทิฏฐิสนิท เดียรถีย์ 100% ที่ไปเข้าใจว่าจะบรรลุธรรมในการหลับตา ไม่มีผัสสะภายนอก ไม่มี โผฏฐัพพะ เป็นคนไม่เต็มเต็งเขามี 6 ขาแต่ตัวเองมีขาเดียวมีแต่จิต อีก 5 ขาไม่มี เป็นคนพิการ รายละเอียดที่ท่าน อธิบายไว้ถึงรูป 28 หรือ อุปาทายรูป 24 แค่ภาวรูป แยกเป็น 2 ก่อนถึงภาวรูป ก็จะมีความรู้ในรูปในนาม จะต้องรู้ภายนอกภายใน ให้เป็น วิสยรูป ให้เป็นรูปที่มีประสาท ปสาทรูป 5 แล้วมีโคจรรูปอีก 4

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 พฤษภาคม 2567 ( 11:37:14 )

หลับตาแม้มีอุปการะมากแต่ขาดพลังงานไฟเผากิเลส

รายละเอียด

คำว่า ฌาน ถ้ายังไม่สัมมาทิฏฐิ หลับตาไม่มีฌานของพระพุทธเจ้าเพราะไม่เกิดพลังงานไฟ ฌาน แปลว่าไฟ พลังงานไฟ มันมีแต่พลังงานเย็นนะ การหลับตา ทำให้หล่อหลอม เข้าเป็นน้ำแข็งแน่นเข้าไปจับขั้วแน่นนิ่งเลย ดับมืดให้แข็งเย็นเป็นน้ำแข็งแห้ง Dry ice ยิ่งแข็งยิ่งแน่นเย็นไม่ไหวเลย มันไม่มีทางที่จะมาพูดกันรู้เรื่อง เพราะฉะนั้นต้องเลิกที่จะหลับตา เลิกจริงๆเลิกได้เลย หลับตานั้นมันมีอุปการะมากอยู่ ต้องเข้าใจสัมมาทิฏฐิให้ได้ 

1. เป็นการพักผ่อน 2. เป็นการทบทวนธรรมะต่างๆ 3. ทำเตวิชโช 4.ไปเล่นเดรัจฉานวิชาไปทำอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ อย่างนั้นพระพุทธเจ้าตีทิ้งไม่เอา 

เอาที่เป็นประโยชน์ เตวิชโช หรือจะทบทวนธรรมะก็ได้ไม่มีปัญหา อาตมาก็ทบทวนธรรมทุกวัน หรือพักผ่อน หลับตา ก็พัก หยุดพัก ก็น่าจะเข้าใจ พูดอธิบายมามาก หลับตาเป็นอุปการะ สัมมาทิฏฐิให้ดีๆ ถ้ามันต้องใช้ พักผ่อน ทบทวนธรรม เตวิชโชหรือออกนอกรีตเป็นเดรัจฉานวิชาก็ไม่เอาอยู่แล้ว เราก็ลืมตาเป็นสามัญ ถึงเวลาหลับตาก็หลับตา 

ทุกวันนี้อาตมาทำงานอยู่ อาตมาไม่ได้หลับตาประเภทดับดิ่งไปเลย จะดับสนิทดิ่งๆ มีน้อยมาก วันๆหนึ่ง มีผู้เอาเครื่องมาจับ เขาเรียกว่า หลับลึก เขาก็วัดแล้วว่าวันๆหนึ่งนอนหลับ เขาก็จะให้นอนหลับ 20:00 น ก็จะนอนหลับประมาณ 20:00 น ถึง 21:00 น แล้วไปตื่น 6 โมง เป๊ะเลย ไม่ให้ขาดให้เหลือ บางทีก็เลย 6 โมงไปนิดหน่อย ถ้าเผื่อว่านอนเกิน 21:00 น. 22:00 น. จะปรับอาตมาให้นอนตื่น 7:00 น. 8:00 น. ก็ว่าไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2565 ( 14:43:40 )

หลับตาแล้วมืดอย่างเดียวแต่ที่เห็นเป็นแสงสว่างต่างๆ นั้นคืออุปาทาน

รายละเอียด

อาตมาเคยอธิบายไปหลายทีว่า คุณหลับตาลง ไม่มีแสงสว่างได้เลยมีแต่ความมืด แต่ที่คุณเห็นเป็นแสงสว่างแสงสีต่างๆ ขึ้นมานั้นเป็น อุปาทานทั้งนั้น เป็นสิ่งที่ยึดติดปั้นเองสร้างเองขึ้นมาทั้งนั้น ซึ่งมันไม่มี แต่คนอุปาทาน มีมานานแสนนานไม่รู้กี่ชาติแล้ว มันก็ล้างยากเท่านั้นเอง ถ้าคุณเข้าใจสัมมาทิฏฐิแล้วก็เอาให้ชัด หลับตาแล้วมืดอย่างเดียว ลืมตามันก็มีแสง ความจริงมีมากมีน้อยอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภู คือผู้นำพาคน ไปสู่ความจนอันประเสริฐ วันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2564 ( 15:44:05 )

หลับตาแล้วยังเห็นแสงอยู่ คนนั้นอยู่ในรูปภพ

รายละเอียด

สรุปอีก แม้หลับตาลงไปแล้วก็ไม่มีแสง คนใดก็แล้วแต่หลับตาแล้วยังเห็นแสงอยู่ คนนั้นยังอยู่ในอรูปภพ จะต้องเรียนรู้อรูปภพ อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ  จนกว่าจิตของคุณจะลงตัว หลับตาแล้วเห็นแสง แวบวาบได้บ้าง แต่ถ้าหากนอนหลับในที่มืดจริงๆปิดไฟแล้วไม่มีแสงข้างนอก มันจะมืดธรรมดาเลยไม่มีแสงเลย คุณจิตสนิทแล้ว อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ   มันจะไม่เห็นแสงสว่างอะไรเลยในที่มืด อาตมาเคยอธิบาย พวกที่หลับตาแล้วยังเห็นแสงสีอะไรต่างๆก็เป็นอุปาทานทั้งนั้น เมื่อคุณไม่มีแสงสว่าง ก็สัญญากำหนดรู้ ต้องกำหนดรู้ความเป็นจริง กำหนดให้มี อาโลก ก็คือต้องลืมตา แล้วกลางวันมีพระอาทิตย์ คุณลืมตากลางคืนไม่เป็นอาโลก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2563 ( 13:15:44 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:41:37 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:21:24 )

หลับตาแล้วไม่เห็นแสงนับเป็นอรหันต์ได้

รายละเอียด

คนที่ยังหลับตาแล้วเห็นแสง แสงสีแดงสีเขียวสีเหลืองมันอุปาทานทั้งนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีแต่เนรมิตให้มันมีเอง แต่เราไม่อยากให้มีไม่ง่ายนะ ต้องเรียนรู้อย่างละเอียดจริงๆจึงจะรู้ว่า อ้อ.. จนกระทั่ง

เอาอย่างนี้ เอาเป็นเครื่องตัดสินเป็นอรหันต์ได้ ผู้ใดหลับตาแล้วไม่มีแสงสีอะไร ในที่มืดนะ หากที่ไม่มืด มีแสงสะท้อนในการหลับตา คนนี้แหละอรหัตตผล แต่ก็อีกนั่นแหละ ผู้ที่ฝึกสมาธิหลับตา ดับดิ่ง ไม่กำหนดรู้อะไรเลย เขาก็ไม่เห็นเหมือนกัน แต่ไม่เห็นแบบมิจฉาทิฏฐิ ไม่ได้มีสติตื่นเลย ถ้าจะไม่เห็นอะไรจริงๆเลย ดับปี๋ไม่รู้สึกตัวเลย เขาก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรได้ทั้งนั้น แต่ถ้ารู้ตัวขึ้นมาก็มีแสงสีตาม อุปาทาน ของคนผู้นั้น มีเทวดา มีผีนรกเป็นตัวเป็นตนอะไรอีกเยอะ เหมือนสายหลับตาหรือสายสมาธิลืมตา เหมือนสายธรรมกาย สาย อ.มั่น ก็ยังมิจฉาทิฏฐิกันอยู่ทั้งสองฝ่าย ก็เป็นเช่นนั้น 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:37:28 )

หลับตาใช้สติกดข่มได้ผลสูงสุดแค่ฌาน 7 ฌาน 8 ตามดาบสทั้ง 2

รายละเอียด

ทีนี้ในขณะหลับ คุณก็ฝึกไปสะกดจิตในขณะหลับตา หลับ คุณก็ใช้สมถะกดข่ม มันก็ได้ผล สูงสุดก็ได้แค่ ฌาน 7 ฌาน 8 ตาม อาฬารดาบส อุทกดาบส มีอยู่ในตำราคำสอนทั้งนั้นอย่างนั้นน่ะเลิกเลย ซึ่งพระพุทธเจ้าก็สุดสงสาร อาฬารดาบส อุทกดาบส ว่าเมื่อตรัสรู้แล้วจะไปโปรด เพราะตั้งแต่บวชมาใหม่ๆ 

พระพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้จะไปพบกับพราหมณ์ทั้งสองปรากฏว่าตายไปแล้ว 7 วัน พระพุทธเจ้าถึงได้บอกว่าตายไปด้วยทิฐิและมรรคผลสิ่งที่เขาได้แบบนั้นจะจมอยู่ในสัมภเวสี ไม่มีที่เกิด จิตที่ยังจรล่องลอยอยู่แถวไหน ซึ่งจะต้องไปตามกรรมเหมือนกัน ต้องไปตกนรกแล้วทำผิดอย่างนี้ มันจะได้สวรรค์ที่ไหน ย่อมได้นรก นรกหลงด้วยเป็นนรกสงบ ใจสงบนั้นมีความฟุ้งซ่านอยู่ในจิต มันสะกดได้เก่งก็ไม่มีอะไร แต่มันสะกด คุณมีพลังกด หมดพลังกดก็เป็นไปตามวิบากที่คุณมี พอตายไปแล้ว ไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายที่จะไปช่วยดึงให้ตื่น มันก็เลยต้องอยู่ในจิต มีแต่หลับกับหลับง่ายที่สุด คุณจะฝืนขึ้นมาเพื่อที่จะตื่น ไม่ได้ คุณจะจมอยู่ในจิตจิตในจิต ซึ่งมันหลับง่าย ไม่มีอะไรสะกิดเลย มันยิ่งจมไปในจิตดับ แล้วคุณก็ไปถนัดความดับ ชอบความดับอีก มันกี่ซับกี่ซ้อน อวิชชา ที่จะต้องเอาดับๆ อสัญญีนี่แหละคือนิโรธ มันก็เลยยิ่งไปกันใหญ่เลย หลับตามันโมฆบุรุษ แหมอาตมาพูดแรง พูดมาก พูดเยอะตีหลับตา เพราะถ้าสามารถตีหลับตาให้ตื่นได้ แล้วมาเรียนรู้เริ่มต้นตามที่อาตมาอธิบายสาธยายแล้ว แล้วปฏิบัติไปตามลำดับ คุณไม่ต้องมาบอกก็ได้ ไม่ต้องให้ใครรู้ก็ได้ปฏิบัติเอาเองก็ได้ ขอให้ถูกต้องสัมมาทิฏฐิเถอะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หากเลิกหลับตาปฏิบัติได้ประเทศไทยเจริญ วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 สิงหาคม 2565 ( 13:33:00 )

หลับตาได้ภายใน ลืมตาได้ทั้งภายนอกและภายใน

รายละเอียด

สรุปง่ายๆแสดงว่าเข้าใจว่า ได้ภายนอก กับได้ภายในมันเป็นอย่างไร การได้ภายนอกนี้ได้ภายในไหม ...ได้ แต่การได้แต่ภายในนี้ได้ภายนอกไหม..ไม่ได้ ..ขาดทุนใช่ไหมล่ะ สมน้ำหน้า โง่ แทนที่จะได้ทั้ง 2 นอกและใน แต่นี่ได้แต่ภายในภายนอกไม่มี กลายเป็นการไปเรียนลัด จริงๆแล้วมันลึกซึ้งกว่านั้น ภายในนี่นะ คุณหลับตา คุณยังไม่ได้ล้างกิเลสภายนอกเลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:32:25 )

หลับตาได้อาหารที่สำรวมผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

ทำไมคุณไม่สำรวม ก็คุณไปหลับตาดับไป 5 ทวารเหลือทวารเดียวก็สำรวมแต่จิตทวารเดียวก็ได้แต่อาหารทวารเดียว แล้วดันเป็นอาหารผิด อาหารเป็นพิษ อาหารสมถะ สำรวมสะกดจิตให้จิตแข็งเด้งเป็นหนึ่งเดียว ไม่ได้วิจัยแยกแค่ให้เห็นว่า อะไรไม่ดีก็เอาออกอะไรดีก็เอาไว้ แล้วจบไปทีละชั้นๆ ไม่ได้ทำอย่างนี้เลย แต่สะกดจิตให้มันเป็นหนึ่ง คุณก็ได้อาหารที่สำรวมผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลกุตรปัญญาต้องได้มาจากสัตบุรุษ วันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 19:42:59 )

หลับตาได้แต่สัญญาไม่ใช่ปัญญา

รายละเอียด

44 นี้  หนึ่งเอาอดีตเป็นตัวรากฐานแล้วปรุงแต่งเพิ่มเป็น 44 แล้วเขาก็นึกว่าเขารู้แม้เขาจะกำหนดรู้ในการหลับตาพระพุทธเจ้าเรียกว่าสัญญา การรู้ในการหลับตา ในการไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายนี้ ไม่เรียกว่าปัญญาเลย จะมีปัญญาประกอบคุณจะต้องลืมตา คุณต้องเปิดหู จมูก ลิ้น กายกระทบสัมผัส มีเหตุปัจจัยจากภายนอกมาปรุงแต่ง สิ่งที่ปรุงแต่งเป็นปัจจุบันนั้นจึงจะเรียกความรู้นั้นว่า ปัญญา

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:03:00 )

หลับตาได้แต่อดีตกับอนาคตวนอยู่ในตาข่าย

รายละเอียด

คุณไปหลับตามันไม่มีปัจจุบัน มีแต่อดีตกับอนาคตมันไม่มีของจริง กิเลสที่เกิดในปัจจุบันนี้จริงๆแล้ว คุณต้องดับกิเลสตัวจริง แต่คุณไปดับกิเลสตัวอนาคต ตัวอดีต จะบ้าหรือ หลับตามันก็มีแต่อดีต 18 อนาคต 44 เป็นทิฏฐิ 62 พระพุทธเจ้าสอนไว้หมด แต่อ่านพระไตรปิฎกกันไม่แตก แล้วก็ไปนั่งสมาธิอย่างฤาษีทั้งหลายเป็นเจโตสมาธิ ก็ได้แต่อดีตกับอนาคต พระพุทธเจ้าก็บอกว่ามันเท่ากับวนอยู่ในตาข่าย (ชาละ) ออกไม่ได้หรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:28:25 )

หลับตาไม่มีทิฏฐกาละนอกรีตศาสนาพุทธ

รายละเอียด

คนที่หลับไปกับปัจจุบันไม่มีทิฏฐกาละ ไม่มีปัจจุบันชาติ คนนี้นอกรีตศาสนาพุทธหลับตานี้ไม่มีปัจจุบัน ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีจักษุ ไม่มีสิทธิ์ที่จะมีญาณ ปัญญา วิชชา ไม่ได้เกิดการบรรลุธรรมของพุทธได้เลย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 14:29:00 )

หลับตาไม่มีผัสสะจึงไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติ

รายละเอียด

นั่งหลับตานั้นตีทิ้งไปเลย ไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติ ไม่มีผัสสะ ไม่มีฐานแห่งการปฏิบัติ มูลสูตร 10 ต้องมีผัสสะเป็นสมุทัย และมีเวทนาเป็นตัวจัดการได้ ประชุมลง ทำให้ 2 เป็น 1 ทำให้กิเลสมากๆรวมเป็นหนึ่งได้ ที่เวทนาเป็นที่ประชุมลง ทำให้กิเลสลดได้ จึงทำให้ตกผลึกเกิดเป็นสมาธิเป็นประมุข เมื่อสมาธิเกิดจึงจะชัดเจนว่ามีสติเป็นอธิปไตย มีปัญญาเป็นอุตตระ ในมูลสูตรมีความชัดเจน แล้วจึงจะทำวิมุติได้สำเร็จ มีวิมุติเป็นสาระเป็นแก่น พอจบวิมุติก็เป็นอมตบุคคล 

อาตมาอ่านมูลสูตร 10 ก็เห็นว่าเป็นหลักสูตรที่สมบูรณ์แบบจริงๆ พอมีอมตะ ก็เป็นบุคคลที่ไม่เกิดไม่ตายแล้วจะเกิดก็ได้จะตายก็ได้เป็นอมตบุคคล เป็นโอคธา เป็นที่หยั่งลงแข่งกับคนที่สมบูรณ์แบบที่สุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 2 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันอังคารที่ 6 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 15:31:25 )

หลับตาไม่มีรูปนาม

รายละเอียด

การศึกษาจึงไม่ต้องหลับตาต้องมีสิ่งที่ให้ศึกษา ไปหลับตาไม่มีรูปนามให้ศึกษา เหมือนคนถูกหอก 300 เล่มจะสะกิดผิวเขาหรือไม่นะ เข้าใจอุทธาหรณ์ของพระพุทธเจ้าไหม มันลึกซึ้งสุดยอดเลย คนหลงอยู่นี่ แม้แต่ปฏิบัติแค่กายวิเวกก็ไปกันใหญ่ หากไปหนีเข้าป่า มีสูตรนี้บอกไว้ดูกรภิกษุ อัญญเดียรถีย์จะบัญญัติความสงัดไว้ 3 ​อย่าง 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 18:52:02 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 06:42:52 )

เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2563 ( 16:49:38 )

หลับตาไม่มีวิปัสสนาไม่มีรายละเอียดของอภิธรรมในจิต

รายละเอียด

หลับตาเป็นพวกสะกดจิต มีแต่ข่ม มีแต่สมถะๆๆ มันไม่มีวิปัสสนาไม่มีการรู้การเห็นแล้วก็พิจารณาความแตกต่างระหว่างการรู้การเห็น กระทบสัมผัสตั้งแต่ภายนอก หยาบ กลาง ละเอียด เข้าไปถึงภายใน มีแต่สมถะก็กดข่ม หยุด นิ่ง เฉย หลับไม่รู้คู้ไม่เห็น ไม่มีรายละเอียดของอภิธรรมในจิต มีแต่เก่งหยุดๆๆๆ ปล่อยวาง ไม่เอาถ่าน แล้วก็หลงว่าตัวเองหลุดพ้นหรือว่างแล้ว วางแล้ว 

ซึ่งข้อแตกต่างของพุทธจริงๆนั้น ลืมตา ปฏิบัตินี่เริ่มแตกต่างแล้ว มีจรณะ 15 วิชชา 8 นี่แตกต่างแล้ว แล้วหลักธรรมที่จะบรรลุธรรมของพวกหลับตากับลืมตา พวกหลับตา ผลที่ได้ส่วนมากจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิงจะไม่ค่อยได้ ผู้หญิงจะเป็นคนคอยติดตามศึกษา ตัวเองยังไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย เพราะฉะนั้นไม่พูดเลย ผู้หญิงบรรลุอรหันต์ ผู้หญิงเป็นโสดาบันสกิทาคามี ไม่พูดถึงเลยแต่ต้องพากเพียร มันจะมีความลำเอียงผู้หญิงผู้ชายอยู่เยอะ เพราะฉะนั้นความแตกต่างอันนี้ อาตมาจำเป็นที่จะต้องพยายาม อธิบายขยายความ ที่ละเอียดลออเข้าไปแล้วก็พาพวกเราพิสูจน์

จริง ในโลกนี้ผู้ชายน้อยลง ผู้หญิงจะมากขึ้น ผู้หญิงหนังเหนียวตายยากกว่าผู้ชายอีก แปลก ไม่ว่าชนชาติไหน แล้วผู้หญิงก็ทุกข์มาก อยากบรรลุธรรม ยิ่งมาเรียนศาสนาพุทธเรียนรู้อาริยสัจ จึงรู้ว่าเป็นทางออกจะพ้นทุกข์ ก็มากัน คนมาศึกษาพุทธจึงเป็นผู้หญิงมากขึ้นๆ ผู้ชายไปตายในสนามรบเสียเยอะ ผู้ชายห่ามๆก็เลยตายไว ผู้หญิงก็ไม่ห่ามเท่าไหร่ ได้แต่เก่งปากไม่เก่งกายกรรมเก่งแต่วจีกรรม ผู้ชายเก่งกายกรรมก็เลยไปตายเยอะกว่า ผู้หญิงเก่งแต่ปากหอกก็เลยไม่ตายเยอะ ที่พูดนี้เป็นสัจจะเป็นธรรมชาติ

ศีลต่างกัน สมาธิต่างกัน ปัญญาต่างกัน มีความรู้ความเห็นความเข้าใจต่างกันไปหมด หลับตาแล้วศีลจะสะอาดบริสุทธิ์เอง ฝ่ายหลับตาว่างั้น ฝ่ายลืมตาบอกว่าไปหลับตาจะมีศีลกันได้อย่างไร ศีลต้องลืมตาเกี่ยวข้องกับสัตว์ เกี่ยวข้องกับของ เกี่ยวกับรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ในศีล 3 ข้อแรก แต่นี่คุณหนีหลบไปอยู่ภายใน สัตว์ก็ไม่เกี่ยว ข้าวของคุณก็ไม่เกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นข้าวของ พืชพันธุ์ธัญญาหาร คุณก็ไม่เกี่ยว คุณเอาแต่นั่งหลับตาเข้าไปอยู่ภายใน รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสภายนอกกามคุณ 5 คุณก็ไม่เกี่ยว คุณก็ไปทำแต่จิตในจิตของคุณอยู่เท่านั้น เห็นชัดเลยว่ามันไม่ใช่ มันผิดมันไม่มีศีล ไม่มีอปัณณกปฏิปทา 3 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 วิญญาณกับวิญญัติ วันมาฆบูชา วันพุธที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 19:27:57 )

หลับตาไม่มีอปันกปฏิปทา 3

รายละเอียด

ไม่จำเป็นต้องไปนั่งหลับตาก็สำเร็จ เรียนรู้จริงๆในจรณะ 15 วิชชา 8 

ฌาน 4 เกิดจากการปฏิบัติจรณะของพระพุทธเจ้า เกิดจากการปฏิบัติศีล และอปันกธรรม 3 มีสัทธรรม7 ก็จะเกิด ฌาน 1 2 3 4 ทั้ง 11 หลัก ถ้าไม่มีศีลเป็นตัวหลักแล้วไม่มี อปันกธรรม 3 โมฆะจากศาสนาพุทธ ไปหลับตาไม่มีอปันกปฏิปทา ไม่ได้มีการสังวรสำรวมอินทรีย์ทั้ง 6 ไม่มีการโภชเนมัตตัญญุตาคืออาหารที่พูดไปแล้ว กวฬิงการาหาร อาหารที่กระทบทางตาที่จะกินเข้าไปทางปาก กลิ่นรสสัมผัสทางกายมาค้นหา คุณต้องเรียนรู้อันนี้แล้วละกิเลสจากอันนี้ คุณจะเรียนรู้ได้ทั้งหมดทั้งผัสสะเวทนา มีตัณหา จะรู้นามรูป เทวะ องค์ประกอบ 2 แล้วทั้งหมดคือถ้ารู้คือวิญญาณแยกเป็นเวทนาสัญญาเจตนา ก็เรียนรู้นาม 5 เวทนาสัญญาเจตนาผัสสะมนสิการ คุณไม่มีเวทนาไม่มีผัสสะคุณทำใจในใจไม่ได้ เพราะไม่มีเวทนาไม่มีสัญญาไม่มีเจตนาให้คุณปฏิบัติ นาม5 คุณไปปฏิบัติไม่ได้ ขาดผัสสะตัวเดียวคุณเป็นโมฆะหมดเลย ไม่มีผัสสะก็ไม่มีเวทนา สัญญาจะกำหนดรู้ตามเวทนาจะได้รู้เจตนาในเวทนา มีตัณหาซ่อนอยู่ในเวทนา คุณกำหนดรู้ไม่ได้เรียนรู้ไม่ได้ เพราะไม่มีผัสสะตัวเดียวก็ไม่มีฐานะแห่งการปฏิบัติ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหารให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 13:14:40 )

หลับตาไม่ใช่ของพุทธจึงเปรียบเป็นโจรปล้นศาสนา

รายละเอียด

แม้แต่พยายามเปรียบเทียบว่า เป็นโจรปล้นศาสนา แล้วพระราชาให้เอาหอกไปแทงเช้ากลางวันเย็น ก็พวกนี้ทำลายศาสนา หลับตามันไม่ใช่ของพุทธ เอามาทำอยู่อย่างนั้นก็เท่ากับฆ่าศาสนาอยู่ตลอดเวลา ขออภัยที่อาตมาพูดความจริง มันลงโทษเลยเพราะเป็นโทษจริงๆ ถ้าเผื่อว่า พระปฏิบัติหลับตาตื่นขึ้นมา มาเรียนรู้จรณะ 15 วิชชา 8 แล้วรู้จัก ฌาน สมาธิแบบของพุทธเลยนะ เมืองไทยนี้ จะเป็นเมืองที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เลย 

มันน่าสังเวชใจ น่าสงสาร ปรารถนาดีกันนะ แต่งมงาย ไปหลงลมเดียรถีย์ ไปเป็นทาสเดียรถีย์ จม โงหัวไม่ขึ้น ปลุกอย่างไรอย่างไร ก็พอๆกับพญานาค คือรู้แต่สมมุติว่าพระพุทธเจ้าเกิด อาตมาเป็นโพธิสัตว์เป็นลูกพระพุทธเจ้าเกิด เขาก็น่าจะรู้สักหน่อยนึง ก็ไม่ ขนาดพระพุทธเจ้าเกิดก็คงไม่รู้ ลูกพระพุทธเจ้าเกิดไม่มีอะไรจะไปทำให้เขารู้หรอก มันยากมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 14:05:18 )

หลับตาไม่ได้ปฏิบัติธรรมแต่สร้างนิรมานกาย

รายละเอียด

แต่นี่ นั่งหลับตาก็นั่งนึกเอาเลยว่าตัวเองจะเข้าไปล้างอรูปเลย เป็นการขี้โกง หยาบ กลางไม่เอา จะเอาตัวข้างในเลย แล้วมันจะถูกเรื่องถูกตัวที่ไหน เพราะฉะนั้นคุณก็เลยหลับตาเข้าไปนึกว่าทะลุภูเขา เปล่า แต่คุณไปสร้างภูเขาลวง สร้างภูเขาลวง แล้วก็หลับตาปุ๊บเข้าไปเองนึกว่านิรมาณกาย เป็นกายเนรมิตทั้งนั้น ไม่ได้ปฏิบัติธรรมศาสนาพุทธเลย ต่างคนต่างสร้างนิรมานกายเป็นแต่ของตัวเองไปเลย จะเป็นอย่างไรก็กายต่างกันสัญญาต่างกันอยู่ในโลกนี้ ซึ่งเป็นความสูญเปล่าไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย ไม่ได้เข้ามาที่สัจจะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน โจรปล้นศาสนาที่ฆ่าด้วยหอกหลายร้อยเล่มก็ยังไม่ตาย


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 11:48:23 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์