@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

กาล

รายละเอียด

เวลา  สมัย  คราวอันบุคคลพึงนับ  ความตายช่วงแห่งเวลาที่มีและที่พ้นไปแล้ว

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:25:53 )

กาลกตเป็นไฉน

รายละเอียด

เพราะทำ“กรรม”ที่เป็น“บุญ”เสร็จจบแล้วในภาวะที่เป็น“กาล”สำหรับชีวิตต่อไปของตน เป็นผู้มี“กาลกต” แปลว่า ผู้ทำกาละ  หรือซึ่งตายแล้ว “การตาย”นี้“ผู้กระทำ”คือ ตนเอง“ทำการตาย”นี้สำเร็จ

ถ้าทุก“กรรม”ของคนผู้นี้ก็คือผู้“จบกิจ” คนผู้นี้ก็บรรลุ“อรหันต์” คนผู้นี้“กิเลส”ไม่เกิดในจิตอีกแล้วในทุก“กาล”

เป็นผู้“ทำกาล”เสร็จแล้ว จบกิจแล้ว

“กิเลสตายสนิท” ไม่เกิดอีกแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดาร วันพุธที่ 14 มีนาคม 2561 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:53:31 )

กาลกิริยา

รายละเอียด

การทำกาละ หรือบทบาทหนึ่งในกาลเวลา

หนังสืออ้างอิง

จากถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 28

 


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:05:55 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:47:02 )

กาลกิริยาวตาร 

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนจะต้องมี อัญญธาตุ ที่เป็นธาตุใหม่ ธาตุต่างหากจากโลกียะ มีจำนวนหน่วยหรือปริมาณเกิน 75% หรือ 3 ใน 4 ส่วน ดีที่สุดพอเริ่มต้นเป็นนิยตะก็ 3 แล้วมหาก็ เข้าไป 4 ไปเรื่อยๆ จบ เป็น 4 ก็จบมหาเป็นพระพุทธเจ้าเลย จาก 8 ก็เป็น 9 มหาก็คือ 8  8 ก็จบไปเป็น 9 สูงสุด​  หรือในศาสนาพราหมณ์ก็เรียกว่า กาลกิริยาวตาร 

จาก 9 ของพระพุทธเจ้าและเป็นปางที่ 9 ของศาสนาพราหมณ์และเขาก็เรียกว่าเป็น กาลกิริยาวตาร เป็นอวตารที่รอบ จะไปเป็นอะไรก็ได้ จะ 0 ก็ได้จะเกิดก็ได้ จะมีได้ระดับไหนก็ได้หมด กาลกิริยาวตาร เป็นผู้ที่จะมาอวตารมาเกิดก็ได้จะไม่อวตารมาเป็นศูนย์เลยก็ได้ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตย แบบไทย โดยเฉพาะหรือประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้า เป็นประชาธิปไตย ที่มีธรรมะที่เป็นโลกุตตระแท้ๆ ธรรมะของคนที่เป็นอาริยชน คนที่เป็นอาริยะจริงๆ หรือลดกิเลสได้จริงๆ คนที่ลดกิเลสได้จริง รู้จักกิเลสอย่างพวกเรานี้พูดกันรู้เรื่อง จนมีทั้งอรหันต์ ลดกิเลสจนกระทั่งเป็นอรหันต์ออกมาทำงานการเมือง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 3  วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2566 ( 20:01:52 )

กาลนี้ให้ศึกษาแต่เฉพาะคน

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นเรามาศึกษาแต่เฉพาะคน ขณะนี้ ยุคนี้ กาลนี้ เราจะบูรณะโลกุตตรธรรมตอนนี้ เอาแต่แค่คน สัตว์นั้นตัดไปเลย อาตมาถึงว่า อย่าว่าแต่ไปเลี้ยงสัตว์เลย กินเนื้อสัตว์ก็ไม่ต้องกิน ยิ่งไปเลี้ยงสัตว์แล้วจะผูกพันธกิจกับสัตว์ไปอีกตั้งเท่าไหร่ มันไม่ได้ อย่าไปก่อกิจให้เป็นพันธะแบบนั้นขึ้นมาอีก ไปก่อกิจไปทำพันธะขึ้นมาอีกอย่างนั้นมันยุ่ง อย่าไปมีพันธกิจอย่างนั้นกับมัน เลิก ไม่ต้องเกี่ยวข้อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีล ให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 14:47:53 )

กาลมรณะ

รายละเอียด

การดับ การตายตามกาละ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 28

 


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:06:47 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:49:01 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:00:14 )

กาละ

รายละเอียด

ในโลกนี้ กาละไม่มีอยู่กับที่ คุณอยู่ที่ไหนก็มีการเคลื่อนไปทั้งนั้นแหละในมหาจักรวาลนี้ไม่มีอะไรไม่เคลื่อนที่ สิ่งที่ไม่เคลื่อนที่เลยจริงๆคือศูนย์เท่านั้น ศูนย์คือมันไม่มีอะไร แต่ถ้ามันมีอะไรโดยเฉพาะมันเกิด 2 ขึ้นมา แล้วมันจะเกิดอยู่ในวงโคจรที่เรียกว่าโลกหรือที่เรียกว่าวงกลม วงวน แม้จะเป็นสภาพพลังงานตรงสภาพนิวเคลียร์ฟิชชัน สูญหายไปเลย แล้วหมดเนื้อหมดตัว ผู้ใดมีพลังงานส่งตัวเองให้สิ้นอาสวะ ไม่ต้องพูดถึงอนุสัยเลย ท่านตรัสให้เป็นอรหันต์เลย ได้สิ้นอาสวะเหลือเศษอนุสัยอยู่ ไม่มีทางกลับ จนหายไปเป็นโมเมนตัม เศษ ละอองธุลี เหลือก็เป็น ชรตา 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 09:30:25 )

กาละ

รายละเอียด

เหตุการณ์ประกอบกับวันและเหตุการณ์มีองค์ประกอบตั้งแต่บุคคลฐานะ องค์ประกอบสถานที่ต่างๆ และเวลา กาละ เทศะ กาละก็คือเวลา ที่มันมีอยู่ประจำเอกภพนี้ เคลื่อนไปทุกอย่างเคลื่อนไปคือ กาละ เราก็มาตั้งเป็นเวลาไว้เป็นนาทีเป็นชั่วโมงจนถึงเป็นอาทิตย์เป็นเดือนเป็นปี ก็ใช้กันไปทั่วโลก เพื่อเป็นสมมุติหมายให้คนต่างๆเข้าใจ แล้วเอามาใช้อาศัยเพื่อจะสื่อให้เกิดการเกี่ยวข้องกัน สร้างสรรกันแม้ที่สุดในการกำหนดหมายเอาไปทำลายกัน มันก็เป็นเรื่องของคน ซึ่งไปทำลายสิ่งที่ไม่ดีก็เป็นประโยชน์ แต่ถ้าไปทำลายสิ่งที่ดีมันก็เป็นโทษอะไรอย่างนี้ ก็มีคู่กันระหว่างสิ่งดีกับไม่ดี คู่กันตลอดเวลา 

ที่มา ที่ไป

พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึก ปี 2566 วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน 2566 ที่บวราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2566 ( 17:23:39 )

กาละ

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าบอกว่า กาละกลืนกินสรรพสัตว์ ตายแล้วตายเล่าอยู่ในกาละ เทวนิยมจะออกไปจากกาละไม่ได้วนเวียนอยู่นิรันดร เขามีความรู้ว่า เขาจะไม่มาเกิดอีก เขาจะไปอยู่กับพระเจ้า 

      คนผู้นี้ก็ยังไม่สามารถทำที่สุด“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน” สลาย“จิตวิญญาณ”หรือ“อัตตา”ของตนไปได้ ก็ยังมี“เชื้อ(อุปาทิ)ชีวะ”อันเป็น“จิตวิญญาณ”หรือ“อัตตา” ที่สลาย “จิตนิยาม”ของตนไปสู่ความเป็น“ดินน้ำไฟลม”ไม่สำเร็จแน่

      ไม่ว่า จะเป็นการตายของ“พระเจ้า” หรือการตายของ“อัตตา” หรือการตายของ“ความโง่(อวิชชา)” หรือการตายของ“กาย” หรือการตายของ“จิต” หรือการตายของ“ความรู้สึก(เวทนา)” หรือการตายใดๆก็ตาม ไปจาก“กาล”

      คนผู้นี้ก็ตายอย่าง“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ด้วย “การตาย”แบบ“นิพพาน 3”ไม่ได้

      ถ้าไม่สามารถเรียนรู้“ความเจริญ”เป็น“อาริยบุคคล”ที่ “สัมมาทิฏฐิ”แบบ“โลกุตระ”ได้กันอย่างแท้จริง 

      “ความเกิด-ความตาย” หรือ“ความเกิด-ความไม่เกิดอีก” นั้นต้องมี“ปัญญา-ญาณ-วิชชา” จึงจะสามารถ“ตาย” ด้วย“นิพพาน 3”ทำ“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”สูงสุด 

      หากผู้ใดยังมี“อวิชชา”หรือมีแต่“เฉโก”ก็ยัง“ไม่พ้นความเกิดแล้วเกิดอีก-ตายแล้วตายอีก” วนเวียนไม่มีที่จบ 

      ผู้นั้นยังมี“อัตตา”หรือมี“สังขารหรือวิญญาณ”ของตน“เกิด-ตาย ; ตาย-เกิด”วนแล้วเวียนเล่า ลงนรก-ขึ้นสวรรค์ตามที่ตน“หลง”ใน“สมมุติธรรม”อันเป็น“อัตตา”อยู่ตลอดไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 19:37:45 )

กาละ เทศะ ฐานะ 

รายละเอียด

ของเขาก้าวไกลของใหม่เป็น Progressive ของเราเป็นพวกอนุรักษ์นิยมเป็นคอนเซอร์เวทีฟ ของโบราณแต่เราก็โบราณนวทัศน์นะ ของเราโบราณไม่ใช่งุ่มง่ามไม่รู้โลก แต่เรารู้ กาละ เทศะ ฐานะ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แล้วคุณจะเข้าใจที่เราพูดไหม เราใช้คำว่า กาละ เทศะ ฐานะ 

แล้วเนื้อแท้กาละคือความเคลื่อนไปทุกอย่างก็ไปเรื่อยๆเป็นกาลเวลามันไม่ถอยหลังไปเรื่อยๆ เทศะ ในสิ่งที่เป็นไปมันมีความแตกต่างกันมันมีสภาพ 2 เสมอ ตั้งแต่วัตถุมันก็จะมีบวกกับลบ พอมีชีวะขึ้นมา จะมีธาตุรู้กับเหตุปัจจัยที่เป็นรูปธรรม ไปด้วยธาตุรู้ในระดับ พีชะ มันก็ปรุงแต่งของมัน มันเป็นประธานควบคุมตัวมันเองแต่มันไม่ไปเบียดเบียนใคร 

ใครเข้าใจคุณสมบัติคุณลักษณะพิเศษของพืช มันเป็นตัวเอง วันนี้เป็นฐานอาศัยของศาสนาพุทธต้องทำจิตวิญญาณให้อยู่ในฐานะพืช คุณก็เป็นประโยชน์แก่คนแก่สัตว์ทั้งหมด พืชมันเป็นประโยชน์แก่คนแก่สัตว์ทั้งหลายนะ มันไม่ได้เกิดมาเพื่อตัวมันเองเลย มันก็เป็นตัวมันของมันอยู่อย่างนี้ 

เช่น ผลหมากรากไม้ข้างหน้านี้ มีกล้วย มีมะไฟ มีเงาะ มีมะม่วงเยอะแยะของมัน มันก็เป็นของมันแล้วมันก็ทำขึ้นมาให้คนสัตว์ได้อาศัยใช้กินแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไร จนกว่าพลังงานของแต่ละตระกูลแต่ละเชื้อ เชื้อชาติเงาะ เชื้อชาติมะไฟ เชื้อชาติมะม่วง หมดเชื้อมันก็สลายไป มันยังมีเชื้ออยู่มันก็ปรุงแต่งของมันไป เอาเชื้อไปปลูกต่อขยายต่อ หรือจะมีใครมาช่วยให้มันขยายผลใหม่อีกมันก็เป็นธรรมชาติที่คนผู้ที่เรียนรู้วิทยาศาสตร์มาก็ไม่ได้ประหลาดอะไร พระพุทธเจ้าถึงบอกว่าให้ทำจิตวิญญาณของเราให้เป็นเหมือนอย่างพืช ปลอดภัยที่สุดมีประโยชน์ให้แก่สัตว์โลกและมนุษย์ สุดยอด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2566 ( 16:14:43 )

กาละที่จริงที่สุดคือปัจจุบันนั่งหลับตามีแต่อดีต กับอนาคต

รายละเอียด

ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต 3 กาละนี้ กาละที่จริงที่สุดเป็นความจริงคือปัจจุบัน อดีตมันก็ไม่ใช่ อนาคตมันก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ เพราะยังไม่เป็นโล้เป็นพาย ยังมาไม่ถึงเลย อดีตมันผ่านไปแล้วด้วย ไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้ เป็นอย่างไรมันก็เป็นไปอย่างนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นมันก็จะไปงมงาย คนที่ไปนั่งหลับตานี้มีแต่อดีตหรือฟุ้งซ่านไปในอนาคต พระพุทธเจ้าตรัสไว้ในพรหมชาลสูตร มีแต่อดีต 18 กับอนาคต 44 ท่านสรุปทิฏฐิต่างๆที่พึงคิดได้ มีอยู่แค่นี้ แล้วก็หลงใหลหลับตา ศึกษาติดยึดโง่งมงายอยู่อย่างนั้น อาตมาว่าแล้วว่าอีก ตำหนิแล้วตำหนิอีก พูดชัดๆก็คือด่าแล้วด่าอีก ก็ยังเฉย ไม่รู้ไม่ชี้เหมือนม้าตด มันตดแล้วมันก็เฉยๆ ไม่เหนียมไม่อายเลย ตดหน้าตาเฉย พูดอย่างไรก็เฉย เฉยนี้ชื่อพ่ออาตมา ไม่กระดิกอะไรเลย ใครที่มีไหวพริบสามารถฟังรู้เรื่องเข้าใจได้ ก็มา หาทางออกพัฒนาตัวเอง เกิดมาชาตินี้ ต้องรู้ ต้องได้รับ สัมมาทิฏฐิ แล้วเอาไปปฏิบัติสัมมาปฏิบัติบรรลุเป็นสัมมาปฏิเวธให้ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 20:05:59 )

กาละที่เป็นสัจจะความจริงคือปัจจุบัน

รายละเอียด

ในกาละก็มีแบ่งไว้ 3 อดีต ปัจจุบัน อนาคต ในกาละของพระพุทธเจ้านั้นจะยืนยันไปไหน กาละ 3 กาละอดีต กาละปัจจุบัน กาละอนาคตใน 3 กาละ กาละที่ถือว่าเป็นสัจจะความจริงที่สัมผัสยืนยันกันได้แล้วถือว่าเที่ยงกว่าอดีตเที่ยงกว่าอนาคตคือปัจจุบัน ปัจจุบันที่ยืนยันหลัดๆ มีปรากฏการณ์อ้างอิงยืนยันกันได้ต่างคนต่างมีตาหูจมูกลิ้นกายยืนยัน เช่นนี่ไง กระดาษ นี่ไงชาวอโศกนั่งอยู่หัวดำๆขาวๆ เลาๆ แล้วคนเหล่านี้ยืนยันอ้างอิงได้ว่าคนเหล่านี้มีภูมิธรรมอนาคามีภูมิเป็นต้นไป เพราะไม่ได้ยึดถือบ้านช่องเรือนชานข้าวของเป็นของตัวเอง เอาไว้เป็นของส่วนกลางเป็นส่วนใหญ่ จะมียักเอาไว้เป็นของตัวเองบ้างก็มี แต่โดยรวมแล้วเป็นที่เข้าใจเป็นทิฏฐิสามัญญตา ตรงกัน แล้วอยู่กันยังสงบเรียบร้อยสุขสำราญเบิกบานใจ มีเป็นของส่วนตัวแต่น้อย แต่ของส่วนรวมอุดมสมบูรณ์ยิ่งถ้าเป็นปัจจัย 4 ครบครัน สถานที่บุคคลหรือว่าอาหารที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค พร้อม มีพอใช้เหลือใช้ แจกจ่ายเผื่อแผ่คนอื่นได้ด้วย ซึ่งมันเป็นความลึกซึ้งซับซ้อนยืนยันพิสูจน์ได้ ปัจจุบันนี้หลัดๆทนโท่โต้งๆ อันนี้แหละคือปัจจุบันธรรม เป็นเรื่องที่ยืนยันได้เป็นจริงกว่าอดีตเป็นจริงกว่าอนาคต อดีตผ่านไปแล้วมันจะกร่อนมันจะสึก มันจะเหลือหรือมันจะเพิ่มเราก็ไม่รู้ เพราะมันเป็นอดีตมันบอกไม่ได้ แต่ว่าปัจจุบันนี้ยังอยู่พูดกันได้รู้เรื่องยืนยันได้ แต่อดีตนี้ของใครของมัน แล้วอนาคตก็ยังมาไม่ถึงด้วย ยิ่งยืนยันไม่ได้เลยอนาคต 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2563 ( 10:08:37 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 10:28:26 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:09:33 )

กาละปีใหม่ 2563

รายละเอียด

เอากรรมมาฟังธรรม ร่วมสังคมสังสรร มาอยู่กับหมู่มิตรสหายดีสังคมสิ่งแวดล้อมดี แล้วก็มาสร้างฉันทะ แล้วก็มามีศีล มีศีลก็จะเรียนรู้ตัวอัตตา แล้วก็จะได้จัดการลดละอัตตาของเราไป ด้วยทิฏฐิความรู้ที่ถูกต้องสัมมาทิฏฐิของเราโดยไม่ประมาท แล้วก็ทำการโยนิโสมนสิการ ไม่ได้แปลว่าคิดเท่านั้น

ที่มา ที่ไป

รายการทำวัตรเช้า งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน บ้านราช วันอังคารที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 12:46:04 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 08:05:20 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:13:50 )

กาละหรือกาล

รายละเอียด

กาละหรือกาล คือสิ่งที่อยู่ประจำธรรมชาติของเอกภพมหาจักรวาล คือทุกอย่างต้องเคลื่อนไป กาละ ทุกอย่างต้องเคลื่อน โลกต้องหมุน วินาทีต้องมีตลอดวินาที ไม่มีใครแม้แต่พระเจ้าที่สร้าง(โลก)จะให้วินาทีนี้หยุด อย่าเดินต่อนะ หยุดนะวินาที อย่าไปมีกาละ กาละ อย่าเดินนะ หยุด ไม่มีใครทำได้ พระเจ้าก็ทำไม่ได้ ธรรมชาติก็ไม่มีการเกิดเรื่องอย่างนี้เลย จะต้องเคลื่อนอยู่ตลอดกาลนาน ถ้าหยุดเมื่อไหร่ก็ทำให้เอกภพนี้แตกหมดเลย แล้วจะมีอะไร มันไม่มีอะไรได้ มันเป็นไปไม่ได้ สุดแล้ว ที่พูดนี้ก็จบสุดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูบวชมาครบ 53 ปี มีอะไรจริง พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:40:02 )

กาลัญญุตา

รายละเอียด

การรู้แจ้ง หรือการรู้ยิ่งในกาลเวลา ในยุคในสมัย ในคราวอันบุคคลพึงนับในความตาย ในช่วงแห่งเวลาที่มี และที่พ้นไปแล้ว

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 380

 


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:07:20 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:50:44 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:00:51 )

กาลัญญุตา

รายละเอียด

การรู้แจ้ง หรือการรู้ยิ่งในกาลเวลา ในยุคในสมัย ที่จะต้องรู้จักใช้การประมาณอย่างยิ่ง

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:28:27 )

กาลัญญุตา

รายละเอียด

แล้วตัวสำคัญอีกก็คือโอกาส หรือกาละเวลา วาระ กาลัญญุตา ทุกอย่างเคลื่อนไป ทุกอย่างไม่ได้คงที่ ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอ ทุกอย่างเปลี่ยนไปมีองค์ประกอบที่ทำให้รวมหรือแยกเปลี่ยนไปตลอดเวลาไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นเราจะไปยึดมั่นถือมั่นเอาความเที่ยงโดยที่ยึดมั่นถือมั่นเป็นอดีตเป็นอนาคตอะไรไม่ได้ ต้องเอาปัจจุบัน ที่อาตมาใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษเท่ๆว่า status quo ตัวที่ตั้งมั่นเป็นปัจจุบันอย่างเร็ว สัมปติ เดี๋ยวนี้ บัดนี้เลย ณ บัดนี้ 

บัดนี้ ของคุณจะเร็วเท่าไหร่คุณก็ทำได้เท่าที่คุณมีประสิทธิภาพ มีบารมี ถ้าคุณยังช้าอยู่ก็ทำได้น้อยทำได้ทีละน้อย กว่าจะสะสางจัดการก็ต้องใช้เวลา แต่คนที่เร็วก็จัดการได้เร็วขึ้นคนที่ยิ่งเร็วก็จัดการได้เร็วยิ่งขึ้น เป็นสัจธรรมจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 20:24:02 )

กาลามสูตร 10

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้อย่าเชื่อถืออะไรง่าย ๆ

 1.  อย่าได้เชื่อถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา (มา อนุสสเวนะ)

2. อย่าได้เชื่อถือตามถ้อยคำที่เล่าสืบต่อกันมา (มา ปรัมปรายะ)

3. อย่าได้เชื่อถือโดยตื่นข่าวลือ (มา อิติกิรายะ)

4. อย่าได้เชื่อถือโดยอ้างตำรา (มา ปิฎกสัมปทาเนนะ)

5. อย่าได้เชื่อถือโดยเดาเอาเอง (มา ตักกเหตุ)

6. อย่าได้เชื่อถือโดยการคาดคะเน (มา นยเหตุ)

7. อย่าได้เชื่อถือโดยนึกคิดตามอาการ (มา อาการปริวิตักเกนะ)

8. อย่าได้เชื่อถือโดยชอบใจว่าตรงกับความเห็นของตน (มา ทิฏฐินิชฌา นักขันติยา)

9. อย่าได้เชื่อถือโดยลักษณะของผู้พูดน่าเชื่อถือ (มา ภัพพรูปตายะ)

10.อย่าได้เชื่อถือโดยนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)

     หากปฏิบัติธรรมเหล่านั้นแล้วเกิดอกุศล(ชั่ว) ไม่เกื้อกูล  เป็นทุกข์  ควรละธรรมเหล่านั้นเสีย  

     หากปฏิบัติธรรมเหล่านั้นแล้วเกิดกุศล(ดี) เกื้อกูล  เป็นสุข  ควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้น

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 20 “เกสปุตติสูตร” ข้อ 505

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:23:12 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:33:36 )

เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2563 ( 12:08:03 )

กาลามสูตร 10

รายละเอียด

อิสระคืออัตตาเป็นตัวเองทุกคน ไม่มีใครบังคับ แม้ใต้ทฤษฎีพระพุทธเจ้าก็ไม่มีการบังคับ ในกาลามสูตร 10 ว่าไว้ ไม่ให้เชื่อแม้พระพุทธเจ้า ไม่เชื่ออะไรทั้งนั้นอิสระที่สุด ไม่มีใครมาเป็นเจ้า จะเป็นพระเจ้า จะเป็นทฤษฎีสิ่งสมมุติก็ไม่มีการมาบังคับ แล้วอิสระสูงสุดคือไม่มีตัวตน สูงสุดจริงๆ เพราะรู้ตัวตน แล้วทำลายตัวตนที่มีองค์ประกอบตั้งแต่ภายนอกคือโอฬาริกอัตตา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:48:44 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:40:22 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:50:15 )

กาลามสูตร 10

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ ในกาลามสูตร

ไม่ ให้ เชื่อ 10 อย่าง​...แล้วคุณจะไปเชื่ออะไรได้เล่า

1. อย่าได้เชื่อถือ  ตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา (มา อนุสสเวนะ)

2. อย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคำสืบๆ กันมา (มา ปรัมปรายะ)

3. อย่าได้เชื่อถือ โดยตื่นข่าวว่าได้ยินอย่างนี้ (มา อิติกิรายะ)

4. อย่าได้เชื่อถือ โดยอ้างตำรา (มา ปิฎกสัมปทาเนนะ)

5. อย่าได้เชื่อถือ โดยเดาเอาเอง (มา ตักกเหตุ)

6. อย่าได้เชื่อถือ โดยคาดคะเน (มา นยเหตุ)

7. อย่าได้เชื่อถือ โดยความตรึกตามอาการ (มา อาการปริวิตักเกนะ)

8. อย่าได้เชื่อถือ โดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตัว (มา ทิฏฐินิชฌา นักขันติยา)

9. อย่าได้เชื่อถือ โดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ (มา ภัพพรูปตายะ)

10. อย่าได้เชื่อถือ โดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม กาลามสูตรและเตวิชชสูตร วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม 2561 ที่บวรสันติอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(พระสูตรอื่นๆที่สำคัญ) ตอน กาลามสูตร


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:55:33 )

กาลามสูตร 10

รายละเอียด

พระพุทธเจ้าทรงสอนให้อย่าเชื่อถืออะไรง่ายๆ

1. อย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคําที่ได้ยินมา

2.อย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคําที่เล่าสืบต่อกันมา

3. อย่าได้เชื่อถือ โดยตื่นข่าวลือ

4. อย่าได้เชื่อถือ โดยอ้างตํารา

5. อย่าได้เชื่อถือ โดยเดาเอาเอง

6. อย่าได้เชื่อถือ โดยการคาดคะเน

7.อย่าได้เชื่อถือ โดยนึกคิดตามอาการ

8. อย่าได้เชื่อถือ โดยชอบใจว่าตรงกับความเห็นของตน

9. อย่าได้เชื่อถือ โดยลักษณะของผู้พูดน่าเชื่อถือ

10.อย่าได้เชื่อถือ โดยนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา หากปฏิบัติธรรมเหล่านี้แล้วเกิดอกุศล (ชั่ว) ไม่เกื้อกูล เป็นทุกข์ ควรละธรรมเหล่านี้เสีย หากปฏิบัติธรรมเหล่านี้แล้วเกิดกุศล (ดี) เกื้อกูล เป็นสุข ควรเข้าถึงธรรมเหล่านี้อยู่

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 20 “เกสปุตติสูตร” ข้อ 505


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 21:44:15 )

กาลามสูตร 11 อย่ารีบเชื่อโดยสภาพ 11 อย่าง

รายละเอียด

1. อย่าได้เชื่อถือ  ตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา (มา อนุสสเวนะ) 
2. อย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคำสืบๆ กันมา (มา ปรัมปรายะ)
3. อย่าได้เชื่อถือ โดยตื่นข่าวว่าได้ยินอย่างนี้ (มา อิติกิรายะ) 
4. อย่าได้เชื่อถือ โดยอ้างตำรา (มา  ปิฎกสัมปทาเนนะ) 
5. อย่าได้เชื่อถือ โดยเดาเอาเอง (มา ตักกเหตุ) 
6. อย่าได้เชื่อถือ โดยคาดคะเน (มา นยเหตุ) 
7. อย่าได้เชื่อถือ โดยความตรึกตามอาการ (มา  อาการปริวิตักเกนะ) 
8. อย่าได้เชื่อถือ โดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตัว (มา ทิฏฐินิชฌา  นักขันติยา) 
9. อย่าได้เชื่อถือ โดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้ (มา  ภัพพรูปตายะ) 
10. อย่าได้เชื่อถือ โดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา  สมโณ  โน ครูติ) 
11. เมื่อใดพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล เป็นกุศล  มีโทษ-ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว  จึงควรละ  หรือเข้าให้ถึงตามธรรมนั้น 
 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฏก เล่ม 20 ข้อ 505


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2562 ( 12:13:37 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:42:28 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:11:02 )

กาลี

รายละเอียด

คือ ชั่วร้าย

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า199


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 15:28:22 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:34:05 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:01:25 )

กาลเวลาพิสูจน์คน

รายละเอียด

เพราะว่ามันไม่เคยเป็นอย่างนี้หรอก คนที่จะมาเป็นอย่างนี้ มันไม่มีคนอย่างอาตมา คนที่จะเกิดภาวะอย่างนี้กัน ก็อาตมาก็พูดได้แค่นี้ ไม่รู้จะว่าอย่างไร ก็อธิบายกันไป เป็นการศึกษาก็แล้วกัน ก็ดูไป ไม่ใช่ชาวดูไบ กาลเวลาพิสูจน์คน นี่ก็เป็นเรื่องของคน เป็นเรื่องของกาลเวลา ก็พิสูจน์กันไป 

อาตมาไม่ได้อ่านคอมเม้นท์ทั้งหมดเพราะยาว ก็คงพอรู้กัน แต่ละคนฟังแล้วก็สำนึกอะไรที่จะแก้ไขได้ก็แก้ไขแต่ละคนก็แล้วกัน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 04:49:02 )

กาลเวลาพิสูจน์คนพิสูจน์อำนาจได้อย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วมันคือมวลประชาชนที่รวมกันจริงๆเลย ใช้เวลาเข้ามาทำเหมือนชีวิตสามัญ ชีวิตสามัญที่ทำสาธารณโภคี อยู่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว ประชาชนกินอยู่แล้วมารวมกันให้ปรากฏมวลประชาชน ใช้เวลาอันยาวนาน กาลเวลาพิสูจน์คนพิสูจน์อำนาจ แล้วก็ไข ความจริงออกมาให้มากๆหมดๆ อะไรเป็นความจริง อะไรที่ถูกแท้ จนกระทั่งความผิดจะต้องยอม ไม่ยอมก็ต้องยอม เพราะให้เข้ามาก็ไม่กล้าเข้ามา เข้ามาเขาต้องมาติดคุกตามหลักกฎหมาย เขาใหญ่เกินไปที่จะต้องติดคุก

มันเป็นชนักอีกเยอะ เดินเข้ามาจะต้องติดคุก แล้วเขาจะต้องมีตัวตนอยู่ตรงนี้จะต้องถูกว่าความอีกไม่รู้กี่คดี ซึ่งเขาตายในคุกแน่ อันนี้เขารู้ เพราะเขาเป็นด็อกเตอร์ทางอาชญวิทยาอยู่แล้ว เขาก็รู้ว่าเข้าไปมันตายเข้าไปให้โง่ทำไม เขาก็เลยไม่เข้ามาแน่นอน เขาใช้นอมินีใช้ตัวแทนเพื่อสร้างอำนาจให้ยิ่งใหญ่ แล้วจะได้เข้ามาอย่างเท่ๆตามที่เขาพูดมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 16:09:30 )

กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี

รายละเอียด

งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 117


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:13:19 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:51:23 )

กาเมสุมิจฉาจาโร

รายละเอียด

กาเมสุมิจฉาจาร

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 117


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:14:01 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:52:04 )

กาเยน จ วิวิตโต วิหรติ

รายละเอียด

1. เป็นผู้สงัดด้วยกายอยู่ หรือ กายแลเป็นผู้สงัดอยู่

2. กายแลสงัดอยู่ 

3. กายแลเป็นพฤติอันเอก ยอดยิ่ง 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 357 - 358  

 


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:53:10 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:53:11 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:13:18 )

กาเยน ผุสิตวา วิหรติ

รายละเอียด

มีผัสสะสำเร็จอิริยาบถอยู่

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 283


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 14:54:09 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:53:49 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:42:13 )

กำจัดกิเลสตามลำดับ

รายละเอียด

ต้องผ่าน“การกำจัดกิเลสกาม”ก่อน เป็นขั้นๆไป   

      ไม่ใช่หลง“หลับตา”ปฏิบัติ”ลัดเข้าไป“รูปาวจร”เลย 

      ปฏิบัติธรรมของพุทธ“ลืมตา”สามัญปกติชีวิตนี่เอง

      แตมี“สัมมาทิฏฐิ”รู้จักรู้แจ้งรู้จริงลำดับขั้น“กามราคะ” ก็ดี ขั้น“รูปราคะ”ก็ดี ขั้น“อรูปราคะ”ก็ตาม ย่อมมีลำดับๆ

      เราก็กำจัด“กิเลส”ใน“กามาวจร-รูปาวจร-อรูปาวจร” ให้หมดไปได้สิ้น“อาสวะ” มี“ปัญญา 8” จึงไม่มี“อวิชชา”เลย และกำจัด“กิเลส”หมดสิ้น“อาสวะ”ได้หมดเกลี้ยงบริบูรณ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:56:48 )

กำจัดความเป็นผีในตัวเรา

รายละเอียด

ก็ยังเข้าทีนะลงท้าย ที่จริงจะพูดไปแล้ว คุณที่พูดมานี้ก็ถูกเหมือนกันนะ ว่าผีทั่วโลกเขายึดถือกันอย่างนั้นจริงๆ แล้วผีในตัวเรานี้แหละ เรามาเรียนรู้ความเป็นทีให้ชัดแล้วก็ทำลายความเป็นผี กำจัดความเป็นผีด้วยปัญญาอันยิ่งจะชัดเจน ว่าเป็นสังขารธรรมที่เป็นความอวิชชาที่ปรุงแต่งสังขารเป็นผี แล้วก็แพ้พลังสังขารนั้นก็เป็นอย่างนั้นตลอดกาล แต่ถ้าใครรู้เหตุปัจจัยที่มันปรุงแต่งสังขารมาจริงๆเลย มันออกบทบาทตัณหา แต่พอเรารู้เหตุเห็นเหตุคือตัณหาอุปาทาน ก็กำจัดตัณหาอุปาทานให้หมด เป็นสุญญตา ผีก็ไม่ปรากฏแก่คุณอีก ไม่ปรากฏจริง มันไม่มีการหลอกไม่มีอำนาจทำให้เราตกต่ำ ผีนี่ไม่สามารถทำให้เราตกต่ำอีกเป็นอันขาด ศึกษาให้ดี ฟังภาษาตื้นๆง่ายๆแต่มันซับซ้อนมากเลย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 14:10:10 )

กำจัดตัณหาด้วยวิธีใช้ปัญญาอันยิ่ง

รายละเอียด

เรากำจัดตัณหาด้วยวิธีใช้ปัญญาอันยิ่ง ให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยงแล้วมันพาให้ทุกข์เท่านั้น จริงๆแล้วมันไม่มีตัวตนอะไร เมื่อปัญญามันมีฤทธิ์มีอำนาจมีคุณสมบัติของปัญญาชัดเจน เราก็จะเห็นความจริงรายละเอียด ประเดี๋ยวมันก็พาเราทุกข์เราสุข ตลบแตลงตลอดเวลา ยิ่งคนโง่ยิ่งเดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุข เดี๋ยวก็หน้างอเดี๋ยวก็หน้ายิ้ม แป้นแล้น จริงๆ เคยเป็นไหม เคยมาแล้ว จะชัดเจน มันก็ตลบแตลงตอแหลไปเรื่อย แต่สำคัญเข้าแก่นแกนคือมันพาเราทุกข์เราหลงให้มันปั่นหัว เมื่อจับสภาวะได้แล้วว่าเอ็งไม่ใช่ตัวจริงเอ็งเป็นแค่อาคันตุกะไม่ใช่ตัวตนไม่มีตัวตน ความรู้จริงรู้แจ้งในสัจธรรมจะมีประสิทธิภาพสูงจนกระทั่งมีฤทธิ์ถึงขั้น เมื่อกิเลสขึ้นมาปัญญาก็จะมีอำนาจ กิเลสมันจะกลัว มันชัดเจนว่ามันไม่มีตัวตน มันมาหลอกมันเป็นผี มันไม่มีจริง มันก็มาหลอกเพราะฉะนั้นจึงเรียกว่าผีหลอก มันไม่ใช่ตัวจริง กลัวผีหลอกจริงๆ เราล้างให้ถึงความจริงถึงความจริงยิ่งกว่าความจริง หมด 0 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:12:55 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 08:04:45 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:14:35 )

กำจัดตัวปฏิฆะ

รายละเอียด

ต้องอ่านความจริงเห็นความจริงให้ได้ว่ามันเป็นเหตุแห่งความทุกข์ หรือเป็นเหตุแห่งความสุข ชัดเจนอยู่แล้ว อาตมาเปรียบเทียบให้ฟัง ความสุขนั้นพออาศัย แต่ความทุกข์นั้นไม่ต้องอาศัยเลย มีโศลกอาตมาบอกไว้ อาการทุกข์ตั้งแต่เป็นอย่างใหญ่อย่างยักษ์ อย่างใหญ่อย่างกลางอย่างละเอียด อย่างธุลีละอองเล็กขนาดไหน หากมีแล้วเอาออกไป ไม่เอาทั้งนั้น kick it out ไม่มีประโยชน์แก่เราเลย มีแต่ความวุ่นวายเสียหายความเสื่อม ไม่มีประโยชน์ โทสะ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ไม่ต้องใช้เลย แต่ความรักความเมตตานี้ต้องใช้อาศัย เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปเหลือเยื่อใยเอาไว้เลยสำหรับโทสะ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 15:56:21 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:45:09 )

เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2563 ( 16:16:35 )

กำลัง 4

รายละเอียด

1. ปัญญาพละ (กำลังของปัญญา)

2. วิริยพละ (กำลังของความเพียร ขยัน)

3. อนวัชชพละ (กำลังของการงานอันไม่มีโทษ, กำลังคือ การงานที่ปราชญ์ไม่ติ)

4. สังคหพละ (กำลังของการสงเคราะห์, การสงเคราะห์ช่วยผู้อื่น)

เมื่อมีกำลัง 4 นี้ย่อมพ้นภัย 5 คือ 

1. อาชีวิตภัย (ภัยเนื่องด้วยการเลี้ยงชีพ, ภัยจากการดำรงชีวิต หาอาหารเลี้ยงกาย)

2. อสิโลกภัย (ภัยจากการถูกติเตียน, การติเตียนจากคนโลกๆ)

3. ปริสสารัชชภัย (ภัยที่สะทกสะท้านในบริษัท, การสะทกสะท้านต่อสังคม)

4. มรณภัย (ภัยจากความตาย)

5. ทุคคติภัย (ภัยที่ไปสู่นรกทางเสื่อม, ทุคติ  เช่น อบายภูมิ  นรก เดรัจฉาน ฯ)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 23 ข้อ 209 "พลสูตร" , ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 38-39


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2562 ( 21:34:53 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:34:43 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:02:01 )

กำลัง 4 พ้นภัย 5

รายละเอียด

1.  อาชีวิตภัย(ภัยจากการดำรงชีวิต หาอาหารเลี้ยงกาย)

2.  อสิโลกภัย(ภัย คือการติเตียนจากคนโลกๆ)

3.  ปริสสารัชภัย (ภัยคือ การสะทก สะท้าน ต่อสังคม)

4.  มรณภัย (ภัยคือความตาย)

5.  ทุคติภัย  (ภัย คือทุคติ เช่น อบายภูมิ  นรก เดรัฐฉาน)

                                            พลสูตร  พตปฏ. เล่ม  23 ข้อ 209

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช  วันจันทร์ที่ 11  พฤศจิกายน 2562                

หนังสืออ้างอิง

  พลสูตร  พระไตรปิฎก เล่ม  23  ข้อ 209


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 20:08:35 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:47:00 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:02:45 )

กำลัง 8

รายละเอียด

1. ทารกมีการร้องไห้เป็นกำลัง

2. หญิงมีความโกรธเป็นกำลัง

3. โจรมีอาวุธเป็นกำลัง

4. พระราชามีอิสริยยศเป็นกำลัง

5. คนพาลมีการเพ่งโทษผู้อื่นเป็นกำลัง

6. บัณฑิตมีการไม่เพ่งโทษผู้อื่นเป็นกำลัง

7. พหูสูต (ผู้ฟังมากรู้มากปฏิบัติธรรมแทงตลอดได้มาก) มีการพิจารณาเป็นกำลัง

8. สมณพราหมณ์มีขันติเป็นกำลัง

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 23 ข้อ 117 "พลสูตรที่ 1"

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก หน้า 138


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 14:23:20 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:35:39 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:44:39 )

กำลังของเวทนาทั้ง 5

รายละเอียด

1.     สุขินทรีย์ 

2.    ทุกขินทรีย์ 

3.    โสมนัสสินทรีย์ 

4.    โทมนัสสินทรีย์ 

5.    อุเบกขินทรีย์ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 21:58:34 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:48:12 )

กำลังถ้าใช้น้อยไปก็ไม่เป็นอัตราเร่ง

รายละเอียด

ก็มีเก้าอี้ให้นั่งก็ได้ นั่งพื้นก็ได้ คนเขาสมัครใจอยู่ที่จะมาหรือไม่มาเท่านั้นเอง เอาน่า วันละ 2 ชั่วโมงไม่ใช่มากมายอะไร วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง เทศนาแค่ 2 ชั่วโมง กำลังอาตมายังพอ จริงๆแล้วถ้าไปลดกำลังตัวเองมากเกินไป มันก็ไม่ทันนะ กำลังถ้าใช้น้อยไปก็ไม่เป็นอัตราเร่ง อย่างนี้เป็นต้น

คนมาฟังธรรมได้ขนาดนี้ก็ไม่โหรงเหรงไป มากกว่า 5 คนก็ดีแล้ว อย่างน้อยอาตมาว่า หลับตาสุ่มสี่สุ่มห้าถ่ายทอดโทรทัศน์ไป ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อย แม้จะไม่ล้านวิว แค่นี้เราก็พอใจแล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจแบบอโศก วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2564 ( 20:14:07 )

กำหนดรู้ สย สว สก

รายละเอียด

สยะคือตัวตนตัวเรา 

สย สว สก สามตัวนี้ ก ว ย 

ย มันตัวเศษวรรคตัวต้นตัวที่ 1 ย  ยิ่งกว่าพลังแม่เหล็กตัวน้อยที่สุด

ว ใน ย ร ล ว ตัวที่ 4 ออกมานอกกรอบสามเส้า เป็นพลังงานอีกโลกหนึ่ง หนา ถ้าเป็นโลกุตระจะรู้จบ แต่มันเป็นโลกีย์คุณก็ไม่รู้ ยิ่งไปใหญ่เลยนึกว่ามันเจริญแต่ที่จริงกิเลสอาสวะงอกงามเจริญไพบูลย์คุณไม่รู้สภาวะ ถ้าสามารถที่จะกำหนดรู้ สย สว สก 

สก นี่ยิ่งเต็มบ้องเลย เอาธาตุ พยัญชนะตัวที่ 1 ของ ก.ไก ก.กก  ก.กอง ก.กลุ่ม ก็ยิ่งแย่ใหญ่เลยเพราะมันเป็นตัว ก.เก๊

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนรู้วิญญาณฐิติ 7 ให้ถึงอรหันต์ วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 16:14:37 )

กำหนดรู้รูป 24 ด้วยอาการลิงคนิมิตตรงหทยรูปไปตามลำดับ

รายละเอียด

ทหยรูป ไม่มีรูปร่างที่อยู่แต่นามธรรมเรานั้นจะรู้ว่าเป็นอย่างไร เป็นจิตวิญญาณที่มีรูปร่างสถานที่ใดอยู่ในร่างกายเรามันไม่อยู่ที่ปลายเท้าไม่อยู่ที่เส้นผมไม่ได้อยู่ที่หัวใจ 4 ห้องแม้แต่ในสมองก็ไม่ใช่ การสัมผัสทางมือสัมผัสรูปพวกนี้ตาสัมผัสรูปก็ไปที่ประสาทตารู้ที่ประสาทตาจอ retina ที่ประสาทตา ม่านตา เป็นต้น หรือที่ความรู้สึกทางเสียงก็ไปที่แก้วหูอย่างนี้เป็นต้น มันก็ไปตามอวัยวะ เพราะฉะนั้นเราจะไปกำหนดตัวที่แหล่งที่จิตวิญญาณทำงานอยู่ตรงนั้นทุกเวลาทุกที่ไม่เปลี่ยนไป จากตาเห็นรูปคุณก็ไม่เกี่ยวกับเสียงเท่าไหร่ คุณไปกำหนดที่รู้เสียงคุณก็ไม่เกี่ยวกับรูป ไปกำหนดที่กลิ่นก็กำหนดไปทีละอัน  แต่จริงๆแล้วมันเร็ว แต่จริงๆแล้วมันก็คนละที รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส มันก็คนละอย่าง มันไม่ใช่อันเดียวกัน แต่มันใกล้กัน มันไวมากจนกระทั่งจิตที่มันเร็วจนรู้กันเปลี่ยนที่เปลี่ยนอะไร จิตมันเร็วกว่านั้นมากมายมันก็รู้ 2 อย่างพร้อมกันเลยแต่ที่จริงแล้วมันคนละที แต่จิตเราเร็ว เราสามารถไปรู้ได้ทั้ง 2 อย่างหรือ 3 อย่าง 4 อย่างก็แล้วแต่เก่งก็รู้ได้หลายอย่าง ฝึกไปก็จะรู้สิ่งเหล่านี้ดี สรุปหทยรูป คือ การกำหนดรู้ อยู่ในรูป 24 รูป 28 ก็จะต้องกำหนดรู้ แหล่ง ที่มันกำลังทำงานด้วยอาการ ลิงค นิมิต อยู่ตรงนั้นก็คือหทยรูป แล้วก็เรียนรู้มันตามรูป 24 ตั้งแต่ประสาท 5 โคจร 5 ก็รวมกันเป็น 9 เพราะว่ามันรวมโผฏฐัพพารมณ์กับกายสัมผัสรวมกันเป็นตัวเดียวกันก็เลยรวมเป็นหนึ่ง กายสัมผัสร่วมกับจิตสัมผัส โผฏฐัพพารมณ์กับกายสัมผัสรวมเป็นอันเดียวก็เลยนับ โคจรรูป กับ ปสาทรูป ได้ 9 แล้วก็แยก เป็นอิตถีภาวะปุริสภาวะเป็นภาวรูป อิตถีภาวะยังไม่สงบยังดิ้นมากยังไปกับโลกเยอะ ก็ต้องรู้อาการที่แตกต่าง นี่ไม่ได้ว่าผู้หญิงนะ แต่เป็นภาษาธรรมะนะ แล้วถึงจะไล่ไปจากนี้หา หทยรูป จากภาวรูป แล้วมาเป็น ชีวิตรูปมันยังมีชีวิตบทบาท มันยังเคลื่อนไหวยังไม่ตาย รู้กำลังของชีวิต ขณะที่คุณเป็นๆจะศึกษาให้เป็นอรหันต์คุณจะไม่ไปฆ่าชีวิตหมด คุณฆ่าแต่ชีวิตที่เป็นกิเลส กิเลสมันมีชีวิต มันมีตัวลีลา มันมีพลังงานของมัน ก็ต้องแยกแยะตั้งแต่สักกายะแล้วฆ่ามันให้ได้ เรียกว่าชีวิตินทรีย์ให้มันหมดพลังงานชีวิต คุณก็มาเป็นชีวิตรูป อาหารรูป เกิดจากอาหาร 4 อาหารแปลว่าเครื่องอาศัยอาศัยทางตา หู จมูก ลิ้น กาย อาศัยทางวัตถุต่างๆอาศัย ภพนอก จนหมดภพนอก หมดกามเหลือรูปภพ อรูปภพ ก็เรียนเป็นขั้นๆ ไป ก็ต้องฆ่าตัวเหตุคือธาตุกลิ คือตัวโทษตัวภัย หรือเรียกเต็มๆว่ากิเลส ขยายจากกลิ ที่ยังไม่ขยายตัวออกมาเป็นกิเลสกามกิเลสภวตัณหา จนกระทั่งไม่เกิดกิเลสเป็นธาตุที่มีพลังงานที่ทำงานตามประสงค์ต้องการ จนเรียกใช้ศัพท์ว่าตัณหาเป็นเครื่องอาศัย เป็นตัณหาที่ไม่มีภพแล้วเป็นวิภวภพ หรือเป็นวิภวตัณหา 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 14:25:04 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 10:30:20 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:05:14 )

กำหนดรู้อรูปฌานจากหยาบจนอาสวะสังโยชน์ 10 ก็ไม่มี

รายละเอียด

เมื่อสามารถทำให้กิเลสหมดจบอากิญจัญญายตนะได้ ตั้งแต่ของหยาบ คุณก็กำหนดรู้ตั้งแต่ของหยาบ ขั้นอบาย จนโลกอบายหมด ไม่มีอัตตาของอบายแล้ว นานัตตสัญญา หมด ว่าง เป็นอากาสาฯ คือว่าง วิญญาณคือธาตุรู้ อากิญคือความไม่มี นิดนึงน้อยหนึ่งก็ไม่มี ไม่มีอะไร ไม่มีกิเลส ขั้นอาสวะก็ไม่มี อาสวะสังโยชน์ 10 ก็ไม่มี แม้มานะ อุทธัจจะ ฟุ้ง นี่ดึงได้ง่ายกว่าจม ถ้าจมนี่มืดไม่เห็น แต่ฟุ้งนี้เห็น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 3 วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 กรกฎาคม 2564 ( 20:14:19 )

กำหนดรู้“กายของตน”ก่อน!

รายละเอียด

“กาย” ซึ่งก็ต้องศึกษาจาก“ตนเอง(ส,สัก)” ต้องมีปฏิภาณพอ

มีไหวพริบกันบ้างว่า “กายเป็นของตน”นั้นกำหนดรู้กันตรงไหน?

และความเป็น“กาย”นั้นคืออะไร? มีอย่างไรกันบ้างในความเป็น“กาย”

และสำคัญอีกข้อคือ “กาย”นี้เป็นข้อแรก เป็นจุดเริ่มต้น

หากไม่เริ่มต้นและเรียนต่อไปอย่างมีลำดับที่สัมมาทิฏฐิ

ก็จะสับสน วกวน เสียเวลา เสียแรงงาน เสียทุนรอนทรัพย์สินกันไปสูญเปล่า

ไม่เข้ายา อย่างน่าเสียดาย  ซึ่ง“มิจฉาทิฏฐิ”กันเต็มที่แล้ว

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 471 หน้า 350


เวลาบันทึก 24 มิถุนายน 2564 ( 08:55:10 )

กำหนดรู้ความไม่น่ายินดีทั้งหมดในโลกเพราะยังมีทุกข์เลี่ยงไม่ได้อีก 6 อย่าง

รายละเอียด

สัพพโลเก อนภิรตสัญญา กำหนดรู้ความไม่น่ายินดียิ่ง ทั้งหมดในโลก ทุกสิ่งในโลกไม่ใช่สิ่งที่น่ายินดี เพราะฉะนั้นเกิดมาในโลกนี้ แม้คุณจะหมดทุกข์อริยสัจ หมดความทุกข์ที่เลี่ยงได้ 4 อย่าง จบ เป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ยังมีทุกข์ที่เลี่ยงไม่ได้อีก 6 อย่าง เป็นสัมภาระ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 12:29:37 )

กำหนดรู้ตลอดที่มีลมหายใจเข้าออกถึงความแตกต่างระหว่าง 2 สิ่ง

รายละเอียด

จงเรียนรู้ความแตกต่างกันระหว่างสิ่ง 2 สิ่ง เทวะ หายใจเข้าหายใจออก 2 สิ่ง หายใจสั้น หายใจยาว 2 สิ่ง นี่คือกาย นี่คือสภาวะที่ต้องเรียนรู้ อาการ ลิงค นิมิต อุเทส 

อุเทส ก็ต้องฟังคำอธิบายของผู้รู้ อาตมาเป็นผู้รู้ ก็ทำการอุเทสให้ฟัง แจกแจงอาการนิมิตที่มันมีความแตกต่างกันอย่างไรให้ฟัง เสร็จแล้วคุณก็ค่อยๆเรียนรู้ความแตกต่างกันที่มีหลากหลายอื่นๆอีกมี หยาบ กลาง ละเอียด ภายนอกภายใน เคลื่อนไหว อานาอาปานะ ไม่ใช่คุณจะเรียนรู้ได้แต่ตอนนั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรงดำรงสติคงมั่น ก็ไม่ใช่ คุณเดินอยู่ นั่งอยู่ คุณเคลื่อนไหวทำงานสัมมาอาชีพ สัมมากัมมันตะ คุณก็มีอานาอาปานะ มีลมหายใจเข้าลมหายใจออกมีทั้งสิ้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังวรศีล สำรวมอินทรีย์ สติ สันโดษอันเป็นอาริยะ วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2565 ( 13:23:44 )

กำหนดหมายอาการในจิต 

รายละเอียด

กำหนดหมายอาการในจิต  คือ พยายามจับอาการ  กำหนดหมายเอาว่าเป็นอาการอย่างนี้  เป็นนามธรรมคนอื่นไม่ได้รู้กับคุณเอง  ถึงกับต้องทำเครื่องหมายเอาเองว่า อาการนี้คืออาการโกรธ  มันไม่มีรูปร่าง  สมณะโพธิรักษ์ก็ทำมือไปอย่างนั้น  ภาษาใบ้ก็อ่านไม่ออก  อาการอย่างนี้เป็นอาการความทุกข์  อาการแบบนี้เป็นอาการของสุข  อาการอย่างนี้เป็นอาการกาม  อาการอย่างนี้โทสะ  ภาษบัญญัติว่า เป็นโทสะ  มันมีความต่าง  ลิงค  แตกต่างจากอาการความรัก ความชอบ โทสะ มันผลักมันอย่างไร  คุณต้องดูอาการของจิต  เจตสิกเหล่านี้ตามลำดับ  คุณจึงสามารถรู้ว่าอะไรเป็นกุศล  อะไรเป็นอกุศล หรือ อะไรเข้าสู่สภาพจิตแท้ๆ มีความรู้สึก สัมผัส  แล้วได้อันนี้ เป็นอย่างนี้  อย่างเดียว  ไม่มีความชอบ  ไม่มีความชัง  ไม่มีอาการอื่น เข้าแทรกไม่มีเวทนาเก๊  เข้าไปร่วมคุณก็อ่านอาการแยกความจริงให้ออกระหว่างมีกับไม่มี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช  วันพุธที่ 16  ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 12:22:34 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:49:34 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:14:53 )

กำหนัด

รายละเอียด

ความใคร่

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 06:51:26 )

กำเนิดน้องปุณย์

รายละเอียด

เจริญธรรมฉลองชัยปีใหม่ วันนี้ เวลาตอนตี 2.36 น. เด็กหญิงคนหนึ่งได้อุบัติขึ้นมา ที่โรงพยาบาลวารินชำราบเป็นเด็กบ้านราชฯ พ่อก็อยู่บ้านราชฯแม่ก็อยู่บ้านราชฯ เป็นเด็กพ่อแม่ลูกบ้านราชฯ ปลอดภัยดี จะกลับเข้ามาบ้านราชฯนี้ไม่นานนัก ชื่อว่าน้องปุณย์ เป็นลูกคนแรกของนายปุ๊กกับนางรุณ ก็ต้อนรับปีใหม่เนาะ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันพฤหัสบดีที่ 31ธันวาคม 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:42:55 )

กำเนิด“อุเบกขาใหม่” กำเนิด“เวทนาใหม่” เป็นเช่นนี้ไม่สิ้นสุด! 

รายละเอียด

“พลังอดีต 36”กับ“พลังปัจจุบัน 36”อันมีถึง“2 พลัง”จึงช่วยกันได้เต็มที่

ก็สามารถร่วมกันจัดการสิ่งที่เกิดเมื่อกระทบกันปรุงแต่งกันขึ้นในบัดนั้น

ให้บริสุทธิ์อีก เกิดเป็น“อุเบกขาใหม่”ได้สำเร็จจริงเพิ่มขึ้นอีก “เวทนา”

ที่เกิดใหม่จึงยิ่งผ่องใส “ปภัสสร” ยิ่งๆขึ้นไปไม่หยุดหย่อน  ..ชัดเจนมั้ย?  

เห็นความเจริญพัฒนายิ่งๆขึ้นของกระบวนการ “ปริสุทธา -ปริโยทาตา-

มุทุ-กัมมัญญา-ปภัสสรา” แจ่มแจ้งขึ้นได้นะ?

ความรู้สึกแท้ๆของ“อุเบกขา”นี้จึงเป็น“ความรู้สึกพิเศษ”ที่ไม่มีภาษา

จะเรียกแล้ว ก็ได้แต่ขอยืมคำว่า “อุเบกขา”นี้ใช้สื่อไปก็เท่านั้นเอง ส่วน“สภาวะ”จริงนั้น คือ “อุเบกขา”ที่ยิ่งเจริญยิ่งขึ้นๆ

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 342 หน้า 253


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 10:53:35 )

กำแพงไร้สภาพกิเลสเข้าไม่ติด

รายละเอียด

ไปให้ใครรับมรดกกรรมของเราเองไม่ได้ เราต้องรับกรรมของตน ไม่รู้ให้กิเลสแฝงคุณก็โง่ แต่ถ้าคุณชัดเจนให้กิเลสมันไม่มีฤทธิ์หรือให้กิเลสมันหมดออกไปจากตัวเลย ไม่เหลือความเป็นกิเลสแม้แต่นิดนึงเลย นอกจากไม่เหลือแล้ว กิเลสเข้าหน้าไม่ติดเลย กิเลสอยู่ไกลเลย เข้าเราไม่ติด เพราะมีกัมมันตภาพรังสีมีราศีรังสี กันไว้ เป็นบัฟเฟอร์ เป็นกำแพงหนาใหญ่ด้วย กิเลสเข้าไม่ติดเลย นี่เป็นกำแพงไร้สภาพ มันเห็นไม่ได้ แต่มันมีของมันจริงๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งไม่ได้เห็นด้วยตาเปล่า ไม่ได้คาดคะเนนึกคิดเอาเฉยๆไม่ได้ เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 1 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 05:19:10 )

กำแพงไร้สภาพหรือพลังงานวิเศษเป็นบารมี

รายละเอียด

คือพลังงานพิเศษที่เป็นกำแพงไร้สภาพกั้นอยู่ ให้เขาทำได้เท่านี้  อันนี้ก็ไม่รู้จะใช้ภาษาอะไรอธิบายว่ามันเป็นบารมี ซึ่งบารมีอันนี้ บุคลาธิษฐาน พระพุทธเจ้าทรงดำเนิน แต่องคุลีมาลวิ่งไล่ ไล่อย่างไรก็ไม่ทัน ท่านก็ทรงพระดำเนินไม่ได้ทรงพระวิ่ง เพราะฉะนั้นกำแพงไร้สภาพที่เรามองไม่เห็นนี้ มันจะมี คนวิ่งแต่เราเดิน  ต่อให้วิ่งอย่างไร ๆ ก็ไม่ทัน เห็นความลึกซึ้งซับซ้อนของนามธรรมที่ยิ่งใหญ่ มันคิดไม่ได้เป็นเรื่อง อจินไตย คิดไม่ออกหรอก จะมาพูดด้วยหลักวิทยาศาสตร์ มันจะยาวเลย เป็นภาวะของพลังงาน คุณเห็นด้วยตาว่าท่านเดิน แต่ ก้าว ที่ท่านเดินนี้ท่านเดินข้ามมหาสมุทร มันจะมีความพิเศษ เหมือนกับหนังจีนที่เขาทำ แต่คนเห็นนี่จะเห็นเท่านี้ แต่ความเป็นฤทธิ์อำนาจ ปาฏิหาริย์มันยิ่งไปกว่านั้น อธิบายไปหานามธรรมจะง่ายกว่า อย่างเช่นความคิด มันก็ความคิดเหมือนกันคุณกับอาตมาก็ความคิดเหมือนกัน 2 + 2 เป็น 4 ... 4 + 4 เป็น 8 เหมือนกันทุกคน แต่ที่ทำไมท่านบวกได้เร็วบวกได้มาก ท่าน + 2 แล้วก็ไปเป็นหมื่นแล้ว เราเพิ่งจะบวกได้ 8 ได้ 10 แต่ท่านไปเป็นหมื่น เห็นไหม มันมีทั้งความเร็วทั้งความคล่อง ทั้งสิ่งที่ซับซ้อน บวกลบคูณหารกันอยู่ในนั้นอย่างคิดไม่ออก เราทำไม่ทัน อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 13 กันยายน 2563 ( 10:45:07 )

กำไรชีวิตของพ่อครูเป็นอย่างไร

รายละเอียด

หายดีแล้วแต่ยังไม่ดีเลย ยังมีนิดๆหน่อยๆ อะไรไปตามสังขารอายุมากแล้ว มันได้ประมาณนี้ก็ถือว่าดีแล้วละ อาตมาอายุ 90 ย่างเข้าไปได้ 2 เดือนแล้ว อาตมาก็ว่าอาตมาแข็งแรงนะ อาตมานี่ทำงานสมบุกสมบันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย หนุ่ม มาจนกระทั่งพ่อแม่ไม่มี เลี้ยงน้อง 6 คน แล้วก็นำพาชีวิตกันมาถึงขนาดนี้ โอ้ อาตมาว่าอาตมานี้ชีวิตสมบุกสมบันมาขนาดนี้ อายุขนาดนี้ ได้ขนาดนี้ อาตมาว่าเป็นเพราะบารมี เป็นเพราะอานิสงส์ที่อาตมาได้สั่งสมมานะ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆก็จะได้ขนาดนี้ 

คนเห็นแล้วบอกอยากเอาอย่าง อยากเอาอย่างก็ต้องปฏิบัติสิ ปฏิบัติตามที่อาตมาได้เพียรมานี่แหละ คุณก็ได้ตามบารมีของคุณ ของแต่ละคน ๆ นะ แล้วทำมาเลย แล้วก็จะได้จริง คนเราอยู่ดีๆอยากจะได้อะไรแล้วไม่ได้ทำ ไม่ได้ฝึกฝนแล้ว มันจะอยู่ดีได้ไหม ไปซื้อเอาตามร้านขายยามีไหม เอาตามห้างใหญ่ๆด้วย ไปซื้อตามห้างใหญ่เลยมีไหม มันไม่มีขาย ซื้อไม่ได้ ต้องเรียนรู้แล้วก็กระทำกันเอาเอง มันถึงจะเป็นไปได้ กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตติโลโก  กุ๊กๆๆๆ เขามีสร้อย กุ๊กๆๆๆ ด้วย (พตปฎ.เล่ม 14 ข้อ 581)

อาตมาเอง ชีวิตของอาตมาตั้งแต่รู้ตัวนะ แล้วก็ได้ออกมาเลย จากที่มีชีวิตแบบโลกๆอยู่ 36 ปี พอรู้ตัวแล้วมาทางนี้เลย โอ้โห อาตมาอยู่ทางโลกมา 36 ปี อาตมามาอยู่ทางนี้มากกว่า 36 ปีแล้ว อยู่มาได้ 53 ปีแล้ว มาทางธรรม ก็ยังเห็นจริงอยู่ว่า โอ้โห เสียดาย 36 ปีที่ไปเสียเวลาไม่มาตั้งแต่ตอนโน้น ยังรู้สึกว่าตัวเองยังช้าไป มาทางนี้ได้ 50 กว่าปี ยังไม่สิ้นชีวิต ยังทำได้ต่อ ยังแข็งแรง ยังพอที่จะต่อไป ก็ยังเห็นว่า มันเป็นประโยชน์หรือคุณค่าจากการปฏิบัติธรรม 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #36 ชีวกสูตรคือเจาะจงฆ่าไม่ใช่เจาะจงชื่อคนกิน วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 แรม 13 ค่ำ เดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2566 ( 08:44:34 )

กำไรทางโลกแต่เป็นหนี้ทางธรรม

รายละเอียด

หากแลกเปลี่ยนเอาเงินมาก็ลดค่าลง ของคิดทุน ร้อย เอาร้อยแลกกลับมาได้ธนบัติก็เท่าทุนเจ๊ากัน หากยิ่งโกงราคา ของเราดีมีคุณภาพ โก่งราคา ทุนร้อยขายสองร้ายห้าร้อยนึกว่าได้กำไรทางโลกแต่เป็นหนี้ทางธรรมทางสัจจะ ศาสนาพุทธชัดเรื่องกรรมวิบากไม่ต้องสะสมหนี้ ถ้าสะสมความเป็นลูกหนี้ก็ยิ่งซวย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561 สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน ประชาธิปไตยไทยในช่วงใกล้เลือกตั้ง 2561


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 16:35:36 )

กิจ กาล กรรม

รายละเอียด

“อวิชชาสวะ 8”นั้น 4 ข้อต้น คือ“ไม่รู้”ใน“อาริยสัจ 4” ซึ่งเป็น“กิจ”ที่จะต้องปฏิบัติให้“จบกิจ”

      ต่อมาก็“กาล”อีก 3 ข้อ ที่ยัง“ไม่รู้”ใน“ส่วนอดีต-ส่วนอนาคต-ทั้งส่วนอดีตส่วนอนาคต” ซึ่งเป็น“กาล”ที่จะต้องปฏิบัติให้“อยู่เหนือกาล” จึงจะสามารถทำตนให้หมดไปจาก“กาล”ก็สำเร็จ หรือจะทำตนอยู่ใน“กาล”ต่อไปก็ทำได้้

      สุดท้าย“กรรม”ที่จะต้องกระทำหรือปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จได้ด้วย“วิชชา”หรือ“ปัญญา”จึงจะ“พ้นอวิชชา”ในความเป็น“ปฏิจจสมุปบาท”ทั้ง“อนุโลม”และ“ปฏิโลม”

      จึงจะทำ“กิจ”จบได้ครบทั้ง“กิจ-กาล-กรรม”บริบูรณ์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:58:37 )

กิจของปัญญา กิจของวิญญาณ

รายละเอียด

มหาโกฏฐิกะถาม “ปัญญาและวิญญาณ ธรรม 2 ประการนี้ ปะปนกันไม่แยกจากกัน  แต่มีกิจที่จะพึงทำต่างกันบ้างหรือไม่?”

     พระสารีบุตรตอบ “ปัญญาและวิญญาณ ธรรม 2 ประการนี้  ปะปนกัน (สัง สัฏฐานัง) ไม่แยกจากกัน (โน วิสัง สัฏฐานัง) แต่ปัญญาควรเจริญ (ภาเวตัพพา)  วิญญาณควรกำหนดรู้ (ปริญเญยยัง)  นี่เป็นกิจที่จะพึงทำต่างกันแห่งธรรม 2 ประการนี้.

 

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎก เล่ม 12  ข้อ 494  ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 14:38:29 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:51:55 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:06:22 )

กิจของสงฆ์คืออย่างไร

รายละเอียด

อาตมาก็ตอบว่าใช่ กิจของสงฆ์ เพราะถ้าสงฆ์ไม่ดูดำดูดีสังคม สงฆ์ใจดำ สงฆ์ปล่อยให้คนเดือดร้อน ทำผิดก็ปล่อยให้เขาทำผิด ทำถูกก็ไม่ไปช่วยเหลือคนทำถูก ไม่ช่วยคนดีให้มาทำงานให้แก่สังคม อย่างที่ในหลวง ร. 9 ตรัส สังคมก็ไปไม่ได้ 

เราเข้าใจว่าเราทำอะไร เพราะฉะนั้นจะบอกว่ากิจของสงฆ์ไหมก็ตอบสั้นๆว่า ใช่ กิจของสงฆ์ ตามภูมิปัญญาของเรา ส่วนคุณเองจะเข้าใจกิจของสงฆ์ตามภูมิของคุณแค่ไหน เราก็พอรู้อยู่หรอกแต่ไม่อยากพูดต่อ ศึกษาดีๆ คุณจะออกมาแสดงความคิดเห็นก็อนุโมทนา มาแสดงความเห็นแย้ง มาแสดงความเห็นช่วยเหลือฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ เพื่อที่จะได้มีน้ำหนัก ในการที่จะทำให้สังคมดำเนินต่อไป ฝ่ายถูกฝ่ายไม่ถูกก็ช่วยกันแบบประชาธิปไตย มันก็เป็นเรื่องดีไม่มีปัญหาอะไร 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปลุกพลังเงียบช่วยกันทำให้การเมืองเจริญ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2566 ขึ้น 14 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 19:19:25 )

กิจจญาณ , กิจญาณ

รายละเอียด

ความรอบรู้ในการปฏิบัติที่ได้กระทำจริง

หนังสืออ้างอิง

จากอีคิวโลกุตระ หน้า 285

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 153


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:08:17 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:54:25 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:45:29 )

กิจจญาณ , กิจญาณ

รายละเอียด

ความรอบรู้ในการปฏิบัติที่ได้กระทำจริง

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:34:09 )

กิจฉ

รายละเอียด

ยาก ลำบาก ทุกข์ ขัดข้อง ขัดสน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 502


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:08:58 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:55:24 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:57:50 )

กิจฉา

รายละเอียด

ผู้ยังไม่สิ้นความจำนง ยังไม่สิ้นงานที่จะต้องรู้แจ้งให้ทะลุ จึงยังลำบาก ยังไม่พ้นทุกข์แท้ ๆ

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 502


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:09:29 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:56:27 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:46:55 )

กิจที่ควรทำให้ยิ่งขึ้นเป็นอย่างไรในมหาอัสสปุรสูตร ข้อ 469

รายละเอียด

อาตมาก็มาเปิดดูแล้ว ก็อ่านดูคร่าวๆไม่ได้เตรียมมาก่อนนะ เปิดดูหน่อยๆ เห็นแล้วก็เข้าใจแล้วล่ะ คือในมหาอัสสปุรสูตร ท่านก็ไล่เรียงความเป็นสมณะว่าวิธีจะเป็นสมณะนั้นจะเกิดในสภาพ จะเป็นสภาพอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร ท่านก็เรียงลำดับไป จนกระทั่งครบบริบูรณ์ พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ในหลายพระสูตรมากมาย สรุปแล้วก็คือ มันมีที่พวกเรา ชาวอโศก อาตมาเองอาตมามาเน้นไม่หลับตาปฏิบัติ ไม่ออกป่าเขาถ้ำ แต่ทีนี้มันมีอยู่ประเด็นหนึ่งใน มหาอัสสปุรสูตร คือพอมาถึงข้อ 469 กิจที่ควรทำให้ยิ่งขึ้นไปอย่างไร? ท่านได้ไล่เรียงมาตั้งแต่สำรวมอินทรีย์มา มีการปฏิบัติเป็นสัมมาทิฏฐิ แล้วก็สำรวมอินทรีย์ โดยเฉพาะเน้น อปัณกธรรม 3 สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยคคะแล้วก็มี หิริ โอตัปปะ ตามจรณะ 15 จริงๆในจรณะ 15 ไปออกป่าไม่มี แต่ในอันนี้มีมาคั่นในข้อที่ 469 ที่อาตมาบอกไปดังกล่าวว่ากิจที่ควรทำให้ยิ่งๆไปเป็นอย่างไร [469] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กิจที่ควรทำให้ยิ่งขึ้นไปเป็นอย่างไร? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเสพเสนาสนะอันสงัด คือ ป่า โคนไม้ ภูเขา ถ้ำ ซอกเขา ป่าช้า ป่าชัฏที่แจ้ง ลอมฟาง. เธอกลับจากบิณฑบาต ในการภายหลังแล้ว นั่งคู้บัลลังก์ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า. เธอละความเพ่งเล็งในโลกแล้ว มีใจปราศจากความเพ่งเล็งอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความเพ่งเล็งได้. ละความประทุษร้ายคือพยาบาทแล้ว ไม่คิดพยาบาท มีความกรุณาหวังประโยชน์แก่สัตว์ทั้งปวงอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความประทุษร้ายคือพยาบาทได้.ละถีนมิทธะได้แล้ว เป็นผู้ปราศจากถีนมิทธะ มีความสำคัญ หมายอยู่ที่แสงสว่าง มีสติสัมปชัญญะอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากถีนมิทธะได้. ละอุทธัจจกุกกุจจะได้แล้ว เป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน มีจิตสงบ ณ ภายในอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากอุทธัจจกุกกุจจะได้. ละวิจิกิจฉาได้แล้วเป็นผู้ข้ามวิจิกิจฉา ไม่มีความคลางแคลงในกุศลธรรมทั้งหลายอยู่ ย่อมชำระจิตให้บริสุทธิ์จากวิจิกิจฉาได้.

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 04 กันยายน 2563 ( 14:47:13 )

กิจที่ยิ่งใหญ่

รายละเอียด

“อวิชชา”จะตกผลึกสะสมอยู่ใน“อาสวะ”

 “อาสวะ”คือ กิเลสที่นอนเนื่องในจิตฝังสันดานอยู่

  จึงต้องชำระละล้าง“กิเลส”ออกไปจากจิตให้หมดสิ้น“อาสวะ” จะได้หมด“โง่”งมงาย หายซมซาน อยู่กับ“สุข” 

  “กิจ”ยิ่งใหญ่สำคัญในความเป็นคนคือ สิ่งนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 18:11:54 )

กิญจี

รายละเอียด

อย่างใดอย่างหนึ่งที่ถูกต้อง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค2 หน้า 527


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:10:03 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:57:01 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:07:14 )

กิณห , กิณหะ

รายละเอียด

1. ดำมืด 

2. มืด , ดำ , ชั่ว 

3. ภาวะดำมืดอยู่ในภวังค์ 

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 143

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 315

ค้าบุญคือบาป หน้า 135


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:10:56 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:57:51 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:15:23 )

กิณหา

รายละเอียด

ดำ  ชั่ว  เลว  มืด

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 408 

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 93


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:11:32 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:58:25 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:07:47 )

กิณหาทำความมืดดับไม่ใช่ดับกิเลส

รายละเอียด

กิณหา แปลว่ามืด ดำ ชั่วเลวด้วย ไปหลงความดำว่าเป็นดี 

คนถ้าจะทำให้มืด เราหลับตามืด ก็รู้ความมืดตามความเป็นจริงที่เราเจอ ตอนนี้จะมืดจะดับแสงสว่าง หลับดับ เพื่อจะได้หลับตา เพื่อจะไม่ต้องใช้ทวารสว่าง ทวารรู้ ทวารคิด หยุดหลับ ดับ ก็รู้อย่างดี สุภะ รู้ว่าเราจะทำดับ ในวิญญาณฐิติ 4 หรือสัตตาวาสตัวที่ 4 ก็รู้ว่า เราจะทำดับก็ทำความรู้จริงเราก็ทำดับนั้น เราเจตนา จะทำความมืดดับ ไม่ใช่ดับกิเลส แต่จะทำให้เกิดภพดับ

หลับตาลงไปมันก็มืดถ่ายเดียว มันไม่มีแสงสีอะไรหรอก คนใด ยังหลับตาและมีแสงสีอยู่ ไปไหนที่มันมืดจริงๆหลับตาลงก็มืดถ่ายเดียว หากมีแสงสีแดงสีเขียวสีมืดสีน้ำเงินสีขาวอะไรวูบวาบอยู่ อุปาทานทั้งนั้น ยังหลงเหลือว่า มันต้องมีแสงสี ที่จริงแล้วไม่มีแสงอะไรหรอก อาโลกก็ไม่มี แสงตะเกียงแสงไฟฟ้าก็ไม่มี..คุณดับ คุณปิดม่านตาของคุณดับหลับปี๋ จะไปเห็นอะไร มันก็มืดอย่างเดียว 

เพราะฉะนั้นถ้าเผื่อเจตนาจะหลับตาเพื่อทำจิต มืด เราก็รู้ว่าเราทำ เราต้องการดับพักมืดดำไปเลย เราก็พัก ก็น่ามีน่าได้น่าเป็นแล้วก็พัก สุภกิณหา หมายถึงเทวดา ถ้าเป็นเทวดาที่รู้ชัดเจน อยู่ที่เราเราเจตนาจะดับจะมืด เราก็กำหนดความมืดแล้วทำความมืดนั้นให้แก่ตัวเราเอง สำเร็จ มันก็ดีแล้ว ส่วนพวกที่อวิชชา ซ้อนอยู่ตรงนี้ อวิชชา เขาก็ต้องการความมืดอย่างไม่รู้ว่ามืดนี่แหละดี โดยเขาไม่รู้ว่าความมืดความดำ หลงว่า มืดนี่แหละคือนิโรธ คือการดับกิเลส เขาหลงผิด เป็นความเห็นผิดของเขา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 14:45:57 )

กินขนมหวานมากๆระวังตายไว

รายละเอียด

หลวงปู่นี้ก็ควบคุมกันจังน้ำตาล อาตมากินอะไร วันนี้เกินขีดแล้วนะน้ำตาลจะเกินร้อยแล้ว ก็ควบคุมไม่ให้เกินร้อย ก็ระมัดระวัง เรายังเด็กอยู่ก็สู้ได้แต่ว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไปการสู้มันจะลดลง ระวังเป็นผู้ใหญ่ก็เกิดเบาหวานเจ็บป่วยรักษายากมากเลยนะเบาหวาน ถึงแม้เดี๋ยวนี้จะมีวิธีการรักษาได้เก่งขึ้นก็ตามก็ไม่ควร เพราะจะมีโรคแทรกซ้อนได้เก่งได้เร็ว สรุปว่าเราจะตายไว ระวังกินขนมหวานมากๆระวังตายไว สรุปง่ายๆอย่างนี้ก็แล้วกัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 21:19:17 )

กินคำข้าวนี่แหละจะเกิดกิเลส

รายละเอียด

อาหารเป็นหนึ่งในโลก พระพุทธเจ้าท่านตรัส โดยเฉพาะ กวฬิงการาหาร แล้ว กวฬิงการาหาร อาหารคำข้าวที่ใส่เข้าไปในปาก คนฝรั่งก็กินขนมปัง คนไทยก็กินข้าว คนอีสานกินข้าวกับปลาแดก คนไทยเขาไม่กินปลาแดกเท่าไหร่ 

แล้วพระพุทธเจ้าก็สอน กินคำข้าวนี่แหละจะเกิดกิเลส ด้วยผัสสะ ด้วยเจตนา ด้วยวิญญาณโง่ๆ ให้ศึกษาด้วยรูปนามซะ วิญญาณนี้ศึกษาด้วยรูปนามว่ามันโง่ยังไง มันถึงเกิดตัณหา มันถึงเกิดเวทนาจึงไปติดยึดอยู่ ผัสสะเข้าไปดูเวทนาเป็นสุขเป็นทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ เจตนาก็อยากได้สมตัณหา อย่างนี้สุข อย่างนี้ไม่เอา อย่างนี้ทุกข์ มีผลักดูด อะไรอย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การวัดคุณค่าของมนุษย์กับสิ่งสร้างขึ้นของมนุษย์ วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม 2565 ขึ้น 1 ค่ำ เดือนยี่ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 มกราคม 2566 ( 12:08:27 )

กินท้องพร่อง

รายละเอียด

ก็หมายถึงว่ากินอย่าให้มันแน่นท้อง มันกินแน่นก็ย่อยช้าย่อยยาก พระเถระบอกว่าก็กินประมาณเหลืออีกสัก 3 คำมันจะแน่นแล้ว ก็พอ ให้มีช่องว่างในการย่อย ถ้าไปกินแน่นเกินมันก็ทำงานไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าไปกินแน่นท้อง บางคนเป็นทาสปาก เป็นทาสความอร่อย อร่อยทางหูตาจมูกลิ้น ทาสอัสสาทะ ก็สวาปามเข้าไป ท้องมันอิ่มแต่ปากมันอยาก คุณก็ตายอยู่ฝ่ายเดียว 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช เรื่องบุคคล 7 วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 14 มีนาคม 2563 ( 12:07:33 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:53:05 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:49:06 )

กินพืชดีกว่ากินเนื้อสัตว์อย่างไร

รายละเอียด

แม้จะพิสูจน์ด้วยอายุ คนกินพืชอายุยาว คนกินเนื้อสัตว์อายุสั้น อย่างเช่นพวกไม่ค่อยมีพืชกิน เช่น ขั้วโลกเหนือ-ขั้วโลกใต้ อายุสั้น อายุ 25 ปีถึง 40 ปีถือว่าสูงสุดของพวกขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้ แต่ของพวกอยู่ภูเขาอยู่ป่าที่มีพืชพันธุ์ธัญญาหาร อายุ 100 ปี 200 ปีก็ยังมีเลย ซึ่งเป็นหลักฐานเป็นเรื่องจริงยืนยันทั้งนั้นเลย แล้วอาตมาก็ยิ่งเห็นความสำคัญ ซึ่งมันจะช่วยโลกให้สุขภาพร่างกายสังขารของมนุษย์มันดี ดีขึ้น กินพืชมันดีกว่ากินเนื้อสัตว์ แล้วกินเนื้อสัตว์มันจะมีจิตอำมหิตซับซ้อนลึกซึ้งอีกเยอะ ซึ่งมันเป็นเหตุเป็นปัจจัยของมันทั้งนั้นเลย ศึกษาให้ดีแล้วพยายามพัฒนาความเป็นมนุษย์ ให้เป็นมนุษย์เจริญมากยิ่งขึ้นอย่างมีภูมิปัญญาที่ยอดเยี่ยมขึ้นไป เพื่อที่จะได้อยู่กันอย่าง สงบ อบอุ่น สุขสำราญเบิกบานใจทั่วโลกเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  ปัญญาแยกแยะนามรูปได้เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 26 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 มีนาคม 2564 ( 20:35:47 )

กินพืชเป็นความเจริญของจิตวิญญาณ

รายละเอียด

บนโต๊ะวันนี้ประดับด้วยฉากที่เป็นสิ่งที่เป็นหนึ่งในโลก มีมาไม่ขาด อาตมาก็เพิ่งเห็นผลไม้แปลกใหม่อันนี้ เป็นลูกท้อจากสวนไสหม่วน มีมะตูม เขาใช้ยางมะตูมเป็นกาวได้ แต่ก่อนนี้เด็กๆที่บ้านก็ใช้กาววิทยาศาสตร์ไม่มาก ก็ใช้กาวจากแป้งเปียกหรือกาวมะตูม นอกนั้นก็เอาเส้นขนมจีนก็เป็นกาวได้ มะตูมจะติดนานกว่า 

เราก็พัฒนา breed พืชพันธุ์ธัญญาหาร ที่มีคุณภาพ เมื่อรู้ธาตุของพีชะ ให้มารวมกันในพันธุ์ไหน ตระกูลไหน มีอะไรเป็นเอก เป็นเด่น ก็พัฒนาขึ้นไปด้วยชีววิทยา พวกเราก็เน้นพืชพันธุ์ธัญญาหาร เพราะมันเป็นตัวกลาง ของระหว่าง ดิน พืช สัตว์ สามอันนี้ คนก็ไม่กินดิน แต่เลือกกินพืช ไม่กินสัตว์ ส่วนพวกกินดินก็กินไป พวกกินสัตว์ก็กินไป ส่วนพวกเรากินพืช ก็เป็นความเจริญของจิตวิญญาณที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และเอามาสอน อาตมาก็นำเอามาให้พวกเราศึกษาฝึกตนและปฏิบัติให้เป็นดังที่ว่านี้ได้ ก็เกิดได้เป็นจริงมาถึงทุกวันนี้ เราก็ศึกษากันต่อไป จนกว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่งก็ทำไป ผู้ใดไม่เอาถึงขั้นนั้นก็ตามต่างคนตั้งปณิธานแต่ละคน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 10:40:53 )

กินพืชไม่มีวิบากแต่กินเนื้อสัตว์มีวิบาก

รายละเอียด

หากว่าเป็นพลังงานยังไม่เป็นชีวะก็เป็นบวกกับลบเป็น static กับ Dynamic จนกระทั่งมาเป็นชีวะ แม้ในระดับพืชก็มีสองสภาพที่ปรุงแต่งกันอยู่ ปรุงแต่งกันเป็นสัญญากับสังขาร แล้วก็เกิดเป็นชีวะในระดับพืชยังไม่มีเวทนายังไม่มีวิญญาณ เพราะฉะนั้นพืชจึงไม่มีทุกข์ไม่มีสุข ไม่มีชอบ ไม่มีชัง ไม่มีวิบากจองเวรจองกรรมอะไร เพราะฉะนั้นกินพืชเป็นอาหารจึงไม่มีวิบากอะไร ถ้าไปกินเนื้อสัตว์มันมีวิบาก เนื้อสัตว์ใดก็แล้วแต่มันละเอียดจนเกินที่เราจะไประลึกถึงว่า สัตว์ทุกตัวมันเอาวิญญาณฝังไว้ในเนื้อมันตั้งแต่เซลล์ แม้แต่จุลินทรีย์ แม้แต่ไวรัสหรือแม้แต่ความเป็นชีวะเซลล์เล็กขนาดไหนก็ตาม ตัวมันอยู่กับอันนั้นทั้งนั้นเลย คนเป็นเซลล์ของเนื้อสัตว์ใดวิญญาณมันก็อยู่ในนั้นทั้งนั้นเลย แล้วมันจะจองเวรจองกรรมอยู่ทั้งนั้น รายละเอียดสุดเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 20:31:50 )

กินมังสวิรัติ 20 ปี ยังเข้าวัดไม่ได้ ทำใจอย่างไร

รายละเอียด

นี่ก็แสดงความจริงออกมาอีกอันหนึ่งว่าพยายามอยู่นะ แต่ยังเข้ามาไม่ได้ กินมังสวิรัติมาตั้ง 20 ปีแล้ว มีอะไรติดๆขัดๆก็พยายาม ศึกษาฟังธรรมะดีๆ ปลดปลงในโลกก็เท่านั้นเอง ทุกอย่างเราก็นึกถึงตัวสำคัญที่ว่า เราเองห่วงนั่นห่วงนี่ ติดนั่นติดนี่ ถึงอย่างไรเราก็ต้องตายจากทั้งนั้น คิดตรงนี้ดีๆ เราก็ต้องตายจาก ถ้าเราตายไปแล้วเราไม่รู้ว่า เราตายจากไปแล้วเขาจะเป็นอย่างไรที่เหลืออยู่ ถ้าเรามาเสียตอนนี้ ก่อนที่จะตาย จะได้เห็นอยู่ว่า มันจะเป็นอย่างไร มาแล้วมันจะไหวไหม เขาอาจจะช่วยตัวเองได้ดีที่สุด รู้สึกว่า เป็นภาระต่างๆอาจจะหยุดไปเลยได้ พักไปเลยได้ แต่เราไปติดกังวลไปคิดมาก เราไปนึกว่าเราเองสำคัญอะไรต่างๆนานา ก็แนะนำนะ ไม่ได้ไปใช้การบังคับหรือว่าไปบีบคั้นอะไรหรอก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ลักษณะอันสูงสุดของมนุษยชาติ 7 ประการ วันพุธที่ 21 ธันวาคม 2565 แรม 13 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2565 ( 14:00:46 )

กินมังสวิรัติห่างจาก covid 

รายละเอียด

โรคโควิดไม่ค่อยชอบพืชพันธุ์ธัญญาหารนะมันชอบโค อาตมาว่าดี คุณคนนี้ก็เห็นผลว่ากินมังสวิรัติก็ห่างจาก covid 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 23 วันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 09:33:24 )

กินมากจนแน่นท้องทุกวันเป็นสักกายะไหม

รายละเอียด

เรื่องกิน ทุกวันนี้คนยั่วยวนหลอกเยอะ มาพูดถึงกินง่ายอยู่ง่าย มาอยู่กับคนกลุ่มนี้ ถ้ามีกิเลสแรงหนา ถ้ามาอยู่กับหมู่ คุณก็ทำเองได้ ที่นี่ไม่โหดร้ายขนาดไม่ให้เติมรสชาติเลย ก็มีการอนุโลมอยู่ได้ไม่ถึงตายหรอก ให้กิเลสมันได้ทรมานมั่ง อย่าไปตามกิเลสมันมากนัก ถามว่าเป็นสักกายะก็ใช่

ที่มา ที่ไป

สื่อธรรมะพ่อครู(จรณะ 15 วิชชา 8) ตอน กินมากจนแน่นท้องทุกวันเป็นสักกายะไหม

วันพุธที่ 13 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:34:23 )

กินหมากพลูเป็นสิ่งเสพติดขั้นอบายมุขแท้ๆ

รายละเอียด

ในสังคมโลกนี้ใครจะประกาศตนเองว่าเป็นพระอรหันต์ ก็ประกาศให้ดี ระวังให้ดี ไม่งั้นขายขี้หน้า อย่างเช่น มหาบัวอย่างนี้ ประกาศว่า ซึ่งไม่กล้าประกาศว่าตนเองเป็นพระอรหันต์แต่ประกาศว่าชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย เลี่ยงไปโน่น ไม่กล้าพูดตรงๆว่าอรหันต์ แต่ให้คนเข้าใจเป็นคำที่ฟังแล้วเป็นไวพจน์ ให้คนเข้าใจว่ามันก็เป็นอรหันต์นั่นแหละ โดยที่ตนเอง ขายขี้หน้าอยู่ แม้แต่คำว่าเสพติด เสพติดในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสเท่านั้น กินหมากพลู เสพในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส ก็ไม่รู้ก็เสพติดจนตาย แค่นี้ก็ไม่รู้ มันเป็นสิ่งเสพติดที่หยาบขั้นต้น ขั้นอบายมุขแท้ๆ ก็ยังไม่รู้ ที่อาตมาต้องพูดเพื่อให้เกิดการศึกษาให้รู้ว่าสิ่งเสพติดคืออะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 20:39:14 )

กินอยู่หลับนอนคือ อปัณณกปฏิปทา 3

รายละเอียด

พูดมาตั้งไม่รู้กี่ทีแล้วที่อาตมาประพฤติปฏิบัติมีประสบการณ์มา ท่านก็เป็นนักอ่านนะหนังสือเจริญชีพด้วยการก้าวเต็มที่ไม่ยาวไม่มากเท่าไหร่ ปฏิบัติอย่างไรก็บอกไว้ชัดเจน แล้วยังจะให้มาพูดซ้ำซาก ก็มีความคิดจะให้อาตมาพูดเรื่องการปฏิบัติ การปฏิบัติคือการกินอยู่หลับนอนนี่แหละ 

ที่จริงก็ถูกต้อง อาตมาก็พูดอยู่บ้างตลอดเวลา ไม่ได้ปล่อยปละละเลย เพราะการกินอยู่หลับนอนคือ อปัณณกปฏิปทา 3 ซึ่งเป็นการปฏิบัติของพระพุทธเจ้าที่ไม่ผิด กินอยู่หลับนอน

เป็นอยู่คือ สำรวมสังวรอินทรีย์ 

กิน คือ โภชเนมัตตัญญุตา

หลับนอน คือ ชาคริยานุโยคะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หมู่บ้านสาธารณโภคีมีจริงได้แม้ใกล้กลียุค วันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2564 ( 19:00:20 )

กินอย่างพอเหมาะ

รายละเอียด

หากคุณอยู่ในนี้จะมีความตะกละกินให้มากเท่าไหร่ก็มีให้พอ มันอุดมสมบูรณ์มีพอ เราเป็นสังคมสมบูรณ์แล้วคุณจะกินให้ท้องแตกเลย ก็ไม่มีใครห้าม แต่คนเราก็ควรกินอย่างพอเหมาะ ยิ่งถ้ามันมีมากมีเยอะ มันไม่กินมากหรอก แต่ถ้ามันมีน้อยจะรีบแย่งกันตะกละตะกราม เอาไปสต๊อกไว้ในท้อง เอาแบบลิงที่เอาไปใส่ในกระพุ้งแก้มก่อนเอาไว้เคี้ยวทีหลัง แย่งเอามาก่อน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเชัา พุทธาภิเษกฯ ครั้งที่ 42 ปฐมอโศก ความจนที่มีสัมประสิทธิ์ ตอน 3 วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ที่บวรปฐมอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(ศีล สมาธิ ปัญญา) ตอน ไตรสิกขาของนาม5 รูป28


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:40:21 )

กินอาหารต้องเรียนรู้เรื่องของกามกับอัตตา

รายละเอียด

การกินอาหาร กินพืชกินธัญญาหาร คุณก็ต้องเรียนรู้ภาวะข้างเคียงที่เป็นกิเลส กาม มันแฝงด้วยกิเลสกาม กิเลสอัตตาด้วยนะ กินเขื่องหรูมีศักดิ์ศรีมีราคา มันซ้อนนะเป็นได้ทั้งกามทั้งอัตตา ฉะนั้นเรียนรู้เรื่องของกามกับอัตตา ที่เป็นกามสุขขัลลิกะ กับอัตตกิลมถะเรียนรู้ให้หมดกามภายนอกก่อน ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นกามคุณ 5 ให้หมดก่อน เหลือรูปราคะ อรูปราคะ หมดรูปราคะ อรูปราคะก็เหลือ มานะ อุทธัจจะซ้อนในอนุสัย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:21:22 )

กินอาหารทั้งชอบและไม่ชอบ 

รายละเอียด

กินอาหารทั้งชอบและไม่ชอบ  คือ กินแล้วจับอารมณ์ไม่ติดในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เราก็กินอาหารที่ควรจะกิน ไม่ควรกินก็ไม่ควรกิน  มันเป็นของเกินของเฟ้อ เช่น น้ำอัดลม ซึ่งมันแก๊สมาก เป็นน้ำสารเสพติดที่มีคาเฟอีน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่  2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 14:04:48 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:53:46 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:08:13 )

กินอาหารอย่างไรใหัได้เป็นอรหันต์

รายละเอียด

ไม่บริโภคเพียงเพื่อประเทืองผิว ที่เขาโฆษณากัน ถั่งเฉ้า เป็นต้น ดูแล้ว กินแล้วจะได้ประเทืองผิว ประเทืองวรรณะ ประเทืองยศชั้นสรรเสริญ ยกย่อง 

กินเพื่อประดับ กินเพื่อเท่เก๋ บริโภคเพื่อความตั้งอยู่แห่งกายนี้ ไม่บริโภคแบบโน้น แต่บริโภคเพื่อความตั้งอยู่แห่งกายนี้ เพื่อระงับความหิวกระหาย เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์ ด้วยคิดว่า ด้วยการบริโภคนี้ เราจักกำจัดเวทนาเก่าได้ด้วย และจักไม่ยังเวทนาใหม่ให้เกิด ความดำเนินไปได้ ความไม่มีโทษ และความผาสุก จักมีแก่เรา 

แค่การกินเท่านี้ พิจารณาแล้วทำตามคือโภชเนมัตตัญญุตา คุณศึกษาแค่เรื่องการกินพิจารณากิเลสจากการกินก็เป็นอรหันต์ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 21:25:27 )

กินอาหารโดยไม่สุขไม่ทุกข์ได้จึงจะไม่กินเนื้อบุตร

รายละเอียด

อาตมาก็พูดอย่างตื้นๆว่า ไอ้วัตถุสร้างขึ้นมา ผลิตวัตถุขึ้นมาก็ตาม คุณกินอยู่ในนี้ สิ่งที่คุณได้อาศัย แต่ถ้าคุณมีอาหารกินคุณได้อาศัย คุณก็อยู่รอดแล้วใช่ไหม ชีวิตตามที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า อาหารเป็นหนึ่งในโลก แล้วท่านก็ไม่ได้ไปแวะว่า อาหารคือวัตถุ อุตสาหกรรม ท่านก็แวะมาบอกว่าอาหาร 4 คือมีผัสสะจาก กวฬิงการาหาร แล้วมีเจตนาจาก กวฬิงการาหาร แล้วให้รู้นามรูปที่มันจะโง่หรือฉลาด ถ้าหากฉลาดรู้กาม  เวทนา ก็ลดกิเลส ลดบาป ลดติดยึดในเวทนา ลดตัณหาที่เป็นกิเลส ลดเวทนาที่ไปหลงงมงาย หมดสุขหมดทุกข์ได้ ผัสสะอย่างใดๆ ก็ไม่สุขไม่ทุกข์ได้แล้วในอาหาร 

กวฬิงการาหาร เป็นยอดของวิญญาณาหาร เป็นยอดของธาตุวิญญาณ แล้วมันก็โง่เป็นทาสของอาหารด้วย มากหรือน้อยแล้วแต่ เอาอาตมาเป็นตัวอย่าง อาตมาไม่อร่อย ไม่สุขไม่ทุกข์กับการกินอาหารเลย ไม่มีมานานแล้ว แต่เราก็กินไม่ปฏิเสธ เราต้องกินอาหารให้มีปริมาณพอที่จะเลี้ยงขันธ์ มันกินไม่อร่อยก็ต้องกินเลยต้องใช้เวลานาน ถ้าคุณยิ่งอร่อยคุณยิ่งตะกละตะกลาม  คุณจะกินอย่างเร็วเลย หรือไม่คุณไม่ให้มันเร็ว คุณก็ทำให้มันช้ามันอร่อยก็กินให้ช้าๆก็ไอ้มันที่ติดใจ ต้องค่อยๆหยอดๆกิน ทีละน้อยๆๆ เดี๋ยวมันจะหมด เพราะมันอร่อย 

มันจะต่างกัน อาตมาไม่อร่อย แต่ก็ไม่ได้รังเกียจก็กิน กินอาหารที่ควรกิน(กัปปิยะ) เขาก็ปรุงแต่งมา อาตมาเคย ปฏิบัติกินไม่ปรุงแต่งเลย ไม่ต้องทำอาหารปรุงอาหารมา กินสดเลย ก่อนกินพริกนี้มันกินได้ยาก เพราะกินทีละอย่าง กินพริกเปล่าๆ แต่ก่อนก็ยังกินได้อยู่ทนได้อยู่เป็นคนอีสานกินเผ็ดพอสมควร แต่เดี๋ยวนี้เผ็ดไม่ได้เลย 

นึกถึงตัวเองที่ได้บำเพ็ญมา แจ้งกระทั่งจิตวิญญาณมันก็เป็นธรรมดา ไม่ได้กินเพื่อเอร็ดอร่อยเพื่อรสชาติ รับรสยังไงมันก็เป็นอย่างนั้น มะนาวก็เปรี้ยว น้ำตาลก็หวาน ประสาทไม่ได้เสีย เพราะฉะนั้นจึงปฏิบัติด้วย ปสาทรูป โคจรูป วิสยรูป ก็เรียนรู้ได้อย่างมีภาวะ 2 ในรูป 28 หรืออุปาทายรูป 24 

รูป 28 ก็ศึกษาจากตาหูจมูกลิ้นกายเป็นของจริง ซึ่งไปหลับตาปฏิบัติไม่มีของจริง  ถ้าคุณจะกินทุเรียนเนื้อทุเรียน แล้วคุณกินทั้งเปลือกทั้งหนามเลยไม่เอาเปลือกออกเลย คุณกินได้ก็เก่ง  แต่มันกินไม่ได้หรอก เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ไปนั่งหลับตามันเป็นโมฆะ ไม่ได้ปฏิบัติทีละชั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เป็นคนจนสุดประเสริฐได้เพราะรู้แจ้งในอาหาร 4 วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2565 ( 19:53:55 )

กินอาหารไม่ปรุงแต่ง

รายละเอียด

กินอาหารไม่ปรุงแต่ง คือ ต้องมีปัญญารู้ว่า อาหารธรรมชาตินั้นจะมีสารอาหาร ที่ครบแก่ร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติไม่ต้องปรุงแต่ง ปรุงแต่ง คือ คนเราหาเรื่องปรุงแต่ง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นั่นแหละ เป็นกิเลส เราก็กินอย่างธรรมชาติให้มันครบก็ได้ผล อย่างเบาง่าย ไม่ติดยึด ลดกิเลสได้ ได้สารอาหารครบถ้วน

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 2 ตุลาคม  2562


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2562 ( 14:03:58 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:55:28 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:15:54 )

กินเจมีผลต่อประเทศชาติอย่างไร

รายละเอียด

คนไม่ฆ่าคน คนไม่ทำร้ายเบียดเบียนคนอื่นในประเทศชาติก็คือคนที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติแล้ว ปฏิบัติธรรมก็ทำให้ชีวิตเจริญขึ้นสูงขึ้นไม่ทำร้ายทำลายชีวิตสัตว์แล้ว ก็ยังมีภูมิธรรมอื่นอีกที่จะมีคุณค่าต่อสัตว์อื่นๆนั้นด้วย แม้แต่คน ที่สำคัญต้องเป็นประโยชน์ต่อคนด้วย อย่างแท้จริง มันก็เป็นแล้วเป็นประโยชน์แล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เตวิชชสูตร ตอน1 วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:10:11 )

กินเนื้อสัตว์ วิบากใครวิบากมัน

รายละเอียด

สติพล หรือสติพละ จะหมายถึง มีพลังของสติ จนพัฒนา ก็ได้ ก็เอาเนื้อสัตว์จากศาสนาอื่นที่เขาฆ่าสัตว์อยู่ไง สัตว์ตายเอง เดนสัตว์กินก็เอามากินได้ แต่ใครจะกินก็ตัวใครตัวมัน วิบากใครวิบากมัน ความติดยึดของใครของมัน ไม่มีปัญหาอะไร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 10:50:04 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 08:05:14 )

กินเนื้อสัตว์เป็นบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก

รายละเอียด

สรุปแล้วเรื่องสัตว์ ที่นี้ไปกินกัน อาตมาอธิบายละเอียดใน ชีวกสูตร ว่าเป็นบาปเป็นอันมากไม่ใช่บุญเป็นอันมาก แค่กล่าวชื่อสัตว์แค่นั้นก็บาปแล้ว ในเจตนา ที่จะไปจับมันมา ประเด็นที่ 2 สัตว์มันมีอิสระมันถูกจับมามันก็ต้องพยาบาท

ส่วนข้อที่ 3 นั้น ยังบอกอีกว่าให้ไปฆ่าสัตว์นี้ มันก็เป็นบาปอีก บาปเป็นอันมากซับซ้อน แค่สั่งฆ่าสั่งทำร้ายสัตว์ก็ต้องทุกข์โทมนัส ทั้งตัวผู้ฆ่าผู้สั่งก็เป็นบาป  ก็บาปหนักขึ้นๆ เป็นบาปมิใช่บุญเป็นอันมากเลย ส่วนข้อ5 นี้ พระพุทธเจ้ารู้รายละเอียดถึงขั้นที่เรียกว่าอย่างนี้บาปหรือ? คนไม่เชื่อกุศลอกุศลจะไปคิดออกได้อย่างไร หากคนเชื่อกรรมวิบาก ก็ไม่ต้องพูดกันยาว

1. ผู้นั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลายจงไปนำสัตว์ชื่อโน้นมา” (อุทิศ, อุททิสสะ คือ เจาะจงมุ่งหมายไปที่สัตว์ชื่อนั้น)

2. สัตว์นั้นเมื่อถูกเขาผูกคอนำมา  ย่อมได้เสวยทุกข์โทมนัส

3. ผู้นั้นพูดอย่างนี้ว่า  “ท่านทั้งหลายจงไปฆ่าสัตว์นี้”

4. สัตว์นั้น เมื่อกำลังถูกเขาฆ่าย่อมเสวยทุกข์โทมนัส

5. ผู้นั้นยังตถาคตและสาวกตถาคต  ให้ยินดีไปด้วยเนื้อ   ย่อมประสพบาปมิใช่บุญเป็นอันมาก (ตถาคตํ วา   ตถาคตสาวกํ  วา   อุทฺทิสฺส   ปาณํ   อารภติ   โส  อิเมหิ ปญฺจหิ   ฐาเนหิ  พหุง   อปุญฺญํ   ปสวตีติ) ชีวกสูตร  ล.13   ข.60

ทั้งหมดเป็นเรื่องไม่สมควรทำอย่างยิ่งแต่เขาก็ทําด้วยอวิชชาด้วยความไม่รู้ เป็นความละเอียดลึกซึ้งสุขุมคัมภีรภาพมากเลยในบาป 5 ข้อนี้ ไม่ใช่เรื่องหยาบเลยเป็นเรื่องละเอียดมากเลย 5 ข้อ เพราะฉะนั้นคนที่หยาบไม่มีภูมิที่สูง ถึงฟังไปก็ไม่รู้เรื่อง เหมือนอยู่กับลมแต่ก็ไม่รู้สึกว่าลมจะทำอะไรเขาได้ แต่นี่ยิ่งกว่าลมอีก ฟังแล้วผ่านไปยิ่งกว่าสายลม ไม่รู้เรื่อง มันยากมากอย่างนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เตวิชชสูตร ตอน1 วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:35:10 )

กินเนื้อสัตว์เหมือนกินเนื้อลูก 

รายละเอียด

ที่ท่านอุปมาอุปไมยว่า กินเนื้อสัตว์เหมือนกินเนื้อลูก 

อาตมาเข้าใจว่า ที่พระพุทธเจ้าตรัสอันนี้ไว้มันลึกซึ้งมาก พ่อแม่คู่นี้โง่จริงๆ แต่คุณว่าไม่ใช่ พ่อแม่ไม่ได้โง่ อาตมาว่าโง่คำนี้คืออวิชชา เขาอาจจะเป็นคนเฉลียวฉลาดทางโลกีย์ฉลาดยิ่งกว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ฉลาดยิ่งกว่าทักษิณก็ได้ แต่เป็นการฉลาดเฉโก แต่เขาไม่มีความฉลาดทางโลกุตระ(พ่อแม่คู่นี้) เป็นความเข้าใจของอาตมาที่ต่างจากคุณเข้าใจมาจากอาจารย์คนอื่นสอน 

เพราะฉะนั้นเรื่องของการกินเนื้อลูกมันโง่ซ้ำซ้อน ที่อาตมาวิจัยให้ฟัง มันน่ากลัว มันทึ่มทื่อ ซื่อบื้อ คนที่กินอาหารคือคำข้าว กวฬิงการาหาร เปรียบเสมือนพ่อแม่ลูกเดินทางไปด้วยกัน สุดท้ายอาหารหมดก็ฆ่าลูกเอาไว้กินเนื้อ มันเป็นความโง่ที่อำมหิต เห็นแก่ตัวจัดที่สุด ในประดาคนที่ฆ่าลูกกิน ในยุคนี้จะมีไหม มีหรือฆ่าลูกกิน กินลงหรือ? (โยมว่า.. เอาไปขาย) อันนั้นเขาหลงเงินมากกว่าที่เอาไปขาย เขาก็ไม่ได้ขายเอาไปฆ่านะ ถ้าหากขายให้เอาไปฆ่าเขาจะขายไหม ก็คงไม่ขาย อาตมาว่าเขาก็ไม่กล้าขายให้หรอกคนที่เอาลูกไปฆ่า ซึ่งแค่ท่านสมมุติว่าฆ่าลูกกินมันก็สุดอำมหิตโหดร้าย 

ถ้าพ่อแม่จริงๆ พระพุทธเจ้าท่านตรัส หากถ่านไฟแดงตกใส่ลูก กับตกใส่เรา ถ้าแอร์โฮสเตสจะสอนให้เอาของเราออกก่อน แล้วค่อยเอาออกให้ลูก แต่ถ้าคนจริงๆจะช่วยเอาของลูกออกก่อนหรือเอาของเราออกก่อน (โยม.. ตอบว่าลูก) เพราะว่าลูกอ่อนแอ แม่จะมีปฏิภาณรู้แต่ถ้าแม่โง่ๆก็เอาของตนเองออกก่อนสิ แต่แม่ที่ฉลาดมีปฏิภาณปัญญารู้ว่าลูกอ่อนแอ ก็จะช่วยลูกก่อนเราแข็งแรงกว่าจะทนได้มากกว่าลูก อันนี้เป็นสัจจะทั้งนั้นที่อาตมาพูด แม่ที่ฉลาดพอ ถ้าแม่โง่ๆก็จะได้อีกแบบ เวลาขึ้นเครื่องบินแอร์โฮสเตสจะสอนอย่างนี้ ให้ใส่เครื่องช่วยหายใจให้ตัวเองก่อนแล้วค่อยให้ช่วยคนอื่น ที่จริงช่วยคนอื่นก่อนแล้วมาช่วยตัวเองมันก็น่าจะทันนะ 

จริงๆแล้วคุณเดินทางไปนิพพาน คุณจะไม่มีอะไรกินเลย จนกระทั่งจะต้องฆ่าลูกกินเนื้อมันจะเป็นไปได้หรือ ขนาดช้างม้าวัวควายหรือว่าสัตว์กินพืชอยู่ในโลกมันยังไม่อดตายเลย มันไม่ปลูกนะ พวกช้างม้าวัวควายไม่ได้ปลูกพืช แต่คนปลูกผักเป็นนะ คุณจะไปนิพพานก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเดินอย่างเดียวไม่ได้ทำงานเลย คุณก็ยังมีชีวิตอยู่ในโลกสามัญ คุณก็ปลูกผักกินได้ ได้หัวใหญ่ขนาดนี้กะหล่ำปลีก็ปลูกขึ้นมาได้ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ฌานของพุทธต้องเกิดจากจรณะ 15 วิชชา 8 วันพุธที่ 13 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 11:26:17 )

กินเหล้าไม่ทำให้บรรลุอรหันต์แต่เป็นอรหันต์แล้วกินเหล้าได้

รายละเอียด

อรหันต์กินเหล้าหนักบรรลุไม่ได้  แต่อรหันต์ที่บรรลุแล้วกินเหล้าได้ถ้าจะต้องกินเหล้า ในตำนานจีนก็มีอรหันต์จี้กง กินเหล้าแล้วไปเที่ยวโปรดสัตว์แล้วก็กินเหล้าไป ก็เป็นเรื่องพิเศษเป็นกรณีไปสำหรับบุคคลที่ถนัดอย่างนั้น ตนเองก็มีความเก่งชำนาญพิเศษในทางนั้น ก็ไปโปรดคนขี้เหล้า มีความรู้มีปฏิภาณปัญญา มีวิธีการในการที่จะโปรดคนขี้เหล้าด้วย ก็ไปเมากับเขา แต่ท่านเมาท่านไม่เมาท่านเมาท่านมีสติ เรื่องความเมานี้ อาตมาก็เคยพูดถึงตัวเองเหมือนกัน อาตมาก็กินเหล้ากับเขาไม่เคยเมาหัวทิ่มหัวตำหรือว่าสติตกสักที กินเหล้าด้วยกันนี้เขาเมากัน เคยกินกันสองคนกับสมจินต์ ธรรมทัต (ตายไปแล้ว) ทำงานโทรทัศน์ด้วยกัน เคยกินกันตั้งแต่เปิดสถานี อาตมาได้เฮนเนสซี่มาขวดนึง ก็มาซัดกันกับสมจินต์ สุราขวดเดียว น้ำแข็งก็ on the rock จนกระทั่ง เฮนเนสซี่หมด ก็ยังไม่ถึงสองยามก็สั่งแม่โขงมาอีกครึ่งขวด หวดต่อสองคน ซัดเข้าไปอีก หมด โซดาหนึ่งขวดกับน้ำแข็ง เสร็จแล้วสมจินต์เมาพับเลย ไม่รู้เรื่องเราก็มึน แต่ไม่เสียสติ ก็หิ้วสมจินต์นั่งท้ายรถ จับมือมากอดมัดไว้ มันไม่มีสติเลย จำไม่ได้เอาผ้าผูกกับตัวเราไว้ไหม ก็ไปส่งบ้านเขา ลากขึ้นบันได เมียเขาก็มารับตัวไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมวิจัยให้รู้ความต่างในวิญญาณฐิติ 7 วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 20:11:19 )

กินใช้อย่างไรให้เกิดสุขที่ยอดเยี่ยมที่สุด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นคนนี่มันฉลาดมาตั้งแต่ไหนแต่ไร รู้จักเลือกกินเลือกใช้ โดยเฉพาะกิน เพราะฉะนั้นกินอย่างไร ที่จะเกิด ถ้าจะเรียกว่าสุข สุขที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือ ไม่สุขไม่ทุกข์ เรียกว่าปรมัง สุขัง สุขที่ยอดเยี่ยมที่สุด ใช้พยัญชนะใช้ภาษาเรียกว่าสุข เป็นสิ่งที่ควรอาศัยของธาตุจิตสูงสุด ก็ต้องเรียนรู้จากผัสสะแล้วก็เลือก ผัสสะแล้วก็รู้จักกินจักใช้ เลือกแต่สิ่งที่ไม่ควรจริงๆออก เอาสิ่งที่ควรเข้า ซึ่งคนมันฉลาดรู้กินรู้ใช้ โดยเฉพาะรู้กินมาแต่ไหนแต่ไร สัตว์เดรัจฉานมันก็เรียนรู้กินของมัน ซึ่งมันก็สังขารปรุงแต่งตามที่มันได้สร้าง สร้างชาติของมัน สร้างชีวของมัน สัตว์ตระกูลนี้ตระกูลนี้ ก็สร้าง อย่างหมีโคอาล่ามันก็กินแต่ยูคาลิปตัส หมีแพนด้ามันก็กินแต่ไผ่ มันก็เป็นธรรมดา อย่างอื่นมันก็ไม่กิน มันก็กินแต่อย่างนี้ หรือมันก็กินหลายอย่าง สัตว์หลายอย่างก็กินหลายอย่าง แล้วบางอย่างไม่กินมันก็รู้ เป็นคนก็ยิ่งรู้ว่าอะไรควรกินอะไรไม่ควรกิน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ พระอรหันต์เป็นผู้มีความรู้เรื่องอาหารดีกว่าคนโลกีย์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

 


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 19:04:18 )

กิระดั่งได้ยินมาเรียกเต็มๆว่ากิเลส

รายละเอียด

คนทั้งหลายก็บอกว่า อย่างนี้น่าได้น่ามีน่าเป็น ถ้าได้แล้วสุข ถ้าไม่ได้แล้วทุกข์ ก็ไปหลงเชื่อตามที่เขาว่ามา กิระดั่งได้ยินมา กิระกับเอสะ คือกิเลส คำว่า เอสะคือดั่งนี้ กิระดั่งที่เขาว่ามา อะไรก็ว่ามาอย่างนี้เล่าลือกันมาสืบต่อกันมาไม่รู้กี่ชาติกี่ล้านปี มันเป็นสิ่งที่ไปยึดถือ ก็ขยายไปเรื่อยๆ บรรยายให้ดูเข้าทีไปเรื่อยๆก็ยิ่งหลงไปเรื่อย จาก กิระเป็นกิรติ เป็นเกียรติยศเป็นโลกีย์ บานทะโร่โท่ไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งหนาซับซ้อนไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งโง่หนักเข้าไปเรื่อย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 21 ตอบปัญหาให้พ้นความสุขคือความโง่ วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2564 ( 21:56:52 )

กิริยา

รายละเอียด

การกระทำ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 357


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:12:06 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:58:59 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:49:52 )

กิล

รายละเอียด

ตามที่ได้ยินมา เสียงที่เล่าขานมา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 113


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:12:39 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 14:59:33 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:50:57 )

กิลมถ , กิลมถะ

รายละเอียด

1. เหน็ดเหนื่อย ลำบากลำบน

2. ความหลงประพฤติลำบากลำบน , ความลำบาก

3. ภาวะที่ได้รับรู้มา ได้ยินมาจากอื่นเท่านั้นแท้ๆ แล้วมันก็รบกวนเราให้ยุ่งเหยิงวุ่นวายเพราะไปยึดมาเป็นเรา ยึดไว้ในเรา[ถ้ายังมีอวิชชา จะเหลือเท่าไรก็ยังมีกิลมถะอยู่เท่านั้น]

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 59

ทางเอก ภาค 2 หน้า 193

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 38,54

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 96


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:14:00 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:00:06 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:10:41 )

กิเลทคืออะไร

รายละเอียด

อาตมาก็ตอบไม่ได้เพราะไม่ใช่กิเลสแบบ ส.เสือสะกด กิละ + เอทะ หมายถึงอะไร ถ้ากิเลส คือ กิล คือ ดังได้ยินได้สดับมา เอสะคืออย่างนั้นๆ ดังได้ยินมาว่าอย่างนี้อร่อย ก็ยึดถือตามเขา มีคำว่า กิเลทนะ แปลว่า ความเปียกชื้น ก็แปลตามที่เขาว่า เปิดตำราตอบ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:52:24 )

กิเลส

รายละเอียด

คือ ภาวะเก๊ ภาวะที่เป็นของไม่จริง ไม่เที่ยง ไม่แท้ ที่หลอกคนอวิชชาอยู่ในจิตตัวเอง

หนังสืออ้างอิง

“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า76


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 12:15:44 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:36:37 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 13:51:58 )

กิเลส

รายละเอียด

คือ มันไม่ใช่ภายนอก มันคือภายใน มันคือจิต ไม่ใช่กายแต่เพียงภายนอก แต่คำว่ากายนี้ควบคุมเกี่ยวข้องกับภายนอกด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 14:38:20 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 12:56:45 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:11:04 )

กิเลส

รายละเอียด

1. ตัวละลาย ตัวศัตรูที่จะค่อย ๆ ฆ่าเรา หรือทำให้เราสึกกร่อน ไม่คงตัวคงรูปเป็นสิ่งนั้น ๆ อยู่ได้

2. ตัวที่ผสมร่างอยู่ในจิต ซึ่งพร้อมที่จะพรางตาเราให้เห็นรูป เห็นรส เห็นกลิ่น เห็นเสียง และเห็นสัมผัสผิดเพี้ยนไปจากความแท้จริง

3. ซาตาน 

4. การแสวงหาตามที่ได้ยินมา

5. จิต หรือเจตสิกที่มีภาวะเป็นอกุศล

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 32 , 63

ทางเอก ภาค 2 หน้า 113

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 176


เวลาบันทึก 09 กรกฎาคม 2562 ( 15:16:48 )

เวลาบันทึก 30 เมษายน 2563 ( 15:01:59 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:16:36 )

กิเลส

รายละเอียด

กิเลส คือ พลังงานจิตนิยาม ที่ "จับตัวกันอยู่" ด้วย "อวิชชา" มีลักษณะเป็น "ฆ" หรือ "ฆนะ" มันมีลักษณะเหมือนก้อนที่แข็งหนาทึบ เพราะมันเกาะกันแน่นมาก และมันไม่ใช่ "ธาตุดิน-ธาตุน้ำ-ธาตุลม-ธาตุไฟ" แม้แต่ "ธาตุอากาศ" มันอยู่ในภาวะของ "ธาตุจิต" เป็น "พลังงานจิต" ที่พิเศษเล็กละเอียดสุขุม(นิปุณา) ยิ่งกว่าพลังงาน "ปรมาณู" ของมหาภูต 4 หรือทางฟิสิกส์

พลังงานที่ว่านี้ อยู่ก้นบึ้งของ "จิต" จะไม่ยอมแตกตัว หรือ สลายตัวออกจากกันง่ายๆเลย เป็น "nuclear fusion" ที่หลอมละลายกันควบแน่นกันเข้ายากแก่การสลาย ภาษาวิชาการเรียกว่า "อาสวะ" หรือ ตัวเล็กสุดแห่งที่สุดเรียกว่า "อนุสัย"

หนังสืออ้างอิง

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? หน้า 75


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2562 ( 18:38:54 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:37:14 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:11:39 )

กิเลส

รายละเอียด

1. ตัวละลาย ตัวศัตรูที่จะค่อย ๆ ฆ่าเรา หรือทำให้เราสึกกร่อน ไม่คง-ตัวคงรูปเป็นสิ่งนั้น ๆ อยู่ได้

2. ตัวที่ผสมร่างอยู่ในจิต ซึ่งพร้อมที่จะพรางตาเราให้เห็นรูป เห็นรส เห็นกลิ่น เห็นเสียง และเห็นสัมผัสผิดเพี้ยนไปจากความแท้จริง

3. ซาตาน

4. การแสวงหาตามที่ได้ยินมา

5. จิต หรือเจตสิกที่มีภาวะเป็นอกุศล

ที่มา ที่ไป

รวมศัพท์อโศก


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2563 ( 08:42:09 )

กิเลส 2 ตระกูล

รายละเอียด

กิเลสเป็นตัวเลวตัวโทษตัวภัยตัวไม่ดีไม่งามก็จัดการตัวนี้ไม่ให้มันมีให้ได้ โลกุตระสามารถอ่านอาการของกิเลส ซึ่งท่านแยกเป็นตระกูล ถ้าโมหะ ก็คือสับสนไม่รู้เรื่องไปหลงผิดหลงถูกไม่เข้าท่า พอชัดเจนก็เรียกว่ามีสองตระกูล กามกับโทสะหรือกามกับปฏิฆะ ผลักกับดูด 
 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 15:36:54 )

กิเลส 3

รายละเอียด

คือความชั่วที่ชักพาจิตใจให้ทำชั่ว มี 3 ระดับ

1. กิเลสหยาบ

2. กิเลสปานกลาง

3. กิเลสละเอียด

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก หน้า 19

"ทางเอก" ภาค 2 หน้า 55


เวลาบันทึก 15 มิถุนายน 2562 ( 14:28:49 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:36:09 )

เวลาบันทึก 07 สิงหาคม 2563 ( 14:16:19 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์