@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ

รายละเอียด

คือธาตุจิตที่นิพพานแล้ว

ที่มา ที่ไป

(630923) พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธ 23 กันยายน 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2563 ( 13:05:05 )

อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ความหมายของบาลีอันนี้ก็คือการแตกสลายธาตุจิตของตนเองหมด เป็นดิน น้ำ ไฟ ลม ไปเลย อนุปาทิเสสนิพพาน ขั้นสุดท้ายแตกธาตุออกไปไม่เหลือ ไม่เหลือธาตุจิต ธาตุเชื้ออุปาทิอะไรไม่เหลือสักอย่าง หมดเลย จบ ฟื้นอีกไม่ได้แล้ว ถ้าต้องตัดสินอย่างนั้นแล้ว อันนี้ก็สลายไปหมดเลยใน กาละ ในกาล

ที่มา ที่ไป

พ่อครูบวชมาครบ 53 ปี มีอะไรจริง พ่อครูเทศนาภาคค่ำ งานมหาปวารณา ครั้งที่ 41 วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 แรม 9 ค่ำ เดือน 11 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 16 กุมภาพันธ์ 2567 ( 14:39:15 )

อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ คืออะไร

รายละเอียด

อีกประการหนึ่ง ความเป็นไปแห่งจักขุนี้ ของบุคคลผู้มีสัมปชัญญะ ผู้ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ความเป็นไปแห่งจักขุนี้ย่อมสิ้นไป แล้วความเป็นไปแห่งจักขุอื่นย่อมไม่เกิดขึ้น หมายถึงมีความดับ ดับ แล้วความเกิดก็ไม่มีอีก ความเป็นไปแห่ง โสตะ…ฆานะ…ชิวหา…กาย โผฏฐัพพะ ความสัมผัสนอก ความเป็นไปแห่งมโนสัมผัสใน ของบุคคลผู้มีสัมปชัญญะผู้ปรินิพพานอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ คือธาตุจิตที่นิพพานแล้ว อนุปาทิเสสะ แปลว่าไม่เหลือเศษ ไม่เหลืออุปาทิ ไม่เหลือเชื้อไม่เหลือส่วนอะไรอีกเลย อนุปาทิเสสนิพพาน เป็นธาตุนิพพานที่ไม่เหลือเศษ  อุปาทิ คือ สิ่งที่ติดยึด ไม่เหลือแล้วปัญญาในการทำกิเลสให้สิ้นไปของบุคคลผู้มีสัมปชัญญะนี้ชื่อว่าปรินิพพานญาณ เรียกว่าญาณนิพพานรอบ ญาณ ความรู้ นิพพานก็คือนิพพาน ปริคือรอบ ญาณที่เป็นนิพพานรอบ คือปรินิพพานญาณ ชื่อว่าญาณคือสภาวะไปรู้คำนั้น ชื่อว่าปัญญาเพราะสภาวะรู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่าปัญญาในการทำความเป็นไปแห่งกิเลสให้สิ้นไป ของผู้ที่มีสัมปชัญญะชื่อว่า ปรินิพพานญาณ จบปรินิพพานญาณนิทเทสที่ 35

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 กันยายน 2563


เวลาบันทึก 14 พฤศจิกายน 2563 ( 11:58:23 )

อนุปาทิเสสะ

รายละเอียด

 แปลว่าไม่เหลือเศษ ไม่เหลืออุปาทิ ไม่เหลือเชื้อไม่เหลือส่วนอะไรอีกเลย

ที่มา ที่ไป

(630923) พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วันพุธ 23 กันยายน 2563 ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2563 ( 13:14:07 )

อนุปุพพนิโรธ 9

รายละเอียด

[356] อนุปุพพนิโรธ 9อย่าง

  1. กามสัญญาของท่านผู้เข้าปฐมฌานย่อมดับไป

  2. วิตกวิจารของท่านผู้เข้าทุติยฌานย่อมดับไป

  3. ปีติของท่านผู้เข้าตติยฌานย่อมดับไป

  4. ลมอัสสาสะและปัสสาสะของท่านผู้เข้าจตุตถฌาน ย่อมดับไป

  5. รูปสัญญาของท่านผู้เข้าอากาสานัญจายตนะสมาบัติ ย่อมดับไป

  6. อากาสานัญจายตนสัญญาของท่านผู้เข้าวิญญาณัญจายตนสมาบัติย่อมดับไป

  7. วิญญาณัญจายตนสัญญาของท่านผู้เข้าอากิญจัญญายตนสมาบัติย่อมดับไป

  8. อากิญจัญญายตนสัญญาของท่านผู้เข้าเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติย่อมดับไป

  9. สัญญาและเวทนาของท่านผู้เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธย่อมดับไป ฯ ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรมมีประเภทละ 9ๆ เหล่านี้แล อันพระผู้มีพระภาคผู้ทรงรู้ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตรัสไว้โดยชอบแล้ว พวกเราทั้งหมดด้วยกันพึงสังคายนา ไม่พึงแก่งแย่งกันในธรรมนั้น การที่พรหมจรรย์นี้พึงยั่งยืนตั้งอยู่นานนั้น พึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ชนมาก เพื่อความสุขแก่ชนมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ฯ จบ หมวด 9

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 13:08:33 )

อนุปุพพวิหาร 9

รายละเอียด

อนุปุพพวิหาร 9 เล่ม11 ข้อ 355 [355] อนุปุพพวิหาร 9 อย่าง

  1. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ ฯ

  2. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตใจในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้นเพราะวิตกวิจารสงบระงับไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ ฯ

  3. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ มีอุเบกขามีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุขดังนี้ ฯ

  4. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ฯ

  5. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เพราะล่วงเสียซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะปฏิฆสัญญาดับไปเพราะไม่ใส่ใจ(บาลีใช้คำว่า อโยนิโสมนสิการ)ซึ่งนานัตตสัญญาเข้าถึงอากาสานัญจายตนะด้วยมนสิการว่า อากาศหาที่สุดมิได้ ดังนี้อยู่ ฯ

  6. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เพราะล่วงเสียซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะด้วยมนสิการว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้ ดังนี้อยู่ ฯ

  7. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เพราะล่วงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วเข้าถึงอากิญจัญญายตนะด้วยมนสิการว่า ไม่มีอะไร ดังนี้อยู่ ฯ

  8. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เพราะล่วงซึ่งอากิญ-*จัญญายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะอยู่ ฯ

  9. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เพราะล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วเข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ ฯ

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 13:07:00 )

อนุปุพพวิหาร 9

รายละเอียด

คือธรรมอันเป็นเครื่องอยู่ตามลําดับ

1. สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมบรรลุปฐมฌาน (ฌานที่ 1) มีวิตก วิจาร ปีติ สุข เกิดจากวิเวกอยู่

2. บรรลุทุติยฌาน (ฌานที่ 2)มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก วิจาร มีแต่ปีติ สุข เกิดจากสมาธิอยู่

3. บรรลุตติยฌาน ฌานที่ 3) เพราะปีติสิ้นไป ได้รับสุขด้วยนามกาย มีสติอยู่เป็นสุข มีอุเบกขาอยู่

4. บรรลุจตุตถฌาน (ฌานที่ 4)ละสุข ละทุกข์ ดับโสมนัส โทมนัสก่อนๆได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

5. บรรลุอากาสานัญจายตนะ ด้วยทําไว้ในใจว่า อากาศหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงพ้นรูปสัญญา (กําหนดรู้รูป) ดับปฏิฆสัญญา (กําหนดรู้การกระทบจิต)ไม่ใส่ใจในนานัตตสัญญา (กําหนดรู้อารมณ์ต่างๆ)

6. บรรลุวิญญาณัญจายตนะ ด้วยทําไว้ในใจว่า วิญญาณหาที่สุดมิได้ เพราะล่วงพ้นอากาสานัญจายตนะ

7. บรรลุอากิญจัญญายตนะ ด้วยทําไว้ในใจว่า อะไรน้อยหนึ่งก็ไม่มี เพราะล่วงพ้นวิญญาณัญจายตนะ

8. บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนะ(กําหนดรู้อยู่ก็ไม่ใช่ ไม่กําหนดรู้อยู่ก็ไม่ใช่) เพราะล่วงพ้นอากิญจัญญายตนะ

9. บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ(กําหนดรู้แจ้งอารมณ์ว่า กิเลสดับสนิทเด็ดขาดแล้ว) เพราะล่วงพ้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 11 “สังคีติสูตร” ข้อ 355


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 21:33:16 )

อนุปุพพวิหาร 9

รายละเอียด

มี ฌาน 4 อรูปฌาน 4 สัญญาเวทยิตนิโรธ อีกหนึ่งอันเป็นอันที่ 9 เพราะฉะนั้นในความรู้ทั้งมรรคและผล อนุปุพวิหาร 9 คือรวมทั้งมรรคและผลของคนทุกคนที่ต้องรู้ ต่างกันกับวิญญาณฐิติ 7 ตรงที่วิญญาณฐิตี 7 นั้น ไม่มี เนวสัญญานาสัญญายตนะ และไม่มี อสัญญีสัตว์วิญญาณฐิติ 7 บรรลุที่ สัญญาเวทยิตนิโรธ ยกไว้ในฐานที่เข้าใจ ผู้ที่บรรลุวิญญาณฐิติ 7 จบที่ อากิญจัญญายตนะ แม้แต่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็ไม่ต้อง ไม่มีความสงสัยคลางแคลง ใช่หรือไม่ใช่ก็ไม่มี ชัดเจนสัมมาทิฏฐิว่า จบกิเลสหมดเกลี้ยงตรวจด้วยอรูปฌาน 3 อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ จบหมดสามเส้านี้เลย ไม่มีธุลีละอองของความไม่รู้ รู้ครบ จบหมดในนี้เลยในวิญญาณฐิตี 7 จึงเป็นตัวตัดสินที่ครบที่ชัด ที่แม่น ที่ลึก ที่ตรง สมบูรณ์แบบที่สุด 

ส่วน อนุปุพวิหาร 9 นั้น ก็ไล่เรียงไป บุคคลที่ยังไม่มีสัมมาทิฏฐิครบสมบูรณ์แบบอย่างวิญญาณฐีติ 7 ก็จะมีแม้ เนวสัญญานาสัญญายตนะ คือจะบอกว่า จะว่าใช่หรือไม่ใช่ หนออันนี้ ซึ่งน้อยคนนัก น้อยคนนัก ที่จะเป็นวิญญาณฐิติ 7 โดยที่ไม่ต้องมี เนวสัญญานาสัญญายตนะ ส่วน อสัญญีสัตว์ นั้นง่าย ไปนั่งหลับตาไม่มีสัญญากำหนดรู้เลย ไม่ลืมตาออกมาเลยง่าย แต่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ มันเป็นอรูปที่ยากกว่า เพราะฉะนั้นจึงมีน้อยคนที่จะคมแม่นชัดรัดเร็ว ตรง เป็นสายปัญญาหรือพุทธิจริต อย่างพระสมณโคดมตรัสรู้เร็ว หรือ ขออภัย อาตมาก็สายพุทธิจริตเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นพระพุทธเจ้าก็ช้าติดขัดบ้าง 

เพราะฉะนั้น อนุปุพวิหาร หมายความว่า ตามลำดับ มันจะมีตามลำดับของศาสนาที่ปฏิบัติมา ไม่มี อสัญญีสัตว์ แต่มี เนวสัญญานาสัญญายตนะ และมี สัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาเวทยิตนิโรธ กับ อสัญญีสัตว์ มิจฉาทิฏฐิหลับตา มีอสัญญีสัตว์ แล้วไปเข้าใจว่า สัญญาเวทยิตนิโรธ คือ ดับเวทนา ดับสัญญา ใช่ เขาดับด้วยการสะกดจิต ดับ มันไม่ใช่ดับเหตุแห่งกิเลส หมดแล้วจิตก็บริสุทธิ์บริบูรณ์เป็นอุเบกขา 5 ปริสุทธา ปริโยทาตา มุทุ กัมมัญญา ปภัสสรา มันไม่ใช่.. มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ เพราะฉะนั้น สัญญาเวทยิตนิโรธ ถ้าเป็นมิจฉาทิฐิแล้ว ก็ไปเป็น อสัญญีสัตว์ จึงไปเป็นสัตตาวาส 9 อนุปุพวิหาร 9 สัตตาวาส 9 

สัตตาวาส 9 มี อสัญญีสัตว์ มี เนวสัญญานาสัญญายตนะ แต่ไม่มี สัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะไปเข้าใจ สัญญาเวทยิตนิโรธ ผิดเป็น อสัญญี เพราะฉะนั้นสัตตาวาส 9 ตั้งแต่ฌานที่ 1 ,2 ,3 ,4 จึงเป็นมิจฉาฌาน แล้วไปจบที่ อสัญญีสัตว์ ส่วนอากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ ของ สัตตาวาส 9 เนวสัญญานาสัญญายตนะ จึงเป็นเรื่องของนิรมานกาย 

เป็นเรื่องของกาย เพ้อพกสร้างเองไปเลยของแต่ละคนแต่ละคน ไม่มีใครรู้ของใคร เป็น อทิสมานกาย คือไม่รู้เห็นของกัน แต่ไปมีอุปาทานหมู่ เป็นสัมโภคกายว่าเป็นอย่างนี้นะอย่างนี้นะ อาตมายกตัวอย่างเหมือนคนตาบอด ชวนคนตาบอดไปดูท้องฟ้า แล้วบอกว่าท้องฟ้าสวย ตาบอดด้วยกันมาแต่กำเนิด ไม่มีใครเคยเห็นท้องฟ้าเลยทั้งหมดตาบอด สวยไหม ตาบอดพูดรับคำ สำนองกัน รับคำกันว่า ใช่ๆ ตาบอดสอดตาเห็น มันไม่เห็นฟ้า ฟ้าสวยขี้หมาอะไร คนตาบอด แต่ตาบอดบอกว่าฟ้าสวยจังเลย ตาบอดคนนี้ก็เห็นบอกว่าใช่ นี่แหละเรียกว่า สัมโภคกาย พวกตาบอดสอดตาเห็น 

เขาไม่มี เขาอทิสมานกาย อทิสะ คือ ไม่เห็น ไม่มีคนตาบอดเห็นท้องฟ้าหรอก ไม่เห็นฟ้าหรอก แต่มัน ดันบอกว่า มันเห็นกัน มันก็สร้างภพสร้างชาติว่าเห็นมันสวยอย่างนั้นนี้ก็ว่าไป มันก็อาจจะลึกซึ้งหน่อยนะ เข้าใจไหมเด็กๆ ค่อยๆอธิบายไป นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย เป็นกาย ในห้วงนึกของตัวเอง สร้างตัวตนรูปแบบภาพวิมานของตัวเองไว้เองหมด ในภพของตนเอง ซึ่งมันคิดได้ใช่ไหมมนุษย์มนา มันสร้างภพชาติ สร้างวิมานอะไรของตัวเอง ฝันเพ้ออะไรได้หมด นั่นแหละมันเป็นความเพ้อพกไป

นี่คือสภาพ เพราะฉะนั้นสัตตาวาส 9 จบที่ อสัญญีสัตว์ สัตว์ตัวที่ 5 สะกดจิตตัวเอง ไม่มีสัญญาแล้ว จากอากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ ไปถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ นั้น ไม่เป็นของจริงเลย ต่างคนต่าง นิรมาณกายหมดเลย ต่างคนต่างเก๊ เอาเก๊มาคุยกัน เอาเก๊มาพูดกันแล้วรับรองกัน เหมือนคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูท้องฟ้าสวย ต่างคนต่างเห็นด้วยว่าท้องฟ้าสวย ตาบอดสอดตาเห็นทั้งนั้น มันไม่เห็นกันเลย แต่มันก็พูดกันเป็นตุเป็นตะว่าเห็นๆๆ โอ้ย ดีจังเลยวันหลังพามาดูท้องฟ้าสวยอีกนะ ขี้หมาสิ มันตาบอดแล้ว มันสอดตาเห็นได้อย่างไร 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 11วิญญาณฐิติ 7 วิโมกข์ 8 อนุปุพพวิหาร 9 สัตตาวาส 9 ตอนที่1 วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 10:45:40 )

อนุปุพพวิหาร 9 สัมมาทิฏฐิ ส่วน สัตตาวาส 9 มิจฉาทิฏฐิ

รายละเอียด

ผู้ที่มีทั้งความรู้พยัญชนะและสภาวธรรมก็จะเห็นรายละเอียดต่างๆไม่ว่าจะเป็นในวิญญาณฐิติก็ดี ซึ่งจะต้องตรวจทุกอย่างจากความเป็นกายกับสัญญา วิโมกข์ 8 ก็ดีที่จะต้องมีความรู้ในการปฏิบัติที่จะพาให้หลุดพ้น วิโมกข์คือการหลุดพ้น ที่จะทำให้เราหลุดพ้นได้ตั้งแต่วิโมกข์ 3 จนมีสภาวะถึง อากาสานัญจายตนะ วิญญานัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ และ เนวสัญญานาสัญญายตนะ จนสุดท้าย สัญญาเวทยิตนิโรธ ที่เป็นองค์ธรรม 8 ข้อ ของพระพุทธเจ้าที่ตรัสไว้ อาตมาก็อธิบายจนมากมายแล้ว 

และความยังไม่สามารถที่จะหลุดพ้นได้ยังเป็นสัตว์อยู่ ไม่เกิดความเป็นเทวดา ถึงแม้เป็นเทวดาก็เป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิ ยังมีความเป็นสัตว์อยู่ถ้าแม้เขาจะเข้าใจว่าเขาเป็นเทวดาก็เป็นเทวดาเก๊ เป็นเทวดาโกหกเทวดาไม่จริงสำหรับมิจฉาทิฏฐิ จึงยังเป็นสัตว์อยู่ทั้ง 9 ชนิด ตั้งแต่ ฌาน 1-4 ของ ฌาน ที่ปฏิบัติได้มรรคผลแบบเดียรถีย์ เขาก็ปฏิบัติได้มรรคได้ผลแบบเขา เป็นสัตว์ทั้ง 4 ตัวที่ 5 เป็น อสัญญีสัตว์ สัตว์ที่เขาทำได้เก่งคือดับได้อย่างอาฬารดาบส อุทกดาบส 

ความเป็นสัตว์อีก 4 ชนิดนั้น เก๊หนักเข้าไปอีก เพราะ อสัญญีสัตว์ เขาก็ดับสัญญาไปหมดแล้ว การกำหนดหมายต่างคนต่างโมเมกันไปใหญ่เลย เป็น นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย เป็นกาย 3 ที่มิจฉาทิฏฐิอย่างหนัก ชั้นของภูมิอีก 4 ชนิด จึงเป็นสัตว์มิจฉาทิฐิทั้ง 3 กาย คือ นิรมาณกาย สัมโภคกาย อทิสมานกาย นี่คือความเป็นสัตว์ อยู่ในจิตวิญญาณของมนุษย์เรียกว่าสัตว์ทางจิต ไม่ใช่สัตว์ตัวตน สัตว์ 2 ขา 4 ขา สัตว์น้ำสัตว์บกอยู่ในโลกนี้เป็นตัวตนรูปร่างไม่ใช่ หมายถึงสัตว์ โอปปาติกะ คือสัตว์ทางจิตเขาเป็นจริงอย่างนั้นเขาได้แค่นั้น 

ส่วน อนุปุพพวิหาร 9 คือลำดับของการปฏิบัติธรรมทั้งหมด 9 ชนิดที่ท่านรวบรวมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นฌาน 4 อรูปฌาน 4 และสุดท้าย สัญญาเวทยิตนิโรธ ฌาน 4 อนุปุพพวิหาร 9 ก็สามารถที่จะ ที่จริงแล้ว อนุปุพพวิหาร 9 คนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิก็ได้ แต่ อนุปุพพวิหาร 9 เป็นการยืนยันที่ ถูกต้องเพราะไม่มี อสัญญีสัตว์ คนที่เขามิจฉาทิฐิก็ได้ แต่ มันไม่ใช่ อนุปุพพวิหาร 9 อย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นยืนยันว่าไม่ผิด ถ้าผิดจะต้องมีตัว อสัญญีสัตว์ อยู่ด้วย เพราะฉะนั้น สัตตาวาส 9 ถึงมิจฉาทิฏฐิหมดทั้ง 9 ส่วน อนุปุพพวิหาร 9 จึงหมายถึงความเป็นลำดับ เหมือนพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระอนุรุทธที่เก่งในทางฌาน หยั่งรู้ตรวจสอบในฌาน สุดท้ายท่านหลับพระเนตรไปแล้ว ท่านวางขันธ์แล้ว ก็ตรวจการวางขันธ์ของท่านก่อนที่จะปรินิพพานจากไปเลยนี่ พระพุทธเจ้ายังตามตรวจขันธ์ของท่าน อาศัยตรวจขันธ์สุดท้าย ก่อน ปรินิพพานเป็นปริโยสาน ด้วย ฌาน 4 ฌาน 8 อย่างนี้เป็นต้น เป็นการสำทับให้รู้ว่า ฌาน 4 ฌาน 8 ของพุทธสูงสุด แต่ที่จริงฌาน 4 ฌาน 8 ของพุทธไม่ได้อยู่ในภพ ฌาน 4 ฌาน 8 ของพุทธนั้นลืมตาแต่อยู่ในภพได้ระลึกได้ ตรวจสอบของตัวเองได้ เป็น เตวิชโช 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์งานอัฏฐาริยสัจจายุ ประชาธิปไตยแบบไทยโดยเฉพาะ ตอนที่ 1วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 6 ค่ำ เดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กันยายน 2566 ( 16:09:08 )

อนุปุพพวิหาร 9    

รายละเอียด

คือธรรมอันเป็นเครื่องอยู่ตามลำดับ

1. สงัดจากกาม  สงัดจากอกุศลธรรม  บรรลุปฐมฌาน(ฌานที่ 1)  มีวิตก  วิจาร  ปีติ  สุข  เกิดจากวิเวกอยู่ˆ

2. บรรลุทุติยฌาน (ฌานที่ 2)  มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น   ไม่มีวิตก  วิจาร  มีแต่ปีติ  สุข  เกิดจากสมาธิอยู่

3. บรรลุตติยฌาน (ฌานที่ 3)  เพราะปีติสิ้นไป  ได้รับสุขด้วยนามกาย   มีสติอยู่เป็นสุข  มีอุเบกขาอยู่

4. บรรลุจตุตถฌาน (ฌานที่ 4) ละสุข  ละทุกข์  ดับโสมนัส  โทมนัสก่อน ๆ ได้   มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

5. บรรลุอากาสานัญจายตนะ  ด้วยทำไว้ในใจว่า  อากาศหาที่สุดมิได้  เพราะล่วงพ้นรูปสัญญา(กำหนดรู้รูป)   ดับปฏิฆสัญญา (กำหนดรู้การกระทบจิต)  ไม่ใสใจในนานัตตสัญญา (กำหนดรู้อารมณ์ต่าง ๆ)

6.บรรลุวิญญาณัญจายตนะ  ด้วยทำไว้ในใจว่า  วิญญาณหาที่สุดมิได้  เพราะล่วงพ้นอากาสานัญจายตนะ

7. บรรลุอากิญจัญญายตนะ  ด้วยทำไว้ในใจว่า  อะไรน้อยหนึ่งก็ไม่มี  เพราะล่วงพ้นวิญญาณัญจายตนะ

8. บรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนะ (กำหนดรู้หมดสิ้นไม่ว่าสัญญาใด ๆ อื่น ๆ)  เพราะล่วงพ้นอากิญจัญญายตนะ

9. บรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ (กำหนดรู้แจ้งอารมณ์ว่า กิเลสดับสนิทเด็ดขาดแล้ว)  เพราะล่วงพ้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 11 “สังคีติสูตร” ข้อ 355

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 17:16:44 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:40:38 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 03:57:28 )

อนุปุพพวิหารที่ไม่นอกรีตเป็นเช่นไร

รายละเอียด

อนุปุพพวิหารแปลว่าปฏิบัติเป็นเครื่องหมายเรียงตามลำดับ เดี๋ยวนี้ อนุปุพพวิหารเหมือนกันแต่มิจฉาทิฏฐินอกรีดไปนั่งหลับตาปฏิบัติ นั่งหลับตาเป็นผลได้ จะเรียกว่าฌาน จะเรียกว่าสมาธิ จะเรียกว่าสมาบัติก็เรียกกัน เป็นอนุปุพพวิหาร 9 เป็นฌาน เป็นสมาธิ เป็นสมาบัติ แต่ไปปฏิบัติหลับตาทำ ผิดเลย แต่พระพุทธเจ้าท่านตรัส 9 อย่างนี้เป็นความถูกต้อง เพราะฉะนั้นเช่นข้อที่ 1 (1. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ ฯ)ก็คือจิตเริ่มต้นมีวิเวก กามนี่ จะต้องเกิดจากตา หู จมูก ลิ้น กาย 5 ประการ เรียกว่ากามคุณ 5 ทีนี้จะสงัดจากอันนี้ได้ คุณก็จะต้องมีการรู้จักกาม กามทางตา ทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกาย มันเกิด อาการของกามมันเกิด เมื่อมีผัสสะตากระทบรูปก็เกิดอาการกาม หูสัมผัสเสียงก็เกิดอาการกาม เสร็จแล้วคุณก็เรียนรู้อาการของกามที่เกิดในจิต ในขณะที่มันเกิด ถ้าคุณไปหลับตาปฏิบัติเสียแล้วคุณไม่มีกาม เพราะคุณไม่มีกาย กายต้องมีภายนอกร่วมด้วย กายขาดภายนอกไม่ได้ แม้แต่เป็นจิต มโน วิญญาณพระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า กาย ตถาคตเรียกว่า มโนจิต มโนวิญญาณ พระไตรปิฎกเล่ม 16 ข้อ 230 ก็ไม่ได้หมายความว่าหลับตา จิต มโน วิญญาณ ไม่ได้หลับตาปฏิบัติ แต่กาย นี่ ให้พิจารณาภายนอกก่อน แล้วพระพุทธเจ้าตรัสว่า เราจะละหน่ายคลายปล่อยวางภายนอกนั้นง่าย แต่จิต มโน วิญญาณ นี้ต่างหากที่มันละยาก ที่จะเบื่อหน่ายร่างภายนอก มันเบื่อหน่ายกันได้ เพราะมันปรากฏกระทบตา หู จมูก ลิ้น กายเป็นภายนอก ทนโท่แล้ว เสร็จแล้วคุณก็ต้องล้างกิเลสภายนอกคือกิเลส กาม นี้ก่อน ถึงจะเหลือรูปกับอรูป แล้วคุณจึงจะไปปฏิบัติ จิต มโนวิญญาณ ที่เป็นรูปกับอรูปที่เป็น ภวตัณหาต่อไป เพราะกามตัณหานั้นลอกออกไปหมดแล้วล้างออกไปหมดแล้ว แต่หากคุณไม่ได้ลอกกามตัณหา แต่คุณจะไปรู้จัก รูปตัณหา อรูปตัณหาคือรูปกิเลส  อรูปกิเลสได้อย่างไร ในเมื่อ กาม มันหุ้มอยู่อย่างหยาบเลย นี่คือลำดับรายละเอียดขั้นตอนที่ประณีตสุขุมของพระพุทธเจ้า 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 25 พฤศจิกายน 2563 ( 13:10:22 )

อนุปุพพวิหารธรรม

รายละเอียด

1. ธรรมเป็นเครื่องอาศัยตามลำดับ 9 ประการ

2.  ฌาน 1  ฌาน 2  ฌาน 3  ฌาน 4  อากาสานัญจายตนฌาน  วิญญานัญจายตนฌาน   อากิญจัญญายตนฌาน  เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน  สัญญาเวทยิตนิโรธ

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 94

 


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:39:52 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:31:59 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 03:58:05 )

อนุปุพพวิหารสมาบัติ 9

รายละเอียด

สมาบัติ 8 ที่มีสัญญาเวทยิตนิโรธด้วย

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 519


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:40:48 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:36:29 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 03:58:30 )

อนุปุพพิกถา

รายละเอียด

1.ทาน การสละ  การให้ 

2.ศีล  การชำระขัดเกลา ด้วยเจตนางดเว้น 

3.สัคคะ (สวรรค์) .

4.กามานัง  อาทีนวัง โอการัง  สังกิเลสัง โทษของกาม  ความต่ำทรามของกาม    ความเศร้าหมองของกามทั้งหลาย . .

5.เนกขัมมะ อานิสัง  อานิสงส์การออกจากกาม 

ถ้ายังไม่เจอคำสอนของพระพุทธเจ้าคุณก็จะจมอยู่ในอวิชชา ที่จะเรียกกามนั้นว่าเป็นกามคุณ ..สว่างหรือยัง ชัดเจนหรือยังว่าทำไมเรียกกามคุณผู้ที่ไม่ได้ยินคำสอนพระพุทธเจ้า ว่า กามนี้ เป็นเรื่องเบื้องต้นที่จะต้องศึกษาก่อน

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 ผู้ข้องอยู่ในถ้ำอันไกลจากวิเวก วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 16:51:29 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:10:28 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 03:59:13 )

อนุปุพพิกถา 5

รายละเอียด

คือ การแสดงธรรมไปตามลำดับ

1. ทานกถา (เรื่องทาน)

2. สีลกถา (เรื่องศีล)

3. สัคคกถา (เรื่องความสุขที่พรั่งพร้อมด้วยกาม)

4. กามาทีนวกถา (เรื่องโทษของกาม)

5. เนกขัมมานิสังสกถา (เรื่องอานิสงส์ในการออกจากกาม)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม  4 "มหาขันธกะ ยสกุลบุตร"  ข้อ  27

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2562 ( 20:42:46 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:19 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 03:59:40 )

อนุปุพพิกถา 5

รายละเอียด

กามาทีนวะไม่ใช่กามคุณนะ แต่คนไปหลงผิดว่าเป็นกามคุณเพราะว่า กามาทีนวะไม่ค่อยมีคนสอน แต่ยังดีที่มีพยัญชนะอยู่ ในอนุปุพพิกถา 5  ทาน ศีล สัคคะ กามาทีนวะ เนกขัมมะ(คือการออกจากกาม ที่เป็นกามโทษที่ไปหลงว่าเป็นกามคุณ คุณต้องหลุดพ้นให้ได้ จึงเป็นภาษา ชื่อภาคปฏิบัติที่ต้องเรียนรู้เนกขัมสิตะ 18 คู่กับเคหสิต มโนปวิจาร 18

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 6 เมษายน 2563


เวลาบันทึก 22 เมษายน 2563 ( 13:59:12 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:11:04 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:00:09 )

อนุปุพพิกถา 5

รายละเอียด

คือการแสดงธรรมไปตามลําดับ

1. ทานกถา (เรื่องทาน)

2. สีลกถา (เรื่องศีล)

3. สัคคกถา (เรื่องความสุขที่พรั่งพร้อมด้วยกาม)

4. กามาทีนวกถา (เรื่องโทษของกาม)

5. เนกขัมมานิสังสกถา (เรื่องอานิสงส์ในการออกจากกาม)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 4 “มหาขันธกะ ยสกุลบุตร” ข้อ 27


เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 20:57:38 )

อนุปุพพิกถา 5

รายละเอียด

อนุปุพพิกถา 5 มี 1.ทาน 2.ศีล 3.สัคคะ 4.กามาทีนวะ 5.เนกขัมมะ

ทาน จะต้องรู้ว่า การทาน อย่างไรเป็นโลกุตระ ทาน อย่างไรเป็นโลกียะ ทาน อย่างไรเป็นบุญ ทาน อย่างไรเป็นแค่กุศล 

ศีล ศีลอย่างไร เป็นแค่กุศล ศีลอย่างไรเป็นบุญ ศีล อย่างไรเป็นแค่โลกียะ ศีล อย่างไรเป็นโลกุตระ ปฏิบัติอย่างไร รู้อย่างไร เกิดมรรคผลอย่างไร 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แผนผังการกอบกู้โลกุตระของพ่อครู วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 สิงหาคม 2565 ( 19:00:48 )

อนุปุพพิกถา 5 ที่สัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

ผู้ที่สามารถรู้จริงแล้วก็ทำใจในใจได้ ก็ได้สิ คำว่า ปฏินิสัคคะ สูงกว่า ปฏินิสรณะ 

ปฏินิสรณะ แปลว่ายังมีสงครามอยู่ แต่เป็นสงครามที่สามารถจะทำได้บ้างไม่ได้บ้างอยู่ ท่านจึงแปลว่า เป็นที่พึ่งอาศัย เพราะคนยังไม่บรรลุก็ต้องอาศัยกัน จะต้องรบ รบกับกิเลสจนกระทั่งคุณสามารถบรรลุได้ คุณก็เป็นปฏินิสัคคะ เขาก็ไปแปลว่า หมดความคลุกคลีด้วยหมู่คณะ อะไรต่ออะไรไป ​ซึ่งผู้ไม่รู้ก็ได้แต่พยัญชนะ ก็ไปเป็นเรื่องเป็นตัวเป็นตน เป็นรูปธรรม ทั้งๆที่สิ่งที่พูดนี้มันเป็นนามธรรมทั้งนั้น  

เพราะฉะนั้น จิตผู้ใดที่หมด ปฏินิสัคคะ แม้กระทบสัมผัสอยู่ มีปฏิกิริยา มี Action Reaction มีการกระทบสัมผัส แต่จิตของคุณก็ไม่มีสวรรค์นรกแล้ว นี่คือจิตอรหันต์ ท่านแปลว่า การสลัดคืน ท่านก็แปลจากคำว่า ปฏิ คือกระทบแล้วกลับไปกลับมา สลัดคืน ไม่ได้แปลตรงๆตามเนื้อภาษาของคำว่า นิสัคคะ คือ ไม่มีสวรรค์ แล้วเขาเข้าใจคำว่า สวรรค์ หรือ ไม่มีสวรรค์ ไม่ได้ เพราะไม่มีความรู้ ไม่มีความรู้ตั้งแต่ อนุปุพพิกถา 5 มี 1.ทาน 2.ศีล 3.สัคคะ คือสวรรค์ 4.อาทีนวะ  5.เนกขัมมะเขาไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนนี้เป็นเบื้องต้นเลย อนุปุพพิกถา ตามลำดับ 

ในชีวิตคน มีการฝึกทาน ฝึกให้ กับ 2 ฝึกตามคำสอนพระพุทธเจ้า คือศีล ฝึกให้ ทั่วทุกศาสนาฝึกให้กันทั้งนั้นนะ  เรียนรู้การให้ แต่ศาสดาใดจะสอนการให้อย่างไร ของพระพุทธเจ้านั้นสอนการให้ถึงขั้นโลกุตระ แต่โลกีย์นั้นสอนการให้แค่เป็นกุศล ให้ทาน ละเอียดลออก็ไม่พอ ทานก็เป็นดีทั้งนั้นนะ แต่ของพระพุทธเจ้านั้น ทานที่ยังไม่เป็นอานิสงส์ ทานที่ไม่มีอานิสงส์ ไม่มีประโยชน์โภคผล ที่ได้จากการกระทำ คือทำใจในใจไม่เป็น ตั้งแต่คุณทานแล้วก็ต้องการสิ่งตอบแทน นี่สูงสุดเลย ทำทานแล้วไม่ต้องการสิ่งตอบแทนอะไรนี้สูงสุด 

ยิ่งหยาบกว่านั้น สูงสุดคือทำทานแล้วไม่ต้องการตอบแทนเลย ทำทานแล้วก็ปล่อยเฉย หายไป แต่ยิ่งทำทานแล้วมี ปฏิพัทธจิตโต จิตมีผูกพันกับทานนั้น โดยมีเชื้อว่า เออ เราได้ทำทานนะนี้ เชื้อผูกพัน ยิ่งไปสั่งสมเป็นสันนิธิ สาเปกโข  สั่งสมลงไปใส่เซฟ ใส่คลังของตนเองไว้ มันก็ยิ่งกลายเป็นตัวตน เป็นภพเป็นชาติ ที่เราเอง เป็นตัวตนของเรา เป็นของของเรา ทานก็ยิ่งไม่มีอานิสงส์เท่านั้นๆ  เพราะทำใจในใจผิด ยิ่งทานแล้วจะได้เอาไปเกิด ไว้ชาติหน้า ไว้ใช้กิน เป็นอะไรๆ ชาติหน้าตายไปแล้ว ก็จะได้ เออ..นี้แหละของของเรา ตายข้ามชาติไปเลย นั้นก็ยิ่งไปกันใหญ่ อย่างนี้เป็นต้น

พตปฎ. ล.23 ข.49 ทานสูตร เทวดา 6 อย่าง พรหม 1 อย่าง

อันที่ 1 จาตุมหาราชิกา(ท้าวกุเวร ท้าววิรุฬหก ท้าวธตรฐ ท้าววิรูปักษ์) คือ ทำทานแล้ว 1. ยังมีความหวังให้ทาน สาเปกฺโข(มุ่งหวัง) ทานํ เทติ 

2. มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ปฏิพทฺธจิตฺโต(ผูกพัน) ทานํ เทติ 

3. มุ่งการสั่งสมให้ทาน สนฺนิธิเปกฺโข(สั่งสม) ทานํ เทติ ก็ยิ่งสะสมเสพในคลังของตนไว้ เป็นตัวเป็นตน เป็นภพเป็นชาติ ทานก็ยิ่งไม่มีอานิสงส์เท่านั้นๆ เพราะทำใจในใจผิด ยิ่งทานแล้ว

4. ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้เสวยผลทานนี้ ปริภุญฺชิสฺสามีติ(ให้ข้ามภพชาติ) ทานํ เทติ  เป็นของเราข้ามชาติเลยไปกันใหญ่ อย่างนี้เป็นต้น ไม่รู้จักสวรรค์ ไม่รู้จักนรก ไม่รู้จักภพ ไม่รู้จักชาติ 

เพราะฉะนั้น คนพวกนี้ไม่รู้จักโทษในกาม กามาทีนวะ อนุปุพพิกถา 5 ทำทานก็ดี ทำศีลก็ดี แล้วก็จะไปหลงติดอยู่แค่สวรรค์ ทุกวันนี้ศาสนาพุทธทำทาน ทำศีลกันนี้มีเต่แค่สวรรค์  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิคนวรรณะ 9 เป็นคนรวยที่จน เป็นคนจนที่รวย วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม 2566 แรม 12 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2566 ( 11:58:12 )

อนุปุพพิกถา 

รายละเอียด

อนุปุพพิกถา  คือ การแสดงธรรมไปตามลำดับ

1. ทาน  การสละ  การให้

2. ศีล  การชำระขัดเกลา ด้วยเจตนางดเว้น

3. สัคคกถา (เรื่องความสุขที่พรั่งพร้อมด้วยกาม คือ สวรรค์)

4. กามาทีนวกถา เรื่องโทษของกาม ความต่ำทรามของกาม ความเศร้าหมองของกามทั้งหลาย

5. เนกขัมานิสังกตถา อานิสงส์ในการออกจากกาม

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 24 กันยายน 2562 ( 05:40:54 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:12:02 )

อนุปุพวิหาร 9 กับสัตตาวาส 9

รายละเอียด

มีเลข 9 เหมือนกันแต่มันต่างกันโดยพยัญชนะ สัตตาวาส 9 มี อสัญญีสัตว์ เป็นสัตว์ตัวที่ 5 กับสุดท้ายมันมี เนวสัญญานาสัญญายตนะ หมายความว่าเขาจะจบอยู่ได้แค่นั้น เนวสัญญานาสัญญายตนะ หมายความว่ามีอายตนะ คือ มีสภาพ 2 ที่มันรวมมาเป็น 1 แล้ว เขาก็ตัดสินไม่ได้ว่า 2 รวมเป็น 1 นั้น มันใช่หรือเปล่า เนวสัญญานาสัญญา เขากำหนดรู้ลงไปอย่างชัดเจนแน่นอนจบจริงๆไม่ได้ เขายังมีลังเลยังมีสงสัย เขายังไม่พ้นวิจิกิจฉาสังโยชน์ เขายังไม่พ้นวิจิกิจฉานุสัย ไม่พ้น คนพวกนี้ เขายังติดอยู่ตรงนี้ สัตตาวาสจึงมี เนวสัญญานาสัญญายตนะ เป็นตัวสุดท้าย เขาไม่ได้ สัญญาเวทยิตนิโรธไม่ได้ เพราะเขาเข้าใจผิดเป็นอสัญญีสัตว์ แล้ว สลับไปอีก

เขาเข้าใจเอาความเป็นสัตว์ตัวที่ 5 มาเป็นสัตว์ตัวที่ 9 หรือ เป็น สัตว์ ตัวที่ 6 ที่ 7 ซึ่งผิดทั้งนั้น เป็นสัตว์ตัวที่ 6 ก็ดี ตัวที่ 7 ก็ดี ตัวที่ 8 ก็ดี แม้ที่สุดตัวที่ 9 นับ อสัญญีสัตว์ด้วย จบที่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ เขาจบอยู่ที่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ เท่านั้น เขามี สัญญาเวทยิตนิโรธไม่ได้เพราะเข้าใจผิดเป็น อสัญญีสัตว์ เพราะฉะนั้น ภูมิที่เขาได้ เขาได้แค่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ซึ่งจริงๆ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็ดี วิญญานัญจายตนะ ก็ดี อากาสานัญจายตนะ ก็ดี อากิญจัญญายตนะ ก็ตาม ที่เขาบอกว่านิดหนึ่งน้อยหนึ่งของกิเลสไม่มีนั้น เขาไม่ใช่ เขาโมเมทั้งนั้น อากาศก็โมเม วิญญาณก็​โมเม อากิญจัญ ก็โมเม แต่เขาจบที่ เนวสัญญานาสัญญายตนะ แต่เขาไม่รู้ตัว

เช่นเดียวกับ อุทกดาบส เขานั่งหลับตาดับไป ไม่รู้ตัว เขาไม่มี แต่ไปนึกว่าที่เขานั่งหลับตาหลับสนิทนั่นแหละคือนิโรธ เป็นอสัญญีสัตว์ อุทกดาบส นั่งหลับตาดับ สนิท สัญญา หมดฤทธิ์แรงของสัญญาดับเขาก็จะฟื้นขึ้นมา อุทกดาบส แม้จะมีแว็บฟื้นขึ้นมา เขาก็จะรีบดับของเขาได้ระงับความแว๊บของเขา ในที่เขานั่งหลับตาสะกดจิต เขาสะกดจิตเก่งแว็บดับ ต่างกับ อาฬารดาบส ที่เขาได้แค่ อนุปุพพวิหาร 7 อากิญจัญญายตนะ อาฬารดาบส นั้นดับ ตัวนี้ได้ สนิทเลยไม่แวบ แม้แวบก็ไม่รู้ อาฬารดาบส นี่แม้มันแวบก็ไม่มีธาตุสัญญา เข้าไป กำหนดรู้ตัวแวบนั้นได้ แต่ อุทกดาบส เก่งกว่า ไปรู้ตัวแวบได้ แต่ก็สะกดจิตให้ดับเหมือนเดิมเพราะฉะนั้นฤทธิ์แรงที่สงบกดข่มของเขาได้เก่งเท่าใดๆ เขาก็จะไปอยู่ในภพนั้นได้นานเท่านั้น​ๆๆ เขาสะกดได้เก่งมากก็อยู่ได้นานมาก นานมาก เก่งมาก จนกระทั่งพระพุทธเจ้าท่าน พอบรรลุธรรมเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว 

ที่จริงท่านระลึกของท่านได้ขึ้นมาท่านบรรลุมานานแล้วใต้ต้นโพธิ์ เสร็จแล้วท่านก็ระลึกถึง ท่านก็เป็นพระพุทธเจ้ามาแล้วนี่นะ จะต้องมาสอนคนแล้ว​​ แล้วใครเหมาะจะสอน ก็ระลึกถึงนี่แหละ อาฬารดาบส อุทกดาบส ที่ท่านเคยไปพบตอนที่ท่านเข้าป่าตอนแรก ท่านก็ไปผิดไปเป็น ลิงลมอมข้าวพอง อยู่ในป่าหรือ เป็นวิบาก 6 ปีที่ท่านออกป่า เป็น ลิงลมอมข้าวพอง ที่ท่านจะต้องไปผ่านอันนั้น ท่านก็เคยพบ อาฬารดาบส อุทกดาบส ไปนั่งหลับตาแบบ 2 ท่านนี้ ซึ่งท่านก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ เดี๋ยวเดียวท่านก็ทำได้แล้วเหมือนอย่าง อาฬารดาบส อุทกดาบส จนกระทั่งบรรลุแล้ว 

ทั้งสองก็เลยชวนพระพุทธเจ้ามาสอนคนด้วยกันสิ พระพุทธเจ้าก็เลยบอกว่าอาจารย์อยู่ไปเถอะ ท่านจะโปรดอาจารย์ตอนนั้นก็ไม่ได้ เพราะท่านยังไม่ได้ระลึกของตนเองเลย ของตนเองยังไม่มากพอ ท่านก็ยังไม่คิดจะสอน แต่เมื่อคิดจะสอนตอนหลังก็เห็นว่าตายไปแล้ว อาฬารดาบส อุทกดาบส ตายไปก่อนแล้ว ท่านจึงได้อุทานว่า ฉิบหายแล้วหนอไม่รู้จะช่วยกันอย่างไร เพราะอาฬารดาบส อุทกดาบส ก็ยังไม่กลับมาเกิดหรอก แต่พระพุทธเจ้าสมณะโคดมจะปรินิพพานเป็นปริโยสานไปก่อน มันก็จะไปสอนกันได้อย่างไร อีกคนมาเกิด อีกคนปรินิพพานเป็นปริโยสานมันไม่มีทางมาเจอกัน

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่อาตมารู้ด้วยภูมิปัญญาที่ได้ผ่านสิ่งเหล่านี้มา รู้และเข้าใจการเกิดการตายอย่างที่แท้จริง จึงเอามาพูดอย่างสบายใจ เข้าใจ เอามาพูดให้ฟังทั้งนั้น เพราะฉะนั้นในความเป็น สัตตาวาส 9 จึงเป็นสัตว์อยู่ตลอด ซึ่งไม่พ้นความเป็นสัตว์ไปได้ เพราะฉะนั้นถ้าผู้ที่ยังปฏิบัติ อนุปุพพวิหาร 9 ก็จะเข้าใจเมื่อสัมมาทิฏฐิแล้วจึงไม่มี อสัญญีสัตว์ แต่จะผ่าน เนวสัญญานาสัญญายตนะ ในอนุปุพวิหาร 9 ตามลำดับ เพราะมันเป็นลำดับที่คนทั่วไปจะต้องเจอ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ภูมิธรรมสามัญทั่วไปปฏิบัติแล้วจะต้องเป็นอย่างนี้ ส่วนผู้ที่พิเศษแล้วไม่ต้องถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ ในวิญญาณฐิติ 7 อากิญจัญญายตนะ ตัวที่ 7 ก็จบแล้ว ไม่มี อสัญญีสัตว์ มี ฌาน 4 มี วิโมกข์ 8

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 11วิญญาณฐิติ 7 วิโมกข์ 8 อนุปุพพวิหาร 9 สัตตาวาส 9 ตอนที่ 1 วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 14 มิถุนายน 2566 ( 10:56:10 )

อนุปุพวิหาร 9 เป็นสัมมาทิฏฐิ

รายละเอียด

อนุปุพวิหาร 9 มันเป็นสัมมาทิฏฐิ รูปฌาน 4 อรูปฌาน 4 แล้วมีสัญญาเวทยิตนิโรธ มันเป็นสัมมาทิฏฐิไปตามลำดับ รูปฌานก็ดี อรูปฌานก็ดี ไม่มีหลับตา รูปฌานก็ตาม อรูปฌานก็ตาม ของพระพุทธเจ้าไม่มีหลับตาเลย รูปฌานก็คือ เรียนในระดับต้น กามภพ เลิกจากกาม ลดละกามไป ให้ได้ทั้งหมด ก็เป็นอันหมด ฌาน 1 2 3 4 จากกามไม่มี เหลือ รูป อรูป ข้างใน อนาคามีภูมิ ก็เรียนรู้ที่เหลือให้หมดรูปภพ อรูปภพหมด จบก็ได้สัญญาเวทยิตนิโรธ เป็นอนุบุพวิหาร 9 ตามลำดับทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าจึงจำเป็นต้องย้ำสอนในเรื่องของเนวสัญญานาสัญญายตนสัตว์ หรือเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ถ้าไปนั่งหลับตาปฏิบัติก็จะได้แต่เนวสัญญานาสัญญายตนะสัตว์ แต่ถ้าลืมตาปฏิบัติแล้วเป็นอนุปุพพวิหาร 9 ก็จะได้มีเนวสัญญานาสัญญายะตนะฌาน แล้วก็จะมี สัญญาเวทยิตนิโรธ ถ้าหากปฏิบัติผิดแล้วจะไม่มีสัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะว่า สัญญาเวทยิตนิโรธ คือสัญญากำหนดหมายรู้นิโรธจากเวทนา เคล้าเคลียอารมณ์แทงทะลุเวทนาทั้งหมด เพราะว่าเวทนาเป็นกรรมฐานของศาสนาพุทธ โดยเฉพาะเรียนรู้เวทนา 108 มโนปวิจาร 18 มันเป็นจุดสำคัญ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2563 ( 10:23:43 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:13:19 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:01:32 )

อนุพุทธ

รายละเอียด

ส่วนหนึ่งส่วนน้อย(อนุ)ของคนผู้มีภูมิธรรมเต็มความเป็นพุทธสัมบูรณ์แล้วในความเป็นคนขั้นต้น ซึ่งเป็นระดับปริตตังของคนผู้ใดผู้หนึ่งที่ควรพึงมีให้ได้ก่อน

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 241


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:43:19 )

เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2563 ( 17:39:26 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:02:00 )

อนุรักขนา

รายละเอียด

บำรุงความดี รักษาความดี

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 65


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:45:43 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:04:44 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:05:09 )

อนุรักขนาปทาน

รายละเอียด

อนุรักขนาปทาน  คือ  การรักษาผลที่ทำได้นั้น  คือ ความไม่ประมาท

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม  บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2562


เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 12:48:09 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:12:46 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:05:39 )

อนุรักขนาปธาน

รายละเอียด

1. รักษาควบคุมจิตเราไม่ให้ตกต่ำกว่าเดิม ได้อย่างไม่ขาดทุน

2. จะให้อยู่ในสภาพนั้น ๆ

3. พากเพียรรักษาผลที่ได้แล้วไว้ให้แข็งแรงมั่นคง อย่าให้เสื่อมถอย เสื่อมสูญไป

4. รักษาผลที่ได้ ต้องทำซ้ำ ทำให้คุ้นเคย ทำให้เกิดผลอย่างที่เคยทำได้มาแล้ว และทำเข้าไป ทำให้มาก ๆๆๆๆ

5. รักษาผล

6. เพียรทำการรักษาผล

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 255 , ทางเอก ภาค 3 หน้า 104 , ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 52

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 187 , ค้าบุญคือบาป หน้า 297, ชีวิตนี้มีปัญหา / เราคิดอะไร ฉบับ 275


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:47:43 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:34 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:06:44 )

อนุรัตต

รายละเอียด

วงวนแห่งความกำหนัดอันยังไม่ฝ่อ

หนังสืออ้างอิง

(จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 424)


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:48:51 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:12:36 )

อนุศาสนี

รายละเอียด

คำสอน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 161


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:52:23 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:22:41 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:07:10 )

อนุศาสนีปาฏิหาริย์

รายละเอียด

ทำถูก ทำได้ตาม ทำถูกต้องตามคำสอน ตามภาษิตของพระบรมศาสดา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า161


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:53:21 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:26:01 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:07:33 )

อนุศาสน์

รายละเอียด

คำสอนที่ใช้กับคนผู้มีปัญญาเป็นจิตนำ เมื่อนำไปปฏิบัติแล้วก็จะบรรลุผลแท้ วิมุตติจริง ก็จะเกิดศรัทธาตามมา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 121


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:51:44 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:28:26 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:07:57 )

อนุสยสูตร

รายละเอียด

อนุสยสูตร ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อถอนอนุสัย

[121] ... ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย เราทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเพื่อถอนอนุสัย ฯลฯ จบ สูตรที่ 3

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น

จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 15:47:17 )

อนุสสตานุตตริยะ

รายละเอียด

การระลึกอันเยี่ยม

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 412


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 14:11:30 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:30:53 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:08:15 )

อนุสสติ

รายละเอียด

การระลึกถึง

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 88


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 14:14:25 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:32:56 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:08:35 )

อนุสสติ 10

รายละเอียด

อนุสสติ 10 คือ ธรรมอันเป็นเอกเพื่อนิพพาน  เป็นธรรมที่ควรระลึกถึงอยู่เนือง ๆ 10 อย่าง

1. พุทธานุสสติ (ระลึกถึงพระพุทธเจ้า)

2. ธัมมานุสสติ (ระลึกถึงพระธรรม)

3. สังฆานุสสติ (ระลึกถึงพระสงฆ์)

4. สีลานุสสติ (ระลึกถึงศีล)

5. จาคานุสสติ (ระลึกถึงการบริจาค)

6. เทวตานุสสติ (ระลึกถึงคุณธรรมที่ทำให้มีจิตใจสูง)

7. มรณสติ (ระลึกถึงความตาย)

8. อานาปานสติ (มีสติระลึกรู้ตัวอยู่ตลอดทุกลมหายใจเข้าออก)

9. กายคตาสติ (ระลึกถึงกายนี้ว่า น่ารังเกียจ เป็นของไม่เที่ยง ควรละหน่าย)

10. อุปสมานุสสติ (ระลึกถึงนิพพาน/ความสงบระงับกิเลสและความทุกข์ได้)   

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 20 “เอกธัมมาทิบาลี” ข้อ 179-180

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 21:12:18 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:43:18 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:09:12 )

อนุสสติ 10

รายละเอียด

คือธรรมอันเป็นเอก เพื่อนิพพาน เป็นธรรมที่ควรระลึกถึงอยู่เนืองๆ 10 อย่าง 1. พุทธานุสสติ (ระลึกถึงพระพุทธเจ้า)

2. ธัมมานุสสติ (ระลึกถึงพระธรรม)

3. สังฆานุสสติ (ระลึกถึงพระสงฆ์)

4. สีลานุสสติ ระลึกถึงศีล)

5. จาคานุสสติ ระลึกถึงการบริจาค)

6. เทวตานุสสติ (ระลึกถึงผู้มีจิตใจสูง)

7. มรณัสสติ (ระลึกถึงความตาย)

8. อานาปานัสสติ (ระลึกรู้ตัวทุกลมหายใจเข้าออก)

9. กายคตาสติ (ระลึกถึงกายนี้ว่า น่ารังเกียจ)

10. อุปสมานุสสติ (ระลึกถึงความสงบระงับกิเลสได้)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 20 “เอกธัมมาทิบาลี” ข้อ 179-180


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 08:49:30 )

อนุสัย

รายละเอียด

คือเป็นตัวลึกซึ้งปลายมาก อาตมาเป็นพระโพธิสัตว์ระดับ 7 จึงแยกแยะความละเอียดของอนุสัยกับอาสวะได้ คนที่ยังภูมิไม่ถึงก็ยังไม่ต้องไปข้องใจ เรายังเข้าใจไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราบันทึกในฮาร์ตดิสก์แล้ว สักวันหนึ่งก็อาจจะใช้ได้รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหามไม่เสียหลายหรอกใช้ได้

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:45:02 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:14:05 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:10:15 )

อนุสัย

รายละเอียด

1. จิตที่นิ่ง จิตที่นอน จิตที่หลับไหลอยู่ มันเป็นจิตที่หลงผิดอยู่อย่าง-ละเอียด จิตหลงที่ไม่ไหวตัว เคลื่อนตัวให้รู้ชัด

2. ต้องดับด้วยปัญญินทรีย์ หรือต้องใช้ปัญญาทำความปล่อย ทำ-ความเข้าใจแจ้งให้ได้ว่าใจเราเองหลงมัน ใจเรายังเป็นทาสรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสในมัน

3. กิเลสที่อยู่ส่วนลึก แม้เจ้าตัวก็ไม่อาจรู้ของตนได้ง่าย

4. นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้งของใจ

5. การฝังลึกลงในความเป็นตนเอง(สย)ลึกมากจนแก้ไขยากมาก ผู้จะแก้ไขได้ต้องใช้ความรู้ขั้นอาริยภูมิของพระพุทธเจ้าอย่างสัมมาทิฏฐิจึงจะแก้ไขได้

คำอธิบาย

อนุสัย (unconscious)คือ จิตต้นรากหรือจิตไร้สำนึกของตน

คนจะมีธรรมะได้อย่างไร ? เล่ม1

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 268 , ทางเอก ภาค 2 หน้า 459 , อีคิวโลกุตระ หน้า 23

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 65 –66


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 14:17:17 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:42:22 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:11:15 )

อนุสัย

รายละเอียด

จิตที่อยู่ในก้นบึ้งซึ่งเลวก็ได้ดีก็ได้ ผสมให้มันควบแน่นลงไปก็เป็นอนุสัยได้ พระอาริยะพระอรหันต์ก็สั่งสมอนุสัยในส่วนดี เป็นติดมา เป็นฐานของจิตมา มันเป็นของจริง ซึ่งไปขโมยเอาของใครมาไม่ได้ แบ่งเอาของใครมาไม่ได้ตนเองทำก็ติดตัวมาติดอัตภาพมาเรื่อยๆ จนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน ธาตุอัตภาพนี้ จึงแตกสลาย เป็นอุตุธาตุไม่จับตัวเป็นจิตนิยามอัตภาพนั้นก็หายไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 61 วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 14:27:16 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:14:34 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:12:32 )

อนุสัย 7

รายละเอียด

คือ กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน ที่ควรละเสีย

   1. กามราคานุสัย  ความดึงดูดกำหนัดในกาม

   2. ปฎิฆานุสัย  ความขัดเคืองใจ, ความผลักไส ขัดเคือง ขึ้งเคียด

   3. ทิฎฐานุสัย  การยึดถือความเห็นเป็นตนของเรา

   4. วิจิกิจฉานุสัย  ความลังเลสงสัย ทำให้เนิ่นช้า

   5. มานนานุสัย  ความถือดี, ความถือตัวทั้งหลาย

   6. ภวราคานุสัย ความกำหนัดในภพ, ความอยากในภพละเอียด

   7. อวิชชานุสัย  ความไม่รู้แจ้งในธรรม, ความไม่แจ้งในอริยสัจ

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 23 "อนุสยสูตร" ข้อ 11-12

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก 


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2562 ( 14:09:54 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:44:16 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:13:12 )

อนุสัย 7

รายละเอียด

อนุสัยมี 7 ข้อ

1.  กามราคานุสัย (ความดึงดูดกำหนัดในกาม)

2.  ปฏิฆานุสัย (ความผลักไส ขัดเคือง ขึ้งเคียด)

3.  ทิฏฐานุสัย (ความยึดถือความเห็นเป็นตนของเรา)

4.  วิจิกิจฉานุสัย (ความลังเลสงสัย ทำให้เนิ่นช้า)

5.  มานานุสัย (ความถือตัวทั้งหลาย)

6.  ภวราคานุสัย (ความใคร่อยากในภพละเอียด)

7.  อวิชชานุสัย (ความไม่แจ้งในอริยสัจ)

(พตปฎ. เล่ม 23   ข้อ 11)

 สามข้อสุดท้าย มานะคือการถือดี มันดีนะ แต่ยึดถือเป็นเราก็เลยเป็นภพ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561

สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน จนอย่างสุขสำราญเบิกบานใจ


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 17:02:42 )

อนุสัย 7

รายละเอียด

คือกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน ที่ควรละเสีย

1. กามราคะ (ความกําหนัดในกาม)

2. ปฏิฆะ (ความขัดเคืองใจ)

3. ทิฏฐิ (การยึดถือความเห็น)

4. วิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย)

5. มานะ (ความถือดี)

6. ภวราคะ (ความกําหนัดในภพ)

7. อวิชชา (ความไม่รู้แจ้งในธรรม)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 23 “อนุสยสูตร” ข้อ 12


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2565 ( 19:01:01 )

อนุสัย คืออะไร

รายละเอียด

อนุสัยเป็นเรื่องลึกซึ้งมากเลย 

อนุ กับ สยะ 

สยะ คือตัวเรา ตัวตนของเรานี่มันมีสิ่งที่เล็กๆ อนุ อณู เป็นพลังงานเล็กๆที่ติดอยู่กับตัวเรา จะว่าเล็กหรือละเอียดก็ได้ ที่คนจะรู้มันได้ยาก เมื่อมันเป็นลักษณะของกิเลส กิเลส หยาบ กลาง ละเอียด ที่ละเอียดเรียกอนุสัย เป็นตัวปลาย 

ทีนี้เมื่อหมดกิเลสแล้ว หมดอาสวะแล้ว แต่เรายังมีสยะ อณูของสยะ อาศัย ในชีวิตที่เรายังไม่ตาย อันนี้แหละ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครจะพูดกันเท่าไหร่ แต่อาตมาจะพยายามพูด เพราะมันเป็นเรื่องมีจริงที่มนุษย์จะต้องอยู่ เพราะว่าสิ่งที่ต้องอาศัยเป็น อนุสยะ

ผู้ที่ไม่ได้ศึกษา ก็ไม่สามารถที่จะอาศัยขั้นนี้ได้ ขั้นอนุสยะ ก็ได้แต่อาศัย ตัวตน ที่มีกิเลส หยาบ กลาง ที่เหลือน้อยละเอียดนั้น ไม่มีทางเข้าถึงไม่มีทางทำได้ เพราะหยาบคุณก็ไม่ได้เรียนรู้ หยาบคุณล้างแล้ว เหลือกลางกับอนุสยะ ก็เรียนรู้ตามต่อ ขนาดกลาง เรียกปริยุฏฐานกิเลส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิบัติจรณะ 15 พาให้พ้นสวรรค์คนโง่ วันพุธที่ 3 มีนาคม 2564 ที่ บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2564 ( 13:25:45 )

อนุสัยกับอาสวะ ควรลดละอะไร

รายละเอียด

อนุสัย 7 .  (กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน)

  1. กามราคานุสัย (ความดึงดูดกำหนัดในกาม) 

  2. ปฏิฆานุสัย (ความผลักไส ขัดเคือง ขึ้งเคียด) 

  3. ทิฏฐานุสัย (ความยึดถือความเห็นเป็นตนของเรา) 

  4. วิจิกิจฉานุสัย (ความลังเลสงสัย ทำให้เนิ่นช้า) 

  5. มานานุสัย (ความถือตัวทั้งหลาย)

  6. ภวราคานุสัย (ความใคร่อยากในภพละเอียด)

  7. อวิชชานุสัย (ความไม่แจ้งในอริยสัจ)

ส่วนสังโยชน์ มันมีทั้งหมด 10 ข้อ ให้ปฏิบัติไปตามลำดับแล้วมันจะง่ายไม่สับสน

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 28 ตุลาคม 2563

หนังสืออ้างอิง

(พตปฎ. เล่ม 23   ข้อ 11)


เวลาบันทึก 22 พฤศจิกายน 2563 ( 10:56:28 )

อนุสัยกับอาสวะต้องใช้สังโยชน์ 3 เหมือนกัน

รายละเอียด

อนุสัยกับอาสวะ อาตมาเป็นผู้แยกให้ละเอียด ให้ฟังแล้วศึกษาไปตามลำดับไปเถอะ 

อาสวะ ท่านเรียนด้วยสังโยชน์ 10 

อนุสัย มี 7 สังโยชน์มี 10 

สามข้อแรกเหมือนกัน ละไว้ในฐานที่เข้าใจ อนุสัยก็ต้องใช้สังโยชน์ 3 เหมือนกัน สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ถ้าไม่พ้น 3 ข้อนี้อย่าไปพูดถึงอนุสัยเลย สิ้นอวิชชานุสัยไม่ได้ก่อน ต้องสิ้นอวิชชาสวะก่อน จึงจะไปสิ้นอวิชชานุสัย ลำดับของสังโยชน์ 10 เจ็ดข้อหลังไม่เหมือนกันกับลำดับอนุสัย 7

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:43:13 )

อนุสัยกับอาสวะมีรายละเอียดนัยเดียวกันกับอุปาทา และอุปาทานใช่ไหม

รายละเอียด

ใช่ เหมือนกัน นอกจากจะองศาแล้วก็ยังมีมิติอีกด้าน สูง ต่ำ ดำ ขาว เป็น dimension เข้าไปอีก เป็นต่างๆ มันมากกว่า  สี่ dimension

เพราะฉะนั้นรู้ความเป็นเหลี่ยม  เป็นสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม four dimension มันเต็มละ ถ้าออกไปจาก four dimension เป็น  five dimension  เป็น six dimension มันก็ไปกันอีก มันก็กลายเป็นลูกโลก ลูกโลกที่ขยายมุมเหลี่ยมออกไป เป็น six เป็น seven เป็น eight เป็น nine อะไรไป มันก็จะยิ่งเป็น dimension องศาของมันก็ยิ่งจะเป็นป้านขึ้นๆๆๆ จนกระทั่งรอบโลกนี่ โอ้โห  มันหักมุมโดยไม่รู้องศา มันมีองศาเปล่า มันเหมือนเส้นตรงนะ แต่มันไม่ตรงหรอก ทุกๆอย่างมันต่อเนื่องไปเป็นสายเนี่ย มุมมันก็นิดๆๆๆองศา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูสนทนากับปัจฉาฯ 31 ก.ค. 2561


เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 15:59:04 )

อนุสัยกิเลส

รายละเอียด

1. กิเลสละเอียด. ถ้าโลภะ โทสะ และโมหมูลจิตเหลือเศษธุลีแล้ว อ่อนแรง เบาแรงมากแล้ว คือสัตว์นรกขนาดเล็กสุด

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 558, ทางเอก ภาค 2 หน้า 55


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 14:18:26 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:45:28 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:13:50 )

อนุสัยของคนไทย

รายละเอียด

ใช่ เป็นบารมี เป็นอนุสัยของคนไทย เป็นตัวฐานรากของจิตวิญญาณ ความรู้และความเชื่อ จิตวิญญาณที่เป็น ความรู้ความเชื่อในปัญญาและศรัทธาในรากฐานของจิต มันรู้แล้ว ทั้งเข้าใจเรียกว่าปัญญา ทั้งเชื่อถือเรียกว่าศรัทธา ว่า มันไม่ทำหรอกอย่างนั้น เผินๆก็ดูเหมือนอยากจะทำ แต่ไม่หรอก ในรากฐานจิตวิญญาณคนไทยไม่ทำอย่างนั้นหรอก ประเทศไทยเป็นชาวพุทธเป็นโลกุตระ เป็นเลือดโลกุตระ แท้ๆ 

เอาเถอะ พูดไปก็เป็นการพูด มันต้องใช้เวลา อย่ารีบตายกันเน้อ รักษาสุขภาพให้มีอายุยืนยาวนานๆ จะได้ดูสังคมประเทศไทย จะได้ดูพฤติกรรมของคนไทย ที่เป็นพฤติกรรมของคนไทยเปรียบเทียบกับพฤติกรรมของคนประเทศอื่นในโลก แล้วจะได้เห็น จะได้เข้าใจว่า อ๋อ.. สุดยอดของคุณธรรมแบบพระพุทธเจ้านี้กับคุณธรรมแบบศาสดาอื่นๆนี้ มันมีคุณค่าต่างกันอย่างจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 8 พ่อครูพบ คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มกราคม 2566 ( 12:56:40 )

อนุสัยของนาคก็ยังมีอัตตา

รายละเอียด

“อนุสัย”ของ“นาค”ก็ยังมี“อัตตา”จอมยึดเก่งยอดจนได้ชื่อว่า เป็นจอมนาคหรือพญานาคเข้ามาเผยแพร่ลัทธิหลับ ลัทธินอนของตนจนได้ เป็นยอดงู ยอดนาค จนศิลปินต้องยกฐานะให้เป็น“พญางู”ก็ตกแต่งหน้าตา หูหัว สัดส่วนรูปร่าง“งู”ให้มีรูปร่าง มีหงอน มีแง่ แต่งองค์ทรงเครื่อง มีลายกนกตกแต่งเป็นลวดลายพิเศษให้เป็น“งู”ยิ่งใหญ่ ที่เขื่องโก้ หรูหรา มโหฬาร แตกต่างจาก“งู”สามัญ เป็น“พญางู-พญานาค” มีรูปโฉมดังที่เห็นกันอยู่ตามจินตนาการศิลปะไทยนั่นเอง

“ธาตุแท้”ของตนก็คือลัทธิ“หลับ” เมื่อยิ่ง“ หลับ”ก็ยิ่งไม่ตื่น-ไม่รู้โลก ทับทวีหนาหนักซับซ้อนนับไม่ถ้วน ก็ยิ่งคือ “ผู้สั่งสมอวิชชา”เป็น“พญานาค”ที่ยิ่งใหญ่ยิ่งโต ยิ่งมโหฬาร ลงบาดาลลึกๆๆๆ ก็ยิ่ง“อวิชชามืดดำ”ยิ่งขึ้นๆๆๆๆๆไปอีก  

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 30 ตำนานพญานาค ตอนที่ 1วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 31 พฤษภาคม 2565 ( 13:35:12 )

อนุสัยของพระโพธิสัตว์เป็นตัวดีที่สุด

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น เวลาจะปฏิบัติธรรม อาตมาขยายคำ 4 คำ อาสัย นิสัย วิสัย อนุสัย เราจะอาศัยก็อาศัย สย อาสัยนี้หยาบกว่า อนุสัย จะไปบอกว่าหยาบก็ไม่มีตัวแล้วล่ะ แต่มันเล็กละเอียดกว่ากัน อาศัยนี่ละเอียดแล้ว แต่ อนุ นี่เล็กละเอียดกว่า 

เพราะฉะนั้นในสุดแห่งที่สุด อาตมาเป็นโพธิสัตว์จะรู้จักตัว อนุสัย ตัว อาสัยก็รู้ดีแต่ที่สุดแล้วต้อง อนุสัย ก็อาศัย แต่เราจำเป็นต้องอาศัยอนุสัย เราอาศัย แต่ไม่ได้ยึดมั่นถือมั่น มันเป็นตัวน้อยที่สุด 

เพราะฉะนั้นอนุสัยของพระโพธิสัตว์สุดท้ายไม่ใช่ตัวเลวหรอก แต่เป็นตัวดีที่สุด เห็นไหม โอ้โห.. ยากไหม นี่บอก สำหรับอาตมามีสภาวะอาศัยใช้อยู่จริง ซึ่งพวกคุณ ยังไม่ถึงก็ไม่เป็นปัญหาหรอกไม่ต้องกังวล จะมีหรือไม่มีเมื่อไหร่ถึงเวลาก็เอามาใช้ ยังไม่ถึงฐานะของคุณจะไปกังวลมันทำไม ไม่เกี่ยวกับเรา เรายังไม่ถึงฐานไม่จำเป็นอะไร

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:45:01 )

อนุสัยคืออะไร

รายละเอียด

ที่ถามมาไม่ใช่ตื้นๆ พระอรหันต์ยังไม่หมดอนุสัยก็ยังเป็นอรหันต์แล้ว มีปัญญาวิมุติยังไม่หมดอนุสัย ได้หมดสิ้นอาสวะทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าแค่กายสักขี อาจมีอาสวะบางอย่างหมดได้แต่ไม่หมดถ้วน ก็ไม่เรียกพระอรหันต์ แต่ถ้าปัญญาวิมุติ หมดอาสวะแล้วยังเหลือเศษอนุสัยบางอย่าง เพราะอนุสัยนั่นละเอียดกว่าอาสวะ อาสวะมี 10 อย่าง ส่วนอนุสัยมี 7 อย่าง ก็ค่อยๆศึกษา อย่าเพิ่งเดือดร้อนใจ ยังไม่รู้จักถึงอาสวะอนุสัยก็อย่าเดือดร้อนใจ มันเป็นเรื่องขั้นตอนที่ชัดเจนของผู้ที่มี อรหัตตมรรค ผู้ที่มีฐานอรหัตตมรรค ค่อยมามุ่นกับอาสวะอนุสัย ถ้าไม่ถึงขีดเขต ยังเป็นโสดาฯสกิทาฯ ก็ค่อยๆเรียนไป อย่าเพิ่งเรียนเกินฐาน

ที่มา ที่ไป

เอื้อไออุ่นแพทย์วิถีธรรม วันอังคารที่ 6 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 09:44:42 )

อนุสัยตัวน้อยนิดที่พ่อครูอาศัย

รายละเอียด

สรุปแล้วอาศัย  นิสัย วิสัย อนุสัย แม้ที่สุดตัวคำว่าอนุสัย ไม่มีใครพูดหรอก นอกจากอาตมาจะพูด แล้วอาตมาก็มั่นใจว่าไม่ได้พาให้เละเทะเลอะเทอะ เพราะว่าอาตมามีอนุสัยตัวนี้ สิ่งที่อาศัยตัวน้อยนิด อาตมาก็ตามรู้ ตามเห็น ตามกำกับควบคุมมัน ควบคุม สย ของตัวเอง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 16:47:56 )

อนุสัยลึกของกาม

รายละเอียด

อาหารข้อที่ 1 กามฉันทะ คุณไม่ได้ออกมาจากกามเลย คุณยินดีอยู่ในอนุสัยลึกตลอด คุณก็จะเป็นพ่อแม่ที่ฆ่าลูกกิน กินลูกไปพลาง แล้วโง่เง่าว่าลูกของเราหายไปไหน เอ็งฆ่าลูกเอ็งแล้วกินอยู่ในปากเอ็งก็ยังโง่และลืม ลืมว่าได้ฆ่าลูกไปแล้ว แล้วนึกว่ามีลูก ก็คือเนื้อที่อยู่ในท้อง ขี้ออกมาแล้ว แล้วบอกว่าลูกอยู่ที่ไหนก็อยู่ในขี้ของเอ็งไง ชั่วระยะเวลาของความทุกข์มันทุกข์อยู่ตลอดต่อกันตามหอก 100 เล่มแล้วมีระยะเวลาพัก ทุกข์เฉพาะที่ปัจจุบันถูกหอกแทง 300 เล่มในทั้งวัน หรือ 100 เล่มในตอนเช้า ว่างก็มีว่าง แต่มันจะยังไม่ตายมันจะอยู่กับทุกข์ไปอีกนานเท่านาน มันไม่ตายดื้อจริงๆ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงจะจมอยู่กับที่เก่าข้องอยู่ในถ้ำอยู่อย่างนี้ เฮ้ยเมื่อยจริงๆ เจ้าคนดื้อด้านดึงดัน

ที่มา ที่ไป

รายการกายนี้คือวิญญาณ วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2563 ( 10:43:39 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:14:59 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:15:54 )

อนุสัยหรือปรมานุสัย

รายละเอียด

ผู้ที่พระพุทธเจ้ารับรองว่าเป็นพระอรหันต์แล้วคนนี้ไม่มีกลับฟื้น ไม่มาฟื้นหาปุถุชนชาวโลกีย์ ไม่มีฟื้น หมดอาสวะแล้วไม่มีฟื้น มีแต่เชื้ออยู่เท่านั้นเอง เป็นแต่เพียงเหลืออนุสัย อนุสัยจึงมีสภาวะ 2 ..โพธิสัตว์จะรู้จักอนุสัยแล้วอาศัย สยะ ที่แปลว่าตัวตน อาศัยตัวนี้ตัวเล็กที่สุด เอาอันนี้เป็นตัวอนุตาม ทำงานไป ยังรู้สึกตัวเองพูดไม่เก่งในการบอกความแตกต่าง อนุสัยกับอาสวะ สุดท้ายผู้ที่หมดอนุสัยแล้วเป็นผู้อุภโตภาควิมุติแล้วก็ต้องอาศัยตัวน้อยนี่แหละ ไม่มีพยัญชนะจะเรียกแล้ว ก็เรียกอนุสัยนี่แหละ ไอ้น้อยสัยหรือไอ้สัยน้อย ก็อาศัยพยัญชนะว่า อนุ หรืออณู ตัวเล็ก ก็อาศัยปรมานุสัยก็ได้

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2563


เวลาบันทึก 19 พฤศจิกายน 2563 ( 11:40:36 )

อนุสัยอรหันต์ก็ยังพัฒนาไปทีละขั้น (อาสัย-นิสัย-วิสัย) เหมือนกันแต่ฐานนี้เป็นระดับอจินไตย!

รายละเอียด

สำหรับ“อนุสัย”ของอรหันต์นี้ เป็น“อจินไตย”ในระดับ“พุทธภูมิ” คนที่ยังไม่มีภูมิโพธิสัตว์เพียงพอจึงยังไม่ใช่“วิสัย”ที่จะรู้จัก

รู้แจ้งรู้จริงได้ ต้องมีภูมิเริ่มเข้าขั้น“พุทธวิสัย”นั่นแหละจึงจะสามารถเข้าใจความเป็น“อนุสัย”ของอรหันต์ได้ไปตามลำดับ หรือแม้แต่ความเป็น“ฌานวิสัย”แบบพุทธที่สัมมาทิฏฐิแท้ๆซึ่งเป็นโลกุตระก็เป็น“อจินไตย” เพราะมิใช่“ฌานวิสัย”ที่เป็น

โลกียะเท่านั้น คนทุกคนก็สามารถพิสูจน์ได้ในความเป็น“ตนเอง” 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 278 หน้า 218


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:46:08 )

อนุสัยโลกียธรรมพัฒนาสูงขึ้นเข้าสู่กระแสโลกุตระเป็นโสดาฯ เป็นสกิทาฯ...!

รายละเอียด

จาก“อนุสัย”ที่เป็น“อนุสัยโลกียธรรม” เมื่อได้เรียนรู้ปฏิบัติสัมมาทิฏฐิ “อนุสัยโลกียธรรม”ก็จะได้รับการเปลี่ยนไป“อาสัย”โลกุตระ เริ่มจาก“เข้ากระแส(โสตาปันนะ)โลกุตระ”ได้ ก็เป็น“โสดาปัตติมรรค” กระทั่งเต็มความเป็น“โสดาปัตติผล”ก็เป็น“นิสัย”โลกุตระ

จนกว่า“นิสัยโลกุตระ”จะเพิ่มขึ้นเป็น“วิสัยโลกุตระ”ของความเป็น“โสดาบัน”แล้วเพิ่มซับซ้อนขึ้นไป“อาสัย”ความเป็น

“สกิทาคามี” จนกระทั่ง“นิสัยสกิทาคมามี”เลื่อนสูงขึ้นไปเป็น

“วิสัยสกิทาคามี” แล้วสั่งสมลงเป็น“อนุสัยสกิทาคามี”(อนุสัยชนิดนี้

ไม่ใช่“อนุสัยของกิเลส”หรอกนะ! เป็น“อนุสัย”ของโลกุตรธรรม) ซึ่งสั่งสมซับซ้อน“หมุนรอบเชิงซ้อน(ปฏินิสัคคะ)กันขึ้นไปๆๆ

คนจึงสามารถสะสม“โลกุตรธรรม”จาก“อาสัย”มีคุณภาพเพิ่มขึ้นเป็น“นิสัย” แล้วจึงจะเป็น“วิสัย” ที่สุดเป็น“อนุสัย”ของอรหันต์

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 277 หน้า 218


เวลาบันทึก 02 สิงหาคม 2564 ( 13:45:01 )

อนุสัยไม่ใช่มีเฉพาะกิเลสแต่คือคลังสมบัติ

รายละเอียด

อนุสัยไม่ใช่มีเฉพาะกิเลสแต่คือคลังสมบัติ เรื่องอรหันต์เรื่องโพธิสัตว์เป็นเรื่องอนุสัยที่อาศัยใช้สอย ใช้ประโยชน์ทำงานจนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน นี้เป็นเรื่องลึกซึ้งที่สุดเลย เป็นพระอรหันต์เป็นพระโพธิสัตว์แล้ว สุดท้ายจะจัดการจนสิ้นแม้แต่อนุสัยอีก ถ้าคุณสิ้นอาสวะเป็นพระอรหันต์ตาย คุณยังไม่สิ้นอนุสัยคุณก็จะยังค้างอยู่ในภพที่เป็นอรูปที่สุด คล้ายๆกับอนาคามีที่ตายแล้วค้างอยู่อีก แต่มันละเอียดเกินกว่าที่เราจะไปคิด ไม่ต้องคิดหรอก ถึงเวลาเป็นได้แล้วจะรู้ อาตมาเคยบอกว่าอาตมาไม่ไปตายอยู่ในภพสุทธาวาส 5

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:24:54 )

อนุสาสนี

รายละเอียด

คำสอน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า79 , เปิดโลกเทวดา หน้า 37


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 14:19:51 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:48:14 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:16:13 )

อนุสาสนีปาฏิหารย์ของวรรณะ 9

รายละเอียด

และสูงไปกว่านั้นผู้ที่มีคุณธรรมจริง เป็นผู้มีคุณธรรมถึงขั้นได้กับตัวเองและบรรลุธรรมนั้น ไม่มีลาภยศไม่ได้ติดลาภยศสรรเสริญสุขอะไรแล้ว ยิ่งเป็นพระอรหันต์เลย แล้วก็มาทำงานกับสิ่งที่เป็นลาภสิ่งที่เป็นยศสิ่งที่เป็นสรรเสริญสิ่งที่เป็นสุขอยู่ 

คบคุ้นไปจะเห็นได้ว่า ท่านไม่ได้แสวงหาแต่มันมีได้ คนเขาเอามาให้ ท่านก็ไม่ได้เอา ไม่ได้ไปกอบโกยหอบลาภยศสรรเสริญสุขอะไรอยู่ มันจะเห็นได้ นอกจากท่านได้อย่างนี้แล้วท่านยังเอามาสอนเอามาแนะนำบอกคนอื่น คนอื่นก็ละลด ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มาๆๆ อยู่กันอย่างเป็นสุขสงบสร้างสรร ขยันเพียร มีวรรณะ 9 (เครื่องชี้วัดของพระพุทธเจ้า) มาอยู่กันเป็นคนกินง่ายๆ นั่งง่ายๆไปง่ายมาง่ายๆมีชีวิตเลี้ยงง่ายบำรุงง่าย หรือ จะพัฒนาพาทำสิ่งที่เจริญก็ง่าย สุโปสะ เป็นคนมักน้อย ไม่สะไม่สม (ข้อ 8 ) เอาน้อยๆไว้น้อย ไม่ได้หอบหามมามาก แต่กระจายไปสะพัดให้ผู้อื่นมันจะมีพฤติกรรมจริงๆ มีกายกรรมวจีกรรมมโนกรรมแสดงออกเห็นอยู่ชัดๆ ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ลึกลับอะไรแต่เป็นเรื่องจริง เรื่องยืนยันพิสูจน์ได้เป็นจริงดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ เป็นพระอนุสาสนีก็บอกไปว่าเป็นจริงสันโดษ พอ ไม่ต้องมากมายอะไร น้อยแค่นี้ก็พอ  ทั้งมักน้อยสันโดษ ชีวิตก็มีการขัดเกลากายกรรมวจีกรรมมโนกรรมที่มันควรขัดเกลาออก มีกิเลสมีความไม่เหมาะควร พฤติกรรมยังไม่ดียังไม่ดูดี ก็ปรับลดเปลี่ยนแปลงขัดเกลาให้มันดีตามทั้งสมมุติสัจจะทั้งปรมัตถสัจจะ

สัลเลขะ ตามหลักพระพุทธเจ้า ธูตะ ข้อปฏิบัติตามหลักพระพุทธเจ้าไม่ว่าจะเป็นศีลหรือวินัยตามหลักพระพุทธเจ้ากำหนดมาเป็นธรรมวินัยปฏิบัติตามลำดับ มีธูตะ บรรลุได้ แล้วสูงขึ้นเคร่งขึ้น เช่นมีจุลศีล 26 ข้อ ต่างๆ เราก็เรียนรู้ว่าเรามีสิ่งเหล่านี้แต่ไม่ได้ติดยึดสิ่งเหล่านี้ มีสิ่งเหล่านี้อาศัยอยู่กับชีวิตไปตามเหมาะควร ซึ่งเป็นคนหลุดพ้นเห็นๆอยู่กับสิ่งที่มีอยู่ในโลกที่เขามีคนติดก็ติดกันไป แต่ท่านไม่ติด แต่ท่านก็รู้จักการใช้เอามาประยุกต์เอามาสังขารเอามาปรุงแต่งใช้ไป เพื่อประโยชน์ตัวเองน้อย ตัวเองใช้อะไรไม่มากแต่เอามาปรุงแต่งสร้างสรรค์ช่วยให้คนอื่นได้ ส่วนตัวเองนั้นปรุงแต่งจิตล้างกิเลสในจิตเป็นอภิสังขาร มีปุญญาภิสังขาร จนหมด จนไม่ต้องทำแล้วอปุญญาภิสังขาร จนหมดบุญหมดบาป ปุญญปาปปริกขีโณ ไม่ทำบาปทั้งปวง สัพพะปาปัสสะอะกะระณัง มีแต่ทำกุศลไป กุสลัสสูปสัมปทา เพราะมีจิตใจที่สะอาดแล้วเป็น สจิตตปริโยทปนัง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:32:10 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์

รายละเอียด

คำสอนของพระศาสดา เอาคำสอนมาทำความเข้าใจให้ดี ให้ถูกต้องชัดเจนและปฏิบัติให้ได้ตามนั้น เมื่อปฏิบัติได้ท่านก็รับว่าเป็นปาฏิหาริย์ เพราะมันเป็นเรื่องแสนวิเศษ ปฏิบัติได้ตามคำสอนพระพุทธเจ้า เช่น เป็นคนมีศีลได้ ไม่ฆ่าสัตว์ มีใจที่ไม่ฆ่าสัตว์ทั้งกาย วาจา ใจ ก็ไม่ฆ่าสัตว์ พยายามไม่ฆ่าจริงๆ คนที่มีจิตแบบนี้เรียกว่ามี ปาฏิหาริย์ที่เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์อย่างนี้เป็นเรื่องสุดยอด การเหาะได้ ก็เป็นเรื่องปาฏิหาริย์แต่พระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นเรื่องไร้สาระ  การเหาะได้คุณประโยชน์ ก็คือหมากัดก้นไม่ถึงเท่านั้นเอง เหาะได้ จะได้เรื่องอะไรแต่ถ้ามารู้จักคำสอนพระพุทธเจ้า เรียนตามคำสอนพระพุทธเจ้า มันจะไปหานิพพานพ้นทุกข์ได้ และเป็นประโยชน์ คุณค่า เป็นคนประเสริฐสุดเลย อันนี้ต่างหากประเสริฐสุดกว่าการเหาะได้ เหาะได้แค่หมากัดก้นไม่ถึง

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 12:00:27 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:15:53 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:17:16 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์

รายละเอียด

1. ปาฏิหาริย์ของคำสอน , คำสอนที่มีประสิทธิภาพพาให้พ้นทุกข์ พาให้ไปสู่นิพพานได้จริง พาให้เจริญเป็นคนดี คนเจริญจริง

2. ความมหัศจรรย์ของคำสอน , คำสอนเป็นจริงอย่างมหัศจรรย์

3. คำสอนที่วิเศษเป็นความอัศจรรย์

4. คำสอนเป็นปาฏิหาริย์

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 109 , อีคิวโลกุตระ หน้า 31

เปิดโลกเทวดา หน้า 179 , วิถีพุทธ หน้า 36


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 14:21:59 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:51:27 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:17:53 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์

รายละเอียด

 หลวงปู่จึงพยายามพิสูจน์ธรรมะพระพุทธเจ้าตามคำสอนคำบอกพระพุทธเจ้า เรียกว่า อนุสาสนีปาฏิหาริย์ หลวงปู่ไม่ได้สร้างแบบความลึกลับ แบบคนเล่นกล หรือทำอย่างอิทธิปาฏิหาริย์ ไม่รู้จักเหตุปัจจัย แต่ของพระพุทธเจ้าทำอย่างรู้จักเหตุปัจจัยอย่างนี้จึงเกิดผลอย่างนี้ ไม่ใช่เรื่องลึกลับ แต่พวกนั้นเป็นเรื่องลึกลับเป็นเรื่อง Magic เช่นเหาะได้หายตัวได้ ก็ทำได้แต่ไม่รู้ว่าเหตุนั้นทำอย่างไร มาทำสิ่งที่พิสูจน์ได้อย่างนี้ดีกว่า ไม่ต้องไปทำแบบลึกลับ แบบที่ทายใจคนได้ ไปทำแบบนั้นไม่ดี จนกว่าเรามีความบริสุทธิ์ใจ รู้กิเลสของเขาเราก็ช่วยเขาได้ อย่างที่พระพุทธเจ้าสอน สอนให้มีประสิทธิภาพทางจิต หยั่งรู้ว่าคนนี้มีกิเลสอย่างไร แล้วช่วยเขาลดกิเลสได้ อย่างนี้เป็นประโยชน์ แต่ถ้าไปรู้ความคิดเขาแล้วเอาไปใช้ผิดๆก็ไม่ดี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:28:54 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์

รายละเอียด

อนุสาสนีปาฏิหาริย์ แปลว่า มีฤทธิ์ทางคำสอนให้ลดกิเลส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 20:08:55 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์

รายละเอียด

ส่วน อนุสาสนีปาฏิหาริย์นั้นฟังดีๆ 2 อย่างนั้นท่านบอกว่า ท่านเกลียดชัง  ท่านเบื่อหน่าย ท่านระอา ท่านตีทิ้ง ที่จริงไม่ได้ตีทิ้งหรอก แต่ท่านปฏิเสธ อย่าให้ชาวพุทธนั้นไปสนใจเพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นโลกียะ เป็นเรื่องหลงใหลในความเก่งความสามารถ ไม่ได้ประโยชน์ละหน่ายคลาย ไม่ได้ลดละกิเลสเลย ไม่เกี่ยว 

อนุสาสนีปาฏิหาริย์ถึงจะลดละกิเลส อันนี้แหละเป็นสำคัญ เช่น 

ศีลข้อที่ 1 เป็นคำสอน อนุสาสนีแปลว่าคำสอน เมื่อผู้ใดเรียนศีลแล้ว จากแต่ก่อนเป็นคนจิตใจอำมหิต โหดร้าย ฆ่าสัตว์ ฆ่าแหลก ฆ่าแม้แต่คน แต่เมื่อมาปฏิบัติธรรมคำสอนพระพุทธเจ้าและปฏิบัติตาม ก็รู้ว่า เราทำไมถึงทำชั่วขนาดใจโหดร้ายอำมหิตถึงกับฆ่าชีวิตผู้อื่น ซึ่งคนเขาก็รักชีวิต สัตว์ก็รักชีวิตของเขา เหมือนกันกับเรารักชีวิตของเรา 

ทำไมคุณถึงไปฆ่าเขา มันอำมหิต โหดร้าย ใจดำ มันเลวสุดเลวเลยในความเป็นคน เดรัจฉานเขาไม่รู้เรื่องหรอก แม้แต่ปุถุชน คนโลกีย์ ก็ยังไม่ได้รู้ลึกซึ้งในเรื่องนี้ คนโลกุตระเท่านั้นถึงจะรู้ซึ้ง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 14:17:49 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์

รายละเอียด

มีอีกปาฏิหาริย์อันหนึ่งคือ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ อนุสาสนีแปลว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นปาฏิหาริย์ เป็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์ คนเป็นไปได้ ตามที่พระพุทธเจ้าท่านสอน มันเป็นไปได้อย่างไร ยิ่งยุคนี้ยิ่งประหลาดมากเลย เพราะฉะนั้นชาวอโศกเรามาปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นไปได้ ปฏิบัติศีลก็เป็นศีลได้ ศีลที่ปฏิบัติได้นี่นะ มันเป็นอย่างไร ประโยชน์จากการปฏิบัติศีล ผลแท้จากการเป็นศีล ท่านตรัสไว้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 26 พฤษภาคม 2565 ( 18:08:48 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ยิงไม่ออกฟันไม่เข้าอย่างไร

รายละเอียด

อาตมาเคยให้ สู่แดนธรรม... เขียนเป็นภาพ แต่ก็เขียนไม่ได้เพราะว่าไม่รู้ว่าจะแทรกซ้อนมุมไหนมากมาย นอกนั้นก็เป็นรังสีราศีหุ้มอยู่ คนที่จะเข้ามาก็จะยาก เป็น อจินไตย ที่พูดไปเหมือนท้าทาย แต่มันเหมือนปาฏิหาริย์ ที่ผู้มีก็ต้องมี 

เช่น ยกตัวอย่าง ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ทาง อิทธิปาฏิหาริย์เขาไปฝึกกันได้ แต่ทางอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่ อาเทสนาปาฏิหาริย์ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ยิงไม่ออกฟันไม่เข้ายิ่งกว่า ซึ่งก็คือเขาไม่อาจจะยิง 

อาตมามีคนเคยมายิง แต่ยิงแล้ว แป๊ะๆ ลูกหนึ่งก็ด้านลูกที่ 2 ก็ด้าน พอลูกสองด้านก็วิ่งหนีเลย หรือ อาตมา อยู่บนเวทีในวันที่ชุลมุน Sniper ยิงก็โดนแล้ว แต่ไม่มีใครยิงอาตมา เพราะฉะนั้นมันเหลือเศษก็มีคนโยนระเบิด แก๊สน้ำตา เขาไม่ได้โยนใส่อาตมา อาตมาอยู่ในหมู่ก็พลอยรับแก๊สน้ำตานี้ไปด้วย ก็ได้รับกันถ้วนทั่ว คนหนักกว่าอาตมาก็มี อาตมาก็ไม่ได้หนักทีเดียว ก็แค่นั้นแหละคือเศษ สิ่งที่รับเป็นโทษเป็นภัยบ้าง หนักหนาสาหัสนั้นถือว่าหนักหนาสาหัส 

เพราะฉะนั้นถึงวาระ แก๊สน้ำตาและยังมายืนอยู่วันสุดท้ายอยู่ที่เวที โธ่ คนยิงโป้งๆ สไนเปอร์ไม่ต้องอะไรมากเลยมันก็ตายได้ แต่ก็ไม่มีใครได้มายิง คือใครก็ไม่คิดยิง คือ มันเป็น อจินไตย พูดไปแล้วเหมือนกับอวดดี แล้วไม่ใช่ท้าทาย แต่เป็นการพูดถึงสัจธรรมที่บางสิ่งคนทั่วไปคิดไม่ออก มันไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นได้ มันเป็นปาฏิหาริย์ เป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์มันเป็นเรื่องจริง 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของผู้มีอภิภายตนะ 8 วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 14:26:08 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของผู้มีอภิภายตนะ 8

รายละเอียด

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน นั่นแหละ เพราะฉะนั้นจึงทำให้อาตมาต้องเลี้ยงขันธ์ 5 ไป จนทุกวันนี้มันก็ ลากขันธ์กันไปอีก ก็เป็นการพิสูจน์ coefficients 

พยายามจะเติมพลังงานใหม่ให้มันสังขารเพิ่มใหม่ สังเคราะห์ ดินน้ำไฟลมกับจิตวิญญาณในร่างกายของเรานี้ มันจะหนุ่มขึ้นอีกได้ไหม จะให้เป็นเด็กและเป็นหนุ่มไปตามลำดับไม่ได้ แต่ว่าจะต้องดูว่าหนุ่มแน่นสดชื่นแข็งแรงขึ้น กว่าที่ควร 

ถ้าจะว่าไปจริงๆแล้ว อาตมา อายุจะเต็ม 88 ในวันที่ 5 มิถุนายน อีกไม่ถึง 1 เดือน ก็ครบ 88 ขึ้น 89 อาตมาก็ว่าอาตมาตอนนี้ใช้พลังงานที่จะเพิ่มสัมประสิทธิ์ อย่างมากเลย 

ดูซิว่าอีกปี 2 ปี ที่จริงเพิ่มมาตั้งแต่อายุ 72 แล้ว มาถึงตอนนี้จะเพิ่มพลัง x พลังยกกำลังขึ้นไป เป็นระดับเป็นคูณที่เป็นสัมประสิทธิ์ และยกกำลังขึ้นไป กำลัง 2 กำลัง 3 ดูซิว่าอายุ 89 90 อีกสัก 2 ปีจะเห็นสภาพที่มีอัตราการก้าวหน้าที่เป็นรูปธรรมที่พออยู่ได้ไหม พวกเราจะดูได้ลึกซึ้งมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของผู้มีอภิภายตนะ 8 วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 10:59:12 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์ทำ 1 เป็นหลากหลายได้อย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นก็มีตัวหนึ่งอาศัย จะปรุงเป็น 2 เป็น 3 เป็น 4 เป็น 5 จน Infinity นับไม่ถ้วนก็ได้ สรุปลงมาเป็น 0 ก็ได้ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ

ทำ 1 เป็น เป็นหลากหลายเท่าไหร่ก็ได้ ทำหลากหลายให้เป็นหนึ่งก็ได้ เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่เป็นเนรมิตคน อันนั้นก็เป็นบุคลาธิษฐาน เวลาไปชุมนุม คุณก็ไปเนรมิตคนขึ้นมา เป็นพันคน จากคนเดียว คนไปชุมนุม 100 คน ก็ได้เป็นล้านคนเลย เก่งจะตาย ก็ไปทำสิ ถ้าสร้างวิชชาพวกนี้ ชุมนุมชนะ เป็นการพูดเล่นไปซะอีก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรียนอาหาร 4 ให้ถึงนาม รูป ทะลุสุภกิณหา วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2564 ( 15:17:54 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์สุดออนซอนอย่างไร

รายละเอียด

ไม่สะสมยอดขยัน เอามาพูดซ้ำซากจนน่าเบื่อ แต่มันเป็นจริงได้ มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ มนุษย์เอาธรรมะพระพุทธเจ้ามาปฏิบัติเป็นปาฏิหาริย์ที่เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์ บรรลุธรรมได้สำเร็จจริงๆ มันสุดออนซอนเด๊ สุดยอดเลยมันน่าชื่นชม น่าได้น่ามีน่าเป็นน่าชื่นชมจริงๆ มันเป็นเรื่องจริงได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ของวรรณะ 9 วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก  


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 19:38:33 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์เป็นปาฏิหาริย์ของคำสอนของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

พระองค์ทรงเห็นโทษภัยจึง อึดอัด(อัฏฏิยามิ) ระอา(หรายามิ) เกลียดชัง(ชิคุจฉามิ) ในอิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์ แต่ทรงยกย่องให้สอน ให้ทำใจ ให้เข้าถึงอนุสาสนีปาฏิหาริย์ (เกวัฏฏสูตร พตปฎ. เล่ม 9  ข้อ 339-341) 

ไม่ใช่พระพุทธเจ้าทำไม่ได้ ทำได้หมด หลวงปู่ก็เคยทำมา ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ใช้ความสามารถเหล่านั้นจึงแสดงความสามารถเหล่านั้นไม่ได้ และไม่ได้เสียใจเลยที่ทำไม่ได้

แต่ว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์เป็นปาฏิหาริย์ของคำสอน เช่น พระพุทธเจ้าสอนว่าเราไม่ให้ฆ่าสัตว์ ก็สามารถปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้าได้ เลยไม่ฆ่าสัตว์ วางทัณทะ วางศาตรา วางอาวุธ มีจิตใจปรารถนาดีหวังประโยชน์ต่อสัตว์ทั้งปวงอยู่

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:57:06 )

อนุสาสนีปาฏิหาริย์ในศีลข้อที่ 1 และ 2

รายละเอียด

อนุสาสนีปาฏิหาริย์ หมายถึง คำสอนของพระพุทธเจ้า เราเอาคำสอนมาแล้วเอามาปฏิบัติได้อย่างที่พูดผ่านไปแล้ว คนไม่กินเนื้อสัตว์นี้ เป็นปาฏิหาริย์ในศีลข้อที่ 1 ไม่ฆ่าสัตว์ก็เป็นปาฏิหาริย์ มีใจเอ็นดูเมตตาเกื้อกูล หวังประโยชน์เพื่อสัตว์ทั้งปวงอยู่ เป็นปาฏิหาริย์ทั้งนั้น คนไหนเกิดสภาวะจริงตามพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ มันเป็นปาฏิหาริย์ นั่นคืออนุสาสนีปาฏิหาริย์ 

ในศีลข้อที่ 2 ไม่ทุจริต ศีลข้อที่ 2 หมายถึงของกับพืช เราไม่ทุจริตไม่ขี้โกงกันไอ้ที่ไม่ใช่ของเรา และเราจะไปโลภโมโทสันแย่งชิง เอาเปรียบเอารัดหรืออะไรต่ออะไรเป็นขี้โกงต่างๆนานา เราไม่ทำ เรามีแต่จิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลช่วยเหลือ ดีไม่ดีเป็นผู้สร้างด้วยแล้วก็ให้ แจกจ่ายผู้อื่นไปด้วยในศีลข้อที่ 2 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ หนูตัวเล็กอย่างไทยจะช่วยราชสีห์ซาอุฯตัวใหญ่ได้ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 14 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:19:47 )

อนุสาสนีย์ปาฏิหาริย์ของชาวอโศก

รายละเอียด

อันนี้ก็จริง เพราะว่าทางสายหลับตาจะไม่สัมมาทิฏฐิได้ง่ายๆ มันจะไปหลงอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดชต่างๆนานา เป็นเรื่อง magical เป็นเรื่องลึกลับ เป็นเรื่องทิพย์ เป็นเรื่องแปลกๆประหลาด ต่างๆนานา อย่างหมอปลา ทำมาหากินรุ่งเรือง น่าสงสาร ไม่ค่อยเข้าใจ เพราะฉะนั้นเรื่องอิทธิฤทธิ์ เรื่องอาเทสนาปาฏิหาริย์  อิทธิปาฏิหาริย์ พระพุทธเจ้าท่านบอกท่าน อึดอัด (อัฏฏิยามิ) ระอา (หรายามิ) เกลียดชัง (ชิคุจฉามิ)  มันเป็นเรื่องน่าเบื่อ น่าเกลียด น่าชัง น่าระอา น่าเหน็ดเหนื่อย ท่านไม่เอา ท่านให้มาสนใจเรื่องคำสอนเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คำสอนพระพุทธเจ้า (ปาฏิหาริย์ 3 ดูภาคผนวก)

เช่น สอนว่าอย่าฆ่าสัตว์ แล้วพวกเราก็ชัดเจน สนใจอย่างนี้มากกว่าจะไปสนใจฤทธิ์เดชเหาะได้ เหาะเหินเดินน้ำดำดิน สู้มาสนใจเรื่องไม่ฆ่าสัตว์ อย่างนี้สิ นี่คนนี้เป็นคนที่จะชัดเจนในศาสนาพระพุทธเจ้า แล้วก็มาปฏิบัติตาม ไม่ไปสนใจหรอกอย่างที่ หยั่งรู้ใจคน เหาะเหิน เดินน้ำ ดำดินอะไรอย่างนั้น แต่มาสนใจอย่างนี้ นี่คือพุทธแท้ อนุสาสนีแปลว่าคำสอนพระพุทธเจ้า อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทศนาปาฏิหาริย์ เรื่องลึกลับ ที่ทางสายหลับตาเขาสนใจ ก็เพราะเขามิจฉาทิฏฐิ เขาจึงไปสนใจสิ่งเหล่านั้น เพราะฉะนั้นผู้ที่สัมมาทิฏฐิแล้วไม่สนใจเรื่องเหล่านั้น จะเห็นว่าเป็นเรื่องรู้ยาก เป็นเรื่องหลอกกัน ถึงจะมีจริงก็ไม่เห็นว่าจะจริงอะไร อย่างได้ประโยชน์อะไรกันจริงๆ ดีไม่ดีก็ถูกหลอก เสียเงินเสียทองเสียอะไรต่ออะไรไปเยอะแยะด้วย 

เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่แค่นี้ แค่สนใจในอนุสาสนีคำสอนพระพุทธเจ้าแล้วเอาไปปฏิบัติตาม กับไปสนใจอิทธิปาฏิหาริย์อาเทศนาปาฏิหาริย์ แค่นี้มันชี้บ่งได้แล้วว่าใครที่มีเชื้อของพระพุทธเจ้า มีเชื้อของศาสนาพุทธแท้ กับใครที่ยังมิจฉาทิฏฐิอยู่ แม้แต่สวรรค์ ซึ่งเป็นเรื่องของจินตนาการ สวรรค์ก็ดี สวรรค์ 6 ชั้น เป็นต้น ผู้ที่รู้สัมมาทิฏฐิแล้ว มันไม่มีหรอก มันมีอยู่ที่อวิชชาของคนแต่ละคนนั่นเอง คนที่มีอวิชชา มีสวรรค์ มีนรก คนที่หมดอวิชชาแล้วสวรรค์นรกไม่มี 

คนที่หมดอวิชชาแล้ว พระอรหันต์ เป็นต้น อย่างอาตมาเป็นโพธิสัตว์อรหันต์ขั้น 4 แล้ว (อรหันต์มี 6 ขั้นนะ แยกให้ฟังมาหลายครั้งแล้ว ) อาตมาเป็นอรหันต์ขั้น 4 แล้ว อาตมารู้ดีเรื่องสวรรค์-นรก อาตมาไม่มี อรหันต์ขั้นที่ 1 ก็หมดแล้วสวรรค์ นรก ผู้ที่ยังมีอยู่ก็ยังไม่เป็นอรหันต์ แน่นอนก็ยังเหลือเชื้อ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี ยังเหลือเชื้อ ยิ่งยังไม่เป็นโสดาบัน แน่นอนสวรรค์นรกเขาก็ต้องมี มีจริงๆ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาผ่าอวิชชาหลับตาโง่ๆ วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2566 ( 17:58:05 )

อนุเปตา

รายละเอียด

ไม่เข้าไปถือมั่น

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 366


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:41:35 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 15:53:03 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:18:18 )

อนุโพธิสัตว์

รายละเอียด

คือ พุทธภูมิน้อยๆ(อนุ) หรือโพธิสัตว์ขั้น 5 เพราะสูงกว่า “อาริยะ 4” นั้นแล้ว ก็เป็น “โพธิสัตว์” คือ ผู้ที่จะเรียนรู้ “ความตรัสรู้” ของพระพุทธเจ้าต่อไปอีก ไม่เอาแค่ประโยชน์ตนบริบูรณ์แล้วเท่านั้น จะเป็นคนที่มีประโยชน์ท่านแท้ๆ กันจริงๆต่อไปอีก ให้เป็นคนทำอะไรหรือกรรมใด ก็เป็นแต่ประโยชน์ท่านให้ได้มากยิ่งๆขึ้นไปอีก

หนังสืออ้างอิง

 “คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1หน้า 180


เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 14:44:26 )

เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:45:56 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:18:53 )

อนุโพธิสัตว์

รายละเอียด

เริ่มศึกษากิเลสผู้อื่น เพราะว่ากิเลสมันมากมายของคนอื่นที่เราไม่มีอย่างนี้ หรือแม้แต่อย่างนี้ของเราแต่เราเองมันไม่ขึ้นมา คนอื่นเขาก็มีแล้วก็แสดงออกมา เรารู้ปริมาณมากเราก็ได้ช่วยคนมากด้วย เมื่อได้สัมผัสสัมพันธ์กับคนเราก็ได้ช่วยเขาหรือเรียกว่าการสืบทอดศาสนาพุทธไปอีกด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 11 มกราคม 2563 ( 13:33:57 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:17:07 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:19:26 )

อนุโพธิสัตว์

รายละเอียด

เริ่มศึกษากิเลสผู้อื่น เพราะว่ากิเลสมันมากมายของคนอื่นที่เราไม่มีอย่างนี้ หรือแม้แต่อย่างนี้ของเราแต่เราเองมันไม่ขึ้นมา คนอื่นเขาก็มีแล้วก็แสดงออกมา เรารู้ปริมาณมากเราก็ได้ช่วยคนมากด้วย เมื่อได้สัมผัสสัมพันธ์กับคนเราก็ได้ช่วยเขาหรือเรียกว่าการสืบทอดศาสนาพุทธไปอีกด้วย

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 10 พฤศจิกายน 2562 ( 14:35:42 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:17:44 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:19:58 )

อนุโพธิสัตว์

รายละเอียด

“อนุโพธิสัตว์“ก็คือ “อรหันต์ขั้นที่ 2” เป็นผู้มีความเป็น“อนุ” ที่หมายความว่า “ผู้ตามจะไปเป็นพระพุทธเจ้า หรือผู้เริ่มเข้าสู่ความมี“โพธิภูมิ”พระพุทธเจ้าน้อยๆ จึงเป็น“อรหันต์ขั้นที่ 2”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ ธัมมิกราษฎร์ประกาศโลกุตรธรรม งานอโศกรำลึก 2566
สื่อธรรมะพ่อครู ตอน ประกาศธัมมิกราษฎร์ต้องมีองค์ประกอบครบ
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 7 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กรกฎาคม 2566 ( 11:12:56 )

อนุโพธิสัตว์ คือผู้จบแล้วแต่ยังไม่จบ

รายละเอียด

เพราะฉะนั้นจากอรหันต์อริยะ 4 ขั้น อรหันต์โพธิสัตว์ 9 ระดับ 1.โสดาบันโพธิสัตว์ 2.สกิทาคามีโพธิสัตว์ 3.อนาคามีโพธิสัตว์ 4.อรหันต์โพธิสัตว์ 5.อนุโพธิสัตว์ 6.อนิยตโพธิสัตว์ 7.นิยตโพธิสัตว์ 8.มหาโพธิสัตว์ 9.พระปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อนุโพธิสัตว์ คืออะไร อนุ คือ ผู้ที่จบแล้ว แต่ยังไม่จบ คือ ขอตามพระพุทธเจ้าต่อ อนุ แปลว่า ตาม คือผู้ตาม ผู้ที่สืบสานต่อไป ตามไปตามลำดับ ไป อนุ แล้วได้ไปเรื่อยๆเป็นอนิยตะ คือจะตามพระพุทธเจ้าไปเป็นโพธิสัตว์สูงขึ้นสูงขึ้นๆ จนถึงรอบ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 11:58:01 )

อนุโพธิสัตว์ขึ้นไปจึงเรียนรู้อนุสัยที่เป็นกุศล

รายละเอียด

ยังไม่ถึงความเป็นอรหันต์ก็อยากจะรู้ก่อน ให้คุณอาสวะก่อนไหม อนุสัยเป็นสิ่งที่นอนนิ่งอยู่ในจิต พระโพธิสัตว์จะรู้ดี จิตที่เราไม่ยอมสลายอยู่ เป็นอนุสัย 

1. มันไม่สลายของตัวเองเพราะว่ามีปัญญา ก่อนจะสลายอนุสัยของตัวเองก็ต้องสลายอาสวะก่อน เมื่อสลายอาสวะแล้วถึงขั้นเป็นพระอาริยบุคคลในระดับที่จริงๆแล้ว อรหันต์จริงๆนั่นแหละ อย่างน้อยเป็นอรหันต์ขั้นที่ 4 แล้ว อนุโพธิสัตว์ขึ้นไปนั่นแหละจึงควรจะเรียนรู้อนุสัยที่เป็นกุศล 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 20:53:15 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 08:18:40 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:21:14 )

อนุโพธิสัตว์จึงจะเริ่มรู้จิตนิยาม

รายละเอียด

จิตนิยามนี้ โพธิสัตว์จะเริ่มรู้ตั้งแต่เป็นอนุโพธิสัตว์ คือระดับที่ 5 ขึ้นไป ระดับ 1 2 3 4 พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อรหันต์ ก็จะรู้ในตัวเอง แม้ระดับ 4 เป็นพระอรหันต์ก็ยังจะแบ่งแยกชัดเจนอย่างที่อาตมาพูดไม่ได้ แต่ทำของตนเองสำเร็จ แต่พยัญชนะกับสภาวะจะยังไม่สามารถเอามาแยกพูดอย่างที่อาตมาอธิบายนี้ไม่ได้ ระดับที่ 4 นี้ยังอธิบายสภาพอรหันต์ให้แก่คนอื่นยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอก ยังไม่รู้มาก

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 11:22:04 )

อนุโพธิสัตว์บำเพ็ญอยู่ระดับชั้นประถม

รายละเอียด

อรหันต์​ ระดับ 4 จะแยก อธิบายให้ฟัง ทำให้ตนเอง ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้จบเท่านั้นเอง ต่อมาเป็นอนุโพธิสัตว์บำเพ็ญต่อก็จะค่อยๆรู้ เตาะแตะ ขึ้นไปเป็นชั้นประถม อธิบายไว้ในหนังสือ เปิดยุคฯ อธิบายเป็นระดับประถมกี่ขั้นมัธยมกี่ขั้นชั้นต่อไปกี่ขั้น เป็นพระพุทธเจ้า ขยายความไว้ 

ที่มา ที่ไป

ธรรมะรับอรุณปีใหม่โดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 11:36:20 )

อนุโมทนา

รายละเอียด

ยินดีพอใจในส่วนบุญที่เห็นแท้เป็นจริงนั้น ๆ

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 315


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:44:08 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 02:48:55 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:21:31 )

อนุโมทนากับศิษย์เก่าศีรษะอโศก

รายละเอียด

โอ้โหดีมากอนุโมทนาสาธุ แต่ที่ราชธานีอโศกทำไมเมื่อไหร่จะมา ปฐมอโศกสันติอโศก ชุมชนชาวอโศกมีไม่รู้กี่ที่ ศิษย์เก่ามีโรงเรียนทั้ง 9 แห่ง เมื่อไหร่จะกลับมาเอ่ย

ที่มา ที่ไป

รายการเอื้อไออุ่นออนไลน์ วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มิถุนายน 2563 ( 17:04:55 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:51:49 )

อนุโยค

รายละเอียด

ความพากเพียร

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 42


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:44:54 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:03:42 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:22:14 )

อนุโยค

รายละเอียด

แปลว่า ความเพียรหรือวิริยะนั่นแหละ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 31 มีนาคม 2563 ( 09:43:54 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:53:16 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:22:32 )

อนุโยคะ

รายละเอียด

แปลว่าเพียร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:47:27 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:53:55 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:22:50 )

อนุโยคะ

รายละเอียด

แปลว่าเพียร

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่  24  พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2562 ( 19:39:01 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:54:34 )

อนุโลม

รายละเอียด

1. หมุนไปตามลำดับปกติ

2. เป็นไปตามลำดับ

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 285 , ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า153 ,เปิดโลกเทวดา หน้า 69


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:49:59 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:07:05 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:23:59 )

อนุโลม – ปฏิโลม

รายละเอียด

ทบทวนย้อนไปมา

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3หน้า 60


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 13:50:44 )

เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 02:49:19 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:25:05 )

อนุโลม,ปฏิโลม

รายละเอียด

การย้อนกลับบ้าง ไปตามบ้าง เกิดผลเจริญพัฒนา ก้าวหน้าไป จนมันเกิดเป็นวิชชา 8 หรือคือเกิดผลเจริญพัฒนาก้าวหน้าที่เป็นกระบวนการสมบูรณ์ตั้งแต่ วิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิ อิทธิวิธญาณ โสตทิพย์ เจโตปริญาณ 16

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 15 พฤศจิกายน 2562 ( 15:43:13 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:55:52 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:24:50 )

อนุโลมปฏิโลมกับสิ่งสมมติสัจจะด้วยปัญญาอันยิ่ง

รายละเอียด

ปัญญาอันยิ่ง จะเป็นตัวที่ทำให้เราเข้าใจแล้วเราก็รู้ว่า เออ อันนี้ในชีวิตต้องอาศัยมันอยู่ ก็มีอนุโลมปฏิโลมกับสิ่งเหล่านี้มันเป็นสมมติสัจจะที่เราต้องอาศัยมันไป แต่สิ่งที่ควรจะต้องเรียนรู้แล้วให้ไม่มีให้เห็นได้คือสวรรค์และนรก ผลักหรือดูด ความจำเป็นกับชีวิต หรือไม่จำเป็นกับชีวิตเป็นปัจจัยหรือไม่เป็นปัจจัย ปัจจัยอันสมควรหรือไม่เป็นอันสมควรรู้ความจริงอันนี้ให้ชัดเจน แล้วคุณก็อยู่กับสิ่งเหล่านี้ในชีวิต เพราะฉะนั้นจึงเป็นคนที่ไม่มี ไม่ไปติดอะไรมาก ไม่ไปยึดอะไรมาก รู้จักเหตุปัจจัยในชีวิต แล้วก็รู้จักองค์ประกอบหรือบริขารของชีวิตที่มีใช้ทำประโยชน์พอสมควรไม่ติดไม่ยึด 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม 2563


เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 10:36:43 )

อนุโลมปฏิโลมตามสัปปุริสธรรม 7

รายละเอียด

เรื่องพวกนี้มันจะมีสภาพว่า อนุโลมและปฏิโลม เราได้ก็เคร่งที่เรา อย่าไปเคร่งที่คนอื่น เราต้องอนุโลมคนอื่น ถ้าเราไม่รู้จักอนุโลมคนอื่นเราก็จะเป็นหมู่เล็กหมู่น้อย แคบ คนจะมาเข้ากับพวกเราไม่ได้เพราะพวกเรามันเคร่ง ขนาดอาตมาอนุโลมขนาดนี้ยังได้ขนาดนี้เลย เห็นไหม 

เพราะฉะนั้นมันต้องรู้จักอนุโลมปฏิโลม ตามสัปปุริสธรรม 7 ให้เข้าใจ แล้วเราก็จะได้ประมาณอย่างพอเหมาะพอดี 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาวันมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 14:41:54 )

อนุโลมปฏิโลมอยู่ด้วยกันให้ได้อย่างไร

รายละเอียด

เพราะฉะนั้น ต้องพูดถึงความเป็น 2 3 4 5 6 ปรุงแต่งกัน แล้วจะอนุโลมปฏิโลมอยู่ด้วยกันให้ได้อย่างไร กับ กลับมาเป็นตัวตนเอง ถ้ากลับมาเป็นตัวตนเองก็คือ มาอยู่กับตัวเราเองก็เป็นหนึ่งได้ พวกสุดโต่ง ในความเป็นหนึ่ง ก็จะอยู่แต่ผู้เดียวไปผู้เดียว นั่งผู้เดียว เดินผู้เดียว กินผู้เดียว อะไรแต่เพียงผู้เดียว เอ็งก็ตายผู้เดียว แล้วเอ็งก็ต้องปลูก ต้องฝัง ต้องขุด ต้องกิน เลี้ยงตัวเองผู้เดียว เอ็งอย่ามาอาศัยธรรมชาตินะ มันสุดโต่ง ซึ่งมันอยู่ไม่ได้หรอก มันเป็นไปไม่ได้ อย่างพวกเชน เขาก็อาศัยธรรมชาติ ดีไม่ดีบิณฑบาตคนอื่นด้วย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่เอ็งจะอยู่คนเดียวจริงๆ อยู่ไม่ได้ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 60 ยากที่สุดในโลกนี่แหละคือความเป็น 2 วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2565 ( 12:11:19 )

อนุโสต” ไม่มี “ปฏิโสต

รายละเอียด

จึง มีแต่ “อนุโสต” ไม่มี “ปฏิโสต” ไม่มีย้อนทวน ไม่มี “อนุเสธ” ไม่มี “ปฏิเสธ” 

อนุ นี้คือ น้อย ปฏิ คือทวนมา เพิ่มขึ้น จะมากเท่าไรก็แล้วแต่

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 20:25:39 )

อบรมจิตอย่างไร

รายละเอียด

ประเด็นนี้ก็ยิ่งใหญ่ที่สู่แดนธรรมพูด อบรมจิตอย่างไร พูดอบรมจิตอย่างฌานวิสัยของพระพุทธเจ้า พูดอบรมจิตอย่าง สมาหิโต คืออย่างไร 

คือลืมตา มีทวารทั้ง 5 ทวารทั้ง 6 ทำงานร่วมกันตลอดเปิดเต็มที่ มีสติเต็ม 100 ไม่ใช่ไปมีสติทางทวารตาหูจมูกลิ้นกายไม่มีสติมีแต่อยู่ในภพในภวังค์ มันก็ 1 เท่านั้นเอง ขาดไปตั้ง 5  สติ 1 กับสติ 5 มันจะไปเต็มอะไร 

สติทางกายกรรมก็ไม่มีสติ ทางวจีกรรมก็ไม่มี มีแต่สติอยู่ในทางมโน แค่นี้ก็ฟังไม่ออกว่าปัดโธ่เอ๊ย คุณจะไปอีกกี่ชาติคุณก็โมฆะอยู่อย่างนั้น คุณเล่นได้ 1 อย่างเดียวแล้ว 2 คุณไม่ได้เลยแล้ว 2 มันกระจายไปอยู่ทุกวัน เพราะว่าโลกมันปรุงแต่งกันอยู่ตลอด คุณก็งมงายอยู่ในจิตของคุณไป ดีไม่ดีออกป่าเขาไปเหมือนพวกเชน ไม่รู้เรื่องอะไรเลยมืด ยิ่งมืด เอาตนไปเข้าสู่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าหมด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาธรรมต้อนรับปีใหม่ 2566 งานตลาดอาริยะครั้งที่ 41 วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 มกราคม 2566 ( 15:27:30 )

อบาย

รายละเอียด

1. ไม่เจริญ นรก

2. สัตว์นรกผู้ไม่สบายเพราะความโง่ ความไม่รู้มันหุ้มติดคลุมมิดอยู่

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1หน้า 169  ,ทางเอก ภาค 2 หน้า 154, ทางเอกภาค 3 หน้า 214 


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 15:37:43 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:16:57 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:26:13 )

อบาย คือกิเลสกามที่หยาบต่ำ

รายละเอียด

เมื่อผู้ที่ละลดกิเลสได้ กิเลสกามที่หยาบต่ำ ท่านเรียกว่าอบาย อบายแปลว่า ต่ำ แปลว่าไม่สบาย ไม่เกิดประโยชน์คุณค่า ปายะ แปลว่า คุณค่าประโยชน์ ส่วนได้ส่วนเจริญ มันไม่เกิด อปายะ เพราะฉะนั้นจะต้องให้ สัปปายะ ให้ประกอบไปด้วยการเจริญ ประกอบไปด้วยความสบาย พยัญชนะท่านก็บอกได้แค่นั้น เราก็ต้องมาเรียนรู้วิธีที่ถูกต้องแล้วก็ปฏิบัติให้ถูกต้อง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานอโศกรำลึก 2564 ผู้พ้นอสุรกายจึงได้ไปอยู่โลกหน้า วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 19:59:21 )

อบาย ทุคติ วินิปาต นรก คืออะไร

รายละเอียด

อบายแปลว่าไม่สบาย ปายะ เป็นความเจริญ เป็นความได้ เป็นประโยชน์ อปายะ คือไม่เป็นความได้ ไม่เป็นประโยชน์ แปลเอาความว่า ไม่สบาย ทุคติ คือ ที่ไปที่มันเลว ที่ไปที่จะดำเนินไปเดินทางไป ไปสู่ที่ ทุกข์(เลว)วินิปาตะ แปลว่า ตกลงไปในที่ๆที่มันไม่มีที่จะตกแล้ว มันตกต่ำ จนไม่มีที่จะตกอีกแล้ว วิ นิ ที่ต่ำ คุณจะตกต่ำขนาดไหนก็ดี ตกไปจนกระทั่งถึงไม่ต้องตกในที่ๆตกอีกต่ำกว่านี้ไม่ได้แล้ว มันตกลงไปในที่ที่ต่ำที่สุดแล้ว 

นรกก็เป็นคำกลางๆ หมายถึงสิ่งที่เป็นทั้ง อบาย ทุคติ วินิปาตะ เป็นสิ่งที่เป็นนรกเป็นสิ่งที่ไม่ดี ถ้าจะไปจริงๆก็หมายถึงว่า

มันไม่ ระ กะ และ นะ คือไม่ แปลว่า โพธิรักษ์นะ พวกนัก ไวยากรณะ วจีวิภาค วากยสัมพันธ์ ฉันทลักษณ์  อย่ามาแย้งนะ อาตมาพวกนอกระบบ เพราะว่าพวกนี้ เขายังไม่ใช่ความเป็นคน นระ คือ คน ก คือผู้ที่เป็น นระ เขาไม่ได้เข้าใจความเป็นคน เขาเป็น นระกะ เขาไม่ ระกะ อธิบายไปตามประสาอาตมาในเวลาอีกนิดหน่อยนะ ให้ฟังสิ่งที่แปลกใหม่ 

ระ คือ พยัญชนะเศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อํ

ก เป็นพยัญชนะตัวแรกใน 5 วรรค 

รากเหง้าของภาษาบาลี 

วรรคที่ 1 ก ข ค ฆ ง

วรรคที่ 2 จ ฉ ช ฌ ญ

วรรคที่ 3 ฏ ฐ ฑ ฒ ณ

วรรคที่ 4 ต ถ ท ธ น

วรรคที่ 5 ป ผ พ ภ ม

เศษวรรค ย ร ล ว ส ห ฬ อ

ก เป็น static ระ เป็น dynamic เป็นตัวขับเคลื่อน เพราะฉะนั้นพวกนี้ไม่มีปัญญา นรกะ คือไม่มีปัญญาที่จะ รู้ ระกะ แต่พวกที่ไม่รู้ก็จะไม่รู้จักนรก นะ ระ กะ ไม่นำหน้า ระกะ ส่วนผู้ที่จะรู้จัก กะ รู้จัก นะระ คือความเป็นคน 

จึงรู้ว่าคนหนอคนนั้นสำคัญไฉน มันอยู่อย่างโง่ๆวนไปวนมาวุ่นไปวุ่นมา ใช้พยัญชนะเหล่านี้มาอธิบายสภาวะเป็นนัยยะของระดับคนที่จะต้องเข้าใจว่า พยัญชนะแต่ละตัวที่ผู้บัญญัติขึ้นมา เป็นปราชญ์เอก เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ สร้างขึ้นมาเพื่อสื่อสภาวะสัจธรรมทั้งหลาย 

มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันเป็นเรื่องสัจจะที่ลึกซึ้งมาก เพราะฉะนั้นผู้ที่จะสามารถเข้าใจความหมายของพยัญชนะแต่ละตัว หมายถึงสภาวธรรมอะไรได้ถูกต้องจริง จึงไม่ใช่เรื่องมาทำเป็นแอ๊คเล่นๆ มาทำเป็นพูดเลอะเทอะ ไม่ใช่ มันเป็นรากฐานของความจริง พยัญชนะสื่อสภาวะ มันเป็นความจริง จึงใช้อันนี้เป็นสื่อให้คนรู้จักความจริงตามพยัญชนะ แล้วก็มาเป็นภาษา มาเป็นคำ มาเป็นวลี มาเป็นประโยค อะไรต่ออะไร จนกระทั่ง เป็นคัมภีร์ตำรา เพื่อที่จะให้คนได้ศึกษาเรียนรู้สัจธรรมทั้งหลาย มันจึงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม ครั้งที่ 21ตอบปัญหาใครคือเผด็จการใครคือประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ 8 พฤษภาคม 2566 แรม 4 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 พฤษภาคม 2566 ( 20:21:04 )

อบายบันเทิง

รายละเอียด

เสพสุขในอบายมุขและโลกอบายอื่น ๆ

หนังสืออ้างอิง

วิถีพุทธ หน้า 127


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 15:38:40 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:19:21 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:26:37 )

อบายภูมิ

รายละเอียด

คือ โลกที่ทุจริต ขี้โกงทำชั่ว และโลกที่ติดโลกที่ต่ำที่สุด คือ โลกทุจริต แล้วเข้าใจผิดว่าโลกทุจริต น่าได้ น่ามี น่าเป็น เขารู้สึกอย่างนั้นเลย เขาทุจริตแล้วรวย มีอำนาจได้อะไรตามประสงค์เป็นอำนาจยิ่งใหญ่เลย

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 23:19:01 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 12:57:55 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:27:02 )

อบายภูมิ , อบายภพ

รายละเอียด

1. ภูมิที่สัตว์นรก เปรต เดรัจฉาน อสุรกายต่าง ๆ อยู่

2. แดนที่ไม่มีความสบาย

3. ภพนรก

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 118 , 143 , 414 , พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 162

 


เวลาบันทึก 21 กรกฎาคม 2562 ( 15:40:25 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:24:24 )

เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 04:27:42 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์