@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

ดาวเคราะห์

รายละเอียด

ดาวเคราะห์นั้นจะมีกี่ดวงก็แล้วแต่ จะมีวงโคจรอยู่กันอย่างเป็นระบบ ดาวเคราะห์จะรวมตัวกันอย่างน้อย 9 ดวงเต็มรูปสภาพ อย่าง3 ดวง 6 ดวงไม่ถือว่าเป็นระบบดาวเคราะห์ ถ้าเป็นดาวเคราะห์จะรวมกันอย่างน้อย 3  3 3 เป็นวงจรของดวงดาวกลุ่มหนึ่งที่มากกว่าดาวเคราะห์ก็เป็นกาแล็กซี่เป็นจักรวาลน้อยจักรวาลใหญ่ ซ้อน 3  9 ไปอีกหลายชั้น

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 10:04:04 )

ดาวเคราะห์ดวงอื่นๆในจักรวาลนี้ก็อาจมีมนุษย์อยู่ใช่ไหม

รายละเอียด

ใครคิดว่าไง ในจักรวาลอีกเป็นล้านๆ โลกล้านๆ ดวง จะมีไหม..มี  เราเดาได้ ไม่ผิดหรอก เพราะทุกอย่างมันก็อยู่ในธรรมชาติพวกนี้ ดาวดวงไหนที่มีเหตุปัจจัยถึงขั้นมีน้ำ มีชีวะ บางดวงก็ยังไม่ถึงขั้นมีมนุษย์ คือชีวะที่มันถึงขั้นจิตนิยาม ถึงขั้นเป็นสัตว์โลกชนิดที่เรียกว่า มนุษย์ จึงมีการเดากันว่า มนุษย์ในโลกพระอังคารนั้นจะเป็นตัวเหมือนที่เขาเคยเขียนกันแขนยาวๆ ขาลีบๆ แล้วก็มีหัวโตๆ เขาว่าคนพวกนั้นคงจะฉลาด เขาก็เลยเขียนหัวโตๆ สมองโตๆ แขนขาลีบๆ ตามจินตนาการของเขา ไม่รู้..เราก็ไม่รู้ อาตมาก็บอกได้ตรงๆว่าอาตมาไม่รู้แต่ก็พอเดา พอคาดได้อย่างที่คาดๆกัน 

ซึ่งจริงๆ แล้วเราก็ไม่จำเป็นต้องไปนึก เราไม่จำเป็นจะต้องไปนึกให้เสียสมอง เสียพลังงานอะไรเลย ก็เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกรรม มนุษย์จะเป็นมนุษย์ในดวงดาวดวงไหนก็ตาม กรรมยิ่งใหญ่กว่าก็อด กรรมนี่แหละ กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ จบแล้ว 

กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตตีโลโก  สัตว์โลกเกิดมาตามกรรม ก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น นี่เป็นความรู้ของพุทธเจ้าที่สุดจบสุดยอดแล้ว เราศึกษาดีๆ แล้วจะเห็นจะจบ 

เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ต้องไปคิดต่อ คุณจะอยู่ต่อ คุณก็ไปโลกอื่นไม่ได้ ไปโลกอื่นคุณก็ทำอะไรไม่ได้ 

เพราะโลกลูกที่จะมีดวงดาว ดวงไหนที่จะมีมนุษย์อย่างที่พอจะพูดกันได้ โดยเขากำลังสงสัยว่าจะมี UFO จะมีจานบิน จากโลกลูกดวงต่างๆ ที่มันมีความฉลาดจนกระทั่ง สร้างพาหนะ เหาะจากโลกโน้นมาลงที่นี่ได้ จนป่านนี้ก็ยังจับไม่มั่นคั้นไม่ตายว่า ยังมีจานบินจริงหรือเปล่า ได้แต่เดาว่ามันมี UFO UFO​ ว่ากันไปเรื่อย นานแล้วนะใช่ไหม เดากันอย่างนี้งงหรือว่าใช่แล้วมันนานแล้ว UFO นี่ อย่าไปคิดเลย มันนอกความคิด มันเกินความคิด มันจะมีมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เราก็ทำหน้าที่ จะอยู่มีชีวิตก็ทำสิ่งที่ดีแก่กันและกันไป

มนุษย์ต่างดาวมา UFO มา เราก็ทำสิ่งที่ดีให้เขาได้ ก็ทำสิ ทำไม่ได้พูดกันไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จะทำยังไง ก็ปล่อยให้คนที่เขาอยากจะสัมผัสสัมพันธ์กัน อยากจะสังสรรค์กันเขาก็ว่ากันไป เราไม่ต้องไปทำ แบ่งกัน เขาสนใจ เราไม่ต้องเอาอย่างนั้น เอาแต่แค่พวกเราก็เหลืองานแล้ว งานที่พวกเราจะทำเป็นโพธิสัตว์จะช่วยกันอีกนี่ มาทำแบ่งช่วยอาตมาบ้างสิ…โอ้ยเยอะแยะเลย… 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ จุดสำคัญที่สุดในสัจธรรมของพุทธคือสุข-ทุกข์ วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 11:20:01 )

ดาวเทียม ดาวแท้

รายละเอียด

ถ้าเขาติดกับดาวเทียมเลยไม่ขวนขวายเอาธรรมะ แต่หากคนมาเอาดาวแท้ก็จะตามหาเจอ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2563 ( 10:51:02 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:05:20 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 18:54:04 )

ดาวโลกุตระ

รายละเอียด

ยังไม่มีโลกนี้ เพราะฉะนั้นจะไปหาโลกต่อไปที่เรียกว่าโลกหน้า ปโรโลโก เป็นโลกอีกโลกหนึ่งที่ศาสนาพุทธเรียนรู้เป็นดาวอีกดวงหนึ่งเรียกว่า “ดาวโลกุตระ” มันไม่มีสิทธิ์จะไปเรียนรู้ เมื่อไม่มีพื้นฐานของโลกนี้ ไม่มีโลกนี้ให้เรียน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เรียนรู้ อาหาร ให้บรรลุถึง อรหันต์ วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:07:08 )

ดำริชอบ

รายละเอียด

1. ความนึกคิดที่จะลด ที่จะละ ที่จะออกจากกาม ออกจากจากพยาบาท ออกจากความเบียดเบียน ออกจากสิ่งที่วิเคราะห์พิจารณาแล้วว่าไม่ดี

2. นึกคิดสร้างในจิต เพื่อให้ลดออกอยู่

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 415

 


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2562 ( 12:12:41 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:22:38 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 18:53:48 )

ดำริแล้ว

รายละเอียด

กระทำในใจแล้ว

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 415


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:21:28 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:23:58 )

ดินน้ำไฟลมกับจิต ทำจิตไม่ยึดติดไม่เกี่ยวเกาะอย่างไร

รายละเอียด

สรุปแล้ว ดินน้ำไฟลมกับจิตรวมกันเป็นกาย จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ก็แล้วคุณมีชีวิตอยู่อย่างไร จนป่านนี้อายุก็เยอะแล้ว ก็อยู่ได้อย่างที่มันมีมาอยู่ มันก็เป็นอจินไตย คนไม่ศึกษาก็จะยิ่งงง แต่พวกเราศึกษาแล้วจะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ มันปรุงแต่งกันอยู่ สังเคราะห์สังขารกันอยู่ เป็นอย่างนี้เอง คุณก็พ้นอวิชชา คุณก็พอเข้าใจสังขารว่าเป็นเรื่องปรุงแต่ง ถ้าเราแยกแยะได้เราจึงจะพอเข้าใจได้ ถ้าตายมันก็แยกไปได้เลยนะ ถ้าเราไม่ยึดติด ไม่เกาะเกี่ยวกันเลย ตายแล้วแยก ตายด้วยสุญญตนิพพาน อนิมิตนิพพาน อัปนิหิตตนิพพาน นิพพานอย่างไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย สูญ ไม่มีนิมิตอะไรที่จะเกี่ยวกันอีก ไม่มีการตั้งจิตที่จะต่อเลย อ๋อ.. มันก็เข้าใจแล้วมันก็แยกได้ 

มันจะแยกได้ มันพิสูจน์ได้ตั้งแต่เราเองเกี่ยวข้องกับอะไรต่ออะไรทั้งหมด เดี๋ยวนี้เราก็สามารถรู้จิตของเราว่าจิตของเราไม่ไปเกี่ยว เช่น หินนี่ คุณสัมผัสหินคุณก็รู้ว่าเป็นหิน คุณไม่ได้ปฏิพัทธ์ ไม่ได้ชื่นชอบมัน คุณเห็นหินแล้วก็เฉยๆ สักแต่ว่าหิน ใช่ไหม ไม่มีอารมณ์มาผูกพัน อารมณ์ชอบอารมณ์ชังคุณไม่มีกับมัน นั่นแหละมันไม่เกี่ยวเกาะอะไรแล้ว มันก็เป็นหินของมัน จิตก็เป็นจิตของเรา จิตพระอรหันต์ก็เป็นอย่างนั้น แต่เราจะสามารถอย่างพระอรหันต์อยู่เหนืออีกที สามารถเกี่ยวข้องเอามาใช้ประโยชน์อะไรต่ออะไรกันอีก หรือว่ามีประโยชน์แก่กันและกัน 

คุณจะไปบังคับให้ดินน้ำลมไฟมีธาตุรู้ได้อย่างไร คุณก็ทำธาตุรู้ของคุณ ให้มันเป็นของมัน แล้วเราก็เป็นเรา เราก็รับรู้มันของมันโดยเราไม่เกี่ยวเกาะ เรารู้ความจริงตามความเป็นจริงว่าอันนี้เป็นอย่างนี้เราก็ไม่เกี่ยวเกาะ เราไม่เกี่ยวเกาะมันก็เป็นอย่างนี้ จิตคุณทำได้ไหมล่ะ คุณอาจจะงงในภาษา จิตคุณอาจจะทำได้แล้วและคุณก็ทำได้บ้างแล้ว คนที่จิตใจไม่เกี่ยวเกาะกับอะไร ปุถุชนก็เป็น คุณเห็นก็ผ่านไปเฉยๆ รู้แต่สักแต่ว่ารู้ แล้วก็ปล่อยจิตนั่นแหละเป็นจิตอรหันต์ ปุถุชนนี่แหละ จิตคุณรู้สักแต่ว่ารู้ แล้วก็ไม่เกี่ยวเกาะอะไร อาตมาถึงบอกว่าอรหันต์มีอยู่เต็มโลก เคยเขียนมาแล้ว บรรยายมาแล้ว แต่คนไม่รู้ว่าจิตที่จะเป็นอรหันต์อย่างมีปัญญารู้แล้วคุณก็ทำได้ 

แล้วคุณทำได้ตั้งแต่สิ่งที่ไม่เกี่ยวเกาะ มันก็เป็นอรหันต์มาแล้วอะไรที่มันเกี่ยวเกาะคุณก็ทำออก ทำจิตไม่ให้เกี่ยวเกาะ ให้เห็นว่ามันเป็นธาตุดินน้ำไฟลม เป็นธาตุพืช เป็นธาตุสัตว์ ที่อยู่ร่วมกันมีประโยชน์ร่วมกันเท่านั้นเอง อย่าไปทำเป็นโทษเป็นภัยแก่กันและกัน โดยเฉพาะสัตว์ อย่าไปทำเป็นโทษเป็นภัย พีชะกับพืช ดินน้ำไฟลมมันไม่จองเวรจองกรรม คุณจะทำยังไงกับมัน มันก็ไม่มีเวรมีภัย ไม่มีบาป ไม่จองเวรจองกรรมอะไรกัน แต่ถ้าเริ่มเป็นสัตว์ขึ้นไป พระพุทธเจ้าสอนว่า มันไม่รู้ มันอวิชชานะ มันก็จองเวรจองกรรม มันยึดถือว่าเป็นเราเป็นของเราอีกสารพัด อธิบายมาจนเมื่อยแล้ว เมื่อยแล้วเมื่อยอีก 

นั่นเป็นพระอรหันต์สามารถทำได้ก็ทำ คุณยังไม่เป็นอรหันต์ แม้แต่อยากจะทำก็ทำไม่ได้ ต้องทำให้ได้ตั้งแต่ตอนเป็นๆนี่แหละ เพราะฉะนั้นถามว่าจะทำยังไงคุณก็ต้องฝึกทำให้ได้ตั้งแต่ตอนเป็นๆ คุณต้องรู้ว่าทำให้จิตเราเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม ได้ มันเป็นธาตุรู้ที่ไม่มีความรู้สึก ต้องเรียนรู้อ่านอาการทางจิตและต้องเอาสัญญากำหนดรู้ให้เป็นปัญญาว่าจิตเราสัมผัสพวกนี้ มันก็สัมผัสเหมือนเป็น ดิน น้ำ ไฟ ลม หรือแม้แต่สัมผัสพืชก็เหมือน ดิน น้ำ ไฟ ลม สัมผัสคนก็เหมือน ดิน น้ำ ไฟ ลม ไม่เกี่ยวเกาะได้ สัมผัสเพชรนิลจินดา คุณก็เหมือนกับสัมผัสก้อนดินก้อนหินได้ แต่มันก็มีสมมุติของโลก ทองคำเพชรนิลจินดา โลกเขาตีราคาต่างกันกับหินนะ แต่เพชรนิลจินดา หิน มันรู้เรื่องของมันที่ไหนล่ะ  คนไปตีค่ามันเองทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้มีปัญญาผ่าสุขผ่าทุกข์ วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 สิงหาคม 2566 ( 19:31:22 )

ดินน้ำไฟลมไม่หยั่งลงที่ไหนหรือไม่มีที่สุดคืออะไร

รายละเอียด

เหมือนอย่าง “โลหิตตัส’ ไปหาที่สุดของดินน้ำลมไฟอยู่ที่ไหน ไปถามพระพรหมที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดเป็นเจ้าของความจริงความรู้ที่ใหญ่ที่สุด พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่าตัวเองก็ใหญ่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ประกาศแบบพระพรหม พระพรหมประกาศไปคนก็หลงเชื่อ ไปถามว่าดินน้ำลมไฟจะมีที่สุดที่ไหน พระพรหมก็อั้นตู้ไม่รู้ เพราะไม่รู้ที่สุดแห่งดินน้ำไฟลม แล้วถามต่อหน้าบริวาร ถามว่าดินน้ำลมไฟมีที่สุดอยู่ที่ไหน พระพรหมก็บอกว่าข้านี่แหละใหญ่ อยู่ 3 ที พระพหรมก็ไล่ให้กลับไปถามพระพุทธเจ้า แล้วก็กลับมาถามพระพุทธเจ้าว่าดินน้ำลมไฟมีที่สุดอยู่ที่ไหน พระพุทธเจ้าก็บอกว่าเธอไม่ควรถามเช่นนั้น ควรถามว่าดินน้ำไฟลมไม่หยั่งลงที่ไหนจึงจะสำเร็จ มีที่สุดอยู่ที่ไหนนั้นไม่มีใครรู้หรอก 

ถ้ามหาจักรวาลนี้หายไปหมดเลยนั่นแหละดินน้ำลมไฟถึงจะหายไปแล้วใครจะทำให้ดินน้ำลมไฟมันหาย..พระเจ้าหรือ พระพุทธเจ้าก็เลยสาธยายให้ฟังว่าไม่หยั่งลงคืออะไร ไม่มีที่สุดคืออะไร ไม่มีที่สุดก็คือไม่รู้ที่สุดแต่หยั่งลงก็คือไม่ให้หยั่งลงเป็น “โอกกันติ”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:40:01 )

ดินน้ำไฟลมไม่หยั่งลงไม่ได้ ณ ที่ไหน...

รายละเอียด

หลงเป็นผู้มีอำนาจใหญ่ ข้านี่แหละใหญ่ คนก็ถามว่าดินน้ำไฟลมไม่หยั่งลงไม่ได้ที่ไหน พระพรหมก็บอกว่าข้านี่แหละใหญ่ๆ ถามถึง 3 ครั้ง ก็บอกว่าข้านี่แหละใหญ่ๆ พูดอยู่ต่อหน้าบริวารทั้งหลายแหล่ เสร็จแล้วก็ดึงเข้าหลังม่าน เอ็งมาถามข้าว่า ดินน้ำไฟลมไม่หยั่งลงไม่ได้ ณ ที่ไหน ข้าจะไปรู้เหรอ แต่มาถามฉีกหน้าข้าต่อหน้าบริวารได้อย่างไร ก็เลยให้ไปพบพระพุทธเจ้าเลย 

นั่นแหละจะแยกจิตเป็นดินน้ำไฟลม ไม่รวมตัวเป็นชีวะ พีชะก็ไม่มี จิตนิยามไม่เป็น ได้อย่างไร แยกกันเด็ดขาดเลย นั่นแหละเรียกว่าไม่หยั่งลง ทำได้ ทำอย่างไร หยั่งลงที่ไหนหรือไม่ให้มันรวมกันได้อย่างไร พระพรหมก็ไม่รู้ พระพรหมเป็นเทวนิยม ก็เลยไล่ให้ไปหาพระพุทธเจ้า คือ โรหิตัสส จึงไปศึกษากับพระพุทธเจ้า 

ดินน้ำไฟลมหยั่งลงไม่ได้หรือดินน้ำไฟลมไม่รวมตัวเป็นชีวะอีกเลย แม้แต่พีชะ ก็ไม่ได้เป็นอีกเลย จิตนิยามแยกธาตุเป็นดินน้ำไฟลมแตกกระจายไปเลย ได้ ณ ที่ไหน.. ณที่ต้องมีวิชชา ต้องรู้เหตุที่พาโง่ พาเกิดตลอดเวลา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 21:13:42 )

ดี-ชั่ว เป็นสมมุติ สุข-ทุกข์เป็นปรมัตถ์

รายละเอียด

อาตมาพยายามพูดมาไม่รู้กี่ปีแล้ว ว่าศาสนาพุทธกับศาสนาอื่นๆ เหล่านั้น จุดสำคัญที่ต่างกันอย่างยิ่งก็คือ ทุกศาสนานั้นเรียนรู้เรื่องดีเรื่องชั่วและต้องเป็นคนดีที่สุด แต่ไม่ได้เรียนรู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์ ก็มีปฏิภาณรู้เหมือนกันเรื่องสุขทุกข์แต่ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ แต่พระพุทธเจ้าท่านเอาเรื่องสุขเรื่องทุกข์เป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ เรื่องดีเรื่องชั่วเป็นเรื่องรอง ไม่ใช่ไม่เอานะ ก็เอาก็รู้ เรื่องดีเรื่องชั่วก็รู้เหมือนกับศาสนาอื่นๆรู้ แต่ต้องเรียนรู้เรื่องสุขเรื่องทุกข์เป็นเรื่องใหญ่เป็นเรื่องสำคัญ เรื่องดีเรื่องชั่วก็เป็นเรื่องรองแต่ต้องดีด้วย แต่ ต้องรู้สึกทุกข์ และตรัสรู้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยิ่งยอดที่สุดเลย เลิกชั่วแล้วประพฤติความดีตามสมมุติโลกเขาให้ดีที่สุด เพราะความดีความชั่วเป็นสมมุติ ส่วนความสุขความทุกข์เป็นปรมัตถ์ ใครๆศาสนาไหนยากจน มั่งมีร่ำรวยก็จะจบทุกข์ทรมานอย่างไรก็แล้วแต่ ต้องมีสุขมีทุกข์ ต่อให้ร่ำรวยขนาดไหนก็ต้องสุขต้องทุกข์ ถ้าไม่เรียนรู้เรื่องสัจธรรม แต่ของพระพุทธเจ้านั้น ดีแน่นอน ต้องปฏิบัติดีจริงๆด้วยแต่สำคัญกว่าอย่างอื่นคือรู้จักสุขรู้จักทุกข์ และสุดยอดก็คือ คนเราติดสุขติดทุกข์นี่แหละ จึงไม่มีความเที่ยงแท้ ติดสุขติดทุกข์นี่แหละจึงไม่มีความเที่ยงแท้ประเด็นที่สำคัญที่สุด 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 21 พฤศจิกายน 2563 ( 13:14:48 )

ดีคืออะไร

รายละเอียด

ถ้ามี ถ้ายังอยู่ ถ้ายังเป็นชีพ เป็นชีวิต เป็นอัตตา เป็นสัตว์โลกอยู่ ก็ต้องเป็นสัตว์โลกที่ดี เป็นชีวิตที่ดี เป็นสัตว์โลกที่ดี เป็นตัวตนอัตตาที่ดี 

ดี ดีคืออะไร ดี คือ สมมุติตามสังคมแต่ละกลุ่มๆ คล้ายกันตรงกัน ไม่คล้ายกันไม่ตรงกัน ได้ทั้งนั้น ก็เป็นไปตามนั้น ใครเขาจะยึดถือตั้งสมมุติว่าอันนี้ดี เราก็เข้าใจ ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วก็ต้องเข้าใจว่าเป็นอย่างนี้นะ อยู่ด้วยกันเขาอย่างนี้นะ ก็ต้องทำตาม พยายามอนุโลมไปตามกัน เพราะสมมุติมันไม่จริงมันไม่เที่ยง สมมุติกันไปได้ยึดถือกันไปได้ก็เอาอย่างนี้แหละดี เอาหัวเดินต่างตีนดีนะก็เดิน คุณเดินได้เราก็ต้องเดินได้ เอาหัวเดินได้เราก็ต้องเดินได้ ไอ้อย่างที่คุณว่าอร่อยเราก็อร่อยกับเขาได้ แต่จริงๆเราก็กลางๆ อนุโลมเป็นไปกับเขาเฉยๆ ที่จริงเราไม่อร่อยหรอก มันก็เป็นความจริงตามความเป็นจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

ดีชั่วเป็นสมมุติ สุขทุกข์เป็นปรมัตถ์


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:45:17 )

ดีชั่วเป็นสมบัติ สุขทุกข์เป็นวิบัติ

รายละเอียด

สุข ทุกข์ เป็นเทวะ เป็นสภาวะอย่างหนึ่ง dualism ที่คนแยกไม่ออก คนหลงต้องมีสุข ไม่เอาทุกข์ นี่คือสภาวะของสามัญปุถุชนโลกีย์ของทุกศาสนาด้วย เป็นแต่เพียงมีความสุขให้ดีอย่าไปมีความสุขแบบชั่ว หรือแม้แต่จะทุกข์ก็ทุกข์ให้ดี อย่าไปทุกข์อย่างชั่ว 

พุทธชี้ว่าเป็นโลกุตระไม่ใช่อยู่ที่ดีกับชั่ว ดีชั่วเป็นแค่โลกียะเป็นแค่สมบัติ ส่วนความสุขความทุกข์เป็นวิบัติ ศาสนาพุทธทำให้ความสุขความทุกข์สูญหายชิบหายไปหมดเลย นี่คือศาสนาพุทธ คนที่จะพูดอย่างอาตมานี้ดูเหมือนเป็นคนบ้าแน่นอน เป็นคนพูดอยู่อีกโลกหนึ่ง ทุกวันนี้บอกแล้วว่าโลกุตระไม่มีแล้ว เขาก็ฟังแล้วก็บอกว่ามาจากต่างดาวไม่ตรงสมมุติของเขา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:39:20 )

ดีชั่วเป็นสมมุติสัจจะ

รายละเอียด

ดีชั่วนั้นเป็นเรื่องของสมมุติสัจจะ ตามคนกลุ่มไหนเขายึดถือกันไป มีคล้ายกันแล้วก็มีต่างกัน มีที่ถือว่าอย่างนี้ดีคล้ายกันก็เยอะ ถือว่าชั่วต่างกันก็เยอะ เป็นสมมุติที่ไม่เที่ยง 

แต่สุขทุกข์นี้มันตรงกันหมด เป็นคนรู้สึกสุขรู้สึกทุกข์ แต่อาการหรือความรู้สึก อารมณ์หรือความรู้สึกนี้ พอใจเป็นสุข ไม่พอใจเป็นทุกข์ ตรงกันหมด ไม่ว่าชาติศาสนาไหน ตระกูลไหนตรงกันหมด อันนี้แหละ ดีชั่วไม่ตรงกัน ศาสนาแต่ละศาสนาดีชั่วไม่ตรงกัน แต่สุขทุกข์ตรงกันหมด

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

สังขารกับการเวียนว่ายตายเกิด


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 14:57:32 )

ดีชั่วเป็นโลกีย์ไม่เที่ยงแต่สุขทุกข์เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

สิ่งที่มีความเป็นสองที่ยกขึ้นมาเทียบเคียงกันแล้วว่า อะไรจะดีกว่าอะไร นี่เป็นเรื่องของโลกีย์ธรรมดา แยกให้ออกเลยนะ ว่าศาสนาพุทธเนี่ยเรื่องดีเรื่องชั่วๆเนี่ยเป็นเรื่องของโลกีย์ นี่ศาสนาพุทธก็รู้ก็มีด้วยเป็นสมมติสัจจะ เป็นเรื่องของโลกๆคนโลกีย์ทั้งหลายแหล่ ศาสดาทุกองค์ก็ศึกษาเรื่องนี้หมดทั้งนั้นน่ะส่วนใครจะรู้เยี่ยมยอดสูงสุดอยู่ยังไง เป็นยังไงก็แล้วแต่ศาสดาของแต่ละศาสนาจะกล่าวไว้จะบัญญัติไว้จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติในโลกปีนี้มี 2 อย่างละ 2 อย่างไม่เที่ยงขึ้นกับกาละเทศะสถานะของแต่ละยุคแต่ละยุคสมัยแต่ละองค์การและยุค ไม่เที่ยงหรอก สมมุติตอนนี้มันยังไม่ถูกเปลี่ยน กาลเปลี่ยนไปเปลี่ยนสถานะไปจริงๆ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบโลกต่างๆที่จะอาศัย จึงเป็นสมมติจะไม่เที่ยงรู้จักตรัสรู้เรื่องนี้ด้วยอะไรดีไม่ดีและเที่ยงไม่เที่ยง ท่านไม่ยึดมั่นถือมั่นในโลกีย์ ส่วนอีกอันนึงคือโลกุตระ อันนี้สิเขาไม่มีศาสดาของเทวนิยมใดๆเขาศึกษาและไม่รู้ ศาสนาไหนก็ไม่รู้ มีศาสนาพุทธที่รู้สุขทุกข์นี่เรื่องนี้ยิ่งใหญ่ สุขทุกข์ สุขทุกข์นี่คืออะไร สุขทุกข์นี่คืออาการหรืออารมณ์ของความรู้สึกของจิตวิญญาณ แล้วคนมันหลงสุขหลงทุกข์ เขาไม่ศึกษาไม่ศึกษาวิญญาณไม่ศึกษา 2 อย่างนี้ 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 07:53:55 )

ดีตามสมมุติของโลกเป็นสิริมหามายา

รายละเอียด

ก็มาเรียนรู้กรรมดี อย่าทำกรรมชั่วเลย ทำแต่ดี ไม่ทำชั่วเลย จึงเป็นผู้ที่รู้ จิตที่มันชั่วคืออย่างไร มีกิเลส และนอกจากมีกิเลสแล้วสมมุติของโลกเขาว่าอย่างนี้ดี สมมุติไม่ตรงกันหรอกนะ ชาตินี้ตระกูลนี้อีกพวกหนึ่งถือว่าอย่างนี้ดีจะไม่ตรงกัน ก็เข้าใจในความไม่ตรงกัน ก็ทำตามโลก เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม อันนี้เป็นสมมุติ  เป็นสิริมหามายา ไม่เที่ยง ดีไม่เที่ยง

ความดีไม่เที่ยง ชาตินี้ถือว่าอย่างนี้ดี แต่อีกชาติหนึ่งถือว่าชั่วเลยนะ คนละเรื่องเลย เราก็เอาตามเขา คุณอยู่ในโลกไหนชาติไหน เข้าเมืองตาหลิ่วก็ต้องหลิ่วตาตาม ก็อยู่กันให้สงบอย่างไปกันได้ ไปด้วยกัน นั่นเป็นสมมุติธรรมดาๆ โอกกันติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ ‌พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 21:05:02 )

ดีที่สุดของสังคมคืออย่างไร

รายละเอียด

รับรองยกย่อง ปัคคัณหะ ก็ควรยกย่อง คนที่ควรยกย่อง แล้วก็มีการตำหนิคนที่ควรตำหนิ มีกรอบแห่งการยกเว้นหรือหลุดพ้น ไม่ต้องตำหนิอะไรแล้วก็คือ ผู้ที่เป็นอรหันต์ไม่ควรตำหนิ เป็นผู้ที่ไม่มีอกุศลเจตนา ไม่มีจิตเจตนาคิดทำอย่างใดๆที่มันผิด มีแต่เจตนาที่เป็นกุศลที่จะให้ดีตามสมมุติสัจจะ แต่ละคนนั้นกำหนดหมายว่า ดีที่สุดของเราอย่างนี้ แสดงกายกรรม วจีกรรมออกมาอย่างนี้ดีที่สุดก็พยายามทำให้ดีที่สุด ตามเจตนาที่เป็นกุศลก็ดีแล้ว 

ส่วนผู้ที่รู้ผิดเจตนาว่าดีอย่างนี้ กายกรรมอย่างนี้ว่าดี วจีกรรมอย่างนี้อาการอย่างนี้แหละดี ถ้ามันไม่ถูกต้องตามส่วนรวม ดูที่เขากำหนดไว้ว่าต้องอย่างนี้นะ อาการอย่างนี้แหละ ทำกายกรรมอย่างนี้วจีกรรมอย่างนี้ ถึงจะดีที่สุดของสังคมนี้ มันก็ยึดกันไปแต่ละสังคมแต่ละหมู่ไม่เหมือนกัน ไม่ตรงกันกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยกลุ่มใหญ่ 

แม้แต่ในศาสนาเดียวกัน ลัทธิเดียวกัน โรงเรียนเดียวกัน อะไรเดียวกันก็ต่างคนต่างกายต่างกันสัญญาต่างกัน หรือจะมีกายต่างกันสัญญาเหมือนกันสัญญาอย่างเดียวกัน หรือจะมีกายอย่างเดียวกันสัญญาต่างกัน หรือกายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน 

พระพุทธเจ้าก็อธิบายไว้มีหลักเกณฑ์ให้ศึกษา เราก็รู้ตามความเป็นจริงอย่างนั้น ก็ปรับปรุงให้แก้ไขให้มันดีที่สุด ดีที่สุดของสังคมคือกายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกัน 

ผู้ที่ทำความเข้าใจแล้วก็จบตรงที่ เราต้องเข้าใจความเป็นอันเดียวกันนะ กายกรรมอย่างนี้ ถึงแม้ว่าจะสมมุติว่า มีกายกรรมอาการอย่างนี้ดี กำหนดหมายอย่างเดียวกัน แต่คนทำไม่อย่างเดียวกัน เราก็รู้ว่า อ้อคนนี้ไม่ใช่อย่างเดียวกัน เขาสมมุติอีกอย่างนึง ภาษาบาลีว่า นานา เขาก็เป็น คนกลุ่มเดียวกันสมมุติเดียวกันกับเรา แต่เขาเข้าใจอย่างนี้ เขาจึงมีอาการของกายกรรมอย่างนี้ วจีกรรมอย่างนี้ ก็รู้เขา ของคนนี้ไม่เหมือนหรือของเราก็ไม่เหมือนกับของคนอื่นก็จบ เราจะไปบังคับ เราจะไปให้คนเขามาคิดอย่างเรา ยึดอย่างเรา เห็นว่าดีว่าควรอย่างเรา เป๊ะๆเหมือนกันหมด ไม่ได้ในโลก 

คนนี้เข้าใจอย่างนี้ด้วยปัญญา ก็เป็นคนจบ รู้จักนานาสังวาสรู้จักความร่วมกัน แต่มีสิ่งที่ต่างกัน อยู่ร่วมกันได้ ต่างคนต่างรักอิสรเสรีภาพของแต่ละคนจริงๆ ไม่มีเจตนาร้าย มีแต่เจตนาดี ทำอย่างนี้ได้เท่านี้จบ ก็มีการยุติเรียกว่าสงบหรือว่ายุติธรรมหยุด ไม่ต้องมีการขัดแย้ง รู้จักความแตกต่าง รู้จักความเหมือนกันก็เป็นธรรมดาธรรมชาติของโลก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูให้โอวาท พิธีรับกลด ปี 2566 รุ่นใจเกื้อกูล เพิ่มพูนเสียสละ วันอังคารที่ 11 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 พฤษภาคม 2566 ( 15:11:04 )

ดีที่เลิศยอดยิ่งใหญ่ที่สุดของคนคือ พ้นสุข-พ้นทุกข์

รายละเอียด

อาตมาเคยสรุป ว่าเราเกิดมาเป็นคน ประเด็นหลักที่สุดพระพุทธเจ้าท่านสรุปผลหรือว่าสรุปเป้า สรุปเป้าแล้วก็จบที่เป้านี้ จบเป็นมรรคผลของเป้านี้ คือคุณจะต้องพ้นสุข-พ้นทุกข์ นี่เป็นจุดที่ยิ่งใหญ่เลิศยอด เคยอธิบายมาบ้างแล้ว เป็นจุดที่เลิศยอดยิ่งใหญ่ที่สุด 

คนที่หมดการเสพสุขก็คือพ้นทุกข์ ไม่เสพแล้วสุข ไม่มีสุขแล้ว ไม่เสพสุขอีกแล้ว คนนั้นก็คือพ้นทุกข์ เพราะสุข-ทุกข์ มันหนึ่งเดียวกันเลย เป็นแต่เพียงว่าเหมือนกระดาษ คนละหน้าแต่อันเดียวกัน แยกไม่ออก ฉีกไม่ออก อันหนึ่งหมด ก็หมดไปด้วยกัน อันหนึ่งมี ก็ต้องมีด้วยกัน 

ซึ่งเป็นเรื่องยิ่งใหญ่มากที่สุด จิตวิญญาณของคนติดอยู่ตรงนี้ติดอยู่ตรงสุข เข้าใจไม่ได้เลย จึงต้องไปเสพสุขอยู่นั้นแหละ เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดปัญญาญาณรู้จักสุข-จักทุกข์แล้ว แล้วก็ทำให้หมดสุข-หมดทุกข์ได้ มันเท่ากับหมดเลย..จบ พระพุทธเจ้าท่านใช้คำว่า กตํ กรณียํ มันจบกิจ มันจบจริงๆ เลย อาตมาก็เคยอธิบายมาบ้างแล้ว 

1.เป็นคน ถ้าจะเกิดอยู่ คุณก็มีแต่ทำความดี ไม่ทำความชั่วอีกเลย คุณจะเกิดอีกกี่ชาติๆๆ มีหลักประกัน ถ้าจบกิจนี้แล้ว 

หนึ่งเป็นคนมีหลักประกันเด็ดขาด ถ้าคุณจะเกิด จะอีกกี่ชาติก็ไม่ทำชั่วอีกแล้ว ทำแต่ดี ทำแต่กุศลอย่างเดียว เป็นโลกียะนี่แหละ ตลอดกาลนาน จะอยู่ไปเท่าไหร่ก็แล้วแต่

2. ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ เมื่อบรรลุอรหันต์ อรหัตผลเสร็จ แล้วคุณจะเกิดอีกเท่าไหร่ๆ ก็เกิดได้ ก็มีแต่ทำดีเพราะหลักประกันมีอยู่แล้ว อันนี้ก็เคยอธิบายซ้อน 

ผู้บรรลุอรหันต์แล้วทำไมเกิดมายังมีสุข-มีทุกข์..ใช่ เพราะถูกโลกโลกีย์ครอบงำ เป็นลิงลมอมข้าวพอง พอคุณรู้สึกตัวเมื่อไหร่

ก็สลัดออกง่ายดายไม่ยากอะไร ตามบารมีของแต่ละท่าน 

อาตมาเกิดมาในชาตินี้ก็ยังไปเป็นลิงลมอมข้าวพองอยู่ตั้ง 36 ปี พระพุทธเจ้าก็เป็นลิงลมอมข้าวพองอยู่ตั้ง 35 ปี ขนาดออกมาจากทางโลกแล้วตอนอายุ 29 ก็ยังจมอยู่ในทางวิบากอีก 6 ปี..อะไรอย่างนี้ 

สรุปแล้วก็คือ ไม่มีสุข-ไม่มีทุกข์ 

3. นี่สิ่งยิ่งใหญ่ที่สุด จะอยู่ก็ได้ จะไม่อยู่ก็ได้ จะเกิดก็ได้ จะไม่เกิดก็ได้ จะตายก็ได้ แล้วไม่สุขไม่ทุกข์ด้วย ไม่ทำชั่วด้วย หรือสุดเลย แยกธาตุจิตวิญญาณสลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลย ทำได้ อะไรจะยิ่งใหญ่เท่านี้ 

ศาสนาเทวนิยม ตายแล้วต้องไปอยู่กับพระเจ้านิรันดร อมตะ จิตวิญญาณไม่มีสูญ แต่ของพระพุทธเจ้าสูญ ตีหน้าแงพระเจ้าเลย

เพราะฉะนั้นชาวพุทธตายแล้วปรินิพพานได้ เป็นพระอรหันต์ได้ พระเจ้าเด๋อเลย “เฮ้ย! ทำไมไม่มาเกิดที่ข้าวะ” พระเจ้าว่า “ทำไมตายแล้วไม่มา” พระเจ้า “เฮ้ย! วิญญาณนี้ไปไหน” (สุวานถาม) “เฮ้ย! สุวรรณ วิญญาณนี้ไปไหน” สุวรรณกลายเป็นสุวานเลย ไม่รู้ คือโง่ไง ไม่รู้  สุวานไปถามสุวรรณ สุวรรณกลายเป็นสุวานเลย ตอบไม่ได้เลย  ถ้าสุวรรณก็ต้องฉลาด แต่ตอบไม่ได้เลย หายไปเลย

อันนี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า พระเจ้าไม่ได้เป็นเจ้าของจิตวิญญาณใครเลย ตนเองเท่านั้นเป็นเจ้าของจิตวิญญาณตนเอง พิสูจน์ได้ว่า ตนเองปฏิบัติแล้ว บรรลุแล้ว ทำตัวเองให้สูญหายไปจากมหาจักรวาล หรือสูญหายไปจากกาลหรือกาละนี้ได้เลย สูญหายไปจากวัฏสงสารเลย หายไปเลย ไม่เหลือความเป็นจิตวิญญาณอีก นี่แหละเรื่องยิ่งใหญ่ที่สุด ตรงนี้ยิ่งใหญ่ที่สุด พวกเราฟังแล้วเข้าใจได้..ใช่ไหม  ยิ่งใหญ่ที่สุด 

ทีนี้หลายผู้หลายคนก็คิดง่ายๆ คนที่ยังหลงอยู่ว่า โลกนี้มันยังมีสุขให้เสพนี่ ก็ยังอาลัยอาวรณ์สุข เขาก็บอกว่าจะตายไปทำไม

จะปรินิพพานเป็นปริโยสานไปทำไม มันมีสุขรออยู่ข้างหน้า ยังอาลัยอาวรณ์สุข เขาก็จะนึกอย่างนี้ 

แต่ทางศาสนาพุทธนี่ อจินไตย ที่ท่านตรัสเอาไว้ ทุกข์เท่านั้น เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป สุขมันไม่มีหรอก สุขมันมีแต่ตัวมายาหลอก ตัวจริง จริงๆ ที่เรียกว่า อาริยสัจ คือทุกข์ สุขนั้นมันเป็น “อัลลิกะ” คือสุขมันเป็นเท็จ สุขมันโกหก พยัญชนะบาลีก็มีอยู่ “สุขขัลลิกะ” กับ “ทุกข์อาริยสัจ” นี่คือสุดยอดแห่งสัจจะทุกอย่างเลย 

มันไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วสำหรับการเกิดมาเป็นคน อาตมาก็เคยอธิบายว่า เริ่มต้นตั้งแต่จิตวิญญาณหรือว่าอุบัติ เซลล์เป็นเซลล์จิตนิยามเซลล์เดียวก็ตาม คุณจะไปหาได้ที่ไหน ใต้ทะเลลึก หมื่นโยชน์หลายหมื่นโยชน์  เซลล์เดียวนี่อย่างนี้ไปหาที่ไหน ใครสามารถจะไปค้นหาได้ที่ไหน เสร็จแล้วก็สั่งสมเซลล์มาเป็นล้านๆ เซลล์ กว่าจะพัฒนาขึ้นมาเป็นสัตว์ที่มีเซลล์ต่างๆ ขึ้นมาเต็ม อยู่ในน้ำก่อน ขึ้นมาบนบกนี่เป็นเซลล์ชั้นสูงแล้ว เซลล์อยู่ในน้ำนั้นเป็นเซลล์ชั้นต่ำก่อน  

เพราะฉะนั้น เซลล์ที่เกิดมา พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า อาตมาเคยขยายความแล้วโดยอาศัยพยัญชนะบาลี ว่าเริ่มต้นเมื่อมีเซลล์นี่ 

มันเริ่มจะเป็นชีวะ พระพุทธเจ้าให้ อย่าไปทำลายเขา มันเกิดมาเป็นชีวะแล้ว ถึงขั้นปาณะ อย่าทำให้ตกร่วง ไม่ใช่ฆ่าสัตว์นะ  มันละเอียดกว่าฆ่าสัตว์ ปราณหรือปาณะ ยังไม่ได้นับเป็นสัตว์เต็มที่เลย ยังไม่เป็นสัตตะ เป็นแค่ ปาณะ อย่าไปทำลายเขา 

เขาเกิดมาแล้ว เขาก็จะต้องพัฒนาไปตามวิบากของเขา เราก็อย่าไปเกี่ยวกับวิบากเขา ตั้งแต่ปาณะ 

แหม! กำลังสนุกเลย กำลังจะเข้า สัตต ปาณะ มหาภูต ภูตคาม  พีชคาม เจตภูต อะไรพวกนี้ อย่างที่เคยอธิบายมาแล้ว เอาละ หมดเวลา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ จุดที่เลิศยอดยิ่งใหญ่ที่สุดของคนคือพ้นสุขพ้นทุกข์ วันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 12:40:38 )

ดีสุดของคนดีในสังคมมนุษยชาติก็ยังไม่พอ

รายละเอียด

ที่จริงมันก็คือแต่ละคนจะต้องรู้ว่าเราต้องปรับปรุงกรรมกิริยาและความรู้สึกที่มันถูกกิเลสบังคับต้องการอย่างนั้นอย่างนี้แล้ว แล้วเราก็ทำตามใจอยากทุกอย่างมันไม่ควร สูงไปกว่านั้น พระพุทธเจ้าละเอียดลออถึงขั้นว่า ถ้าเกิดมาแต่ละชาติแต่ละชาติ เรามีความรู้แค่ระมัดระวังอากงอาการที่บวกกับกิเลสเป็นเจ้าเรือน แล้วก็พาเราทำ เราทำแล้วก็มีกฎเกณฑ์ของสังคม เอาแต่แค่อย่าอุจาด อย่าละเมิดกับสิ่งที่สังคมยอมรับกันวัฒนธรรมแต่ละสังคมเขาเป็นไป แล้วก็ได้เป็นคนดีเท่านั้น พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าไม่พอ 

ท่านว่า เอ๊.. คนเรามันต้องมาเกิดแล้วเกิดอีกแล้วก็ตายแล้วตายอีก เกิดมาแล้วก็จะระมัดระวังแค่นี้เป็นคนดีแค่นี้หรือ แต่เราก็เป็นคนดีของสังคมมนุษยชาติ ชาติแล้วชาติเล่า ดีสุดก็ได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่งในศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ส่วนรายละเอียดของข้อปฏิบัติต่างๆก็แล้วแต่ศาสดา จะเห็นควรกำหนด เฉพาะแต่ละศาสนาก็ว่ากันไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บ้านราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู ตอน บุญนิยม คืออะไร และอปันกธรรม 3


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 13:53:08 )

ดีอย่างไรในการเอาเรื่องไม่ดีเลยมาคุย

รายละเอียด

ก็จะคุยกันเรื่องอะไรดีล่ะเรื่องอะไรก็ดีทั้งนั้นน่ะ แม้แต่เราเอาเรื่องที่ไม่ดีเลยมาคุยก็ดี เพราะว่าเราคุยให้รู้ว่าไอ้สิ่งไม่ดีคือไม่ดี เราจะได้รู้ดีๆ รู้อย่างถูกต้องแล้วอันนี้ไม่ดีอย่างนี้เป็นต้น เราคุยได้ทั้งหมดทั้งเรื่องดีและไม่ดีเพื่อเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจให้แจ้งชัดแล้วเราก็ทำสิ่งที่ดีไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีนี่เป็นเบื้องต้นอย่างนั้นของโลก

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 07:50:59 )

ดีเบต แสดงภูมิขี้โม้

รายละเอียด

ให้คนมาพูดแสดงภูมิ มันมีขี้โม้ได้เยอะ แต่ผลงานที่ทำจริงสิ แต่ละพรรคแต่ละคนก็มีผลงานจริงผ่านมา ตัวแคนดิเดต ตัวที่ขึ้นจะมาชิงเป็นนายกกันอยู่ก็เห็นๆอยู่ ทำไมแค่นี้ยังจะต้องให้มาพูด ให้มาดีเบต ให้มาแสดงภูมิขี้โม้ให้เสียเวลาอีกทำไมอาตมาว่า ดูเหมือนว่าพลเอกประยุทธ์ไม่รับดีเบตใช่ไหม ดีแล้ว อย่าไปเสียเวลากับนักอวดฝอย อวดพ่น อวดพูด อวดอ้าง ยังไงๆ พลเอกประยุทธ์ก็มีผลงานทำมา คนที่เป็นคนมาดีเบตก็มีผลงานกันทุกคนเสนอหน้ามา เพราะฉะนั้นก็เอาที่เนื้อแท้เลยของแต่ละคน จะต้องพูดกันทำไม พูดมันพูดอะไรก็ได้โม้อะไรก็ได้ เหมือนอย่าง คุณเศรษฐาจะให้รายละหมื่นอายุ 16 ขึ้นไป นักวิจัยการคลังออกมาเต้นเหยงๆเลย ชิบหายนะคุณถ้าอย่างนั้นปรึกษาการคลังหรือเปล่าเอาเงินก้อนมาแสนล้าน ห้าแสนล้านมาแจกเลย แล้วมันจะเป็นยังไงการคลัง เศรษฐาเอ๋ย

แล้วไปเอาง่ายๆว่าพูดภาษาอังกฤษก็ยังไม่เป็นเลย เขาถือว่าพูดภาษาอังกฤษเก่งก็เลยยกอันนี้มาข่ม ถ้าบอกว่า พลเอกประยุทธ์พูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง ก็มีล่ามดำเนินงานมา 8 ปี แล้วไม่มีผลงานหรือไง สมัยนี้จะไปยากอะไร มีโทรศัพท์ก็พูดได้ทุกภาษา ตอบได้ทุกภาษา ขอให้กดเครื่องเป็นเถอะ คุณถามมาภาษาอะไรก็ได้ อาตมากดเลย แล้วมันแปลเป็นภาษาเรา ว่าไงก็รู้แล้ว เดี๋ยวนี้ใช้เครื่องกันเป็น สบม ธมดปกต หห จจ มชยลล ไม่เชื่ออย่าลบหลู่เห็นไหม สะดวกจะตายทุกวันนี้ อีกหน่อยต่อไปจะเป็นภาษาสากลหมดแล้ว 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าการเลือกตั้ง 2566 วันพุธที่ 19 เมษายน 2566 แรม 14 ค่ำเดือน 5 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 พฤษภาคม 2566 ( 12:42:49 )

ดีและชั่ว ในศาสนาพุทธ

รายละเอียด

อย่างโลกียะอันนี้คือดี อันนี้คือสูง ศาสดาทุกองค์ก็พยายามสอนให้ดีให้มั่นคงให้ยืนหยัด อย่าตกลงมาชั่วอย่าตกต่ำ รักษาสถานะอันนี้ แต่พระพุทธเจ้าท่านค้นพบ ว่ามันไม่ได้ ดีให้ตายยังไงก็ต้องวนเข้ามาหาความชั่ว เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธจึงไม่ถือดีและชั่วหมด

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไม่เอาดีและชั่วเป็นหลัก ไม่ได้ขัดแย้งเรื่องดีและชั่ว ดีก็ดี ชั่วนั้นอย่าไปเป็น แต่มันไม่ถาวร แล้วมันก็ไม่จบ มันไม่ยั่งยืนเลยว่า คนๆนี้จะไม่เอาเรื่องนั้นเป็นตัวหลัก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16มกราคม 2562


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:29:29 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:13 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 18:54:56 )

ดีแล้วกลับเป็นชั่วได้เพราะอุปกิเลส

รายละเอียด

พูดแล้วก็น่าสงสารนะ ดีไม่ดีสันดานโลกีย์หนัก สันดาน หมายถึงสั่งสมอาสวะอนุสัย เขาก็สั่งสมกิเลส เป็นภาวะซับซ้อน คัมภีราวภาโส หลงในดี จนดีเลยเถิด ดีแตก จนดีนั้นกลายมาเป็นต่ำแล้วเขาก็ไม่เข้าใจ เขาไม่รู้ว่าดีตกต่ำได้อย่างไร เพราะเขาไม่เข้าใจอุปกิเลสที่ซ้อนทำให้คนยึดดีหลงดี ใช้ดี เป็นอำนาจไปเบ่งข่ม เบ่งข่มนี่ก็เสียแล้ว ใช้ดีเป็นตัวอวดอ้างถือดียกอ้างก็ผิดแล้ว ถ้าดีแล้วไม่ต้องยกดีไปข่มใคร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ พ่อครูผู้ปราบมารเพื่อยังพุทธศาสนาให้ถึง 5000 ปี วันพุธที่ 10 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 05:12:24 )

ดีโลกุตระ

รายละเอียด

คือ ศาสนาพระพุทธเจ้าก็เข้าใจธรรมด้วยเป็นสมมุติสัจจะ  ต้องให้ดีตามโลกเขาที่เขายอมรับนับถือ  แต่พอดีไปครึ่งหนึ่ง  ไปถึงโลกุตระที่ชัดเจนขึ้นมาแล้วก็กลายเป็นโลกียะไปหมด  ก็เลยกลายเป็นมีแต่โลกุตระ มันก็เลยเป็นลูกศรคนละขั้ว  เขาก็งงเพราะฉะนั้น  ก็ค่อยๆ อธิบายมา รับได้เขาก็รับ  รับไม่ได้ท่านก็จะพูดโลกุตระไปหาสูญนี้บ่อยและเร็ว  เดี๋ยวก็บอกว่ามาเป็นคนจนเดี๋ยวก็บอกว่ามาสูญแล้วท่านก็ทำได้ด้วยนะ นอกจากทำได้แล้ว  ทำให้สังคมกลุ่มมีพฤติกรรมวัฒนธรรมทำได้ด้วย  วัฒนธรรม สังคมศูนย์  มีหมดมิจฉาอาชีวะ5 นี่เป็นโลกโลกุตระ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 23:11:38 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:22 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 18:56:40 )

ดีไม่เที่ยงมีนิพพานเที่ยงอย่างเดียว

รายละเอียด

แล้วที่ว่า “ดี” มันเที่ยงไหม?.. ยึดถือก็ไม่เที่ยง ตัวมันเองมันก็ไม่เที่ยง ดีเดี๋ยวมันก็เปลี่ยนเป็นไม่ดี ทำดีได้เกิดมาใหม่กำลังวังชาแข็งแรงทำได้เต็มที่  พอต่อมากำลังมันไม่ได้แล้ว หรือมันยังไม่แข็งแรงเป็นเด็กยังไม่เดียงสาอยู่ก็ทำดีให้เต็มที่ไม่ได้อีก มันไม่เที่ยงสักอย่าง แล้วอย่างไรมันจะเที่ยง มีอะไรเที่ยง เราเรียนมาจนป่านนี้ อะไรเที่ยงเอ่ย ...นิพพาน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก

นิพพานเป็นอย่างไร


เวลาบันทึก 04 มีนาคม 2564 ( 15:24:40 )

ดึงมาใช้งานจึงต้องใช้เวลา

รายละเอียด

อาตมาพูดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2558 แม้พระพุทธเจ้า เมื่อท่านรู้สึกว่า ท่านเป็นพระพุทธเจ้าในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ท่านก็ยังรู้ไม่หมด ท่านยังไปเสวยวิมุตติสุข 49 วัน คำว่าเสวยวิมุตติสุข 49 วันนั่นแหละคือการที่ท่านทบทวนระลึกต่อๆไปอีก ซึ่งที่ท่านระลึกนั่นแหละคือ Notebook ของพระพุทธเจ้า การใช้ Notebook มันก็ต้องมีรหัสมีการกด ต้องมีการเปิดเป็นธรรมดา แต่อันนี้มันเป็นรูปธรรม ที่คนสมัยใหม่เอารูปธรรมสำเร็จรูปแล้วไว แต่ของนามธรรมนั้นมันต้องดึงขึ้นมานาน พระพุทธเจ้าทรงเสวยวิมุตติ 49 วัน แล้วทำก็ค่อยๆระลึกต่อๆๆไปอีก ระลึกได้เมื่อไหร่ก็บอกว่าภิกษุมา เดี๋ยวตถาคตจะพูดให้ฟัง บ่อยๆเลย ไปอ่านในพระไตรปิฎก แล้ว ท่านก็ขยายไปให้แก่พระสาวกไปเรื่อย ขออภัยอาตมาก็เป็นผู้ที่ตามฟังพระพุทธเจ้ามาจากพระโอษฐ์ ขออภัยที่พูด สิ่งที่จะปรากฎต่อไปนี้ ติดตามดีๆ เถอะ อย่ากระพริบตา จะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ  การปฏิวัติโดยประชาชนของไทย เป็น Soft Power วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 18:24:03 )

ดื่มคำตำหนิได้จึงเข้าถึงสมานัตตตา

รายละเอียด

สมานัตตตา มีคำว่า สมานัตตะ (ตาเป็นคำลงท้ายตัดใจเพื่อให้เป็นคำนาม) สมานัตตตาก็แปลว่า การสมานกัน ระหว่างอัตตาของคนนั้นคนนี้ ของเรา เสมอสมานกันขึ้นมาเชื่อมโยงกันขึ้นมาได้ เชื่อมโยงกันได้ปรองดองกันได้ อยู่กันอย่างสัมพันธ์กันไม่ขัดแย้งไม่ทะเลาะวิวาท ไม่เป็นศัตรูแก่กันและกันเป็นต้น เพราะฉะนั้นการตำหนิกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ผู้ที่เข้าใจแล้วจะไม่ประหลาดอะไรในเรื่องการตำหนิ ใครจะตำหนิมันก็เป็นธรรมดา ผู้ที่เขาไม่เข้าใจและเห็นว่าเราไม่ดี มันเป็นเจตนาดีก็ได้จะเป็นเจตนาร้ายก็ได้ สำหรับคำตำหนิ ถ้ามีเพื่อจะทำร้าย เพื่อให้คนได้ยินได้ฟังจะได้รับความเชื่อถือ จะได้ไม่รับความนับถือ ไม่ยอมรับนับถือก็ได้เหมือนกัน แต่ถ้าเราเข้าใจแล้วเรามองในมุมดี การตำหนินี้พระพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ชัดเจน เรื่องตำหนิผู้ที่ทนต่อคำตำหนิได้รับคำตำหนิเอามาเป็นประโยชน์ ได้ประโยชน์ถ่ายเดียว ท่านบอกว่าคำสรรเสริญเสียอีกเป็นเรื่องเลวร้าย เป็นเรื่องทำลายคนได้ง่ายสำหรับคำสรรเสริญ แต่การตำหนินี้ไม่ทำลายคนได้ง่าย ข้อสำคัญผู้ที่จะตำหนิเขาต้องระมัดระวัง ที่จะสะท้อนกลับ ต้องประมาณให้ดีถ้าประมาณไม่ดี การสะท้อนกลับจะมาทำร้ายกับเรา เรียกว่าไปทำให้เขาโกรธแรงร้ายก็หน้ามืด ไม่รู้ เขามาทำร้ายเราก็เสียท่านั้นเอง อย่างนี้เป็นต้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:56:36 )

ดื้อกับผู้ใหญ่เป็นกิเลสไหม

รายละเอียด

เป็น ก็ถามมาเอง ว่าดื้อดีไหม..ก็รู้อยู่แล้วว่าดื้อไม่ดีก็อย่าไปดื้อกับผู้ใหญ่ แม้แต่เด็กด้วยกันก็ไม่ควรดื้อ ดื้อมันไม่ดีอยู่แล้วด้วยตัวมันเอง อย่าเป็นคนดื้อ  ให้เป็นคนฟังคนอื่นแล้วก็เชื่อกันนับถือกัน ถ้าดื้อใครคือคนไม่เชื่อใคร ไม่นับถือใคร มันเป็นอัตตาชนิดนึง ดื้อเป็นอัตตามานะอย่างยิ่ง มันเป็นกิเลสอย่างแรงเลย 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:31:16 )

ดื้อกับแม่เป็นอัตตาไหม

รายละเอียด

เป็น อัตตาแปลว่า ตัวเรา ตัวเราถือดีที่ตัวเรา มันไม่ฟังแม่ ไม่ยอมแม่ก็ถือดีที่ตัวเรา เรามีมานะอัตตา แต่เรามีดีกว่าแม่หรือไง เรากับแม่ใครจะดีกว่ากัน ตอนนี้…(ตอบว่า แม่) ตอนนี้ดีแล้วตอบอย่างนี้ แสดงว่าไม่ติดอัตตาแล้วแม่เกิดก่อนเรา รู้อะไรก่อนเรา เราก็อย่าไปถือดีว่ารู้ดีกว่าแม่โตกว่าแม่ ก็ไม่ใช่ ก็ต้องฟังแม่ไปก่อนตามลำดับ 

จริง ในอนาคตเราโตขึ้น แม่ก็แก่ลง เราก็อาจจะเจริญเลยแม่ได้ในอนาคต แต่ตอนนี้เราก็จะต้องแน่นอน เราจะยังโตกว่าแม่ต่อไป หรือ เดี๋ยวหลวงปู่จะบอกเผื่อไว้ก่อน 

หรือเราอาจจะรู้ดีกว่าแม่จริง แต่วัยเรายังไม่โต คนอื่นๆก็จะคิดตามสามัญว่าเด็กคนนี้ยังโตประมาณนี้แหละโดยทั่วไป เราจะมีพิเศษนะรู้เกินวัยรู้มากกว่าวัยเป็นได้ บางคนมีพิเศษ ถึงแม้ว่าเราจะมีความรู้เป็นพิเศษ เราก็อย่าอวดดี อย่าถือดี พยายามถ่อมตนไว้ เพราะเรายังเด็กคนไม่เข้าใจเราง่ายๆหรอก แม้เราจะมีดีกว่า อธิบายเผื่อไว้แม้เราจะรู้ดีกว่าพ่อแม่ เพราะเรามีบารมีเก่าที่เราทำมาแต่เดิม รู้มา ชาตินี้ก็เลยรู้ตัวมาได้ เราก็เลยดีก่อนดีกว่าแต่เราก็จะต้องถ่อมตนไว้ก่อนดีกว่าไม่เสียหาย เสร็จแล้วมันจะค่อยๆเจริญ เราจะค่อยๆรู้ดีว่าควรถ่อมตนเราจะรู้ดี เราจะรู้วิธีว่าทำยังไง สิ่งที่แม่ทำไม่ถูกที่เรารู้แล้วว่าไม่ถูก แต่เราก็ไม่ถือดีว่าเรารู้แล้วเราก็ว่าแม่ แต่เราจะรู้จักวิธีค่อยๆให้แม่รู้ว่าอย่างนี้ดีกว่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 31 วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2564 ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 21:23:32 )

ดุลอำนาจโลก จะเปลี่ยนไปหลังโควิด

รายละเอียด

มีคนคาดว่าดุลอำนาจโลก จะเปลี่ยนไปหลังโควิด หมายความว่าขณะนี้ก่อนจะเกิดโควิด ประเทศไหนมีอำนาจครองอำนาจ เป็นการใช้อำนาจเบ่งข่ม มันจะขี้โกงเล่ห์เหลี่ยม เขาก็ทำให้ได้อำนาจได้เปรียบคนอื่น เป็นแนวคิดโลกีย์ แต่ของพระพุทธเจ้าสอนเรา แนวคิดโลกุตระ เราเข้าใจวิธีการเขา เราเห็นว่าเลวทราม แต่ตรงกันข้ามกับคุณ คุณจะเอาเปรียบแต่เราจะเสียสละ เสียเปรียบทั้งๆที่รู้ เสียสละเต็มใจเสียให้ ผู้จะเสียสละผู้นั้นจะต้องเป็นคนที่มีกินมีใช้ เป็นคนที่มีเศรษฐกิจดีแล้ว หมายความว่าชีวิตของคุณ สังคมหมู่กลุ่มของคน ต้องมีกินมีใช้แล้วไม่เดือดร้อน ตั้งแต่ไม่เป็นหนี้  พลังงานสร้างสรรของคนมีผลผลิตเกินอาศัยกินใช้ พอ แล้วมีเหลือ แล้วได้แจกจ่ายผู้อื่นด้วย นี่คือของจริง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:14:00 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:05:58 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 18:59:01 )

ดุสิต . ดุสิตา

รายละเอียด

ยินดีแล้ว พอใจแล้ว ชอบใจแล้ว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 32,251


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:22:02 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:25:00 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 18:57:54 )

ดุสิตเป็นเพียงสมมุติเท่านั้น

รายละเอียด

โง่ได้ที่เลยดุสิต ดุสิตมันเป็นสมมุติเท่านั้นแหละ ดุสิต สิตะ แปลว่า เย็น จริงๆจะอยู่ไม่อยู่ก็สมมุติกันไปเท่านั้น ผู้ที่ชัดเจนแล้วจะอยู่กับไม่อยู่ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร อยู่ก็อยู่ไม่ต้องมีสถานที่ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่อยู่ เท่านั้นเอง 

ธรรมะต่างๆที่อาตมาเอามาสาธยายมันจะแปลกไม่เหมือนกับของอันอื่น เพราะเขาไม่เข้าใจก็เลยอนุโลมปะเหลาะ ไปปะเหลาะมันทำไม ก็ต้องตีมันให้หมด เอามาให้ชัด ไปติดไปยึดอยู่อีกอะไรกัน ต่องแต่ง หยาบ กลาง ละเอียดก็ไม่ต้อง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 2 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 12 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 กรกฎาคม 2564 ( 19:30:19 )

ดูความเป็นอรหันต์ดูกันตรงไหน

รายละเอียด

ดูการมีเหตุปัจจัยของศีลสมาธิปัญญา ประกอบว่ายังคงที่อยู่เป็นปกติคงที่อยู่ ศีล สะอาดบริสุทธิ์ เอาศีลข้อไหนมาจับก็สะอาด สมาธิหรือฌาน ก็เป็นปกติสามัญสามัญตลอด จะได้เข้าใจว่า ฌานสมาธิคืออะไรกันแน่ และวิมุติหลุดพ้นนี่คือไม่มีแล้ว ง่ายๆก็คือไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เป็นปกติด้วย ไม่มีเป็นปกติด้วย สรุปใหญ่ๆว่า ไม่มีคือไม่มีกิเลสสิ่งที่เป็นเหตุปัจจัยไม่ดีทั้งหลาย สิ่งที่มีคือสิ่งที่ดี อยู่ในสมมุติกับสังคมทั้งหลายแหล่ ที่พูดไปแล้วคือ ต้องมีศีล สมาธิหรือฌานและปัญญา ดี ต้องดี

ดีทั้งสมมุติและดีทั้งที่เหนือกว่าสมมุติ เหนือกว่าสมมุติเรียกว่าโลกุตระ สมมุติคือโลกีย์ ธรรมดาก็ดีอยู่แล้วแต่ยังมีดีเหนือกว่านั้นต่อก็เป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นจะเอาผู้ที่เป็นอรหันต์แล้ว เอาตรงที่ มีทั้งดีเหนือผู้อื่นอย่างสูงสุด มีศีลได้สูงสุด มีฌาน มีสมาธิที่ดี เหนือกว่าคนอื่นอยู่ และมีปัญญา 

ปัญญา ตัวปัญญาเองก็เป็นความรู้ความฉลาดที่เหนือกว่า เฉโกอยู่แล้ว เฉโก ก็คือความรู้ความฉลาด แต่เขาทิ้งมันมานานแล้วจนลืมไป แล้วเข้าใจโดยปริยายว่ามันไม่ดี ฉลาดแบบนั้น มันไม่ดี ถือว่าไม่ดีด้วย แปลในพจนานุกรมบาลีไทย เฉโก แปลว่าฉลาดแกมโกง คือฉลาดไม่ซื่อ ฉลาดไม่สุจริต ฉลาดไม่ดี เพราะฉะนั้นก็ไม่เอา ใครก็ไม่เอา 

จะเรียกว่าคุณยอดเฉโกเลย ใครจะไปชอบเล่า ใครก็ไม่เอา แต่ถ้าบอกว่าฉลาดก็จะเอากันเพราะเป็นคำกลางๆเป็นภาษาไทย ถ้าบอกว่าเป็นปัญญาก็เอากันเลย บอกว่ามีปัญญายอดเยี่ยมก็จะเอากัน ไปติด อยู่ที่คำว่าปัญญาคือความฉลาดความรู้ เฉโกคือ ฉลาดในความรู้ของคนส่วนใหญ่ในโลก คนฉลาดแบบมีปัญญาเป็นคนส่วนน้อย ปัญญาเป็นโลกุตระ เฉโก เป็นโลกียะ คนโลกียะมีมากกว่าคนที่เป็นโลกุตระ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 สิงหาคม 2565 ( 14:13:46 )

ดูคิมจองอึมมีคุณธรรมมากกว่าทรัมป์

รายละเอียด

ทุกวันนี้สงครามอาวุธจะลดลง ตอนนี้สงครามอาวุธมีแค่นี้ ขู่กันไปขู่กันมา ก็เห็นได้แล้วว่า สงครามอาวุธ ถ้าจะว่า ทั้งอาณาจักร ทั้งวัตถุ อำนาจ เกาหลีเหนือสู้อเมริกาไม่ได้ ทีนี้ ถ้าคิมจองอึนรักษาความเป็นจิตที่เป็นคุณธรรมเอาไว้ รักษาความเป็นคุณธรรมทางจิตเอาไว้ เกาหลีเหนือจะชนะอเมริกา แต่เราเดาไม่ออก ว่าตกลงว่า คิมจองอึน กับโดนัลด์ทรัมป์ ใครจะเก๊กว่ากัน ใครจะซ่อนแฝงมากกว่ากัน ทำเป็นเล่นไปนะ ทรัมป์นี้หยาบซ่อนไม่ได้เท่าไหร่ แต่คิมจองอึนซ่อนลึกได้กว่านะ ขณะนี้ดูให้ดี คิมจองอึนไปเซ็นสัญญากับเกาหลีใต้ได้แล้ว เขาก็จะไปทางจีนได้ถ้าเขาเซ็นสัญญากับจีนได้ อเมริกาจะเป็นอย่างไร นี่เราก็พอเข้าใจได้ แล้วดูท่าที เป็นไปได้ด้วย Possible ที่จีนกับเกาหลีเหนือจะช่วยเหลือกันบ้าง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 23 มกราคม 2564 ( 11:59:01 )

ดูถูกระพุทธเจ้าว่าไม่ได้ปฏิบัติแบบพระป่า

รายละเอียด

[168] ดูกรอัมพัฏฐะ ก็พราหมณ์โปกขรสาติอาจารย์ของเธอได้พูดว่า สมณะโล้นบางเหล่าเป็นเชื้อสายคฤหบดี กัณหโคตร เกิดแต่บาทของพรหม ประโยชน์อะไรที่พวกพราหมณ์ผู้ทรงไตรวิชาจะสนทนาด้วย ดังนี้ แม้แต่ทางเสื่อม ตนก็ยังไม่ได้บำเพ็ญ ดูกรอัมพัฏฐะความผิดของพราหมณ์โปกขรสาติอาจารย์ของเธอนี้เพียงใด ถึงพราหมณ์โปกขรสาติกินเมืองที่พระเจ้าปเสนทิโกศลพระราชทาน พระองค์ยังไม่ทรงพระราชทานพระวโรกาสให้เข้าเฝ้าหน้าพระที่นั่ง เวลาจะทรงปรึกษาด้วย ก็ทรงปรึกษานอกพระวิสูตร ดูกรอัมพัฏฐะ ไฉนเล่าจึงไม่พระราชทานการเข้าเฝ้าต่อหน้าพระที่นั่งแก่เขาผู้รับภิกษาที่ชอบธรรม ซึ่งพระราชทานให้ ดูเถิดอัมพัฏฐะ ความคิดของพราหมณ์โปกขรสาติอาจารย์ของเธอนี้เพียงใด โปกขรสาติพราหมณ์ นั้น เป็นพราหมณ์อยู่ในเมืองนะแล้วก็จะสรรเสริญการปฏิบัติแบบพระป่า แล้วก็เลยดูถูกพระพุทธเจ้าว่าไม่ได้ปฏิบัติแบบพระป่า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2563 ( 11:46:44 )

ดูที่เนื้อแท้สาระของชีวิตไม่ต้องยึดมั่นในความเป็นหนึ่ง

รายละเอียด

โลกที่เราอยู่ด้วยเขาสมมุติอย่างนั้นอย่างนี้ก็เรามีดีมีมากได้เก่งตามที่เขายอมรับไหม ถ้าเราอยากจะเก่งหรืออยากจะได้รับเบอร์ 1 เบอร์ 0 ขึ้นไป เราก็ทำตามที่เขายอมรับที่เขาสมมุติ ที่เขาตั้งขึ้นมา เราก็ทำอันนั้นให้ได้ ถ้าได้จริงๆคนก็ต้องยอมรับ 

อย่างหลวงปู่ คนเขาไม่เข้าใจโลกุตระ ซึ่งมันทวนกระแสกับที่เขาเองเขายึดถือด้วยซ้ำ มันย้อนแย้งกับที่เขาถือ บางคนเขาเข้าใจผิดเพราะว่าไม่ได้เป็นเหมือนที่เขาเป็น เพราะฉะนั้นคนเขาเห็นอย่างเราไม่ได้ เราก็ดูว่าเขาเองเขายึดนั้นเป็นอย่างไร เขายึดเขาถือเขาเป็นเขามีอยู่เป็นอย่างไร เทียบเคียงกับที่เราเป็นเรามีอยู่เราถือว่าอย่างนี้ดีนะ 

เช่นเรามันจน เขาแย่งไปรวยๆเขาก็ได้รวยๆได้สำเร็จสูงๆและรวยมาก แต่เรามาจน เราก็เห็นว่ามาจนนี้ดีกว่า เราก็ดูดีกว่าด้วยมิติอะไร ด้วยมุมไหนแง่ไหน เหลี่ยมไหนประเด็นไหน อ๋อ! มันดีกว่าเพราะประเด็นนี้มุมนี้ มิตินี้ เหลี่ยมนี้ประเด็นนี้ มันดีกว่า ไม่ต้องไปแบกไปหามมากมายไม่ต้องไปแย่งชิง ไม่ต้องไปหนักหนาสาหัสต้องแข่งขันอะไรต่ออะไรต่างๆนานา ดีไม่ดีก็ต้องรุนแรง ดีไม่ดีก็ต้องใช้วิธีโกง วิธีไม่ซื่อไม่สัตย์ มันก็ไม่เข้าที เราก็ดูเนื้อแท้ของสิ่งที่เราทำ เนื้อแท้ของสาระชีวิต 

1. ที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน 

2. รู้ความจริงให้สุดว่ามันไม่มีอะไร มันมารวมกันอยู่เฉยๆตามที่เราพากเพียรให้มันรวมกันอยู่ ถ้าเราไม่มีพลังงานอะไรให้มันรวมกันอยู่ดึงดูดมันอยู่ มันก็จะสลาย มันจะคลายตัว มันจะไม่ยึดโยงอะไรเลยมันก็จะแยกกันไปหมด ตามสถานะของดิน น้ำ ไฟ ลม การยึดเป็นจิต ยึดเป็นแรงพืช พลังงานตัวพืชมันยึดนะ มะเขือเทศมันก็ยึดตัวมันเอาวัตถุสสารใช้พลังงานอย่างนี้ได้มา มันก็ต้องทำอันนี้ตามที่มันรู้กำหนด มันเอาอันนี้ มันไม่เอาอย่างอื่นหรอก พืชมันพยายามเอาที่มันดูดดึงมาได้มันไม่แย่ง มันก็เอาตามพลังงานของมันพลังงานมันน้อยกว่ามันก็ไม่ได้ พลังงานมันมากหน่อยก็ได้ ได้เท่าไหร่มันก็เท่านั้น ได้มากก็เจริญดีเต็มดีได้ไม่ครบไม่มากพอ มันก็เว้าก็แหว่งไม่เต็มอ้วน ไม่อ้วนพีไม่มากไม่พอ มันก็เป็นจริงตามนั้น 

ข้อสำคัญก็คือพืชนั้นต่างกับจิตนิยามตรงที่มันไม่สุข ไม่ทุกข์ มันไม่เดือดร้อนอะไรแล้วมันก็ไม่จดไม่จำไม่จองเวรจองกรรมอะไรแก่ใครด้วย มันก็มีแต่ตัวของมัน หรือทำตัวมันเองทำได้มันก็รอด ไม่รอดสุดท้ายมันมีแรงจะยึดให้ตัวมันสมบูรณ์ได้ มันก็เสื่อมสลายไปในที่สุด แยกเป็นดินน้ำไฟลม 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 27 จนเป็นที่ 1 ในโลก แต่สร้างอาหารช่วยโลก วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2565 ( 13:13:59 )

ดูเขาไปก่อน

รายละเอียด

มันจะเป็นการเกิดเพื่อจะขัดเกลา จะกระเทาะเปลือกให้ดูเท่านั้นเอง มีคนพูดถึงขั้นว่า พ่อท่าน นี่ จะไม่ต้องออกไปประท้วงกันอีกหรือ มีคนกระซิบอาตมาถึงขนาดนั้น อาตมาก็ไม่รู้ยังตอบไม่ได้ว่าจะถึงขั้นที่จะต้องออกไปประท้วงหรือไม่ ดูเขาไปก่อน ถ้าเขาปู้ยี่ปู้ยำกัน ซึ่งพอเห็นได้ว่าโอ้โห.. เขาล้ำเส้นเกินไปขณะนี้นี่ เราก็พอมีปฏิภาณปัญญาพอรู้ได้ว่า อาการกระทำของเขา ล้ำเส้นคืออะไร 

คือทำให้มันเกิดประเทศเสื่อม ประเทศย่ำแย่ ถอยหลังเข้าคลองไปอีก มันถึงขั้นขีดหนึ่ง อาตมาก็เห็นว่าถ้าถึงขีดนี้แล้วจำเป็นจะต้องพากันออกไป โดยที่อาตมาจะออกไปไม่มีข้อมูลไม่มีหลักฐานไม่มีอะไรอ้างอิงยืนยัน อันนี้มันไม่ถูกต้องนี่มันประเทศย่ำแย่แล้วนะ นี่ผิดนะมันเลวลงไปแล้วนะ ถ้ามันไม่มีข้อมูลเพียงพออาตมาออกไปก็เด๋อตาย อาตมาก็ตกม้าตายพอดี มันก็ต้องมีของจริงไปก่อน คุณเอ๋ย อยู่ดีๆอย่าไปทำพรวดพราด ไม่ได้

มองไปในแง่ว่าเขาอาจจะมาขี่ม้าขาวก็ได้ ที่เขาพูดไป มันอาจจะไกลเพราะเขาคิดไกล ผลประโยชน์ที่คิดไกลไปอย่างนั้น ผู้ที่มองไม่ออก มองอย่างโลกีย์ก็รู้สึกว่าจะเป็นความเจริญ แต่จุดความเจริญจริงๆนั้นมันไม่ไกลอย่างที่เขาคิด เขาคิดก้าวไกลความไกลของที่เขาคิดนั้นอาตมามองเห็นว่า มันเป็นการก้าวเกิน ก้าวไถลออกไปจากกรอบ 

มันวน ไปหาของเก่าที่มันเน่าอยู่แล้ว เขาก็จะไปสู่ความเน่าโดยเขาหลง เพราะคนที่เขาไม่รู้นั้นเขาลืมสิ่งเก่าเขาหลงสิ่งใหม่ โดยสิ่งเหล่านี้ก็คือสิ่งใหม่ที่เขากำลังจะไป สิ่งเก่าที่มันเสียแล้วเขาทิ้งแล้ว แต่คนเขาลืมไปนึกว่าเป็นของใหม่ ที่แท้มันเป็นของเดิม ที่เก่าที่เน่าแล้วนั่นแหละ แล้วเขาก็เอามาขัดสีฉวีวรรณหลอกใหม่ ก็เลยหลงผิดไปอีก มันเป็นอย่างนี้ อาตมาพยายามจะใช้พยัญชนะภาษาอธิบายสภาวธรรมให้ฟัง 

 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #22 สงครามข่าวสารกับปรากฏการณ์จริการเมืองไทย วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2566 แรม 11 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 พฤษภาคม 2566 ( 19:51:53 )

ดูเล็กแต่เป็นแก่นแกนของความประเสริฐยิ่งใหญ่

รายละเอียด

มันดูเล็กๆนะ ของชาวอโศกที่ทำงานดูเล็กๆ แต่มันเป็นแก่นแกนของความประเสริฐยิ่งใหญ่ พูดไปแล้วก็รู้สึกเหมือนกันว่าทำไมมันหลงตัวเองจัง ไม่ได้หลงอาตมาไม่ได้หลง มันเป็นความจริง แต่คนที่ไม่ศรัทธาอย่างนี้ ไม่เข้าใจว่านี่เป็นแนวคิดอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า เขาก็จะหาว่าเราหลงตน ไม่ได้หลง เราชัดเจน ชัดเจนทุกอย่างไม่ได้หลง ไม่ได้เลอะอะไร มันเป็นความจริงที่จริงๆ 

เพราะฉะนั้นอาตมาจึงเห็นว่ามันยังไม่โต ยังไม่ชัดเจน คนมันตาถั่ว มันยังเล็กก็ไม่ค่อยเห็นนัก มันต้องโต มันต้องมีประสิทธิภาพ มันต้องมีอะไรที่ใหญ่โตจนกระทั่งชนตาคนน่ะ ที่อาตมาใช้คำเปรียบเทียบว่า จนคนตาบอดเห็นได้ เป็นคำเปรียบเทียบให้เห็นว่า มันเหมือนประชด คนตาบอดยังเห็นเลย ทำไมคนตาดีไม่เห็น มันไม่มีภูมิปัญญาเห็นได้อย่างไร รู้ได้อย่างไร 

ซึ่งมันไม่น่าจะยาก เป็นแต่เพียงว่ามันตรงกันข้ามกันกับความคิดโลกๆ ความคิดทางปุถุชน ความคิดทางคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีภูมิธรรมโลกุตระ มีแต่ภูมิ
ธรรมโลกียะ จะเห็นได้ว่าความแตกต่างระหว่างโลกียะกับโลกุตระ มันกลับกันเท่านั้นเอง มันไม่ได้ใหญ่เลย มันกลับกันคนละหน้าเป็นสิริมหามายา คนไม่รู้ก็นึกว่าเป็นมายา ว่ามาพูดนี้มาหลอก เราพูดนี้มันเป็นมายา มันเป็นความไม่จริงหรอก แต่ที่จริงไม่ใช่มายา มันเหมือนมายา แต่มันเป็นสุดยอด มันเป็นสิริ มันเป็นมหา มันสุดยอดดี สุดยอดยิ่งใหญ่มากมาย สิริมหามายา มันไม่ใช่มายา แต่มันเหมือนเท่านั้นเองมันเหมือนกัน 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 12 สัจจะยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่เรียกว่าการเมือง วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 17:01:07 )

ดูแลสุขภาพด้วยหลัก 8 อ.

รายละเอียด

มี อิทธิบาท-อารมณ์-อาหาร-ออกกำลังกาย- เอนกาย -เอาพิษออก-อาชีพ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2563 ( 17:18:05 )

ดูไปก่อนเพราะรัฐบาลเอาอยู่

รายละเอียด

ก็เลยแวะไปว่าชาวอโศกก็ยังมีความเห็นต่าง ก็ไม่เป็นไรก็ไม่ได้บังคับกัน ความเห็นของอาตมาก็คือ ดูไปเรื่อยๆ ดูไปเฉยๆ ดูไปก่อน ยังไม่มีเหตุการณ์ที่ต้องขยับอะไร เพราะว่า เท่าที่ดูแล้วนี่นะ อาตมาก็เห็นว่า รัฐบาลเอาอยู่ โดยที่เรียกว่ามีมาตรการต่างๆ เขาก็จัดการไปได้เรื่อยๆ มันจะยังดิ้นไม่สนิทอยู่ ก็จนกว่าจะหมดความดิ้นหมดแรง ก็จะค่อยๆสงบ ถึงแม้ไม่สงบ ก็เป็นสีสันนะอาตมาว่าเป็นสีสัน ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์มา มีชุมนุม ม็อบ Flash Mob หรือม็อบปลดแอก คณะราษฎร 2563 ตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้ ก็ดูว่าไม่มีอะไรรุนแรง ไม่มีใครบาดเจ็บล้มตายกันเลย ไม่มี ทั้งในทุกฝ่าย ทั้งสองฝ่าย นอกจากเรื่องอุบัติเหตุก็แล้วไป แต่เรื่องที่จะไปทำร้ายแต่ละฝ่ายนั้นไม่มี

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 12:16:47 )

ดูไปอย่าไปติเรือทั้งโกลน

รายละเอียด

อาตมาบอกว่า ดูไปอย่าไปติเรือทั้งโกลน คุณก็ฟังธรรมะอาตมาไปดีๆ ถ้าหากอาตมาไปด่าไปว่าคนนั้นคนนี้เกินไป อาตมาว่าอาตมายังไม่ได้ด่าคุณพิธาเลยนะ ก็ยังบอกให้ดูไป ความรู้สึกก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่นะพูดเป็นจริงตามความรู้สึก ยังไม่ได้มีน้ำหนักไปดูถูกดูแคลนเขา แต่แน่นอนว่ามันไม่เข้ากับสิ่งที่อาตมาได้มีมาแต่เดิม นี่ของเขามีของใหม่พิธาเขามาเสนออันใหม่ อาตมาก็ยังไม่ได้ดูถูกทีเดียว เขาเสนอโครงสร้างใหม่พิมพ์เขียวใหม่นโยบายอะไรใหม่ๆ ขึ้นเขายังไม่ได้ทำ ก็ไม่ได้ดูถูกเขาทีเดียวอาจจะดีแต่มันเหมาะสมกับยุคสมัยหรือมวลมนุษย์คนไทยในขณะนี้เหมาะสมแล้วหรือ ก็ยังไม่รู้ ตอนนี้ก็ทำอะไรยังไม่ได้มาก 

ตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้มีตำแหน่งนายกที่บริหารได้เต็มรูป นิยายเรื่องนี้ยังไม่ได้บรรจุตัวแสดงเลย เป็นแต่เพียงกำลังคัดเลือกตัวนะ รอบแรกอาจจะพอดูผ่านๆ แล้วก็คัดไว้ ได้ตัวพอรู้ๆกันเห็นๆ แต่ว่ามันยังไม่ลงตัว กรรมการยังมีอีกหลายหมู่กลุ่มยังมีเหตุปัจจัยอีกหลายอย่างก็ให้ดูไป แหม..ดูไปนี้ดีจังเลยใช้ได้เรื่อยๆ 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เก่งที่สุดกว่าทุกประเทศ คือเปรตแท้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 แรม 15 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 23 พฤษภาคม 2566 ( 20:32:40 )

ด่านสุดท้ายเพื่อเปิดประตูสู่อรหัตตผลได้ทันที เข้าใจถูกไหม

รายละเอียด

เข้าใจถูกแล้ว อาตมาพยายามเตือนและให้แต่ละคนรู้จักกรอบแต่ละกรอบของ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ โดยต้องอ่านจิตของตัวเอง อ่านกิเลสของตัวเองตั้งแต่กิเลสกาม รูป อรูป มันเป็นอรหัตผลในแต่ละเรื่องพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ละเอียดหมดแล้ว มันมีสภาวธรรม มันมีเหตุประกอบ องค์ประกอบในแต่ละอย่างแต่ละอัน ตามศีลแต่ละเรื่อง แต่ละข้อ ตั้งแต่เกี่ยวกับสัตว์ เกี่ยวกับของ เกี่ยวกับเครื่องกินเครื่องใช้ เกี่ยวกับการสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสต่างๆ จนกระทั่งกามคุณ 5 ลด ละ หน่ายคลาย หรือ รูป อรูป หมดกิเลส มีลำดับทุกอย่าง เทศน์ไปหมดแล้ว 

เพราะฉะนั้นศาสนาพุทธที่อาตมานำพระธรรมของพระพุทธเจ้ามาสอน มาขยายความ ในสังคมชาวอโศกเราจึงมี โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ มีสมณะ 4 เหล่าอย่างแท้จริง พูดได้อย่างไม่ มังกุ ไม่เก้อเขิน ไม่อุทธัจจะ ไม่กระดากแต่อย่างใดเป็นของพระพุทธองค์จริงถูกต้องไม่ได้อวดโอ่ การพูดความจริงที่จริงเท่านั้นมันจึงไม่มีอะไรสะดุด ไม่มีอะไรสะกิดใจ ไม่มี มันเต็มเลย พูดความจริงเต็มๆมันสมบูรณ์มันก็สบาย ไม่มีอะไรสะดุด ไม่มีอะไรระแวง ชัดเจนทุกอย่าง เป็นความจริงที่เต็มที่ครบ และ มั่นใจว่าไม่ผิดด้วย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ประชาธิปไตย 3 อย่างในโลก

วันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ขึ้น 13 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2566 ( 13:00:46 )

ด่าพระที่โทรมาคุยแบบชู้สาวจะบาปไหม

รายละเอียด

ก็ฝึกตนอย่าให้ไวไปนัก ด่าไป ทำแล้วจะบอกว่าไม่เป็นวิบากไม่ได้ ก็มีบ้างเป็นของตัว มันเคยชินไง คุณด่าคำหนึ่งแล้วด่าคำสองก็ตกผลึกเป็นของคุณเพิ่มก็เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นอย่าไปด่าเป็นคำสอง ยังเหลือด่าคำหนึ่งก็อย่าให้ด่าคำหนึ่ง เพราะด่าคำหนึ่งจะเป็นคำสอง มันคำสองแล้วเพิ่มอีกก็เป็นคำสามก็เท่านั้นเองก็หยุดให้ได้ พูดดีๆกับท่านก็ได้หรือคุณอยากพูดให้มันระงับ ให้รู้สึกภิกษุสงฆ์รูปนี้ต้องกลัวไม่ทำอีก ต้องใช้ปฏิภาณ ไม่ต้องด่า แต่ใช้ศิลปะพูดแล้วเขากลัว เขาแตะไม่ได้ โดยใช้ภาษาพูดให้เขากลัวโดยสุภาพ ดีไม่ดีพูดอย่างหวาน แต่เขากลัวเลย นี่เป็นวิธีของศิลปะ โดยใช้ภาษาโวหาร วาทะ คือภาษา นัจจะ คือใช้ท่าทาง กระพริบหู กระพริบตา ท่าทีลีลา ส่วน คีตวาทิตะ  คือสำเนียงภาษา คำพูด

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:00:42 )

ด่าเป็นบุญ

รายละเอียด

อาตมาด่าให้เกิดบุญเป็นไฟฌานสลายกิเลสได้ พูดตรงนี้ ไม่มีใครนิยามคำว่าบุญอย่างอาตมาหรอก ในยุคนี้ขอยืนยัน อาตมาว่าอาตมาเป็นไก่ตัวพี่ คำว่าบุญนี้ลึกซึ้งละเอียดจนกระทั่งต้องตั้งคอลัมน์เปิดยุคบุญนิยมในหนังสือพิมพ์เราคิดอะไร ก็เพื่อยืนยันคำว่าบุญ อาตมาเห็นว่าคำว่าบุญนี้สำคัญมาก 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันเสาร์ที่ 26ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 31 ตุลาคม 2562 ( 04:37:20 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:32 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 18:57:05 )

ด่าเอาบุญ

รายละเอียด

ถ้ายังมีกรรมกิริยากายภายนอกเกี่ยวกับบุคคลอีกเยอะแยะมันก็จะเป็นกรรมที่หนักหนา ต้องตัดภายนอกออกไป ปั้นบ้าๆบอๆ สร้างนรกอเวจีในภพก็ไม่หนาแน่น ไม่เกี่ยวกับคนอื่นไม่บาปคนก็ไม่มาก แต่ถ้าลืมตาแล้วคุณก็ยังเทศนา ยังเสนอให้คนอื่นมาร่วมโง่ เพิ่มความทุกข์เข้าไปในคณะด้วยคนก็บาปหนักหนาสาหัส เพราะฉะนั้นตายเสียก่อนดีกว่า ฟังให้ชัด พูดเหมือนคนอำมหิตรุนแรง ไม่ใช่ แต่ที่จริงเมตตานะ พระราชาให้เอาไปฆ่าด้วยหอก 100 เล่มเช้ากลางวันเย็นก็คือความเมตตานะ ฟังสิริมหามายาให้ดีๆ อาตมาบอกว่า ด่าเอาบุญ ด่าเพื่อให้คุณรู้สึกรู้สา แต่ทำไมเหนียวแน่นเหมือนจอมนรกโจรใหญ่ที่ฆ่าไม่ตาย อาตมาว่าอาตมานักฆ่าฝีมือดีแล้วนะ ยังไม่สามารถฆ่าอันนี้ได้ คุณตายบ้างหรือยัง...ตายบ้างแล้วดี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29มกราคม 2563


เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:07:04 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:46:03 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 18:57:35 )

ด่าเอาบุญไม่ได้เบียดเบียน

รายละเอียด

ซึ่งมันไม่ง่ายเลยในการทำกัมมันตะ การงานที่จะเป็นอาชีพและเป็นการงานเลี้ยงชีพด้วยกัมมันตะที่เบียดเบียนสัตว์ โดยเฉพาะเบียดเบียนคน อาตมานี้ไม่เบียดเบียนใคร มีแต่สงสารคน มีแต่เมตตาคนไม่ได้เบียดเบียน ด่าเอาบุญ พูดบริภาษ อาตมาว่า ผู้จะบริภาษได้ ต้องเป็นผู้รู้จริงถ้าไม่รู้จริงก็บริภาษผิดก็เป็นวิบากของคนพูดไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 15:13:15 )

ด่าให้เกิดบุญหรือด่าเอาบุญ

รายละเอียด

สมมุติว่าเขาเป็นอรหันต์ อาตมาก็เป็นอรหันต์ ว่าอย่างไรมันก็สูญต่อกันไม่มีภาวะตอบโต้ระแวงขัดแย้งอะไรกัน ไม่มีหรอก ถ้าอาตมาไปด่าเขาแล้วเขาเป็นอรหันต์ก็จะไม่มีผลอะไรแต่ถ้าเขาไม่เป็นอรหันต์มันก็จะมีผลมันห้ามไม่ได้ ที่ด่านี้ด่าให้เขาเป็นบุญเอาบุญเรียกว่าให้เขาชำระกิเลส ด่าให้เกิดบุญเขาจะต้องได้เข้าใจบุญ อาตมาก็ต้องอธิบายบุญคือการลดละกิเลสอย่างไร ได้ก็คือบุญกำจัดไม่ได้ ก็ไม่ได้บุญแล้วเขายิ่งเป็นอกุศลด้วยเป็นบาปด้วย มันก็ซวยเขาโง่ทำไงได้ แต่อาตมาก็ประมาณดู ถ้าเผื่อว่าคนนี้มันมีผลสะท้อนตอบขนาดนี้ อาตมาจะพอมีภูมิละเอียดรู้ว่ามีการสะท้อนตอบมากน้อยแค่ไหน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 04:40:51 )

ด้วยปัญญาอัตตาจึงล่อนจ้อน!

รายละเอียด

ด้วย“ปัญญาอันยิ่ง(สัมมัปปัญญา)”เปิดเผย“ความลึกลับ”ของ

ความเป็น“ตัวตน”คือ“อัตตา”ต่างๆหมดสิ้น 

และ“ดับอัตตา”ทั้งหลายได้หมดสิ้นอีกด้วย 

ถึงขั้นทำแต่ละ“อัตตา”เป็น“สูญ”ได้หรือ“นิพพาน”ได้ 

กระทั่งถึงที่สุด“ปรินิพพานเป็นปริโยสาน”ทีเดียว

หนังสืออ้างอิง

หนังสือรวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 203 หน้า 170


เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2564 ( 10:57:26 )

ด้านที่เป็นอรหันต์ คือด้านที่มีหลักประกัน

รายละเอียด

ใช่ ไม่หลงสุขหลงทุกข์อีกแล้วด้วย อาตมาพูดไม่ได้แกล้งพูด ไม่ได้เสแสร้งพูดไม่ได้เอาของใครๆมาพูด แม้อาตมาเรียนตามพระพุทธเจ้า ก็พูดของตัวเองขณะนี้ ที่เข้าใจอย่างนี้แล้วเป็นอย่างนี้ ยถาวาที ตถาการี ยถาการี ตถาวาที พูดอย่างไรเป็นอย่างนั้น เพราะเป็นอย่างนั้นจึงเอาอย่างนั้นมาพูด เป็นอย่างนั้นไม่ได้มามี 2 มีแต่ 1 ยถาวาที ตถาการี เป็นหนึ่ง ยถาการี ตถาวาที ก็เป็นหนึ่ง อาตมาเป็นอย่างนี้ อาตมาถึงพูดอย่างนี้ พูดอย่างนี้ก็เพราะอาตมาเป็นอย่างนี้ 2 มันเป็น 1  มันเป็นอย่างนี้ เข้าใจให้ได้ให้ดีๆ 

เพราะฉะนั้น สัจจะพระพุทธเจ้าอาตมาเกิดมาในปางนี้จึงเห็นความจริงว่า อาตมาเกิดมาเอาความจริง มาสาธยายธรรมมะหรือว่ามาแสดงงาน ทำงานอยู่ตั้งแต่บวชมา เริ่มมาจนถึงบัดนี้ อาตมามีแต่เรื่องความจริง เอาความจริงมาเปิดเผย เอาความจริงมาขยาย สาธยาย เอาความจริงมาแจก เอาความจริงมาให้ทุกๆคน แต่คนที่รู้ความจริงไม่ได้ มันก็ช่วยยาก นอกจากความจริงไม่ได้แล้วยังไม่เชื่ออีก หรือระแวง สงสัย อย่างนี้เป็นต้น มันก็ห้ามเขาไม่ได้คนจะมี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์คือด้านมืดเจโต โพธิสัตว์คือด้านสว่างปัญญา วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม 2565 แรม 11 ค่ำ เดือน 11 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2565 ( 14:49:21 )

ตก (มาจากคำว่า “วิตก”)

รายละเอียด

(เป็นรากเหง้าของ “ตรรก”) รู้ในเหตุในผลของเรื่องนั้น สิ่งนั้นของเราซึ่งกำลังรู้กำลังเห็น กำลังสัมผัสอยู่ในจิตขณะนั้นแหละให้ดี

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 520


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:26:14 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:25:37 )

ตก , ตักกะ

รายละเอียด

1. การสร้างความรู้ด้วยเหตุผล ความคิด

2. ตริ

3. ความดำริ 

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 3 หน้า 534

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 249

จากค้าบุญคือบาป หน้า 299


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:27:19 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:26:08 )

ตกนรก

รายละเอียด

ไม่กลัวตกนรกมี 4 แบบคือ

1.เพราะไม่เชื่อ ไม่รู้ว่า "นรกมีจริง" ก็ไม่กลัวนรกเลย

2.เพราะกิเลสมาก จนด้านต่อการท้าทายนรก

3.คนหลงผิดตนเอง ว่าตนไม่ตกนรกแล้ว ทั้งๆที่ "ดับเหตุ" การตกนรกของตนไม่ได้

4.บรรลุอาริยธรรมไปตามลำดับ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 113


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2562 ( 17:03:21 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:33:48 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:05:11 )

ตกนรก

รายละเอียด

เขาให้ถูกทอดด้วยน้ำมันร้อนๆ เอาไหม? ให้ไปปีนต้นงิ้วที่มีหนามเต็มๆเลือดโทรมเลย เอาไหม…(ไม่เอา) แล้วอย่าไปทำนะ เข้าใจแล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 11:08:18 )

เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:19 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:05:51 )

ตกยุคได้ถ้ารู้ไม่เท่าทันความเจริญความประเสริฐของสังคม

รายละเอียด

สมัยเจงกิสข่าน อเล็กซานเดอร์มหาราชอะไรพวกนี้ แม้แต่สมัยฮิตเลอร์ก็ตาม มันเอาอำนาจบาตรใหญ่ของอาวุธมาเอาชนะ เดี๋ยวนี้มันตกยุคหมดแล้ว ในยุคนี้เขารู้เขาเข้าใจกันหมดแล้ว ยังเหลือพวกตกยุคอย่างนั้นที่ยังหลงในอำนาจวัตถุ อำนาจบาตรใหญ่ เช่น อเมริกาแม้แต่รัสเซียหรือจีนก็พยายาม ไม่เอาเรื่องอาวุธเข้ามาข่มเหมือน กับเกาหลีนะ พยายามเอามวลประชาชนมานำเสนอ 

จริงๆแล้วยุคนี้ เข้าใจความเจริญ เข้าใจพฤติกรรมอันประเสริฐของสังคมมนุษยชาติมันคืออะไร ถ้ารู้ไม่เท่าทันก็ตกยุคเข้าใจไม่ได้ ก็จะมะงุมมะงาหราอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเข้าใจได้นะ สำเร็จ อาตมายืนยันว่าสังคมไทยในเรื่องนี้ นำทุกประเทศ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ปฐมอโศก หนึ่งเดียวในโลกคือประชาธิปไตยไทย วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 15:08:41 )

ตถ , ตถะ

รายละเอียด

1. ของจริง , ความจริง

2. ความจริงแท้ ๆ 

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 18

อีคิวโลกุตระ หน้า175,222

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 210


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:28:42 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:26:41 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:06:33 )

ตถตา

รายละเอียด

เป็นเช่นนั้นเองแล้ว ดีคงที่แล้วโดยอัตโนมัติ นี้เป็นสัจจะของพระพุทธเจ้าที่เราต้องปฏิบัติให้เข้าถึง ตถตา ให้ได้ ระดับสาวก เป็นตถตา

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.469


เวลาบันทึก 29 ตุลาคม 2562 ( 13:03:18 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:34:09 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:07:24 )

ตถตา , ตถัตตตา

รายละเอียด

1. เป็นอัตโนมัติ 

2. ความจริง 

3. มันเป็นเช่นนั้นเอง 

4. เป็นได้อย่างนั้นจริง 

5. เป็นเช่นนี้เอง 

6. ความเป็นเหมือนเช่นนั้น 

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 536

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 29 , 31

 อีคิวโลกุตระ หน้า174 , 280

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 222


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:30:03 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:27:13 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:08:21 )

ตถตา 3 (เป็นไปเองสามนัยยะ)

รายละเอียด

1. ตถตายถากรรม (รู้เห็นเช่นนั้นๆ ปล่อยวางทิ้งแบบสมถะโลกีย์โดยลืมตาละวางแต่ไม่เกิดปัญญา - ไม่รู้เห็นปรมัตถ์) 
2. ตถตาในภาคมรรค (เห็นทุกข์จริงเช่นนั้น ในขณะฝึกลดละ) 
3. ตถตาปรมัตถ์ (จิตเกิดเป็นเช่นนั้นเอง  ได้เองอย่างปกติมี อัตโนมัติแล้ว  หรือได้สัจธรรมความว่างเป็นเช่นนั้นเอง  ในตัวแล้ว จนเกิดบารมีในตนจริงอย่างไม่แปรเป็นอื่น)
 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2562 ( 13:13:38 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:06:29 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:09:27 )

ตถตาความหมาย 3 นัยยะ

รายละเอียด

ตถตา ความหมายของตถตา แปลว่าเป็นเช่นนั้นเอง มันมีความหมายอยู่ 3 นัยยะ

  1. เข้าใจความหมายว่าเป็นเช่นนั้นเองอย่าง เก๊ อย่างไม่เข้าเรื่อง อย่างไม่เป็นสภาวะที่ไม่ควรแปลเช่นนั้น ก็คืออะไรๆก็เป็นเช่นนั้นเอง ห่านมันก็คอยาว เป็ดมันก็คอสั้น ฟักทองเครือเล็กลูกเบ้อเร่อ มะม่วงก็ต้นเบ้อเร่อลูกเล็กๆ เข้าใจอย่างนี้คุณก็ไม่ต้องปฏิบัติอะไรแต่สบายใจนะคุณก็ปล่อยวางเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นสมถะในการไม่รับผิดชอบไม่ศึกษา คุณก็จะได้สมถะปลดปล่อยปลดฟังแต่คุณก็โง่ดักดานเลย แต่คุณสบาย แบบนั่งหลับตาสะกดจิต เสร็จแล้วคุณไม่รู้จักเหตุ ไม่รู้การดับเหตุ ไม่รู้ว่าเหตุนั้นหมดหรือยังมันว่างอาการว่างเป็นอย่างไร ที่ว่างนี้ไม่ใช่ปล่อยวางอย่างทิ้งๆ อย่างที่เช่นนั้นเองแบบผ่านๆ คนโง่ทำ 

  2. เป็นเช่นนั้นเองในสภาวะของ มรรค อาริยธรรมแท้ๆ ก็เป็นการจ๊ะเอ๋กับสัจธรรม​ มันเป็นเช่นนั้นเองหรือ ต้องสัมมาทิฎฐิเป็นเช่นนี้เองหรือ กิเลสมันเป็นอย่างนี้เองหรือ จิตมันรู้จักจางคลายจิตมันบางจิตมันดับเป็นเช่นนี้เอง ทุกขั้นตอนที่คุณเริ่มต้นรู้จัก สัจธรรม จ๊ะเอ๋กับสัจธรรม นัยยะไหนก็แล้วแต่โอ้โห มันเป็นเช่นนี้เองหรือนี่คือเริ่มต้นของ มรรค สัจธรรม ตถตา 

  3. ตถาตา มันก็เป็นเช่นนั้นเองอย่างไม่เปลี่ยนแปลง เป็นนิพพานเป็นศูนย์ คุณจะเอาอะไรมาคลุกคลีเกี่ยวข้องมันก็เป็นศูนย์ของมันสะอาด ปริสุทธา ปริโยธาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา อยู่อย่างนั้น นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง (ถาวร) สัสตัง(ยืนนาน) อวิปริณามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน) อสังหิรัง(ไม่มีอะไรหักล้างได้) อสังกุปปัง(ไม่กลับกำเริบ) เป็นอย่างนั้นเองถาวรมั่นคงแน่นอน ตลอดกาลนาน จบ 

การแปล เป็นเช่นนั้นเองตถตาได้ 3 นัย นัยแรก เก๊ นัยสองกำลังจ๊ะเอ๋ ปฏิบัติ นัยที่ 3 ได้สมบูรณ์แบบ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 13:09:01 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 17:08:51 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:11:13 )

ตถตาคือลักษณะของพระเจ้า

รายละเอียด

ทุกอย่างต้องลงตัวเป็นรูปนาม ทำไมต้องเป็นเช่นนี้อาตมาเข้าใจ เป็นตถตา มันต้อง born to be เป็น axiom ทุกอย่างเป็นเหตุปัจจัยที่ต้องเป็นเช่นนี้ หากไม่เป็นเช่นนี้ก็ไม่เป็นสัจจะ ถูกแล้ว อาตมาไม่สงสัยอะไรต่างๆนานา ทำไมธรรมกายต้องเป็นแบบนี้ มหาบัวต้องเป็นแบบนี้ ไม่ได้สงสัย มันเป็นอย่างนี้มันถึงจะถูกต้อง ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ไม่ถูกต้อง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 11:02:21 )

ตถาคตา

รายละเอียด

คือ ตถาคต เป็นเช่นนั้นเอง ระดับพระพุทธเจ้า

หนังสืออ้างอิง

 “สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า.469


เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 11:23:38 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 16:34:40 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:12:14 )

ตถาคตา

รายละเอียด

ผู้ดำเนินไปชอบแล้ว ต้องเป็นผู้บรรลุถึงความสำเร็จในการดำเนินชีวิตชอบระดับพระพุทธเจ้า

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือสมาธิพุทธ หน้า 259


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:31:14 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:27:44 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:13:01 )

ตถาคตโพธิสัทธา

รายละเอียด

เชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า , เชื่อในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

หนังสืออ้างอิง

จากพุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 16,139


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:30:35 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:28:35 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:13:32 )

ตถาคตไม่สามารถปลดเปลื้องให้ทุกคนพ้นทุกข์

รายละเอียด

เพียงสองอย่างประกอบกัน คือ 1.ตถาคตเป็นเพียงแต่ผู้บอกทาง ใครถามทางแล้วก็บอกให้ 2.บุคคลทั้งหลายต้องพึ่งตนเอง ปฏิบัติด้วยตน จึงจะพ้นทุกข์ได้เอง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 26 พฤศจิกายน 2563 ( 11:30:59 )

ตถาคตไม่สามารถปลดเปลื้องให้พ้นทุกข์

รายละเอียด

คือมีเพียงสองอย่างประกอบกัน

1. ตถาคต เป็นเพียงแต่ ผู้บอกทาง ใครถามทาง แล้วก็บอกให้

2. บุคคลทั้งหลายต้องพึ่งตนเอง ปฎิบัติด้วยตน จึงจะพ้นทุกข์ได้เอง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 11:49:20 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:59 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:14:44 )

ตถาคตไม่อาจปลดเปลื้องให้ทุกคนพ้นทุกข์

รายละเอียด

มีเพียงสองอย่างประกอบกัน คือ 1.ตถาคตเป็นเพียงแต่ผู้บอกทาง ใครถามทางแล้วก็บอกให้ 2.บุคคลทั้งหลายต้องพึ่งตนเอง ปฏิบัติด้วยตน จึงจะพ้นทุกข์ได้เอง

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 27 กันยายน 2563 ( 14:12:10 )

ตถาตามีสามแบบ

รายละเอียด

ตถาตามีสามแบบ อย่างตถตายถากรรม กับตถตาอย่างว่างจากกิเลส พอทำได้ตัวแรกจะรู้เลย อ๋อ อุทาน ตถตาเป็นเช่นนี้เองหรือเราก็ amazing ตื่นเต้นอย่างนี้เองหรือ จนมันมีอย่างนี้ได้แข็งแรงนาน เป็นตถตาที่นิรันดร แข็งแรงเป็นจริงได้ตลอด คือนัยยะที่สามของตถตา

ตถตา ที่มิจฉาทิฏฐิ ก็คือแบบยถากรรม ไม่รู้เรื่องเลย ตถตาแบบที่สองคือ แบบที่รู้กิเลสแล้วทำลดได้หมดได้เป็นอย่างแรกก็ได้ผล แบบที่สามคือทำได้อย่างแข็งแรงตลอดกาล เป็นเช่นนั้นเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(เทวดา นรก สวรรค์) ตอน คู่หูของสุขกับทุกข์


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 17:31:47 )

ตถาวาที ตถาการี

รายละเอียด

พูดอย่างไรทำได้อย่างนั้นก็ทำอย่างเท่าที่ทำได้ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู จากรายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 21:52:43 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:28:18 )

ตทังค

รายละเอียด

องค์นั้น , ส่วนนั้น , ชั่วขณะ , ชั่วคราว , ชั่วเวลา

หนังสืออ้างอิง

จากกำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ.268


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:32:01 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:29:10 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:15:45 )

ตทังคนิพพาน

รายละเอียด

1. นิพพานเป็นช่วง ๆ เป็นคราว ๆ ไป 

2. สภาวะจิตที่มีหยุดมีพักลงได้ จิตว่างลงได้ เป็นช่วง ๆ เป็นโอกาส หมายเอาอาการปล่อยวางได้ด้วยอำนาจปัญญา

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า95

ทางเอก ภาค 3 หน้า 62


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:32:56 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:29:58 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:16:50 )

ตทังคปหาน

รายละเอียด

1. ประหารกิเลสได้เป็นคราว ๆ ให้จิตหยุดทำงานตรงสังขารให้ได้

2. กำจัดส่วนนั้นเป็นส่วน ๆ ไปได้ คือกำจัดส่วนที่เรารู้แจ้งชัดแล้วว่าเป็นเหตุสำคัญ คือตัณหา อุปาทาน เป็นต้น

3. มีการกระทำการฆ่ากิเลสโดยจงใจ โดยตั้งใจในจิตของตนได้เป็นช่วง ๆ เป็นคราว ๆ คือไม่ตลอดไป

4. เป็นการปฏิบัติไปตามลำดับ แบ่งไปทีละองค์ ทีละส่วน แต่ละขณะ แต่ละคราว   ไม่ใช่ปฏิบัติอย่างรวบ เหมารวมไปหมด ไม่แบ่งสัดส่วนเป็นเบื้องต้น เบื้องกลาง เบื้องปลาย

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 81 ,109

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 49

กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ.268


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:34:18 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:31:10 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:19:15 )

ตทังคปหาน

รายละเอียด

คือการปหานกิเลสได้เป็นคราวอย่างสัมมาทิฏฐิ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 14:55:34 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:36 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:20:03 )

ตทังคปหาน

รายละเอียด

ก็ปหานกิเลสได้เป็นคราวอย่างสัมมาทิฏฐิ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2563 ( 09:24:44 )

ตทังควิมุตติ

รายละเอียด

1. ถึงซึ่งวิมุตติ มีความบริสุทธิ์แห่งจิต จิตปราศจากกิเลสเป็นห้วง ๆ คราว ๆ จิตแต่ละดวงพบวิมุตติเป็นคราว ๆ  ไม่คบกับกิเลส คือกิเลสขาดจากจิต ไม่ไปร่วมทำงานกับจิตดวงนั้น ๆ

2. เริ่มทำวิมุตติได้เป็นครั้งเป็นคราว 

3. จิตดวงหนึ่งไม่ผสมคลุกเคล้ากับกิเลสเป็นครั้งคราว เป็นจิตของตัวเอง บริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นดวง ๆ  การถึงวิมุตติลักษณะนี้จึงเป็นไปในตัวคนทุกคน เกิดได้ มีได้ แม้รู้ตัว แม้ไม่รู้ตัว

4. ทำได้จริงตั้งแต่ฝืนจิต อดจิตได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 81 , 109 ,515

ทางเอก ภาค 3 หน้า 224


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:36:09 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:31:47 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:22:07 )

ตทา

รายละเอียด

ในกาลนั้น

หนังสืออ้างอิง

กำไร-ขาดทุนแท้ของอาริยชน / เราคิดอะไร ฉบับ.268


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:36:44 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:32:15 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:23:23 )

ตน

รายละเอียด

นิดหนึ่ง , หน่อยหนึ่ง , ความเกิดอันใหม่ , ความสืบต่อที่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ว่าตัวก่อความเกิดดี หรือเลวแท้ให้แก่โลก

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 370


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:37:16 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:32:50 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:24:15 )

ตน

รายละเอียด

คือ พยัญชนะ“ต + น” ซึ่ง“ต”ก็คือ “นั้น,เขา,มัน” คือความมี ส่วน“น”ก็คือ “ไม่,หามิได้” คือความไม่มี รวมความแล้ว“ตน”มีทั้ง“ความมี”และ“ความไม่มี” เป็น“ธรรมะ2”ที่ต้องเรียนรู้ตาม“สมมุติ”ที่“คน”สมมุติกัน เมื่อสภาวะของคำว่า“ตน”คือ สภาพของสิ่งที่มีตั้ง ขึ้น-ปรากฏขึ้น เมื่อถึงขั้นชีวะ ก็มี“อัตตา”เป็น“ตัวตน”

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 371


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 15:14:24 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:48 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:26:00 )

ตน เจริญกว่า ตต

รายละเอียด

คนอยู่ในฐาน ตน เจริญกว่า ตต ถ้าเป็นอัตตา นี้ ตต ถ้าเป็น ตน หรือยิ่งมีอายตนะ มีประโยชน์ มีรายได้คุณค่า อายะคือ ประโยชน์ เป็นสิ่งที่เจริญ มีสิ่งที่ดีที่ได้ขึ้นมาโดยสัมมาทิฏฐิ โดยสัมมาปฏิบัติ สัมมาปฏิเวธ เป็นอายะขึ้นมา เป็นประโยชน์ขึ้นมา คุณก็จะลด ตต มาเป็น ตน จาก ตน ก็เหลือ ต ตัวเดียว จาก ต ตัวเดียวก็เหลือ น ตัวเดียว จาก น ตัวเดียวก็หมดเลยเป็น 0 เหลือแต่ สย

เศษวรรค ตัวที่ 5 คือ ส ตัวครึ่งนึงของ 9 เป็นพลังงานเต็มเอาไว้ครึ่งเดียว เอามาทำงานรู้  4 กับ 4 ตัว 5 นี้เป็นตัวพลังงานของ 4 กับ 4 

4 เป็นพลังงานที่ควบคุม 3 ได้ก็ใช้ 4 นี้จัดการ 4 กับ 4 ได้ เป็นผู้มีวสวัตตี มีอำนาจเหนือควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ 

เป็นพยัญชนะที่สื่อสภาวะให้ฟัง ไม่ใช่เรื่องที่เดาเอา แต่เป็นเรื่องสภาวธรรมจริงที่อาตมาพูดอย่างมั่นใจไม่ได้พาให้คุณฟังเรื่องเลอะเทอะ เป็นเรื่องสาระศรัทธาที่ละเอียดลึกซึ้งมาก ใครพอเข้าใจก็จะเข้าท่า  มีหวังเป็นอรหันต์ ใครฟังเข้าใจบ้างไม่ได้บ้างก็ก้าวหน้าไป ใครที่ฟังเข้าใจไม่ได้ก็พยายามทำความเข้าใจเอา ส่วนที่เราพออยู่ในฐานที่เราเข้าใจศึกษาไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม ปฏิบัติศีล ให้ถึงอรหัตตผลโดยลำดับ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 พฤษภาคม 2564 ( 15:33:10 )

ตนะ เป็นพยัญชนะสิริมหามายา

รายละเอียด

ถ้าคุณเข้าใจเรื่องรูปกับนาม รูปเป็นเรา นามไม่ใช่เรา เป็นภาษาสิริมหามายา คุณก็ต้องดับรูปให้ได้ก่อน คุณก็ต้องดับตัวที่ไม่ใช่เราให้ได้ก่อน ฆ่ามันได้ คุณก็เหลือ 1 เป็นตัวตั้ง ตนะ อายะคือตัวนาม ตนะคือตัวรูป 

แต่จริงๆแล้วพยัญชนะมันก็บอกว่า มันไม่ใช่ตัวตนหรอก ตนะ เป็นพยัญชนะสิริมหามายา เป็นตัวตนแต่ไม่ใช่ตัวเราของเราหรอก พยัญชนะ หรือสิ่งที่สมมุติที่เรียกว่าตน สิ่งที่เป็นปรมัตถ์มันเป็น 0 มันไม่มีตัวตน คือ น ไม่มี ตัวตน ตัวที่ตั้งอยู่ มันก็ไม่มี 

ตะนะ สิริมหามายา ถ้ายังมีตัวตนก็ยังมีอวิชชา คุณเป็นผู้มีวิชาก็รู้ว่าอาศัยมันเท่านั้น ตัวนี้ตั้งอยู่นะ แต่มันไม่ใช่ตัวตนหรอก มันเป็นอนัตตาไม่มีตัวตนหรอก ไม่มี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เจโตปริยญาณ 16 และ
ปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 เมษายน 2564 ( 05:02:00 )

ตนเป็นทายาทของกรรม

รายละเอียด

กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตติโลโก  กรรมเป็นของตนแต่เพียงผู้เดียวไม่มีถ่ายทอดให้ใครได้ ใครจะรับมรดกจากกรรมของเราไม่ได้ กรรมของเราดีชั่วบาปบุญของเราเองคนเดียว ไม่มีผู้ต่อ แบ่งให้ลูกให้หลาน แบ่งผู้ที่จะรับช่วงจากของเราไม่ได้ กรรมเป็นของของตน ตนเป็นทายาทของกรรม ตนรับมรดกกรรมของตนเองรับแต่เพียงผู้เดียว ทำให้เป็นของใครอื่น จะสืบทอดเป็นมรดกให้คนอื่นไม่ได้ เป็นของตนเท่านั้น 

แค่กรรมเป็นของของตน ตนเป็นทายาทของกรรม พยัญชนะว่าอย่างนี้ ก็ยังเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ ถ้าผู้ใดสัมมาทิฏฐิแล้วจะรู้เลย เรื่องกรรมนี้อย่าไปคิดต่อกับใครเลย เป็นเรื่องของตนทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นกรรมที่เป็นกุศลหรืออกุศลแบบโลกีย์

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2566 พิธีน้อมกตัญญูบูชา วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน 2566 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2566 ( 19:38:58 )

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน นี่แหละคือศาสนาพุทธ

รายละเอียด

ไม่เห็นตอไม้ทำไมไปชนถูก…(ขำขัน) เป็นมุข นี่เป็นภาษาสิริมหามายา ก็ไม่เห็นตอไม้ก็เลยชนถูก อ้าวจะชนให้ถูกมันต้องเห็นสิ ไม่เห็นจะไปชนถูกได้ยังไง นี่ ภาษาสิริมหามายา

มันเป็นปฏิภาณปัญญาที่เรียนรู้แล้ว แล้วก็ระลึกว่า อย่างนี้เรียนรู้แล้วมันเป็นไปเพื่อที่จะหวังอะไรตอบแทนอะไรไหม มันก็มีบ้าง มีระลึกถึงผู้สอนอย่างนี้ ผู้ทำความเข้าใจให้เราอย่างนี้ เอ๊! เราทำถูกตามที่สอนหรือไม่? อะไรๆ ยังไง จริงๆ แล้วถ้าเข้าใจอยู่แล้วมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ที่ถามมานี่ก็ถามเพื่อความแน่ใจว่า เราอ่านอาการของจิตของเรายังไม่ชัดว่านี่เราขอหรือเปล่า เรามีความหวังเพื่อจะให้ได้พึ่งหรือเปล่า 

ที่จริงแล้ว ธรรมะพระพุทธเจ้านั้นไม่มีอะไรใครช่วยใครหรอก มีแต่ตนเองช่วยตนเอง อัตตาหิ อัตโนนาโถ โกหินาโถ ปโรสิยา ตนของตนพึ่งตนเอง ไม่มีใครเป็นที่พึ่งเราได้ โกหินาโถ ปโรสิยา เราพึ่งตัวเองเท่านั้นเป็นที่สุด 

แต่นี่คำสอนของผู้ที่รู้แล้ว สอนอะไร สอนให้คุณพึ่งตนเอง สอนให้คุณรู้ว่าไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งของคุณได้หรอก เป็นภาษาสิริมหามายาก็คือ พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งสูงสุดของเรา ภาษากลับกัน ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งของเราหรอก  อ้าว! ก็พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งสูงสุดของเรานะ คำสอนของท่าน แล้วเราเอามาปฏิบัติจริง ถ้าเราปฏิบัติได้ถึงขั้นว่า ก็เราต้องพึ่งตัวเองนั่นแหละ ต้องระมัดระวัง มีสติสัมปชัญญะปัญญา ทุกอย่างเกิดจากตัวเราเองทั้งนั้น ทำได้บริบูรณ์คือเราเข้าใจแล้วและปฏิบัติได้ตามที่เราเป็น มันเกิดผลยังไง ก็คือเราเป็นอย่างนั้น ตามที่เรามีปฏิภาณปัญญาและพลังงานจริง มันช่วยทำให้เราทำสำเร็จเป็นอย่างนั้น ปฏิบัติหรือประพฤติได้เป็นอย่างนั้น กระทำอย่างนั้นได้ หกคะเมนตีลังกาอย่างนั้นได้ อะไรก็ตาม หรือว่าคุณจะทำการทาน ช่วยคนอื่น การสร้างสรร การประกอบการอะไรทุกอย่าง จะทำการทุจริตหรือสุจริต ก็คุณนั่นแหละเป็นตัวเจ้าของของคุณ กัมมัสโกมหิ กัมมทายาโท กัมมโยนิ กัมมพันธุ กัมมปฏิสรโณ กัมมังสัตเตวิภัชติ กัมมุนาวัตตตีโลโก  เป็นของคุณทั้งนั้น คุณก็ต้องรับผลกรรมของตัวเองทั้งนั้น 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #47 อโศกมีแค่แสนจะสืบแก่นศาสนาได้อย่างไร วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2566 ขึ้น 8 ค่ำ วันพระน้อย เดือน 12 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 09 มีนาคม 2567 ( 16:13:37 )

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนไม่ต้องพึ่งพระเจ้า 

รายละเอียด

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนไม่ต้องพึ่งพระเจ้า คุณว่าข้อไหนถูกต้อง เทวนิยมเขาจะบอกว่าข้อ 3 นี่แหละพระเจ้าช่วยลูกเดียว บอกว่าอันนี้ถูก ทุกอย่างพระเจ้าช่วยทั้งนั้น หรือพระเจ้าจะลงโทษก็เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า 

ข้อ 1 ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อันนี้เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คำว่า จงช่วยตัวเองก่อน แล้วพระเจ้าจะช่วยท่านเป็นคำสอนของศาสนาคริสต์ ศาสนาพระเจ้าเขาเหมือนกัน ฉลาดนะ 

อันนี้ถูกต้องพระพุทธเจ้าสอนให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนจนเป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ คำที่ว่าช่วยตัวเองก่อนแล้วพระเจ้าจะช่วยก็ถูกอีก เพราะฉะนั้นช่วยตัวเองพ้นทุกข์จบกิจแล้ว พระเจ้าก็ไม่ต้องมาช่วย เสร็จแล้ว ก็ต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนเสร็จแล้ว ส่วนที่บอกว่าพระเจ้าจะช่วยทุกอย่าง อย่างนั้นเป็นเทวนิยม หรือไม่เชื่อว่าตัวเองจะมีอิสรเสรีภาพ จะทำอะไรจบสูงสุด หมดได้ ก็เป็นศาสนาที่ไม่สมบูรณ์ เป็นศาสนาที่ยังไม่จบกิจ เป็นศาสนาที่ยังไม่เสร็จสิ้น 

 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สังคมของคนที่ตายจากกิเลสจนเป็นพระอาริยะ วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 ตุลาคม 2565 ( 11:22:19 )

ตนแลเป็นที่พึ่งของตนนอกจากตนแล้วพึ่งใครไม่ได้

รายละเอียด

ใช่แล้วศาสนาพุทธมีจุดสูงสุดที่สุด แต่ว่าที่เขาหันเหไปนั้นก็เป็นเรื่องของสิทธิ์แต่ละคน เขาอาจจะมีเพื่อนเตือนแล้ว อาจจะเตือนแล้วเตือนอีกเขาก็ไม่อยู่ก็เป็นส่วนตัวของเขา อันนี้เป็นเรื่องสูงสุดแล้ว ตัวใครตัวมัน พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่าอัตตาหิอัตตโนนาโถ โกหินาโถปโรสิยา ตนแลเป็นที่พึ่งของตน นอกจากตนเองแล้วพึ่งใครไม่ได้

แม้แต่ผู้เป็นพี่ แม้แต่ผู้เป็นอาจารย์ ในกาลามสูตร พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดไม่ต้องเชื่อแม้แต่เป็นศาสดาเรา ให้เชื่อในตัวเองที่รอตัดสินพิจารณาแล้วเป็นที่ประจักษ์ สูงสุดพระพุทธเจ้าให้อิสระทางความคิดความรู้เอง เป็นคนพิพากษาตัดสินเอง สุดยอดอิสรเสรีภาพ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:39:22 )

ตรงไปตรงมา

รายละเอียด

อาตมาแสดงธรรมไม่ใช่เพื่อคนชอบหรือไม่ชอบ  อาตมาไม่เล้าโลมใจใคร อาตมาแสดงธรรมด้วยความตรงไปตรงมา จนอาตมาได้ฉายาว่าขวานจักตอก แต่ไหนแต่ไรมาอาตมาไม่ได้ไปปะเหลาะ ไม่ได้ไปเอาใจใคร เพื่อคัดคน 

เพราะฉะนั้น อาตมาทำงานมาถึง 50 ปีกว่าแล้ว อาตมาถึงได้คนที่ไม่เลอะเทอะ หากไม่ทำอาตมาจะได้คนอ่อนแอ อนุโลมเข้ามาหาอาตมา อาตมายุ่ง บริหารไม่ไหว อาตมาไม่เก่งถึงขนาดนั้น ไม่ต้องการคนหมู่มากด้วยปริมาณ อาตมาต้องการได้คนคุณภาพ เพราะฉะนั้นอาตมาจึงทำอย่างนี้ เข้าใจให้ได้เข้าใจให้ดีๆ อาตมาว่าทำไม่ผิดหรอก อาตมามีเจตนาอย่างไรและเข้าใจว่าควรทำอย่างไร อาตมาก็ทำอย่างที่พูด 

ที่เขาไม่ชอบแน่นอน เพราะเขาถูกตำหนิ อาตมาไม่ได้ตำหนิธรรมดา ตำหนิแรง ตำหนิหนัก ตำหนิยกอ้างพระไตรปิฎก ยกอ้างสัจธรรมทุกอย่าง ขยายความมากมายเลย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ทศพิธราษฎรธรรมมีจริงในชาวอโศก วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม 2565 แรม 8 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 ธันวาคม 2565 ( 18:42:54 )

ตรรก , ตักกี

รายละเอียด

คิดคาดรู้ หรือนึกตาม

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 150


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:37:43 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:33:17 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:26:54 )

ตรรก , วิตก

รายละเอียด

ดำริ

หนังสืออ้างอิง

จากคนคืออะไร? หน้า 419

 


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:38:14 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:33:48 )

ตรรกศาสตร์

รายละเอียด

ศาสตร์ที่ได้แต่รู้เหตุผลเพียงเข้าใจ แต่ยังมีไม่ได้ ยังเป็นไม่จริง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 2


เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2562 ( 07:39:05 )

เวลาบันทึก 02 พฤษภาคม 2563 ( 18:34:40 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:27:50 )

ตรวจความเป็นอรหันต์ได้อย่างไร

รายละเอียด

ไล่ไปตามขั้นไง ตั้งแต่ศีลข้อที่ 1 เกี่ยวกับสัตว์ แล้วสัตว์ก็ไม่ต้องไปเยอะอะไร สัตว์เดรัจฉาน สัตว์ต่างๆนั้นเลิกกันเลย พูดมาแล้วหลายที สัตว์เดรัจฉานต่างๆนั้นปล่อยเขาอยู่ตามยถากรรม มาเรื่องคนนี่แหละ สัตว์คนนี่แหละ กระทบสัมผัสกัน ดูกิเลสที่คนนี่แหละ เราจะมีวิบากต่อกันแล้วถือสากันและกันอยู่อย่างไร อาตมาว่า พวกคุณไปสัมผัสกับคนข้างนอกเขานี่มันง่ายแล้ว กิเลสคนข้างนอกเขาแสดงกับเรา ดีไม่ดีอาตมาก็ปรามไว้แล้ว อย่าไปดูถูกเขาไปว่าเขา เขาจัดจ้านอยู่ก็เรื่องของเขา เขาน่าสงสาร  

เพราะฉะนั้นคนข้างนอกคุณสัมผัสแล้วมาถือสากันเองในนี้นี่แหละ พวกเราไม่หยาบคายอะไรมากมายแล้ว แต่ก็ยังแรงยังถือสา คุณจะถือสากันไปอีกนานเท่าไหร่ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหารย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 08:12:43 )

ตรวจดูโลกนี้ โลกหน้าในตน

รายละเอียด

ไทยมีเชื้ออันนี้ อาตมาตอนแรกก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่า เราเกิดมาไม่รู้ว่าเราเป็นใครไม่รู้ว่าเราต้องทำอะไร แต่เดี๋ยวนี้รู้หมด อาตมาเป็นใครต้องมาทำอะไร อันนั้นคืออะไร อันนั้นคือโลกุตรธรรม เพราะฉะนั้นถ้าคนเราสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริงโลกุตรธรรม แล้วสามารถปฏิบัติให้จิตเป็นโลกุตตรจิตได้ ตั้งแต่โสดาบันขึ้นมา เข้ากระแสโลกุตระ จนเป็นสกิทาคามีอนาคามีอรหันต์ในพวกเรา ยังไม่เข้าใจอรหันต์ได้ง่ายๆ ยังไม่สรุปลง สรุปลงก็เป็นอรหันต์ได้แต่ละคน 

ตรวจดู 1 ตรวจดูกาม นี่ง่ายที่สุด อบายมุขในพวกเราไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่มีแน่นอน กามกระทบตาหูจมูกลิ้นกาย 5 ทวาร มันยังมีอาการอยู่ในใจ อย่างข้างนอก กามเขายั่วยวนอย่างไร เราไม่รับแล้วก็อย่าไปชัง ถ้ายังชังก็ยังผิด มันต้องมีเป็นธรรมดาธรรมชาติ เราไปห้ามเขาไม่ได้ในรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสที่มันจะจัดจ้านของมัน ทุเรียนก็ต้องจัดจ้านในตัวทุเรียน มะนาวโห่ก็จัดจ้านอย่างมะนาวโห่ มะม่วงก็จัดจ้านอย่างมะม่วง มันก็เป็นไป ใครชอบจัด บางคนบอกทุเรียนกับมะม่วงไม่เอาหรอกทุเรียนเอามะม่วง เขาชอบมะม่วงไม่เอาทุเรียนเพราะมันเหม็น เขาก็ไปติดมะม่วง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ประกาศโลกนี้โลกหน้า
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน 2564 แรม 13 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 31 กรกฎาคม 2564 ( 12:15:50 )

ตรวจลักษณะ 2 คือ...

รายละเอียด

กระนั้นก็ดี ท่านก็ยังให้ตรวจอีกในลักษณะ 2 คือสมาธิกับปัญญา สมาธิคือ สมาหิโต ปัญญาคือ วิมุติญาณทัสนะ 

13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว) 14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)  15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) . . .  16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) . (พตปฎ. เล่ม 9   ข้อ 135)  

สมาหิโตคือ สมาธิที่เกิดจากจิตได้ปฏิบัติลดละกิเลสแบบเจโตปริยญาณ ไม่ใช่ไปนั่งหลับตาเอาเจโตปริยญาณไปยืนยันกับพวกสายหลับตา ซึ่งเขาไม่มีเลย ไม่รู้เรื่องเลยไม่ได้แยกไม่ได้วิจัยวิจารณ์อะไรพวกนี้เลย มีแต่ ดับๆๆ เพ่งๆๆ กดๆๆ หยุดๆๆ เลิก หยุด ซึ่งมันง่ายๆ อย่างนั้นมันตื้นๆซื่อๆ ระนาบเดียว แต่นี่ของพระพุทธเจ้าสภาพหมุนรอบเชิงซ้อนเยอะมากมาย คัมภีราวภาโส หรือ ปฏินิสสัคคะหรือ ปฏินิสรณะ,นิสสัคคะ ไม่มีสวรรค์ หรือนิสรณะคือ ไม่ต้องมีที่พึ่งอีกเลย แต่เขาไปแปลว่า สรณะเป็นที่พึ่ง 

สรุปแล้ว ทำวิธีปฏิบัติของพระพุทธเจ้านี้ให้เกิดฌาน ก่อนเกิดสมาธิ สมาธิต้องเป็นสมาหิโตด้วยนะ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 สิงหาคม 2565 ( 14:46:27 )

ตรวจสอบการบรรลุธรรมด้วยใจที่หลุดพ้นกับปัญญาที่รู้แจ้ง

รายละเอียด

ถูกต้อง ใช่นะ เมื่อตรวจสอบแล้วตามหมวดธรรมต่างๆ แล้วเราบรรลุผลตามธรรมคำสอนพระพุทธเจ้า หลายหมวดก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น ถ้าหากหมวดใดที่เราดูแล้วยังไม่สมบูรณ์เราก็ทบทวนดู แล้วก็ปฏิบัติเข้าให้มันชัดเจน ว่ามันขาดตกบกพร่องก็ทำต่อ แต่ถ้าตรวจแล้ว 2 หมวด 3 หมวด 4 หมวด 5 หมวด 6 หมวด 7 หมวด 8 หมวดมากเท่าใด มันก็ยิ่งเป็นคำตอบ ได้คำตอบว่าเราหลุดพ้น สมจริงตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอนมา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 32 วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 25 มีนาคม 2564 ( 20:45:04 )

ตรวจสอบความจริงที่มีกิเลสถึงขั้นสาสวะด้วยทิฏฐกาละในปัจจุบันขณะ

รายละเอียด

คำว่า ความจริง อาตมาก็อธิบายไว้ ความจริงมันมีอยู่ในปัจจุบันขณะ เรียกว่า ปัจจุบันชาติ เรียกภาษาบาลีว่า ทิฏฐกาละ เวลาขณะนั้น ปัจจุบัน ทิฏฐะ ปัจจุบันนั้น ต้องเป็นสภาพที่จะเรียกว่าความจริงได้ก็ต้องลืมตามีแสงสว่าง แสงสว่างของพระอาทิตย์ อาโลก ไม่ใช่ไปหลับตาแล้วก็ไป ใสๆๆๆ อย่างที่พวกธรรมกายเขาทำกันก็ไม่ต้องพูดถึงเลย มันผิดไปหมดแล้ว หลับตาเฉยๆก็ผิดแล้ว 

หลับตามันก็ต้องมืด แล้วดันหลอกกันว่ามีความสว่างใสๆๆ อยู่ในการหลับตาอีก ธัมมชโยเอ๊ย มันจะวิปริตไปถึงขั้นไหน สายหลับตามันมืด ทางสายอาจารย์มั่นยังไม่มีความวิปริตเท่าไหร่ ก็มีความมืดแน่นอนมืดเข้าไปดับให้นิ่งๆ ก็ว่าไป เป็นประเภทรูเดียว ก็ไม่ผิดหรอกจะไปรูนี้ แต่คุณหนักเข้าไปใหญ่ แต่ถ้าเป็น 2 สภาพคุณสับสนเลย  คุณจะให้เป็น 1 คุณจะเอาเคลื่อนไหวเร็วแล้วก็หยุดแล้วก็ให้ไวอย่างไร มันสับสน มันแยกไม่ออก มันไปตีกิน แล้วก็ตีกินหลอกลวงกันชนิดที่ซ้ำซากด้วย 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะ ฌาน สมาธิ ของพระอรหันต์เป็นเช่นไร วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 สิงหาคม 2565 ( 14:20:55 )

ตรวจสอบความเป็นอรหันต์จากกิเลสกระทบภายนอก

รายละเอียด

ตัวเองคงจะเข้าใจว่าอรหันต์คืออะไรยาก และควรจะจบตัวเองว่าเป็นอรหันต์แล้วก็ยาก เพราะเป็นนัยละเอียดของจิต ซึ่งจิตมันจะรู้ระดับกลาง ละเอียด ในความกลางและละเอียดพระพุทธเจ้าก็สอนไว้หมดว่ามันมีระดับนอกเป็นกามภพ ระดับกลาง รูปภพ หมายความว่าข้างนอกกิเลสเราดับจริงๆ ข้างนอกจะมีอะไรที่เราสัมผัสสัมพันธ์อยู่มากระทบมากระแทกกระทุ้งมาอยู่ๆก็ไม่มีผลอะไรอยู่เหนือมันได้ จะมาเจตนายั่วยวนกระทบกระทั่งกระแทกกระทุ้ง แรงขนาดไหนก็อยู่ที่ฐานะของแต่ละบุคคลที่มีบารมี ก็สงบนิ่งไม่มีกระเพื่อมไม่มีอะไรหวั่นไหวเลย อาเนญชา นี่เรียกว่าสมบูรณ์แบบของกิเลสกระทบภายนอก พวกเราก็รู้ก็เข้าใจฟังอธิบายตรวจสอบก็ตรวจตัวเอง อรหันต์เข้าขีดแล้ว ไปตรวจต่อ กิเลสขั้นกลาง ข้างใน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 12:01:14 )

ตรวจสอบดูมีอะไรผูกพันอยู่

รายละเอียด

ตรวจสอบดูซิว่าอะไรที่เป็นภาระที่ดึงเราอยู่ ปุตโตคีเว ทนังปาเท สามีภริยาหัตเถ ลูกผูกคอ ทรัพย์ผูกมือ คู่ผูกขา ก็ตรวจสอบมีอะไรผูกพันอยู่ ถ้าตรวจสอบแล้วก็เห็นว่าลูกก็ไปได้เรียบร้อยแล้ว เงินทองก็ไม่ได้ติดอะไรมากมายไม่ต้องอะไรมากหรอก เอาตัวกับหัวใจมา ทรัพย์สินเงินทองใครอยากได้ก็ให้เขาไปเถิด เรื่องคู่ ถ้ายังมีอยู่ก็พยายามเลิกราปลดปล่อยให้ได้ คนเราก็มีวิบากด้วย มีความพยายามพากเพียรของเราด้วย 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 14:13:52 )

ตรวจสอบตนแหลมคมหรือเลอะเทอะ

รายละเอียด

อาตมาพูดไปแล้วถ้าโกหกก็ได้บาป ได้นรกอเวจีของตัวเองจะทำไปทำไม อาตมารู้ก็จะไม่ทำ แล้วอาตมาก็ไม่ทำได้แล้วด้วย หากอาตมาไม่รู้อาตมาก็ทำหรือแม้แต่หลงเข้าใจผิดก็ต้องทำมันก็เป็นเรื่องของอาตมาก็สมน้ำหน้า ตัวเองไม่รู้แล้วบอกว่ารู้แล้วก็ทำไปเรื่อยๆ ไม่รู้แล้วก็หลงว่ารู้ ไม่ถูกแล้วเราก็หลงว่าเราถูก ใครจะไปช่วยได้ก็ตัวเองทั้งนั้น ดันทุรัง อาตมาก็ต้องตรวจสอบความละเอียดพวกนี้ว่าเราอย่าเผลอไปนะ เผลอไปตัวเองก็ยิ่งตายลูกเดียว แล้วหนักหนาเข้าจะเลอะเทอะ จะเห็นได้ ดูต่อไปในอนาคตว่าอาตมาจะเลอะหรือไม่หรือจะยิ่งแหลมคมขึ้น แต่มันจะมีลืม อายุมากขึ้นก็จะลืม แต่ลืมกับเลอะไม่ใช่อันเดียวกันนะ อาตมาไม่เลอะ แต่แน่นอนลืมได้สัญญาไม่เที่ยง แต่เลอะสัญญาวิปริต วิปลาส วิปลาส เป็นชั่วคราว แต่วิปริตถาวรเลย  นัยละเอียดของพยัญชนะที่สื่อให้รู้สภาวะ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:18:00 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:50 )

เวลาบันทึก 09 สิงหาคม 2563 ( 19:29:43 )

ตรวจสอบตัวเองให้ดี 

รายละเอียด

แต่สัญญา 1 วิจิกิจฉา 1 กำหนดไม่แม่น ตัดจบของตัวเองไม่ได้ สัญญามันขึ้นมาหลอก สัญญาคือความจำ มันเคยสุขอย่างนี้ เคยได้อย่างนี้ เคยมีอย่างนี้วนอยู่นั่นแหละ ก็เอ็งไปเอาหรือเปล่าตอนนี้ก็ไม่ได้เอาแล้ว มานั่งคิดมาวนซ้ำซากอยู่ทำไม ตรวจให้ดีๆนะ ใจตัวเองเป็นทาสสัญญา เป็นทาสความจำ เป็นทาสความหลงเข้ามาวนเวียนอยู่นั่นแหละ เคยสุขอย่างนั้น ก็ไม่เอาแล้ว มาอยู่ที่นี่แล้วก็ไม่เอาแล้ว จะให้ไปเอาอย่างนู้นก็ไม่เอา จะบ้าหรือเปล่า เห็นไหมว่าเป็นสัญญาวิปลาส สัญญามันพาให้วิปลาส วิปลาสคือบ้านะ สัญญามันวิปลาสเห็นไหม ตรวจสอบตัวเองให้ดี 

มันไม่สมบูรณ์แบบไม่ลงตัวทั้งๆที่ทำได้แล้วให้ไปเอา ก็ไม่ไปเอาแล้ว แล้วทำไมยังซ้ำแซะอยู่ในจิตวิญญาณของตัวเอง วนคิดอยู่นั่นแหละแล้วมันก็เลยเหลือภพ เหลือชาติ ถ้าคุณเข้าใจชัดแล้วก็ไม่ไปวนก็จบภพจบชาติในตัว อย่างน้อยเป็นอนาคามีอย่างที่อาตมาว่า ก็นี่มันสำคัญตัวเองผิดต่างหากเล่า คุณจะไปเอาหรือลาภยศสรรเสริญอย่างที่ว่านั้นก็ไม่เอา แม้แต่สรรเสริญคุณก็ไม่เอา สุขอย่างโลกีย์ คุณก็ไม่เอาแล้ว จะเอาไม่สุขไม่ทุกข์ จะเอาสุขสงบอย่างนี้ แล้วมันคืออะไร 

ให้คะแนนตัวเองไม่ถูก มัน นามธรรมเนาะ คือจิตเจตสิกตัวเอง มันไม่ง่ายที่จะรู้แล้วจะจบให้มัน จะรู้ความสำเร็จให้มัน และเรียนรู้ปฏิบัติตามทฤษฎีของพระพุทธเจ้าให้เจริญงอกงามไพบูลย์เป็นที่สุดได้จริง ถ้ากำหนดหมายได้ชัดจึงสามารถรู้จักรู้แจ้งรู้จริง“อาการของจิตวิญญาณ” ต้องอ่าน อาการ ลิงค นิมิต ตามอุเทส คือสิ่งที่อาตมาพูดนี้ ชนิดที่แยกเป็น“เจตสิก”ย่อยออกไปละเอียดลออ ถึงขั้นสามารถทำ“เวทนาเจตสิก” นี่แหละคือจุดสำคัญ จะรู้จักความรู้สึกที่อ่านได้ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันจะต่างกันอย่างไร ความเป็นจิตเจตสิกที่มันมีสภาพ มีอาการของมันว่า เวทนา คืออาการอย่างไร สัญญา คืออาการอย่างไร สังขารคืออาการอย่างไร นี่คือเจตสิก 3 ของวิญญาณ ที่พระพุทธเจ้าท่านละเอียดลออแยกมาให้เห็นอาการของความจริงปรมัตถ์ที่จิตเราเป็น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2566 ( 11:55:25 )

ตรวจสอบผลการเดินมรรคในโพชฌงค์ 7

รายละเอียด

3 องค์นี้ทำงาน มันก็จะเกิดผลสำเร็จเป็นผล เริ่มต้นเป็นผล เริ่มต้นเดินมรรคมีผลไปตามลำดับ มันก็จะเกิดความยินดีด้วยความปิติ ใช่ ตรวจสอบผลของการมีปีติ คือทำให้มันมีปัสสัทธิ ทำให้มันสงบ ทำให้มันบริบูรณ์ ให้มันมีคู่ตัวเคลื่อนกับตัวหยุด ก็ทำตัวหยุดหรือตัวดับกิเลส เพราะคนมันไม่ดับ คนมันอวิชชา คนมันมีแต่เกิดๆๆ ทำแต่ตัวชาติ ไม่ทำตัว 0 ตัวดับ ทำแต่ตัวมี ไม่ทำตัวไม่มี พอทำได้ก็จะตกผลึกเป็นปัสสัทธิ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โพชฌงค์ 7 สัปปุริสธรรม 7 โดยพิสดาร วันพุธที่ 14 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 เมษายน 2564 ( 19:33:42 )

ตรวจสอบวิมุติญาณทัสนะ

รายละเอียด

ผู้ที่มีปัญญาปฏิภาณฉลาดอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ไปสร้างอย่างนั้น มาทำปรินิพพานให้สมบูรณ์ ทำจิตให้เป็นพีชะได้ มนสิการทำจิตเราให้เป็นพีชะ อุตุได้ ชัดเจนตั้งแต่ตอนเราเป็นๆจนชัดเจนสมบูรณ์ ตายแล้วไม่มีเศษเหลือที่จะต้องมาวนเวียนกันอีกนะ มีวิมุติญาณทัสนะ ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก เตวิชโช อย่าว่าแต่เตวิชโชเลย ตรวจสอบด้วยเจโตปริยญาณ ตรวจสอบทุกอย่าง ทั้งภาคปฏิบัติ จรณะ 15 วิชชา 8 ตรวจสอบไปจนกระทั่งขยายเป็นโพธิปักขิยธรรม 37 กายคืออย่างไร คู่กายในกาย คู่เวทนาในเวทนา คู่จิตในจิต คู่ธรรมในธรรม

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิธีจบนิยาม 5 จบนิยายของตนอย่างนิรันดร วันจันทร์ที่ 26 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 พฤษภาคม 2564 ( 05:11:32 )

ตรวจสอบสภาวะจริงจากผัสสะเกี่ยวกับสัตว์ สิ่งของ ตาหูจมูกลิ้นกาย

รายละเอียด

คุณก็พากเพียรอีกให้มากขึ้น อย่างไรที่คุณมาปฏิบัติคุณตรวจสอบสิ คุณทำอย่างนี้ตามหลักเกณฑ์ของศีล ประโยชน์มันได้อย่างนี้ อาการอย่างนี้ มันทำให้กิเลสของเรา เพลา หายดับไปอย่างนี้ เอาสภาวะจริงพวกนี้ตรวจสอบ แล้วคุณจะเข้าใจว่า ไปทำอย่างนี้กิเลสดับหายไป คุณรู้ตัวอย่างพวกนั้นแล้ว ก็มาทำกิเลสตัวอื่นที่อ่านออก อย่าไปดูองค์รวมว่าออกจากหลุมถ่านเพลิง แต่เอาผัสสะ เกี่ยวกับสัตว์ เกี่ยวกับของ เกี่ยวกับตาหูจมูกลิ้นกายนี่แหละ 3 หลักใหญ่ 

ถ้าไม่ศึกษาเหล่านี้ กับตัวที่จะก่อกิเลสคือตา หู จมูก ลิ้น กาย สัมผัส ต้องเรียนรู้การก่อกิเลส แล้วก็ป้องกันลดกิเลสเดิม อย่าให้กิเลสมันเกิดแล้วลดกิเลสเดิม จนกระทั่งกิเลสเดิมหมด กิเลสใหม่ ไม่มีสิทธิ์เข้ามาอีกคุณก็จะจบได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ผู้อยู่ป่าเป็นผู้เสื่อมผู้อยู่เมืองเป็นผู้เจริญ วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 21:20:28 )

ตรวจสอบสภาวะจริงในอรหัตตผล

รายละเอียด

ตรวจสอบตัวเองให้ดีๆ เดี๋ยวจะเป็นเหมือนอย่างที่ใครๆ ว่า เดี๋ยวอโศกจะมีอรหันต์เดินชนกันหัวแตก พวกเรามีพระอรหันต์ เป็นพระอรหันต์ได้แล้ว แต่มันเลยเป็นความรู้มากกว่าความจริง ความรู้มันมีเลยเถิดไป มันเลยสรุปไม่ลง

เป็นเรื่องสำคัญมากตรวจสอบให้ดี ต้องตรวจสอบให้ชัดว่า อย่าหลงตัวเองว่าเป็นอรหันต์ง่ายๆนะ ตรวจสอบเรารู้บัญญัติแล้ว แล้วเอาบัญญัติมาตีกิน ที่จริงลงไม่ถึงสภาวะ สภาวะที่จริงต้องมีตากระทบรูปและคุณต้องอ่านให้เร็ว หูกระทบเสียงต้องอ่านให้เร็วในปัจจุบันนั้นเลย แล้วก็รู้ว่าปัจจุบันนั้นไม่มีแล้ว รูป อรูป ภายในคุณก็ต้องกำหนด ยากหน่อย มันเหลือเศษที่เป็นรูปจริง อรูปจริง เหลืออยู่หรือเปล่า ถ้าชัดเจนว่าไม่มี คุณก็เป็นอรหัตตผล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหาระดมปัญญา-อนัตตา งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 17:01:19 )

ตรวจสอบอย่างไรในอากาสานัญจายตนะกับ อากิญจัญญายตนะ

รายละเอียด

ในว่างคือสภาพรู้ อากิญจัญญะ สภาพไม่มี รู้ว่ามันว่าง นิดนึงน้อยนึงก็ไม่มี ไม่มีกิเลสแม้แต่ธุลีละออง มันว่างคือปราศจาก 1 คือว่างจากกิเลส อากิญจัญฯ กิเลสนั้นมันไม่มี ว่างก็เลยไม่มี อากาสานัญจายตนะกับ อากิญจัญญายตนะ 2 นัย วิญญาณเป็นตัวกลางเป็นตัวธาตุรู้

รู้ว่าวิญญาณเราเป็นอากาศ วิญญาณเราไม่มีกิเลส วิญญาณเราว่างจากกิเลส ก็ตรวจสอบในวิญญาณัญจายตนะ มันก็มีเวทนา สัญญา สังขาร หรือมีเวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ เพื่อตรวจสอบอย่างสมบูรณ์แบบ ขณะที่สัมผัสอยู่ มีผัสสะด้วยแล้วก็ทำใจด้วยนะ ได้ทำแล้วหรือยังเป็นบุพเพกตบุญญตา เป็นการได้กระทำมาแล้วก่อนแล้วด้วย เดี๋ยวนี้ก็ทำ ทำได้อย่างเดิม ทำได้อย่างเก่ง ทำได้อย่างเด็ดขาด สิ่งจริงของคุณที่คุณทำมาเองก็นึกขึ้นมาได้เป็นความแน่นอนมั่นคง เด็ดขาดได้ นี่คืออาการของการบรรลุธรรม 

รายละเอียดทั้งหมดตอนนี้อาตมาพูดของอาตมาเอง แต่ในพระไตรปิฎกไม่ได้อธิบายละเอียดขนาดนี้หรอก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 1วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 10 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 กรกฎาคม 2564 ( 10:52:15 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์