@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก
@หลักสูตรพุทธปัญญาตรี,โท,เอก @ไม่มีสอนในโรงเรียน @ไม่มีสอนในมหาวิทยาลัย @เป็นขุมทรัพย์ทางปัญญาของมนุษย์ที่ประเสริฐและครอบคลุมความจริงสูงสุด @คือความไม่รู้เหตุแห่งทุกข์และความไม่รู้ทางออกจากทุกข์ @สัจจะนี้เป็นวิทยาศาสตร์ @มีลำดับ มีต้น มีกลาง มีปลาย @ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา @ไม่ขึ้นอยู่กับภาษา @ไม่ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ @ไม่ขึ้นอยู่กับการนับถือใดๆ @ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ใดๆในโลก @สิ่งนั้นเรียกว่า "จิต" เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง @เชื้อเชิญให้มาพิสูจน์ @มีความลุ่มลึกยิ่งกว่านิยายยูโทเปีย UTOPIA แต่เกิดจริง มีจริง แล้วในโลก

อภิธานศัพท์ (Glossary) จัดเป็นฐานข้อมูลด้านโลกุตระที่สมบูรณ์ที่สุดที่คัดมาจากหนังสือ คำเทศน์ ฯ

คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี

เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit

วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5

วีดีโอ Loom 1https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044

วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk

 

 

อภิธานศัพท์ (ทั้งหมด) พบ 28,074 รายการ

โลกเต็มไปด้วยอวิชชา

รายละเอียด

แล้วอาตมาก็พูดเบาๆ มานาน ไม่กี่ปีนี้แหละที่อาตมาถล่มมหาบัวหนัก จริงนะอันนี้ขอยืนยันได้ แต่ก่อนนี้ก็ยังไม่ว่าอะไรยังชมเชยยกย่องบ้างด้วยซ้ำ แต่มาตอนหลังนี้ เอาละ ไขดีกว่า ถึงโอกาส 

เพราะฉะนั้น กาละ เทศะ ฐานะ มันจึงไม่เที่ยง มันก็ย่อมเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถึงขั้นที่มันเจริญพัฒนาขึ้นมา เราก็ต้องทำให้มันได้ตามจริงนั้น 

เพราะฉะนั้น สรุปแล้ววันนี้ เทศน์กัณฑ์พิเศษ วันนี้เริ่ม 53 ปีโพธิกิจวันแรก ก็จะต้องขวนขวาย อุตสาหะยิ่งขึ้น ทำความเป็นรองขึ้นไปให้ใกล้ความเป็นเอก 

อาตมาเป็นเอกในพวกเราชาวอโศก ไม่ขี้ตู่นะนี่ เป็นสัจจะความจริง ถ้าจะว่าไป คืออาตมา เป็นหนึ่งในคลอง เป็นรองในทะเล เราก็อยู่ในแค่แม่น้ำน้อยๆนี่แหละ ไม่ใช่แม่น้ำใหญ่ไม่ใช่ทะเล เราก็ใหญ่เท่านี้ แค่นี้ก่อน เราใหญ่ในนี้ เพราะฉะนั้นเมื่อขยายขึ้นไปเป็นโลก เรายังเป็นรองเขาอีกเยอะ แล้วก็ไม่ได้ริษยานะ อาตมาไม่ได้ริษยาโลก เพราะโลกเต็มไปด้วยทุกข์ โลกเต็มไปด้วยอวิชชา อาตมาไม่ริษยาหรอก นี่เป็นสัจจะความจริง ขอพูดความจริง อย่าหาว่าแบ่งว่าข่มเลย ขออภัย

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนากัณฑ์พิเศษ เริ่ม 53 ปี โพธิกิจ ยังเป็นรองต้องอุตสาหะ วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2565 ( 19:43:33 )

โลกเทวนิยมไม่เข้าใจเรื่องอารมณ์หรือความรู้สึก 

รายละเอียด

ไปหลงว่าสุขมันมี ทุกข์มันมี ไปหลงอารมณ์ที่ไปยึดถือ ปั้นรูปเป็นสภาพแล้วยึดว่าอย่างนี้ คนหยาบๆ จัดจ้านก็ต้องเอาอย่างจัดจ้านจึงจะสุขต้องสมใจ ต้องเอาให้ถึงใจ แล้วก็ไม่รู้ตัวกันอยู่ทั้งโลกเทวนิยม จะเล่นเกมกีฬา จะเล่นความสวยความงาม จะเล่นความเก่งความเลิศ จะอะไรก็ตาม จะต้องให้สุดยอด ถ้าไม่ได้ก็ไม่ถึงใจ โดยไม่เข้าใจเรื่องอารมณ์หรือความรู้สึก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม Neo protest ที่มีปัญญาและไม่มีตัวตน วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 23 มีนาคม 2564 ( 21:05:06 )

โลกเที่ยง โลกไม่เที่ยง

รายละเอียด

คุณเข้าใจโลกไม่ได้แต่เข้าใจว่าโลกมันเที่ยง ที่จริงแล้วมันไม่เที่ยงทำให้ 0 ได้สำหรับคนที่ทำได้ คนไม่รู้ก็ปล่อยให้เที่ยงไปตลอดนิรันดร 

คนไปยึดไม่เที่ยง แล้วก็ไม่ทำความเที่ยงให้ 0 คุณก็ทำไม่เป็น แต่คุณไปยึดถือสภาพที่มันไกลสุดกู่ไม่เที่ยงเลย อันนั้นก็คือโลกมันมีที่สุด แต่คุณไม่เข้าใจว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด มันไม่เที่ยงมันไม่มีที่สุด ไปยึดมันทำไม คุณก็จำกัดโลกให้ได้ทีละโลก แล้วคุณจะรู้ที่สุดแห่งโลก แล้วโลกก็จะดับไปจนหมดโลก กามโลก รูปโลก อรูปโลก คุณก็จบแล้วนี่ แต่ถ้าคุณไม่เป็นไปตามลำดับไม่ตามคำสอนพระพุทธเจ้าคุณก็ทำไม่ได้ แล้วคุณก็ยึดถือ 

คนที่ยึดถือว่าโลกไม่เที่ยง กับคนที่ยึดถือว่าโลกมีที่สุด คนที่เขายึดถือในความเที่ยงเขาก็ไม่ได้มาเรียนรู้ว่ามันทำให้ 0 ได้มันทำให้สิ้นสุดไปได้ ที่สุดมีอยู่นะ ทำให้เกิดความมีของความไม่มี คุณทำความมีให้ไม่มีได้มันก็หมดที่สุด ที่สุดถึงไม่มี ทำความมีให้ไม่มีได้ก็ที่สุดแห่งความไม่มี พยัญชนะเช่นนี้ก็มาทำสภาวะให้ได้

โลกจะมีที่สุดหรือไม่มีที่สุดคุณก็ยึดถืออีก คุณก็ไปยึดถือความมีมันก็ไม่สุด ความมีมันใช้อาศัยเท่านั้น แม้แต่อาลัยก็เป็นภาวะซ้อน อาศัย หมดอาลัย อาลยะไม่มีเยื่อใยที่อาลัย 

สรุปแล้วคุณจะรู้ว่าความมี คือมีคนที่ยึดถือว่าโลกเที่ยง มีคนที่ยึดถือว่าโลกไม่เที่ยงมันก็มี แล้วมันเป็นอย่างไรคุณจะยึดถือว่าเที่ยงหรือไม่เที่ยง คุณเอาปัจจุบันเป็นหลัก มีที่สุดก็มี ไม่มีที่สุดก็มี มันมีทั้งคู่แต่คุณก็ไม่ยึดถือได้ทั้งคู่

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 12:33:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:10 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:45:22 )

โลกและอัตตา สองอย่าง อยู่ในโลก

รายละเอียด

โลก อัตตา สองอย่าง อยู่ในโลก และสิ่งที่อยู่ในโลกก็คือ อัตตา 

ฉะนั้นโลกนี้ก็ไม่ต้องไปพูดถึงเขาโลกเป็นโลกของจิตวิญญาณที่เชื่อมสัมพันธ์กับอัตตาเราจึงต้องมาแก้ไขที่ อัตตา แต่โลก มันเป็นวัตถุเป็นสิ่งที่หมุนวน โลกที่หมุนวน ก็คืออาการอย่างหนึ่งของความเป็นโลก 

โลก เป็นลูกโลกวัตถุก็อย่างหนึ่ง เราไม่ต้องไปเกี่ยวข้องกับลูกโลกอย่างนั้น การหมุนวน จะเข้ามาสู่ปรมัตถ์บ้าง คือ วนเกิดวนตาย อยู่ในโลก 

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านสอนให้รู้จักการเป็นอยู่ของ อัตตาหรือจิตวิญญาณ มันมีธาตุรู้ที่จะร่วมอยู่ในนี้ เมื่อเกิดมาเป็นชีวะ เริ่มตั้งแต่เซลล์เซลล์เดียว มันเริ่มเกิดมาตั้งแต่เซลล์เซลล์เดียว เริ่มจุติมา ยังไม่เป็นเซลล์ที่เต็มสภาพ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สภาวะบวร(บ้าน-วัด-โรงเรียน) ที่พ้นอัตตวาทุปาทาน 5 วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 ขึ้น 8 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 13:06:45 )

โลกและอัตตาคืออะไร

รายละเอียด

สรุปอีกว่าธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นโลกุตรธรรม เป็นอาริยธรรมเป็นธรรมะเหนือโลก โลกก็คืออะไร อัตตาคืออะไร ที่จริงมาศึกษาก็แค่ศึกษาโลกกับอัตตาเท่านั้นแหละ โลกนั้นอย่างหนึ่งอัตตานั้นอย่างหนึ่ง แน่นอน ในคำพูดของพระไตรปิฎกเล่ม 9 ข้อที่หนึ่งเลย พรหมชาลสูตรก็เอาเรื่องโลก เรื่องอัตตามาพูด อธิบายขยายความกัน ผู้ที่กำหนดรู้เรียกว่ามีสัญญา สัญญาก็กำหนดรู้อัตตา ท่านเน้นอัตตา โลกไม่ได้เน้นมากในพรหมชาลสูตร ที่จะไปปฏิบัติในพรหมชาลสูตร  ชี้ให้เห็นว่าคนที่หลงทิศหลงทางก็จะจมอยู่ใน พรหมชาลสูตร ไปจมในอัตตาก็ดี ในโลกก็ดี ในอันตคาหิกทิฏฐินั้น ศาสนาพุทธเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องลึกซึ้ง ก่อนจะพูดถึงเรื่องโลกและอัตตา ให้เรียนรู้เรื่องของศีล สมาธิ ปัญญาไปก่อน โลกคือสิ่งที่เป็นภายนอกและภายใน หรือกามภพ หรือกามโลก ไม่ใช่กามโรคนะ อย่าฟังผิดเพี้ยนไป กามโลกคือ เราเกี่ยวข้องกับตา หู จมูก ลิ้น กายภายนอก แล้วก็ใจ รูปนาม กระทบสัมผัสเกี่ยวข้องกันอยู่เรียกว่า ทั้งนอกและใน ถ้าเน้นไปหาทางในเรียกว่าอัตตาความเป็นอัตตาถ้าเอาภาษาอัตตามาเรียกภายนอก จากภายในก็เป็นอรูป ก็รู้ได้ยาก หากสัมพันธ์กับนอกมาเรื่อยๆก็เป็นมโนมยอัตตา รูปที่สำเร็จด้วยจิต ผู้ที่มีภูมิธรรมจะสามารถรู้ ซึ่งมันรู้ยาก จากในมาหานอกมันรู้ได้ยาก (พ่อครูไอ ตัดออกด้วย) พระพุทธเจ้าถึงสอนให้รู้จักนอกไปหาในตั้งแต่โอฬาริกอัตตา แปลว่าหยาบใหญ่ เอาสิ่งที่รวมนามรูปใหญ่ๆ เรียกว่า กาย หรือ กาม ในกามก็เป็นกามภพ กายนั้นคือนอกและใน โดยเน้นนอก แล้วศึกษาใน

ที่มา ที่ไป

เทศน์ ทวช. วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2561


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 11:05:50 )

โลกโลกียะ รู้แต่เคหสิตเวทนา ไม่รู้จักต้นธาตุต้นธรรม

รายละเอียด

โลกโลกียะ รู้แต่เคหสิตเวทนา เอาความรู้สึกเป็นพระเจ้าชอบสุขชอบทุกข์ แต่ไม่รู้อะไรเป็นเหตุปัจจัยปรุงแต่งกันเป็นสุขเป็นทุกข์คือแยกไม่ออก อะไรที่เป็นตัวการ เป็นพระเจ้าสั่งให้ปรุงแต่งอย่างนี้ได้อย่างนี้ก็เป็นสุข ทำชั่วถ้าตัวเองชอบก็ได้สุข ฆ่าผัวมันเสีย ทำชั่ว ได้เมียมันมา ที่จริงแล้วคุณได้กรรมในการฆ่าเขา นี่แหละเป็นของแถม ฆ่าเจ้าของทองคำนี้เสียและเอาทองคำมันมา กรรมเป็นของคน พระพุทธเจ้านี่ลึกซึ้งสุด รู้จักต้นเหตุ เรียกว่าต้นธาตุต้นธรรม ต้นธาตุ ที่เป็นธาตุอกุศล ธาตุที่เป็นจิตปรมัตถ์ จิตนั้นไม่เรียกอกุศลแล้ว เรียกทาสบาป เทวะคือบาปกับบุญ

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤศจิกายน 2563


เวลาบันทึก 23 พฤศจิกายน 2563 ( 09:10:54 )

โลกโลกุตระ

รายละเอียด

โลกโลกุตระ คือ เรื่องของคนที่จะมายินดีในโลกุตระมีน้อย และหาคนสอนโลกุตระมันหาไม่ได้  ไม่มีความรู้จริง  รู้ผิดๆ ถูกๆ ก็ยิ่งแย่ เอาโลกุตระไปสอนผิดก็ยิ่งแย่จำเป็นต้องสอนเรื่องโลกุตระนี้ให้หนัก ให้มาก  จึงเป็นเรื่องยาก และมีคนจำนวนน้อยโลกุตระเป็นเรื่องที่ไม่ทั่วไปของปุถุชน  เป็นของวิสามัญ  เป็นของเฉพาะอันนี้เป็นแก่น เป็นเนื้อหาสาระของศาสนาพระพุทธเจ้า ศาสนาอื่นใดไม่มี  ในยุคนี้เป็นยุคที่มีความทุกข์มาก  จึงจำเป็นที่จะต้องสอนเรื่องทุกข์  โลกุตระเป็นอริยสัจเป็นเรื่องออกจากทุกข์  สอนให้ออกจากทุกข์ออกจากสุข

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 23 กันยายน 2562 ( 08:14:26 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:21:48 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:54:03 )

โลกโลกุตระหลุดพ้นจากความสุขความทุกข์

รายละเอียด

โลกที่ตกในวังวน ลาภ ยศ สรรเสริญ โลกียสุข ยังมีสุขมีทุกข์ แต่โลกโลกุตระนั้นไม่มีสุขไม่มีทุกข์แล้ว หลุดพ้นจากความสุขความทุกข์ มีแต่อุเบกขา อทุกขมสุข เป็นโลกีย์เหนือโลกโลกีย์แล้วเรียบร้อย อยังโลโก คือโลกโลกียะเป็นอย่างไร  ปร แปลว่าอื่น ปโรโลโกต่างจากโลกโลกียะอย่างไร ทำได้พ้นแล้วอย่างไร อยู่ในโลกใหม่  โลกโลกุตระอย่างบริบูรณ์มั่นคงถาวรไม่เปลี่ยนแปลงแล้ว คุณเป็น คุณมี คุณอาศัยอยู่ โดยไม่ติดยึด สักแต่ว่าอาศัย คุณได้มาแล้วไหม ปโรโลโก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 11 มีนาคม 2563


เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2563 ( 10:10:34 )

เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 16:20:52 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:55:50 )

โลกในเพลง imagine เป็นจริงได้แล้วที่ชาวอโศก

รายละเอียด

โลกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อาตมาให้คนค้นคำ เนื้อเพลง Imagine มา เขาก็เอาคำแปลที่เป็นของ จิระนันท์  พิตรปรีชา ก็ดี เขาโปรย ขยายความ Imagine 

IMAGINE/ John Lennon (แปลโดย จิระนันท์ พิตรปรีชา)

...Imagine there’s no heaven, it’s easy if you try

หากไม่มีสรวงสวรรค์.. ฝันง่ายๆ

No hell below us

นรกร้ายเบื้องล่าง ก็ว่างหาย

Above us only sky

เงยขึ้นเห็นฟ้าโปร่ง โล่งสบาย

Imagine all the people

ลอง นึกภาพ..คนทั้งหลาย

Living for today…

อยู่ร่วมกัน..เพื่อวันนี้ อาตมาดู ก็ดี เขาโปรยขยายความ Imagine 

Imagine there’s no heaven, it’s easy if you try

หากไม่มีสรวงสวรรค์.. ฝันง่ายๆ คำความแค่นี้นะ แต่มันค้างๆ อยู่ คำแปลของจิระนันน์ 

คุณมีสรวงสวรรค์นั้นแหละ คุณฝันง่ายๆ คุณก็เพ้อไปกับสวรรค์ สวรรค์-นรก แต่คุณกำลังสร้างนรก คุณกำลังเพ้อไปกับสวรรค์นั้นแหละคุณกำลังสร้างนรก ต่อเนื้อความจากข้างบน

No hell below us

นรกร้ายเบื้องล่าง ก็ว่างหาย

Above us only sky

เงยขึ้นเห็นฟ้าโปร่ง โล่งสบาย

Imagine all the people

ลอง นึกภาพ..คนทั้งหลาย

Living for today…

อยู่ร่วมกัน..เพื่อวันนี้ ที่อาตมาหยิบอันนี้ขึ้นมาพูดถึง ข้อความเนื้อหาสาระใน Imagine มันดังไปทั่วโลก เป็นเพลงที่ดังไปทั่วโลก ของคณะ 4 เต่าทอง ดังสนั่นหวั่นไหว จอห์น เลนนอน เป็นคนแต่ง ที่จริงเอาคำเหล่านี้มาจากโบราณเขา อาตมาเจออยู่ในรากเหง้า อันนี้เป็นของโบราณ เจ้านี้เอามาตีกิน ทั้งทำนองทั้งเนื้อร้องเลย ของโบราณ ของเพลงคลาสสิคเขา จอห์น เลนนอน เอามาตีกินบอกว่าเป็นของตนเอง ดังไปทั่วโลก รวยเละเลย

Imagine there’s no country

ลบเส้นแบ่งแห่งรัฐชาติ..ลองวาดฝัน

It isn’t hard to do

เพียงเท่านั้นเรื่องร้ายๆก็คลายคลี่

Nothing to kill or die for

ไม่ต้องฆ่า ไม่ต้องรีบเอาชีพพลี

And no religion too.

และไม่มีเส้นทางต่างศรัทธา

ไม่แยกกัน ไม่มีเส้นทางที่แยกกัน ต่างศรัทธากัน คนนั้นก็ศรัทธาอย่างนี้ คนนี้ก็ต่างศรัทธาอีกอย่าง อาตมาเข้าใจคำความที่เขาแต่งมาอย่างนั้นนะ religion ก็คือศาสนา สิ่งที่ยึดถือนะ And no religion too. และไม่มีเส้นทางต่างศรัทธา ไม่มีสิ่งที่ยึดถือแตกต่าง แต่ไปด้วยกัน too

Imagine all the people

ลองนึกภาพ ผองชนคนทั้งหลาย

Living life in peace,,

สุขสบายสันติธรรมค้ำคุณค่า

You may say I’m a dreamer

เธอจะหยันว่าฉันเพ้อ ไม่ลืมตา

But I’m not the only one

แต่ก็มีมากกว่าฉัน ที่ฝันเป็น

ก็สรุปว่า สุขสบายด้วยสันติธรรมนี้เป็นคุณค่า แต่ไม่ว่าใครก็ตามมาดูถูกดูแคลนฉัน ว่าฉันเป็นคนเพ้อต่อจินตนาการ หรือจุดหมายอันนี้ Imagine อันนี้ ทุกคนก็เป็นเหมือนกันนั้น มากกว่าฉันด้วย แต่ก็มีมากกว่าฉัน ที่ฝันเป็น ที่ฉันฝันอยู่นี้ คุณฝันยิ่งกว่าฉัน อันนี้เชื่อ มันต้องเป็นอย่างนั้นเลย นอกจากคนจิตวิปริตที่อยากให้มันยุ่ง ให้มันทรมาน อยากให้มันเดือดร้อน แต่ถ้าคนดีๆ ไม่ประหลาดอะไร ก็จะต้องฝันที่จะให้มันอยู่สุขสงบ สุขสำราญเบิกบานใจ เหมือนชาวอโศกที่เป็นอยู่ไง คนก็อยากมา 

ชาวอโศกเรา เรื่องนี้เรามีจริง สบาย สุขสำราญเบิกบานใจ ไม่ว่าคุณจะจน คุณจะมี คุณจะอย่างนั้นอย่างนี้ โอ้โห จิตเข้ามาสู่จุดนี้ได้ เข้ามาอยู่ได้อย่างกลมกลืน อย่างชาวอโศกพวกเราอยู่สบาย กลมกลืน อย่างนี้ถือว่าเป็น Hamony จริงๆ อยู่กันอย่างกลมกลืนดี น้อยที่จะขัดแย้งกัน ทะเลาะวิวาทกัน อวิวาทะ no conflict อย่างนี้แหละ สบาย  

I hope someday you join us

ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งเธอจึงเห็น

And the world will be as one

มาร่วมเป็นหนึ่งเดียว สร้างโลกใหม่

Imagine no possessions

โลกที่ไร้การครอบครองของผู้ใด

I wonder if you can

ลอง คิดดูได้ไหม..อยากให้ลอง ไม่ต้องคิดดูคิดอยากให้ลอง มาเลย มีแล้วจ้า เป็นได้แล้วจ้า พวกเราเป็นได้แล้ว มันน่าโชว์ มันน่าอวด มันน่าบอก แต่คนเขายังไม่เชื่อ ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะอาตมาถูกดิสเครดิต ถูกประกาศไปอย่างกว้างขวาง ถูกทำลายความเชื่อถือ แล้วเดี๋ยวนี้คนที่มาเชื่อถืออาตมาก็ยังน้อยอยู่เลย ที่พูดนี่ไม่ได้น้อยใจ รู้ความจริงอยู่ว่า ที่คุณพูดอยู่และต้องการอันนี้อยู่ตรงนี้ ซึ่งมันยังยากอยู่เพราะเป็นโลกุตรธรรม 

No need or greed or hunger

จะสิ้นทุกข์ทรมาน การกดขี่

A brotherhood of man

เมื่อโลกนี้พี่น้องกัน ชนทั้งผอง

Imagine all the people

ลองวาดฝันวันใหม่ ได้ปรองดอง

Sharing all the world..

ร่วมแบ่งปันครรลองโลกของเรา

You may say I’m a dreamer

เธอจะหยัน ว่ายังเพ้อละเมอฝัน

But I’m not the only one

แต่มิใช่เพียงแค่ฉัน ฝันเก่าเก่า

I hope someday you join us

จะรอเธอมาร่วมแรง ช่วยแบ่งเบา

And the world will live as one

เพื่อโลกเราสุขสมาน ศานติครอง

จีระนันท์ พิตรปรีชา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โลก 10 แบบ ที่ไม่ใช่แค่ Imagine ตอนที่ 1 วันศุกร์ที่ 21 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 24 พฤษภาคม 2565 ( 11:55:56 )

โลกใบนี้มี 2 โลกซ้อนกันอยู่ โลกโลกียะกับโลกโลกุตระ จะไปทางไหนเลือกเอา!

รายละเอียด

“โลกุตระ”จึงเป็นอีก“โลก”หนึ่ง คนละโลกกับ“โลกียะ” 

ขอย้ำ..ผู้จะ“อยู่เหนือโลกได้”หรือ“หลุดพ้นอำนาจโลกได้”นั้น ต้องเป็นผู้มี“ธรรมาธิปไตย”แท้จริงนั่นคือมี“โลกุตรธรรม”นี่เอง จึงจะเป็นผู้บรรลุธรรม“อยู่เหนือ”ความเป็น“โลกาธิปไตย” และทั้งเป็นผู้“อยู่เหนืออัตตาได้”ด้วยหรือ“หลุดพ้นอำนาจอัตตา”ได้อีกด้วย คือต้องเป็นผู้มี“ธรรมะ”ที่“อยู่เหนือ”ความเป็น“อัตตาธิปไตย”แท้จริง นั่นคือมี“โลกุตรธรรม”นี่เองจึงจะเป็นผู้บรรลุธรรม“อยู่เหนือ”ความเป็น“อัตตา”ของตนซึ่งล้วน“อยู่เหนือ”ตามภาษาเรียกว่า “อุตตระ”นี้แล

 

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 126 หน้า118


เวลาบันทึก 18 มิถุนายน 2564 ( 05:19:24 )

โลกใบนี้ไม่มีจิต โลกของเราซิ มีชีวิต มีจิตใจ ทำณานทำมรรคผลได้!

รายละเอียด

“โลกที่ไม่มีอัตตาด้วย”หมายถึง “โลก”เดี่ยวๆ เดียวๆ ไม่เป็น“ภาวะ 2” จึงได้แก่ “โลก”ที่ไม่เป็น“เทฺว”นั่นเอง เป็นแต่เพียง“โลก”ที่ไม่มี“จิตวิญญาณ”หรือไม่มี“ธาตุรู้”ไม่มี“นามธรรม”ปรุงแต่งร่วมอยู่ด้วย จึงเป็นแค่“โลก”ที่เป็น“อุตุธาตุ”เท่านั้น คือ เป็น“โลก”ที่ไม่มี“จิต”

“โลก”ที่ว่านี้จึงแตกต่างจาก“อัตตา” เพราะเป็น“โลก”ที่มีแค่“วัตถุ”คือ“สสาร”และ“พลังงาน”ที่เป็น“อุตุนิยาม”นี้นัยะหนึ่ง

อีกนัยะหนึ่งแม้จะเป็น“จิตนิยาม”แล้ว และสามารถทำ“จิต””ให้เป็น“ฌาน”ได้ แต่ยังเป็น“ฌานโลกีย์” ก็จะเป็น“ฌาน”ที่มีในขณะ“หลับตา”อยู่แค่นั้น อันเป็น “ฌาน”สามัญที่ชาวโลกีย์ทำกันอยู่ทั่วไป 

ซึ่งไม่ใช่“ฌานโลกุตระ”ที่เป็นของพุทธศาสนา อันเกิดได้ด้วยการปฏิบัติ“จรณะ 15 วิชชา 8”อย่างสัมมาทิฏฐิ จึงมีความแตกต่างไปจาก“ฌานหลับตา”อย่างลึกล้ำ หรือแตกต่างจาก“ฌานโลกีย์”ที่มีนัยสำคัญยิ่ง

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 403 หน้า 291


เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2564 ( 16:09:44 )

โลกใหม่

รายละเอียด

ความหมายทางโลกียะหมายถึงดินแดนใหม่ แผ่นดินพื้นที่ใหม่อันเป็นมหาภูต 4 เป็นต้น  ส่วนทางโลกุตระหมายถึงโลกทางจิตใจที่มีอำนาจในตน ไม่เป็นทาสโลกีย์

หนังสืออ้างอิง

ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 24


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:24:59 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 09:05:54 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:45:51 )

โลกใหม่

รายละเอียด

โลกโลกุตระ คนจะเข้าใจอัญญธาตุ โลกุตระยาก

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562


เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 19:15:22 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:22:23 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:46:20 )

โลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ด้วยเหตุใด

รายละเอียด

อย่างอาตมาบอกไปง่ายๆ คนที่เขาไม่เชื่อก็จะบอกว่าพวกนี้อวดใหญ่อวดโตอวดมี มันง่ายที่ไหนล่ะ ใช่ มันไม่ง่ายแต่ท่านทำได้เขามีจริง ซึ่งคุณต่างหากคุณไม่เชื่อว่าโลกนี้จะมีคนที่เป็นอรหันต์เกิด คุณไปยึดถือตรงนั้นแล้วยึดถือว่าโลกนี้ยุคนี้ไม่มีอรหันต์ แน่นอน คุณก็จะไม่เจออรหันต์ เพราะคุณยึดเสียแล้ว ไม่มีหรอก แล้วคุณจะมีประตูรู้ได้อย่างไรเพราะคุณปิดประตูรู้ว่า แม้อรหันต์มีคุณก็ปิดประตูแล้ว ปิดประตูรู้แล้วก็ไม่มีแล้วอรหันต์ จะอะไรมีมาล่ะ มีมาอย่างไรคุณก็ต้องไม่รู้เพราะคุณไม่เปิดประตูรู้เลยไม่ยอมศึกษา แม้คุณจะศึกษาพยัญชนะศึกษาตำราไปเท่าไหร่ๆ คุณก็ปิดประตูรู้ไว้ก่อนว่าในยุคนี้ไม่มีแล้วพระอรหันต์ คุณไปเชื่อใครก็ไม่รู้ที่เขาพูดไว้ 

พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า มีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่ตราบใดโลกไม่ว่างจากพระอรหันต์ แล้วคุณไปเอาคำสอนจากที่ไหนมาพูด นี่เป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้าคุณก็น่าจะเคยได้ยิน อย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบการปกครองของมนุษย์ ที่สุดยอด วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2564 ที่บวรปฐมอโศก


เวลาบันทึก 21 มีนาคม 2564 ( 12:12:57 )

โลกไม่สงบเพราะคนคิดแต่จะเอาเปรียบ

รายละเอียด

ที่เขาคิดเขาไม่คิดกลับกันว่าทำได้แล้วจะขายราคาต่ำได้เท่าไหร่เป็นความเจริญ ถ้าหากแจกฟรีได้ก็เป็นความเจริญสูงสุด

ฟังดูแนวคิดดี แต่ถ้าปรับปรุงแนวคิดอีกหน่อยก็จะได้ตามประสงค์ แต่ถ้ามีแนวคิดเช่นนี้จะไม่ได้ตามประสงค์ ขอยืนยัน เพราะว่ามันยังมีการเอาเปรียบ ในโลก ต่างคนต่างจะเอาเปรียบแข่งกันตลอดเวลา โลกจึงไม่สงบ แต่ถ้ามีคนจํานวนหนึ่ง ถ้าจำนวนนี้มากขึ้นด้วย เป็นพวกที่ไม่คิดจะเอาเปรียบ แต่เป็นคนที่คิดจะเสียเปรียบ คิดจะสร้างให้มาก คิดจะทำให้ได้มาก ตัวเองไม่ต้องสะสมอะไรเลย ไม่ต้องเอาเปรียบ ไม่ต้องกักตุน สะพัดไป ตัวเองไม่เป็นคนขี้เกียจ เป็นคนมีความขยัน สร้างสรรตลอดเวลา ก็มีแต่ผลผลิตที่ดีออกมา เป็นสิ่งอาศัยใช้สอยได้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุดยอดวรรณะกรรมโลกุตระของโลก วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มีนาคม 2564 ( 15:40:58 )

โลกไม่หยุดหมุน อะไรหยุดก็เป็นสิ่งที่ถูกกระแทกไปมาเท่านั้นเอง 

รายละเอียด

ตอนนี้เลยวันเกิดอาตมาไปแล้ว ตอนนี้อายุ 86 ปี 8 เดือน 3 วัน ถึงวันที่ 5 มิถุนายนก็จะครบ 87 เต็ม ขึ้น 88 แล้วย่าง 88 ขึ้นวันที่ 1 เลย ในวันที่ 5 มิถุนายน 2564 นี้ ไปเรื่อยๆวันเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง กาละ เดินๆๆ เดินไปเรื่อยๆ ไม่เคยหยุดเลยวันเวลาเคลื่อนที่ไป ถ้าโลกหยุดหมุนก็คงยาก โลกไม่หยุดหมุนเวลาก็ต้องเดินไปเรื่อยๆ ตามแรงเคลื่อนของจักรวาลที่เคลื่อนไม่เคยหยุด อะไรหยุดอันนั้นก็เป็นสิ่งที่ถูกกระแทกไปกระแทกมาเท่านั้นเอง 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 27 วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:53:35 )

โลภ

รายละเอียด

ความอยากได้ ความมุ่งจะเอา ความจะสมใจ ๆ เราให้ได้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 417


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:55:04 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:30:45 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:46:39 )

โลภทางเพศเป็นไฉน

รายละเอียด

อย่างผู้หญิงกับผู้ชาย โลภทางเพศ โลภแก่กันและกัน อยากได้กันและกัน ฟังรู้เรื่องไหม อยากได้กามแก่กันและกัน อย่างนี้เป็นต้น นี่เห็นไหม ใช้ภาษาสื่อ จะรู้เรื่อง ความหมายไม่ได้ผิดเพี้ยนถูกต้องลึกซึ้งดีด้วย เขาโลภแก่กันและกัน เรียกอีกภาษาว่า เขาราคะแก่กันและกัน ไม่พูดถึงกะเทยนะไม่เกี่ยว กะเทย อาตมาไม่ยุ่งกับเขาหรอก เพราะพวกนี้เขามีจริตจะก้านคนละเรื่องกับอาตมา อาตมามันตรงๆ กะเทยนี้ไม่ตรงหรอก ดีดดิ้นไม่รู้กี่รอบ 

ที่มา ที่ไป

เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 26 มกราคม 2564 ( 08:02:27 )

โลภมูล

รายละเอียด

ตระกูลความโลภ

หนังสืออ้างอิง

พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 175


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:55:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:31:10 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:46:57 )

โลภะ

รายละเอียด

จิตที่เป็นเปรตแท้ ๆ คืออยากอยู่รอน ๆ

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 54


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:56:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:31:41 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:47:12 )

โลหิต

รายละเอียด

เลือด

หนังสืออ้างอิง

จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 423


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:56:57 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:32:20 )

โลหิตร้อนพุ่งออกจากปาก

รายละเอียด

ถ้ามองไปสองแง่ ส่วนไปทางร้ายคือปฏิเสธ ตายไปจากศาสนาพุทธเลย ไม่เอาเลย ฟังแล้ว แต่ถ้าไปในทางดีนี้ลึกซึ้ง โลหิตร้อนพุ่งออกจากปาก คือละอายใจ เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนที่จะเกิดปัญญาข้อที่ 1ได้ฟังธรรมจากผู้ที่อยู่ในฐานะครูคือสัตบุรุษ พอได้ฟังแล้วเกิดประโยชน์ เกิดความละอาย เพราะว่าตัวเองเกิดภูมิปัญญาข้อที่ 1 ว่าเรานี่ชั่วมานานเลวมานาน เมื่อได้ฟังสิ่งที่ประเสริฐ จากไม่เคยรู้ตัวไม่เคยสำนึกไม่เคยเข้าใจ เมื่อเกิดเข้าใจก็ละอายตัวเอง ก็จึงตั้งใจฟังอย่างแรงกล้า ด้วยความเคารพ ด้วยความนับถือ นี่คือคำตรัสของพระพุทธเจ้า ปัญญาของพระพุทธเจ้ามีขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ โลหิตร้อนพุ่งออกจากปากจึงมีทั้งผลดีผลได้ และผลเสีย 

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2563 ( 08:23:36 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:23:43 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:47:50 )

โลเก นัตถิตา

รายละเอียด

ความไม่มีในโลก

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 189


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:53:12 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:35:33 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:48:05 )

โลเก อัตถิตา

รายละเอียด

ความมีในโลก

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 189


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:53:53 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:36:12 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:48:20 )

โลโกปัตถัมภิกา เมตตา

รายละเอียด

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 159


เวลาบันทึก 17 กรกฎาคม 2562 ( 08:54:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:36:38 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:48:37 )

โลโก้พรรคสัมมาธิปโตย เห็นถึงความหมายทางคุณธรรมที่ลึกซึ้ง

รายละเอียด

คนดูแล้วเข้าใจเห็นความลึกซึ้งในสัญลักษณ์นั้นในสื่อนั้น เขาก็ลึกซึ้งเองซาบซึ้งเอง คนข้างนอกทั่วไปเขาดูตามเส้นมีเส้นตรง เส้นหยัก เส้นโค้งตามโลโก้ แต่โลโก้ของเรา มีเลข 0 1 2 พรรคสัมมาธิปไตย อาตมาก็ว่าดูโลโก้มันโก้จริงๆ นะ มันดูสะสวย แถมภาพธงชาติเข้าไปอีกหน่อยก็ชัดเจนดี ตัวหนังสือตัวเลขไทยด้วย คนก็ต้องตั้งข้อสังเกต อะไรคือ 0 1 2 มันคือความหมายก็ต้องค่อยๆ อธิบาย เมื่อเราอธิบายก็สื่อธรรมะ คนก็จะได้ฟังธรรมะ แต่ละคนจะมีภูมิเท่าไหร่ก็แล้วแต่ค่อยๆ ขยายไป 

ที่มา ที่ไป

รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 9 พ่อครูพบญาติธรรมสันติอโศก วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 แรม 10 ค่ำเดือน 2 ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 28 มกราคม 2566 ( 18:27:55 )

โวหาร

รายละเอียด

การกล่าว , การเรียก


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:20:05 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:37:52 )

โวหาร “วิ่งให้ทันแล้วกัน”

รายละเอียด

ก็เป็นโวหารสนุก สนุกไม่ใช่แค่โวหารเท่านั้น สนุกตรงที่มีพฤติกรรม แม้จะไม่มีรูปธรรมชัดเจน แต่มันมีการวิ่งเป็นพฤติกรรม ด้วยการปฏิบัติประพฤติ ประพฤติให้เกิดกรรมกิริยาให้เกิดองค์ประกอบของ มีพฤติกรรมสร้างวัตถุมีพฤติกรรมทางนามธรรม จะมีวาจา แล้วก็มีทางมโนพฤติกรรมทางจิตนำไปเรื่อยๆ มีทิศทางมีเป้าหมายมีโรดแมปดำเนินการไป อาตมาจึงเห็นพลังงานแห่งการมุ่งมั่น ของลุงตู่ของคณะ แม้แต่พลเอกประวิตร ก็ยังมีแรง ตั้งใจตลอด แม้ว่าจะถูกแซวถูกว่า ก็เหนียวดีทีเดียว ใช้ได้

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:19:51 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:25:10 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:50:15 )

โวหารของพระพุทธเจ้า

รายละเอียด

นี่เป็นโวหารของพระพุทธเจ้า เพราะว่าในโลกนี้มีเทวดามี 2 นัย เราหยุดชั่วหยุดทำผิดแล้วแต่เธอสิยังไม่หยุด องคุลีมาลเป็นคนที่มีปฏิภาณไหวพริบและเร็วมากเมื่อได้ยินคำนี้ของพระพุทธเจ้าตรัส ก็สะดุดทันที แทนที่ได้ยินแล้วจะเกิดโกรธ หาคารมโวหารตอบโต้ก็ไม่ทำ แต่สะดุด กำลังจะวิ่งตามไปฆ่าท่านด้วย ให้เป็นคนที่ 1,000 เพื่อจะได้ความรู้จากอาจารย์ พระพุทธเจ้าก็เลยดักให้เลย บอกว่าเราหยุดแล้วแต่เธอสิยังไม่หยุด เท่านั้นแหละ องคุลีมาลผู้มีปฏิภาณไหวพริบอันเฉียบแหลมทันทีตรวจสอบตัวเอง พบว่าตัวเองกำลังจะทำชั่ว 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:20:41 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:26:07 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:58:07 )

โวหารของพ่อครูเป็นอย่างนี้

รายละเอียด

จริงๆแล้วขออภัยเถอะ อาตมาทำงานนี้ อาตมามาเป็นพ่อ อย่ามาหาว่าอาตมาเสือกจะสมัครเป็นพ่อเลย โวหารของโพธิรักษ์เป็นอย่างนี้ อย่าหาว่าอาตมาเสือกเป็นพ่อเลย อาตมาเกิดมาในชาตินี้มาเป็นพ่อ ในธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม เรื่องของสิ่งที่ อินเดียเขามี สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เขายกก็เป็นพ่อ มหาตมคานธี เขายกมาเป็นพ่อของประเทศจึงเรียกว่ามหาตมะ เป็นพ่อของประเทศ บาบูจี

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยสัจ 4) ตอน ความเป็นกลางคือหมดสิ้นอันตา


เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:19:30 )

โศก

รายละเอียด

1. ความเศร้าหมอง 

2. ความเศร้าโศก 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 500, เปิดโลกเทวดา หน้า 118


เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2562 ( 08:50:09 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:38:45 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:49:22 )

โศลกของชาวอโศกอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้

รายละเอียด

เหมือนกับชาวอโศกแยกออกจากเถรสมาคม  มีสมณะ 21 รูป กับเณรอีก 2 คือ รวมกันก็เป็น 22 ในมงคล 38 ข้อที่ 22 คือ คารโว คือเคารพ ส่วน นิวาโต คือ อ่อนน้อมถ่อมตน 22 เป็นตัวที่ต้องเคารพหรือให้เคารพ เราต้องเคารพสิ่งที่ควรเคารพ และต้องเป็นผู้ที่เป็นผู้ควรให้คนเคารพ 23 นิวาโต คือ อ่อนน้อมถ่อมตน โศลกของเราคือ อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ ชนะแน่นอน อย่าอวดดีไปกว่านี้ อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนรับใช้ แล้วจะเจริญๆๆๆๆ เจริญอย่างแข็งแรงแจ่มใส ไม่พาเมา เจริญแบบคนเมานั้นพาชิบหายวายป่วงหมด 

ที่มา ที่ไป

รายการ ทำวัตรเช้า งานว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 7 สู่แดนทองฉลอง 50 ปีโพธิกิจ วันที่ 1 มกราคม 2563


เวลาบันทึก 10 มกราคม 2563 ( 17:37:49 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:27:56 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:01:06 )

โศลกคืออะไร

รายละเอียด

โศลกคือคำคม ฟังแล้วให้ความคิดให้ความหมายที่ดีและเป็นคำที่เรียบเรียงมา เป็นคำที่จำง่าย เป็นคำไพเราะ เป็นคำที่แทงใจติดใจฟังแล้วอย่างนี้ เป็นคำที่ดีจังเลย ถ้าเราจำและทำได้ตามที่ว่านี้คงจะดี

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 18:41:54 )

โสกัง วิรชัง เขมัง เป็นเช่นใด

รายละเอียด

เอาตัวสุดท้ายของมงคล 38 อโสกัง วิรชัง เขมัง

อโสกัง (ขัอ 36. จิตไม่มีธุลีหมอง ในอาสวะฝ่ายโศก) 

วิรชัง (ข้อ 37. จิตไม่มีธุลีเริง ในอาสวะฝ่ายโศก)

เขมัง (ข้อ 38. เป็นจิตเกษม)    แต่ละคาถามีบทสรุปว่า  เอตัมมังคลมุตตมัง (นี้เป็นมงคลอันอุดม)  (พตปฎ. เล่ม 25  ข้อ 6)

อโสกัง ก็ อโศก คือพวกเรา มีฉายาว่าชาวอโศกคือเป็นคนที่ไม่โศกเศร้า เบิกบานร่าเริง อาตมาว่า อาตมามีตลอดเวลา อาตมาไม่มีอาการโศกเศร้าไม่ได้แสดงอาการโศกเศร้าเลย ...ใครเห็นว่าอาตมาโศกเศร้าบ้าง ..มีแต่เบิกบาน จนร่าซ่า ไม่สงวนท่าที มีแต่ความรื่นเริงเบิกบาน จิตใจไม่มีโศกเศร้าข้างนอกก็ออกมาไม่โศกเศร้า นั่นเป็นตัวต้นของชีวิตมนุษย์ 

มนุษย์คนที่ไม่มีโศกไม่มีเศร้าแล้วสุดยอด 

ทีนี้ มันเบิกบานร่าเริง จะร่าซ่า ร่าเริง วิรชังก็อีกรส

รสไม่โศกไม่เศร้าก็เป็นทิศทางที่มันเป็น ลบ

วิรชัง ก็เป็นบวก บวกเกินไปมันจะมากเกินไปอีก รชะ คือรสอร่อย สนุก รชะ ก็คือวิเศษ

เป็นตัวที่ 37

สุดท้ายเข้าใจหมดเลยในความไม่โศก บวกลบ จะชอบชัง เศร้าโศกหรือดีใจ ไม่มีเศร้าโศกไม่มีดีใจ ชัดเจนเลย รู้ ความเป็นไปอย่างนั้น และเป็นผู้รู้ที่รู้ความควรไม่ควร 

เช่นว่า เรารู้ว่าอาการโศกเป็นเช่นนี้ อาการชื่น อาการร่าเริงเป็นเช่นนี้ สองอย่าง เป็นเทวะ สองสภาพ เป็นสภาวะสอง เราก็รู้ว่าเราควรจะอยู่ในสภาวะไหน 

ควรจะอยู่ในภาวะ ค่อนไปทางโศก หรือควรจะอยู่ในสภาวะที่ค่อนไปในทางร่าเริง ...ก็ควรอาศัยอารมณ์ร่าเริงดีกว่า 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 20 วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 02 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:28:01 )

โสดา ปัตติยังคะ

รายละเอียด

ปิดอบาย  ศีล 5 บริสุทธิ์  ส่วนประกอบที่เป็นคุณธรรมของพระโสดาบัน

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 16 , 116


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:08:35 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:39:46 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:50:35 )

โสดาบัน

รายละเอียด

รู้ทางจะทำตนให้สูงแท้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 1 หน้า 28


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:09:13 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:40:27 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:50:51 )

โสดาบัน

รายละเอียด

ยังแพ้ผีมารกาม ไม่ต้องไปพูดถึงรูปอรูปภายในเลย ยังแพ้กาม เรียนรู้กรรมฐานให้ได้ ผู้พันอบายแล้วกามเป็นฐานเรียนรู้สำคัญที่สุด ใครยังมีฉันทะในกาม ต้องเรียนรู้ใน กวฬิงการาหารนี่ดีที่สุด รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสทางกามคุณ 5 เรียนให้ดี 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:58:28 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:29:10 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:51:17 )

โสดาบัน 3

รายละเอียด

คือผู้เริ่มเข้าสู่กระแสธรรม ที่เที่ยงต่อการตรัสรู้

1. เอกพีชี (โสดาบันที่เกิดอีกภพเดียวก็จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้, เกิดอริยชาติอีกเพียงส่วนเดียว แล้วจักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้  (พระบาลีไม่มีคำว่าชาติ  หรือไม่มีคำว่าการเกิดแบบเป็นตัวๆ เลย) )

2. โกลังโกละ (โสดาบันที่เกิดอีก 2-3 ภพก็จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้, เกิดในสุคติภพอีก 2-6 ส่วนสังโยชน์ก็จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้)

3. สัตตักขัตตุปรมะ (โสดาบันที่เกิดอีกอย่างมากเพียง 7 ภพก็จะทำที่สุดแห่งทุกข์ได้, เวียนเกิดในสุคติภพหรืออริยชาติอีกเพียง 7 ส่วนสังโยชน์ ก็จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้)

ที่มา ที่ไป

พระไตรปิฎกเล่ม 20 "เสขสูตร" ข้อ 528, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก


เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2562 ( 14:52:52 )

เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 16:33:57 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:51:46 )

โสดาบัน 3

รายละเอียด

คือผู้เริ่มเข้าถึงกระแสธรรมที่เที่ยงต่อการตรัสรู้

1. เอกพีซี (โสดาบันที่เกิดอีกภพเดียวก็จะทําที่สุดแห่งทุกข์ได้)

2. โกลังโกละ (โสดาบันที่เกิดอีก 2-3 ภพก็จะทําที่สุดแห่งทุกข์ได้)

3. สัตตักขัตตุปรมะ (โสดาบันที่เกิดอีกอย่างมาก - เพียง 7 ภพ ก็จะทําที่สุดแห่งทุกข์ได้)

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 20 “เสขสูตร” ข้อ 528


เวลาบันทึก 12 มีนาคม 2565 ( 19:12:38 )

โสดาบัน ลดสวรรค์ ลดนรก

รายละเอียด

ที่อาตมาพูดไป จนศาสนาพุทธกระแสหลักศาสนาพุทธทั่วๆ ไปเขาก็บอกว่า ศาสนาพุทธมันก็ต้องมีสวรรค์มีนรก อาตมาก็บอกว่าสวรรค์นรกมีในคนโลกีย์ คนโลกุตระหมดสวรรค์หมดนรก เพราะฉะนั้นเริ่มต้นตั้งแต่พระโสดาบันก็เข้าใจและว่า เรายังมีสวรรค์นรกอยู่ เราก็ยังคงไม่เข้าท่า จนพระโสดาบันก็รู้ตัว ลดสวรรค์ ลดนรก

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561


เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2564 ( 12:04:05 )

โสดาบัน เอกพีชี

รายละเอียด

 โสดาบัน เอกพีชี คือ เป็นรอบของจิตรู้ความเป็นพีชะ เป็นเชื้อพีชะ ไม่ใช่เชื้อของจิต เชื้อของจิตนิยามทำให้เป็นพีชธาตุได้ แล้วสามารถทำให้พีชธาตุนี่แหละเหลือสุดท้ายแล้วดับพีชะหรือแยกพีชธาตุออกเป็นอุตุธาตุ ผู้นั้นก็บรรลุเอกพีชี ในชาติที่ยังไม่ตาย แล้วซ้อนในชาติที่ยังไม่ตาย ชาติของจิตที่ทำการแยกได้ มันซ้อนในจิตเจตสิกอีกที เป็นรอบที่เร่งรัดพากเพียรอย่างวิเศษบรรลุได้เลยในชาตินั้น เพราะฉะนั้นเอกพีชี จึงสูงกว่าสกิทาคามีพาสชั้นได้เก่งกว่า เอกพีชี เพียรบรรลุในชาตินั้นเลย หรืออาจจะต้อง 6 ชาติ แต่คุณก็ทำชาติเดียวได้ หรือ 5 ชาติ จะต้องบรรลุแต่ทำได้ในชาติเดียวนั่นแหละ เอกพีชี หรือว่าบารมีแค่ 4 ชาติ 3 ชาติ 2 ชาติ จะบรรลุ การที่ทำได้ในชาติเดียวเป็นสัมประสิทธิ์

 

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 17:49:29 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:06 )

โสดาบันก็ต้องเริ่มรู้อันนี้ก่อน 

รายละเอียด

เพราะว่าสังคมที่บรรลุมรรคผลจริงๆ มีแต่สังคมชาวอโศกนี่แหละ นี่ขอยืนยันนะอาตมาไม่ได้พูดหลอกลวง ไม่ได้พูดประเล้าประโลมปะเหลาะ ไม่ได้พูดผิดด้วย พูดผิดมันบาป อาตมาพูดถูกต้อง ในเถรสมาคมนั้น หาได้ยากจนกระทั่งเรียกว่าไม่มีเลยที่จะถูก อาตมาก็ขอใช้คำว่าหาได้ยากก็แล้ว จะบอกว่าไม่มีเลยนั้นเพราะอาตมาก็ไม่ได้รู้จักละเอียดลออไปทั้งหมด อาจจะมีผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิอยู่บ้าง หรือมีส่วนที่เป็นอาริยะบุคคลบ้าง เป็นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามีได้บ้าง แต่มันไม่ง่ายนะที่จะเป็นโสดาบัน จิตเข้ากระแส 

ตั้งแต่ โสตาปันนะ อวินิปาตธรรม จนถึง สัมโพธิปรายนะ ก็คือจะต้องมีถึง 4 ส่วนก่อนเรียกว่า โสตาปันนะ คือ รู้จัก ทุกข์ รู้จักเหตุแห่งทุกข์ รู้จักการดับความดับทุกข์ อาการของการดับทุกข์ รู้จักวิธีการทำให้ดับทุกข์ โสดาบันก็ต้องเริ่มรู้อันนี้ก่อน 

จะรู้ความทุกข์ก็ต้องรู้จักจิตเจตสิกของตัวเองว่าความทุกข์มันเป็นอาการยังไง แล้วคุณก็ต้องรู้ว่าอาการของจิตของคุณมันเป็นยังไง มันเป็นอย่างนี้หรือมันเป็นอาการอย่างนี้คือความทุกข์และไปหลงว่ามันเป็นสุข รู้ว่ามันเป็นมายามันหลอกเราอยู่ ที่จริงมันเป็นผีเป็นซาตานมาหลอก แต่เราไปเห็นว่ามันเป็นอารมณ์สุข มันหลอก ผีมันเป็นมาหลอกว่าเป็นอารมณ์สุข ที่แท้มันเป็นทุกข์ อันเดียวกัน มันอันเดียวกันทุกข์กับสุข ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมื่อเห็นค้านแย้งจากผู้สัมมาทิฏฐิย่อมคือผู้มีบาป วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2566 แรม 8 ค่ำ เดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 พฤษภาคม 2566 ( 11:49:03 )

โสดาบันขึ้นไปทำเกินกินเกินใช้ไม่ขี้เกียจ

รายละเอียด

โสดาบันขึ้นไป ทำเกินกินเกินใช้ โสดาบันไม่มีขี้เกียจ ขี้เกียจอยู่ไม่ใช่โสดาบัน แต่จะขยันไม่มากเท่านั้นเอง แต่ถ้ายังขี้เกียจอยู่ไม่ใช่โสดาบัน ยังมีอบายมุขข้อที่ 6

โสดาบัน พึ่งพาตัวเองรอดแล้วมีส่วนเหลือให้แก่ผู้อื่น จึงมีส่วนเกินรวมกันร้อยคนพันคนหมื่นคนแสนคน ตัวเลขเทียบง่ายๆ จาก ดร.ปรารถนาจน ดร.อเมริกานะคนนี้

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ ธรรมะสองของประชาธิปไตย  วันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2561 ที่บ้านราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 04 เมษายน 2564 ( 12:50:10 )

โสดาบันติดแป้น

รายละเอียด

วัฏฏภิรตโสดาบัน ผู้ยังติดแป้นในฐานแห่งสุขอยู่ โดยไม่ยอมเลื่อนฐานให้เกิด “อภิชาตจิต” จนมี วุฒิภาวะ ที่สูงขึ้น จึงจัดอยู่ใน ฐีติบุคคล ที่แม้จะรู้ทางไปสู่ที่สูง ก็ไม่ยอมลำบากที่จะละทิ้ง “วัฏฏะอันน่าภิรมย์” นี้ (ภิรตา) 

พระพุทธเจ้าไม่สรรเสริญความหยุดอยู่ แต่สรรเสริญผู้ที่ตั้งตนอยู่บนความลำบาก กุศลธรรมจึงจะเจริญยิ่ง

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 21 วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม 2563
ที่บ้านราชฯ


เวลาบันทึก 06 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:33:32 )

โสดาบันต้องมีปัญญา

รายละเอียด

โสดาบันต้องมีปัญญา 7 ต้องรู้ว่ากิเลสเราลดได้แล้ว เราได้สูงขึ้นจนช่วยเขาได้ในปัญญาขั้นที่ 5 ปัญญาขั้นที่ 5 นี้ช่วยคนอื่นได้แล้ว มีลูกเลี้ยงลูกช่วยลูกหลานได้แล้ว ปัญญาขั้นที่ 6 ที่ 7 ก็สูงกว่าขั้นที่ 5 ปัญญาหรือญาณ ของพระโสดาบัน หากเข้าใจสิ่งเหล่านี้ไม่ละเอียดพอก็อวดดีทั้งนั้น

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก ครั้งที่ 31 วันพุธที่ 19 ธันวาคม 2561


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:20:51 )

โสดาบันผู้พ้นอบายได้แล้ว

รายละเอียด

ผู้พ้นอบายได้แล้ว ไปเจออบายที่ไหนก็ผ่านได้  เช่น บ่อนพนันมีที่ไหนๆ มาเก๊า ปอยเปต ลาสเวกัส เราก็ว่างเฉยได้เหนือมันได้ เราเอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน ยิ่งกว่าสวรรค์ของโลก เราหมดสวรรค์ด้วยอบาย การพนัน การละเล่นจัดจ้าน กีฬาจัดจ้าน โสดาบัานอาจสนุกกับกีฬาที่ไม่รุนแรง  แต่พวกมวยซัดกันเลือดออก ยิ่งโบราณเอาทวนแทงกันตายเลย สู้กับเสือมันฆ่ากันตายเลย โสดาบันก็ไม่ทำแบบนั้น เดี๋ยวนี้ทำอาวุธมาฆ่าแกงกัน สูงกว่าคือไม่มีสวรรค์ไม่มีนรกยิ่งกว่าอธิปไตยใด คือมีอำนาจหลุดพ้นได้ โสดาบันก็ผ่านอบาย สกิทาคามีก็สูงขึ้นกว่าอีก

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:24:36 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:30:45 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:02:16 )

โสดาบันผู้ไม่ย้อนกลับ

รายละเอียด

อนิวัตตโสดาบัน คือ  ผู้ที่ไม่มีวันเวียนกลับไปสู่ที่ต่ำใดๆ อีกอย่างเด็ดขาด แม้เพียงชาติเดียว  โดยจิตจะไม่เกิดการยึดภพ ยึดชาติ อีกเลยแม้แต่ดวงจิตเดียว

ที่มา ที่ไป

ธรรมาธิบายจากพ่อครู  รายการพุทธศาสนาตามภูมิ


เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2562 ( 21:44:17 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:31:30 )

โสดาบันยังกลัวผี

รายละเอียด

โสดาบันยังกลัวผีอยู่ โสดาบันรู้จิตวิญญาณยังไม่ถ้วนรอบ แม้จะอนาคามีก็ยังมีกลัวๆอยู่ เพราะยังรู้จิต เจตสิก รูป นิพพาน ยังไม่สมบูรณ์แบบ หรือเข้าใจคำว่า เทวนิยมยังไม่แจ้งชัด ผู้ที่เป็นโสดาบันก็ตาม ถ้ามีปฏิภาณปัญญาเข้าใจความเป็น เทวฺ ที่แปลว่า 2 แล้วพยายามทำให้เป็นหนึ่งแล้วรู้จักการทำ 2 ให้เป็น 1 ได้ โดยทำที่เจตสิกเวทนา สุขทุกข์ ทำให้มันเป็นกลางๆไม่สุขไม่ทุกข์ได้ อย่างนี้เป็นต้น 

สรุปแล้ว ผู้ที่เป็นโสดาบันกลัวผีอยู่ ส่วนผู้ที่ไม่กลัวแล้วก็เป็นโสดาบันที่ยกไว้ ซึ่งก็หาได้ยากน้อยคน สำหรับผู้ที่เป็นอนาคามีก็ยังระริกระรี้อยู่ เป็นอรหันต์ขึ้นไปจริงๆ ชัดเจนในความเป็นธาตุจิตธาตุวิญญาณ แต่นอกนั้นแล้ว มันไม่ใช่ตัวตน 

จริงๆแล้วผีที่มันมีอะไรที่มันหลอกคือไปกลัวมันเอง เราปั้นเองหลอกตัวเอง จริงๆแล้วมันไม่มีหรอก เราปั้นเองหลอกเอง อย่าว่าแต่ผีที่เป็นตัวเคลื่อนไหวมาหลอกเลย หลับตาลงนี่มีแสงไหม? ... หลับตาหากในสถานที่มืด ไม่มีอะไรสะท้อนในผนังตาเลย ก็ไม่มีแสงอะไร แต่ถ้าผู้ใดหลับตาแล้วยังมีแสง นั่นแหละผี แสงนั้นแหละคือผี ผีอะไร ผีแสง ผีพุ่งไต้ อะไรก็แล้วแต่ หลับตาก็มืด ลืมตาก็มีแสงเป็นธรรมดา

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ทุนนิยม‌คือ‌ ‌Infinity‌ ‌แต่‌บุญ‌นิยม‌​‌นี้‌ ‌0‌ ‌ยิ่ง‌กว่า‌ ‌0‌ วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 05 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:29:23 )

โสดาบันยังเตะคนได้

รายละเอียด

เหมือนอย่างอาตมาเคยพูดอธิบาย แต่เขาหาว่า ยุคโน้นที่เขาหาเรื่อง อาตมาอธิบายสภาวะ ว่าโสดาบัน เขายังเตะคนได้อยู่ กายกรรมภายนอก โสดาบันยังทำได้ แต่อนาคามีขึ้นไปจะไม่เตะใครแล้ว มันผ่านสกิทาคามีไปแล้ว แต่โสดาบัน ลดโลภ โกรธก็แค่นั้นแหละทำกายกรรมหยาบ แต่เขาเตะคนได้ แต่ฆ่าคนไม่ได้ ตีได้นะ แต่ไม่ฆ่าสัตว์แล้วก็คนละระดับ ไม่ได้อธิบายพลความเขาก็ว่าอาตมาจะเตะคนได้ เราก็ไม่ได้มีโอกาสขยายความ คนจะหาเรื่องก็เรื่องของเขา แต่หากเราไม่ได้อธิบายก็ผ่านไป มาพูดตอนนี้ก็เหมือนได้อธิบายแล้วถ้าหากเขาได้ฟังก็อาจจะเข้าใจได้ พูดไปแล้วจะหาว่าแก้ตัวก็แล้วไป

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ครั้งที่ 29 วันรัฐธรรมนูญ ที่บ้านราชฯ  

สื่อธรรมะพ่อครู(อาริยบุคคล) ตอน อนาคามียังกลัวผีอย​ู่หรือไม่ วันจันทร์ที่

10 ธันวาคม 2561

 


เวลาบันทึก 12 กุมภาพันธ์ 2564 ( 21:15:01 )

โสดาบันเกิดอีกแค่ 7 ชาติจริงไหม

รายละเอียด

มันก็ต้องอธิบายกันนะ ต้องอธิบายกันว่าโสดาบัน 7 ชาติเป็นโสดาบันยังไง เพราะโสดาบันมีทั้ง 7 ชาติ ท่านใช้แปลจากพยัญชนะมาเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่า 

1. เอกพีชี  เกิดอริยชาติอีกเพียงส่วนเดียว แล้วจักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้  (พระบาลีไม่มีคำว่าชาติ หรือเป็นการเกิดแบบเป็นตัวๆ เลย) 

2. โกลังโกละ (เกิดในสุคติภพอีก 2-6 ส่วนสังโยชน์ก็จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้) 

3. สัตตักขัตตุปรมะ (เวียนเกิดในสุคติภพหรืออริยชาติอีกเพียง 7 ส่วนสังโยชน์ ก็จักทำที่สุดแห่งทุกข์ได้) .

(พตปฎ. เล่ม 20  ข้อ 528) 

สัตตักขัตตุปรมะ คือเกิดเต็ม 7 ชาติ โกลังโกละ ระหว่าง 6-2 ส่วนเอกพีชี คือเกิดชาติเดียว ความหมายของการเกิดพวกนี้เนี่ยก็เรียกว่าชาติเนี่ย มันไม่ได้หมายถึงชาติที่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ 1ชาติ 2 ชาติ 3 ชาติไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น ชาติอันนี้ถ้าเข้าใจอย่างลึกซึ้งมันหมายถึงสังโยชน์ สังโยชน์มี 10 สัตตักฯ เป็นโสดาบันที่ต่ำที่สุดแล้ว เรียกว่าผ่านสังโยชน์ 3 ก็จะเหลืออีก 7 สังโยชน์ เรียกสัตตะโสดาบันต่ำที่สุดก็บรรลุสังโยชน์ 3 ต้องทำให้ได้อีก 7 สังโยชน์ ผู้แปลเขาก็แปลมาแบบนั้นยากเหมือนกัน อาตมาถึงมีคำบอกว่าแล้ว 7 นั่นก็คืออีก 7 สังโยชน์ เป็นสังโยชน์อีก 7 ขั้น ก็เรียนรู้ตั้งแต่ 

กาม ปฏิฆะ รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา อีก 7 นี่ครบ 7 ก็เรียนรู้จากสังโยชน์ทั้ง 7 ลดลงไปได้เรื่อยๆ ตามลำดับ ลดไปเรื่อยๆ 

ส่วนที่เป็น กาม พยาบาท ถีนมิทธะ อุทธัจจะกุกกุจจะ วิจิกิจฉา คือนิวรณ์ทั้ง 5 ส่วน สังโยชน์เบื้องต้นมี 5  

1. พ้นสักกายทิฏฐิ (มีญาณรู้ตัวตนกิเลสหยาบว่าไม่ใช่เรา)  

2. พ้นวิจิกิจฉา (พ้นความสงสัยในสักกายะกิเลส ฯลฯ) . 

3. พ้นสีลัพพตปรามาส (คือ ปฏิบัติไม่ย่อหย่อนในศีลพรต อย่างเอาจริง ไม่ทำแค่ลูบๆ คลำๆ ทำเหยาะๆ แหยะๆ) 

4. พ้นกามฉันทะ (ความพอใจด้วยกาม) 

5. พ้นพยาปาทะ (ความคิดปองร้ายผู้อื่น) 

(พตปฎ. เล่ม 11   ข้อ 284) 

ความหมายของโกลังโกละ 2-6 ชาติถึงจะบรรลุ แต่คนนี้สามารถพาสชั้นเลย จาก 6 ชาติไม่ต้อง 6 แล้วจากชาตินี้ชาติเดียวเป็นเอกพีชีเลย เป็นความสามารถพิเศษ หรือเหลืออีก 3 ชาติ แต่ทำเอกพีชีเลยชาติเดียวหมดกิเลส คนนี้ก็ไม่ต้องมาเกิดอีก อาจจะเหลือเชื้อเป็นอนาคามีก็ไม่มาเกิดอีก โสดาบัน อยู่กับสุทธาวาสแล้วก็หายไปเลย ไม่ปรารถนาตั้งจิตเกิดอีกในภพที่เป็นเนื้อหนังมังสาอีกแล้ว กลายเป็นอนาคาภูมิ อนาคามีผู้ไม่กลับมาเกิดอีกได้แล้ว แต่จะกลับมาเกิดอีกก็ได้ ตามตั้งจิต

เหมือนอย่างอาตมานี่ไม่ขอไปอยู่ เหมือนกับของพระพุทธเจ้าสมณโคดมท่านก็ตรัสท่านจะไม่ไปอยู่ในสุทธาวาสทั้ง 5 เป็นอันขาดเสียเวลา ตายแล้วก็เกิดมาใช้ร่างกายทั้งหมดนี่ล่ะปฏิบัติให้บรรลุในร่างกายนี้ ไม่ไปเอาในภพชาติที่เหลืออีก ใน 5 สุทธาวาส อีกนานและไม่สูญหายสักที  นานกว่าจะหมด จริง ถ้าเป็นอกนิฏฐคามีก็เร็วสุดท้าย ถ้าเป็นตั้งแต่ขั้นต้น ในอนาคามีภูมิ 5 มันนาน

  1. อวิหาสุทธาวาสภูมิ (ผู้ลอยฟ่อง)

  2. อตัปปาสุทธาวาสภูมิ (ผู้ที่ต้องใช้ความอุตสาหะมาก)

  3. สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ (เป็นความเห็นที่ดี)

  4. สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ (ดีกว่าสุทัสสาฯเก่งขึ้น)

  5. อกนิฏฐสุทธาวาสภูมิ 

ข้อนี้ไม่เป็นน้องใคร สูงสุด มันก็เป็นภูมิธรรมของจิตวิญญาณ ของผู้เป็นได้ในรายละเอียดที่พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีพระปัญญาญาณ สัพพัญญุตญาณที่ลึกซึ้งละเอียด ท่านก็แบ่งให้ฟังเท่านั้นเอง พวกคุณก็พอฟังเข้าใจได้ เพราะเป็นเรื่องนามธรรมที่ละเอียด แต่อาตมาพอมีภูมิก็พยายามอธิบายให้ฟัง โดยไม่ใช่ไปด้นเดาแต่สภาวะพวกนี้อาตมาผ่านมาหมดแล้ว เพราะอาตมาผ่านอนาคามีผ่านอรหันต์มา ทุกวันนี้ไม่มีใครอธิบายอรหันต์ อาตมาจัดระดับอรหันต์ถึง 6 ขั้น 

อรหันต์ 6 ระดับ ไม่มีใครมาอธิบายหรอก มีอาตมาโผล่ขึ้นมาในยุคนี้มาอธิบาย นอกนั้นไม่มีใคร อย่าว่าแต่อาตมาเลย พระมหากัสสปะก็ไม่สามารถบรรยายอย่างอาตมา เพราะท่านไม่ใช่สายปัญญา อาตมาสายปัญญา อธิบายรายละเอียดพวกนี้ได้ พูดไปแล้วพวกจับผิดก็จะว่า เบ่ง ฉลาดกว่าพระมหากัสสปะ ยกตนข่มพระมหากัสสปะเชียวนะ โพธิรักษ์ ก็ไม่มีปัญหาอะไร คุณจะว่าอย่างนั้นก็ได้ อาตมาไม่มีจิตอคติ ไม่มีจิต สาเฐยยะ อาตมาไม่มีกิเลสพวกนี้ คุณจะแปลตามความเห็นของคุณตามอาการที่เห็นก็แล้วไป แต่อาตมาไม่มี อาตมาจะแสดงออกทางกายเหมือนคนมีกิเลสอย่างไรก็ตามแต่ อาตมาไม่มีกิเลสตามที่แสดงออกทางกายทุกอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้มีปัญญาผ่าสุขผ่าทุกข์ วันศุกร์ที่ 7 กรกฎาคม 2566 แรม 5 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 18 สิงหาคม 2566 ( 10:34:54 )

โสดาบันเต็มรอบต้องพ้นมิจฉาชีพทั้ง 5 ข้อหรือไม่

รายละเอียด

ก็ตอบว่าไม่ โสดาบันเต็มรอบยังไม่พ้นมิจฉาชีพทั้ง 5 ข้อหรอก

1. การโกง ทุจริต คอร์รัปชั่น (กุหนา)  มีในงานการเมือง 

2. การล่อลวง หลอกลวง (ลปนา) ในนักธุรกิจ-การเมือง

3. การตลบตะแลง (เนมิตตกตา)  ยังเสี่ยง-ยังไม่แน่แท้

4. การยอมมอบตนในทางผิด  อยู่คณะผิด (นิปเปสิกตา)

5. การเอาลาภแลกลาภ (ลาเภนะ  ลาภัง  นิชิคิงสนตา)

(พตปฎ. เล่ม 14 ข้อ 275 มหาจัตตารีสกสูตร)

พระโสดาบันนี้ แค่อยู่ในโลก ก็ยังอยู่ในกามในอบายมุขเป็นงานอาชีพเป็นสิ่งที่ต่ำที่สุดแล้ว เป็นอาชีพที่จัดจ้าน เช่นการโกงการทุจริตการหลอกลวง กุหนา กับลปนา

สองข้อนี้ เลว ทุจริตหนึ่ง พระโสดาบันไม่ทุจริตไม่หลอกลวงแล้ว มีศีล 5 ไม่พูดปด ไม่กระทำทุจริต แต่ทุจริตนี้ยังแยกอีกเยอะ ไม่เมาหยาบ

เพราะฉะนั้นพระโสดาบันยกให้ อาชีพที่ทุจริตหยาบคายไม่เอาแล้ว แต่อาชีพที่ยังแลกเปลี่ยนไปมา เนมิตกตา พอเหมาะพอสมควร หรือยังมีเล่ห์เหลี่ยมที่ยังเอาเปรียบเขาบ้างแต่ไม่จัดจ้านเท่าไหร่ จะบอกว่ามักน้อยก็ยังไม่มักน้อยเท่าไหร่ จะบอกว่าจิตใจพอก็ยัง ถ้าได้ก็ยังเอาอยู่ โสดาบัน   ส่วนสกิทาคามีก็สูงขึ้นตัดออกได้พอแล้ว ตัดขีดพอ เกินกว่านี้เราจ่ายคืนไม่สะสมแล้ว สำหรับสกิทาคามีถึงจะเริ่มต้น จนกระทั่งสกิทาคามีเพิ่มขึ้นอย่างนี้ เราไม่เอาแล้ว น้อยลงน้อยลงจนกระทั่งสมบัติโลกไม่เอาแล้ว อนาคามี ทรัพย์ศฤงคารบ้านช่องเรือนชานวัตถุสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สำหรับอนาคามีจะมีอยู่บ้าง ลาภยศ อนาคามีมีอยู่บ้าง

โสดาบัน ก็กุหนา ลปนา ละได้ เนมิตกตายังทำอยู่

นิปเปสิกตาก็ยังไม่บริสุทธิ์ แล้วไม่ไปทำงานกับคนผิด สูงกว่านี้เป็น ลาเภนลาภังฯ อยู่ในหมู่กลุ่มที่บริสุทธิ์ด้วยกันช่วยกันทำงานไม่เอาสิ่งแลกเปลี่ยน เอาเข้ากองกลาง สูงสุดเป็นสัมมาชีพที่พ้นจากมิจฉาชีพ 5

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม  อธิปไตย อภิบาล อภิปัญญาคือประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ

สื่อธรรมะพ่อครู(สมาธิพุทธ) ตอน โสดาบันจะพ้นมิจฉาอาชีพ 5 หรือไม่


เวลาบันทึก 13 กุมภาพันธ์ 2564 ( 20:26:55 )

โสดาบันเป็นอย่างไร 

รายละเอียด

ที่จริงโสดาบันนั้น มันสำคัญมาก ตรงที่จะต้องรู้ความเป็นกาย ตอบชัดๆเลยก็คือ โสดาบันรู้เริ่มรู้ความเป็น กาย ถูกต้อง ความหมายของภาษาบาลี ภาษาพระพุทธเจ้าคำว่า กาย คืออย่างไร คำว่ากาย..อาตมาก็อธิบาย เป็นความเข้าใจผิดกันจริงๆ มันเข้าใจกันผิดมาได้อย่างไร อาตมาก็งงๆ เหมือนกัน กายมันมีสภาพ สอง ไปเข้าใจ กายเป็นหนึ่ง แล้วไปเข้าใจ กาย เป็นวัตถุด้วยมันออกนอกไปไกลๆ 

แต่กายจะต้องเป็นสอง สองกาย เน้นจิตเป็นหลักด้วย แต่ไม่เข้าใจ แต่เข้าใจว่า กาย เป็นหนึ่งแล้วเอาวัตถุเป็นหลักด้วย เป็นมิจฉาทิฏฐิของศาสนาพุทธ ตรงกาย คำเดียวนี้หมดเลยศาสนาพุทธไม่มีโลกุตรธรรม เพราะฉะนั้นสังโยชน์ข้อแรก 

อาตมาอธิบายวนเวียนอยู่ตรงนี้ สังโยชน์ข้อแรกคือ กาย 

2. แล้วมาเรียนรู้ตัวเอง สักกะ เออ กายเรารู้แล้วว่าเป็น 2 แต่อย่างไร 2 อย่างไรจึงจะปฏิบัติธรรมได้ 2 คือภายนอกภายใน รูปนาม จิตกับกาย แล้วก็ต้องแยกจิตแยกกายนี้ให้ละเอียดเป็น เมื่อเรียนรู้แยกจิตแยกกายได้แยกจิตมา จนทำให้จิต พีชะได้ แยกจิตจากพีชะ ให้เป็นอุตุได้ สรุปง่ายๆ สั้นๆ อย่างนี้แหละจบเลย

โสดาบันรู้จักกาย แล้วรู้ให้หมดวิจิกิจฉา นี่คือสังโยชน์ข้อที่ 2 จะบอกว่าไม่สงสัยในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ตีขลุมไปหมด ที่จริงหมดสงสัยในคำว่า กาย นี่แหละ หมดกังขา เข้าใจดีว่า กายคืออย่างไร แล้วมารู้จักสักกาย ปฏิบัติกับสักกาย รูปนามภายนอกภายในแล้วมีภาวะ 2 ไปกระทบสัมผัสกับอะไรๆ เรียนรู้แล้วจับมาพิจารณา ว่านี่กิเลสร่วม ลดกิเลสๆ ตรงนี้เท่านั้นแหละ

เพราะฉะนั้นพระโสดาบันเมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็เรียนรู้วิธีเรียกว่า ศีลพรต ก็ปฏิบัติจรณะ 15 นั่นแหละคือ ศีลพรต จรณะ 15 วิชชา 8 นั่นแหละคือ ศีลพรต มันก็ย่นย่อและสรุปลงสู่เป้า ของศาสนาพระพุทธเจ้าแล้วนะที่อาตมาพูด 

ปฏิบัติเป็นพระโสดาบันผ่านสังโยชน์ 3 ข้อ เข้าใจและปฏิบัติได้จึงจะเกิดผลลดกาม ลดปฏิฆะ สังโยชน์ข้อต่อไป จากนั้นก็เป็นอุทธัมภาคิยสังโยชน์ เป็นรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา 

คุณก็ปฏิบัติตั้งแต่ต้นก่อน แล้วคุณจะไม่ต้องเป็นห่วงหรอกสำหรับสังโยชน์สูง เอาตั้งต้นไปปฏิบัติถึงเวลาวาระก็จะรู้เอง อาตมาอธิบายอยู่ตลอดเวลา มันรู้อยู่ตลอดเวลาพาดพิงอยู่ตลอดเวลาไม่ต้องห่วงเลย นั่นคือโสดาบันอธิบายไปถึงสังโยชน์ 10 แล้ว

ที่มา ที่ไป

พ่อครูตอบปัญหา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 13:06:47 )

โสดาบันเริ่มทำบุญเป็นอรหันต์ทำแต่กุศล

รายละเอียด

สรุปแล้วถ้าเป็นปุถุชนก็จะทำบาปมากได้บาปมาก ทำกุศลมากก็ได้ด้วย แต่ทำบุญไม่เป็นเลย ทำบุญไม่ได้เลย จนกว่าจะเป็นอาริยชนเริ่มเป็นพระโสดาบัน ก็จะทำบาป เริ่มต้นก็ต้องทำบาปมากพอสมควร ทำกุศลพอสมควร และเร่ิมทำบุญเป็น เป็นสกิทาคามีก็ลำบากพอสมควรทำกุศลพอสมควร และทำบุญได้ชัดขึ้นและเพิ่มขึ้น เป็นอนาคามีก็ทำบุญจนกระทั่ง โลก กามภพหมดเลย ขจัดกิเลสในกามภพหมด เป็นอนาคามีเหลือส่วนละเอียดในรูปภพอรูปภพก็จะทำต่อ จนกระทั่งจบหมดเป็นอรหันต์ ก็ไม่ทำบาปทั้งปวงทำแต่กุศลกรรมที่มีอยู่ สมมุติ นายก.นายข.แล้ว ถ้านายก. สิ้นอาสวะตั้งแต่อายุ 30 อีก 50 ปีจนกว่าจะตายก็ทำแต่กุศลก็เป็นวิบากกุศล ถ้ายังเป็นโพธิสัตว์ ต่อไปอีกก็จะได้อันนี้เป็นสมบัติแต่ถ้าเป็นอรหันต์แล้ว สิ้นอาสวะตั้งแต่ 30 แล้วอายุ 80 ก็ปรินิพพานเป็นปริโยสานส่วน นายข.ทำบุญไม่เป็น เป็นแต่ทำทานเก่งทำกุศลเก่ง อายุ 80 ปีก็ตายเท่ากัน คนนี้ก็จะได้กุศล ส่วนบาปจะมากกว่ากุศลเยอะเลยเพราะคนไม่หมดโลภก็ทำบาปมาก เขาไม่รู้จักกิเลสโลภ โลภในกุศล โลภในทานโง่ๆ ในความดีโง่ๆ เป็นความซับซ้อนน่าดูเลย

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2561


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 12:44:52 )

โสดาบันเริ่มแยกจิตกับกิเลสเป็น

รายละเอียด

โสดาบัน เริ่มแยกจิตกับกิเลสเป็น ลำดับแรกเริ่มที่การรู้จักกายภายในกับกายภายนอก 2 สภาพ แยกกันโดยปัญญา แต่แยกกันโดยสภาวะ กาย กับ จิต แยกกันไม่ได้ กายกับจิตนี่ ภาษาว่า กายกับจิต 

คำว่ากาย พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า กาย ตถาคตเรียกว่า จิต มโน วิญญาณ อย่างนี้เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆ คำที่สลับกันไปสลับกันมาเป็นภาษาคู่ ยากมาก เรียกว่าสิริมหามายา คนไม่รู้ก็เป็นมายาหลอกตนเองอยู่ตลอดเวลา หลอกตัวเองอยู่อย่างนั้น แล้วก็ไปไม่ออก ก็หมุนเวียนอยู่ในโลกีย์ตลอดกาลนาน 

ค่อยๆติดตาม อาตมาก็พยายามอยู่ ยังไม่ตายง่ายๆ ยังจะพยายามอยู่กันไปให้นานที่สุดเท่าที่จะลากสังขารไปได้ เพื่อทำงานให้ได้ยาวนานที่สุดในขันธ์นี้ กับ พิสูจน์สัมประสิทธิ์ ที่สามารถจะยืดต่ออายุให้ยาวไปได้นานที่สุด 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 20 ความมหัศจรรย์กองกลางสาธารณโภคีของชาวอโศก วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2564 ขึ้น 9 ค่ำเดือนอ้าย ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 15 ธันวาคม 2564 ( 21:01:33 )

โสดาบันเลือกไม่เกิดอีกไม่ได้

รายละเอียด

โสดาบันนั้นยังเลือกเกิดหรือไม่เกิดไม่ได้ ยังจะต้องเกิดอีก จะเลือกไม่เกิดอีกไม่ได้ ผู้ที่จิตบรรลุถึงอนาคามีขึ้นไปแล้ว คำว่าจะไม่เกิดอีกหรือจะไม่เกิดมามีร่างกายดินน้ำไฟลม เป็นคนที่มีร่างกายดินน้ำไฟลมอีก อนาคามีมีสิทธิ์ที่จะไม่เกิดอีกได้ แต่ก็ต้องอยู่ไปในภพของจิต อนาคามีก็มีตั้ง 5 แบบ 5 อย่าง ไม่ขอลงรายละเอียด แต่สามารถสลายอัตภาพในสภาพอนาคามีไม่ต้องกลับมาเกิดอีกได้ ส่วนพระอรหันต์ไม่กลับมาเกิดอีกได้แน่นอน ที่สำคัญก็คือเป็นพระอรหันต์ ไม่มาเกิดได้ และจะกลับมาเกิดก็ได้ ส่วนพระอนาคามีไม่ต้องห่วง จะกลับมาเกิดอีกก็ได้อยู่แล้ว แม้ว่าอยากจะดับไปเลยก็ยังไม่ได้ แต่จะมาเกิดอีกได้ โพธิสัตว์ระดับสกิทาคามี อนาคามีจะวนเวียนมาเกิดอีกอยู่แล้ว 

ที่มา ที่ไป

รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 22 กันยายน 2563 ( 18:35:30 )

โสดาบันเสมอโสดาบัน อรหันต์เสมออรหันต์คือเช่นไร

รายละเอียด

โสดาบันเสมอโสดาบัน อรหันต์เสมออรหันต์คือเช่นไร

การเอาเปรียบหรือได้เปรียบนี้เลวแล้ว เสมอภาคก็ยังเป็นไปไม่ได้ อาตมา อธิบายว่าสภาวะเกิด 2 ชิ้น แม้แต่ปรมาณูที่เล็กที่สุดที่เกิดขึ้นมาก็ไม่มีอะไรเท่ากัน ไม่มีอะไรเท่ากันเสมอกันไม่มี มีแต่เสมอสมาน เสมอแล้วก็ร่วมกัน ถ้าเข้าใจพระพุทธเจ้าใช้คำว่า โสดาบันเสมอกับโสดาบัน สกิทาเสมอสกิทา อนาคาเสมออนาคา อรหันต์เสมออรหันต์

หมายความว่า โสดาบันก็ไม่ได้เท่ากันเลย สกิทาคามีก็ไม่เคยเท่ากัน อนาคามี 2 คนก็ไม่เคยเท่ากันเลยอรหันต์ 2 คนก็ไม่เคยเท่ากัน แต่มีที่เท่ากันตรงกันอยู่อีก 1 อีกอันหนึ่งถ้ามี 2 ไม่มีอะไรเท่ากัน เพราะฉะนั้นถ้ามี 2 ของใครของใครก็คือของคนนั้น แต่ของที่จะเท่ากันคือ 0 หรือนิพพาน พระอรหันต์ทุกองค์มี 0 หรือนิพพานเท่ากันและมี 1 เท่ากันหมด เพราะฉะนั้นเริ่มต้น 2 นี่แหละ จะเริ่มต้นเป็น เทวะ ต่างกันหมด พระอรหันต์ 0 เท่ากัน สิ่งที่ไม่เท่ากันคือของส่วนตัวของแต่ละคน บารมีวาสนาแต่ละคนไม่เท่ากัน วิบากกรรมต่างๆ กรรมต่างๆ ก็ไม่เท่ากัน กรรมของใครของมันไม่เท่ากัน 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาไม่ดับสัญญาแต่ดับกิเลส วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 ตุลาคม 2565 ( 18:33:44 )

โสดาปัตติผล

รายละเอียด

โสดาบันเป็นยิ่งกว่าเอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน ยิ่งกว่าสวรรคาลัยยิ่งกว่าธิปไตยใดในโลกทั้งปวงคือโสดาปัตติผล

ที่มา ที่ไป

พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562 


เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:23:38 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:32:22 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:04:28 )

โสดาปัตติผล

รายละเอียด

ผู้ที่เริ่มต้นมีโสดาปัตติผล คุณเหนืออบาย คุณจะไปที่ไหนทั่วทั้งแผ่นดิน เอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน ยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์คาลัย ยิ่งกว่าอธิปไตยใดๆทั้งปวง เอกราช คุณหลุดพ้นจากสวรรค์นรกอบายแล้ว เช่นอบายเล่นไพ่การพนัน วันพนันจะมีอยู่ในโลกจะไปมาเก๊าไปลาสเวกัส ก็มีบ่อน ชายแดนไทยเขมร ก็มีจมเลย แต่คุณไปที่ไหนก็อยู่เหนือไปหมดทั่วทั้งแผ่นดิน เป็นเอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน หลุดพ้น เป็นอิสระเสรีภาพส่วนตัวพวกนี้ไม่ได้กินเราหรอก โสดาบัน ก็เป็นเอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน ด้วยนัยนี้แล้ว เป็นโลกุตระอันแรกของโสดาบันอยู่เหนือความสุขความทุกข์ของอบายภูมิ ดูเรื่องเนื้อสัตว์ คุณจะไปที่ไหนก็มีเนื้อสัตว์ในโลก คุณก็ไม่กินมันได้ จบ คุณก็อยู่เหนือมันหมด เอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน อบายมุข 6 จะไปที่ไหนคุณก็อยู่เหนือมันหมด เดี๋ยวนี้มีอบายมุขที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติเอาไว้ เขาสร้างวิมานอบายมุข ยิ่งกว่าสมัยพระพุทธเจ้า เอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน ยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์คาลัย ยิ่งกว่าอธิปไตยใดในโลกทั้งปวง

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 9 พฤษภาคม 2561


เวลาบันทึก 31 ธันวาคม 2563 ( 13:23:58 )

โสดามรรค โสดาผล

รายละเอียด

โสดาบันต้องจิตเข้ากระแสโสตาปันนะ หรือไม่ตกต่ำแล้วอวินิปาตธรรม หรือไม่ตกต่ำแล้ว นิยตะ ลดละได้สิ่งที่เป็นอบายเป็นต้น มีแต่เจริญไปสู่ที่สุดที่สูง สัมโพธิปรายนะ อาตมาเข้าใจสภาวะมีสภาวะจึงพูดออกมาได้อย่างนี้ไม่ได้พูดตามบัญญัติภาษาที่เขาเขียนนะ โสดาปัตติมรรค จิตคุณต้องรู้สักกายทิฏฐิ สัมผัสกับสิ่งที่คุณติด อบาย คุณไปสัมผัสไพ่ แต่ก่อนเคยติดสนุกสนาน แต่ตอนนี้คุณจะมีหิริโอตัปปะ เพราะว่ามีศรัทธามีความรู้ความเข้าใจขั้นหนึ่งแล้วคุณจะมีสัทธรรม 7 จะมีหิริโอตตัปปะ มีพหูสูตร ได้มรรคผลเพิ่มก็มีวิริยะ พากเพียรปฏิบัติอย่างนี้ถูกทางแล้ว สติเต็มรู้ทั้งนอกและใน รู้ทางตาหูจมูกลิ้นกายและตื่นทั้งใจนี่คือสติเต็มร้อย แต่ถ้าไปเปลี่ยนแต่ใจก็เป็นสติได้แค่ 10% หรือ 20 % ตาหูจมูกลิ้นกายอีก 4 คุณไม่ได้ศึกษาเลย สติเต็มร้อย ปัญญาเต็มรู้ ต้องมาตื่นตั้งแต่ตาหูจมูกลิ้นกายตื่นมาพร้อมใจ ตาคุณก็อยู่เหนือ จมูกลิ้นกาย ก็อยู่เหนือ เหลือเชื้อแต่ในใจก็ทำต่อ มันเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2562


เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 10:28:18 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:33:50 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 21:06:53 )

โสต

รายละเอียด

การได้รู้

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 3 หน้า 129


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:09:48 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:41:26 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:52:45 )

โสตทิพย์

รายละเอียด

1. ญาณทิพย์ที่หยั่งรู้ได้ ก็ด้วยความรู้ซึ่งรู้แจ้งรูปและนามอย่างแท้ๆ จริงๆ 

2. การรู้ความซ้อน การเข้าใจในสภาพเชิงซ้อนที่สืบต่อและเหลื่อมซ้ำอยู่กับใหม่บ้าง กับเก่าบ้าง 

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2หน้า 80, ทางเอก ภาค 3 หน้า 176


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:10:53 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:42:11 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:53:09 )

โสตทิพย์

รายละเอียด

โสตทิพย์หมายถึงรู้สิ่งที่ละเอียด โสตะคือรู้ ทิพย์คือละเอียด แม้มันจะอยู่ไกลก็รู้ละเอียดชัดเจน อยู่ใกล้ก็แน่นอนแยกแยะได้ง่าย จะอยู่ไกลได้ยินแว่วๆ เห็นได้ยากเห็นได้น้อยเห็นได้เล็ก หรือได้ยินเสียงน้อยเสียงเบาๆ ก็ยังสามารถรู้ชัดเจนแยกแยะออกได้นั่นคือความสามารถของโสตทิพย์ แยกเป็นเสียง 2 เป็นรูป 2 เป็นกลิ่น 2 เป็นรส 2 สัมผัส 2 แยกเป็นอันหนึ่งจริงอันหนึ่งเป็นตัวมายาอีกหนึ่งเป็นตัวจริงเป็นของแท้ เราก็เลือกเอาแต่ของแท้อย่าเอาของไม่จริงของที่เป็นมายา เรารู้ทันว่ามันเป็นมายา พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่าเรารู้เธอแล้วมาร มารคือมายา เรารู้เธอแล้ว อย่ามาเสนอหน้าเสียให้ยากมาร  ทำอะไรเราไม่ได้หรอกเราหักขั้วเรือนยอด เธออย่ามาสร้างบ้านสร้างเรือนสร้างตัวตน เราถอดหัวใจของเธอออกไปหมดแล้ว หัก พระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่คำว่าหัวใจมันดุเดือด ท่านใช้คำว่าหักเรือนยอด ของเธอหมดแล้วไม่มีเรือนจะอยู่แล้วให้ไปเสีย ท่านก็เอาเรือนยอด มาเป็นตัวแทนในการอธิบายความหมายของมันอย่างนี้เป็นต้น 

ที่มา ที่ไป

รายการบ้านราช กายนี้คือวิญญาณ วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 17:27:07 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:34:28 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:54:05 )

โสตทิพย์

รายละเอียด

จากนั้นเป็นโสตทิพย์ จิตที่ยิ่ง ลึกซึ้งละเอียดขึ้นแม้ว่าจะมีกิเลส หยาบ กลาง ละเอียดเล็กน้อยถึงขั้นเป็น รูป อรูป ก็สามารถรู้ได้จัดการได้เรียกว่ามีโสตทิพย์ รู้สิ่งที่ละเอียดสูงสุดจนหมดได้ 

ที่มา ที่ไป

รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563


เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:18:20 )

เวลาบันทึก 28 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:04 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:54:28 )

โสตทิพย์

รายละเอียด

“โสตทิพย์” ลึกซึ้งละเอียดรู้ได้ยากก็รู้ ท่านเทียบ เหมือนได้ยินเสียงไกลๆก็สามารถแยกออกว่าเสียงนี้เป็นเสียงกลอง เสียงนี้เป็นเสียงเปิงมาง เสียงนี้เป็นเสียงบัณเฑาะว์ เสียงนี้เป็นเสียงตะโพน แยกออก 

หมายความว่า ธรรมะที่ลึกซึ้งละเอียดลออ รู้ยาก เหมือนของที่อยู่ห่างไกลและเบาบางก็สามารถรู้ในทิพย์ทั้งหลายนี้ได้ รู้ธรรมะ ละเอียดลออสูงที่เป็นทิพย์ ก็ทำไปตามลำดับได้นี่คือวิชาข้อที่ 4 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:57:28 )

โสตทิพย์

รายละเอียด

ข้อที่ 4 โสตทิพย์ จะรู้ได้ละเอียดขึ้น รู้ได้ไกลขึ้น รู้ข้อแตกต่างกันความแตกต่างของกิเลส ความแตกต่างของธรรมะ ความแตกต่างของจิตเจตสิกต่างๆคือ คุณจะมีโสตทิพย์คือรู้ได้อย่างทิพย์ รู้ได้อย่างเทพตามสำนวนโลกคือรู้ได้ขั้นเทพ สัมผัสนี้รู้เลยว่าละเอียดลออ แยกได้ ต่างกันอย่างไรก็แยกได้ละเอียดมาก 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำ เดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก


เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 14:15:35 )

โสตทิพย์

รายละเอียด

นี่อธิบายวิปัสสนาญาณ 8 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเป็นโสตทิพย์ คือรู้ได้ละเอียดได้ไกล รู้ได้ยากแต่รู้ได้ มีญาณที่จะรู้ได้ละเอียดได้มาก รู้ได้ลึก รู้ได้ไกล รู้ได้กว้าง ในสิ่งที่มันรู้ยากก็รู้ได้ง่ายขึ้นด้วยความเป็นโสตทิพย์ 

ทิพย์ มันคือ มันเจริญ มันรู้ได้มากรู้ได้ละเอียด เจริญอะไร ก็เจริญโดยสูตรของเจโตปริยญาณ 16 คือ 1. สราคจิต  (จิตมีราคะ)  2. วีตราคจิต  (จิตไม่มีราคะ)  3. สโทสจิต  (จิตมีโทสะ)  4. วีตโทสจิต  (จิตไม่มีโทสะ)  5. สโมหจิต  (จิตมีโมหะ)  6. วีตโมหจิต  (จิตไม่มีโมหะ)  7. สังขิตฺตํจิตตํ. (จิตเกร็ง-จับตัวแน่น หด คุมเคร่งอยู่) . 8. วิกขิตฺตํจิตตํ . (จิตกระจาย-ดิ้นไป ฟุ้ง จับไม่ติด) 9. มหัคคตจิต (จิตเจริญยิ่งใหญ่ขึ้น)  10. อมหัคคตจิต (จิตไม่เจริญขึ้น)  11. สอุตตรจิต (จิตมีดีแต่ยังมีดียิ่งกว่านี้-ยังไม่จบ เหนือความรู้ของสามัญ เป็นจิตที่เป็นโลกุตตระเป็นจิตที่เหนือกว่าโลกสามัญแล้วมันก็ดีขึ้น จะดีกว่านี้ยังมีอีก)  12. อนุตตรจิต (จิตไม่มีจิตอื่นสูงยิ่งกว่า)  13. สมาหิตจิต (จิตตั้งมั่นเป็นประโยชน์ดีแล้ว)  14. อสมาหิตจิต (จิตยังไม่ตั้งมั่นไม่เป็นประโยชน์)  15. วิมุตตจิต (จิตหลุดพ้น) 16. อวิมุตตจิต (จิตยังไม่หลุดพ้นสิ้นเกลี้ยง) . (พตปฎ. เล่ม 9   ข้อ 135)   

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:39:24 )

โสตทิพย์ เป็นวิชชาตัวที่ 4

รายละเอียด

เสร็จแล้วก็เป็นตัวประณีตวิจิตรของจิตพิสดารขึ้นเรียกว่า ทิพย์ 

โสตะ แปลว่ารู้ มีความรอบรู้ มีความรู้ยิ่ง โสตะ สุตะ นี่ ยิ่ง สัตตะ แปลว่าร้อย คำว่าร้อยนี้คือเต็ม จากหยาบมาละเอียดคือทิพย์ เก่งขึ้น ละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น จากหยาบมาละเอียดเรียกว่าโสตทิพย์ เป็นตัวที่ 4 ของวิชชา 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 45 ออนไลน์ วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2564 ( 07:45:03 )

โสตทิพย์ ในวิชชา 8 ข้อที่ 4

รายละเอียด

ในวิชชา 8 ข้อที่ 4 เรียกว่ามีโสตทิพย์ โสตทิพย์คือผู้ที่สามารถรู้ รูป 2 รู้เสียง 2 รู้กลิ่น 2 รส 2 โผฏฐัพพะ 2 แล้วไม่ได้หลงไปกับสิ่ง 2 นั้น เพราะเป็นผู้สูงแล้ว มีวิชชาข้อที่ 4 ในวิชชา 8 

1. วิปัสสนาญาณ (ความรู้แจ้งเห็นจริง – หรือรู้ความจริงในเหตุที่มีความจริงเกิด .. รู้กิเลสตายจริง อกุศลดับจริง) 

2. มโนมยิทธิญาณ (ความมีฤทธิ์ทางจิต ที่จิตสามารถ เนรมิต “ความเกิด” อย่างใหม่ขึ้นมาได้) 

3. อิทธิวิธญาณ (จิตมีอานุภาพในการบรรลุขจัดทำลายกิเลส ได้หลากหลายวิธี) ดู พตปฎ.9/133 

4. ทิพโสตญาณ (สามารถแยกแยะ การได้ยินสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้ง เช่น กิเลสปะปนมากับคำร่ำลือ กับเสียงที่เกินกว่าคนธรรมดาเขาจะรู้นัยยะได้)

5. เจโตปริยญาณ (กำหนดรู้ความแตกต่างในจิตขั้นอื่นๆ ของตนได้รอบถ้วน) &

6. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ (การย้อนระลึกถึงการเกิดกิเลสเก่าก่อน  มารู้อริยสัจจะจนหายโง่จากอวิชชา) 

7. จุตูปปาตญาณ (รู้เห็นการเกิด-การดับของจิตที่ดับเชื้อกิเลส แล้วเกิดเป็นสัตว์เทวดา หรืออาริยสัตว์) 

8. อาสวักขยญาณ (ญาณที่รู้การหมดสิ้นอาสวะของตน) (พตฎ. เล่ม 9  ข้อ 127 - 138)

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 12:30:28 )

โสตวิญญาณ

รายละเอียด

ความรับรู้ที่อาศัยหู , ความรับรู้เมื่อรับจากทางหูแล้วร่วมปรุงแต่งด้วยกิเลสในใจ

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 105,อีคิวโลกุตระ หน้า 219


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:11:58 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:42:56 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:54:48 )

โสตสัมผัส

รายละเอียด

ความกระทบที่มาสัมผัสทางหู

หนังสืออ้างอิง

อีคิวโลกุตระ หน้า 220, ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 106


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:12:41 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:43:41 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:55:06 )

โสตสัมผัสสชาเวทนา

รายละเอียด

ความรู้สึกที่เกิดจากการแตะต้องทางหู

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 118


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:13:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:44:13 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:21:54 )

โสตาปันนะ

รายละเอียด

เข้ากระแส

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 35


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:13:59 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:44:44 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:22:13 )

โสภณจิต

รายละเอียด

รู้อาการจิตที่เป็นกุศล , จิตที่ดี จิตที่งาม

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 46


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:14:38 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:49:09 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:55:25 )

โสมนัส สหคตัง ญาณสัมปยุตตัง อสังขริกัง

รายละเอียด

เป็นจิตที่น่ายินดีแล้ว ทั้งประกอบไปด้วยความฉลาดขึ้นมาหน่อยแล้ว หรือต้องประกอบไปด้วยการรู้บ้างแล้ว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 51


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:15:25 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:49:47 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:22:43 )

โสมนัส สหคตัง หสิตุปปา ทจิตตัง

รายละเอียด

เป็นจิตดวงที่ ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์จะไม่มี เพราะหมายถึงจิตที่ยิ้มแย้มของพระอรหันต์ เกิดพร้อมกับความโสมนัส

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 45


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:16:07 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:50:39 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:23:04 )

โสมนัสส

รายละเอียด

ความสุขทางใจ , ความยินดีทางใจ

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 91


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:16:42 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:51:05 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:55:44 )

โสมนัสสหคตัง

รายละเอียด

เป็นจิตที่รู้ดี เห็นดี ยินดีแล้ว จิตที่เต็มใจจะทำงานนี้แล้ว

หนังสืออ้างอิง

ทางเอก ภาค 2 หน้า 51


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:17:20 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:51:36 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:56:02 )

โสมนัสสินทรีย์

รายละเอียด

น้ำหนักหรือความเข้มข้นของอารมณ์สุขที่เน้นไปข้างเกี่ยวเนื่องในภายในว่าจัดจ้าน หรือปานกลาง หรือบางเบา

หนังสืออ้างอิง

ถอดรหัสอัตตา อนัตตา นิรัตตา หน้า 118


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:18:08 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 12:52:03 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:23:24 )

โสรโต

รายละเอียด

1. ผู้ประพฤติให้เห็นได้

2. ผู้สุภาพ , ถ่อมตัว , เหนี่ยวรั้งตนเอง ซึ่งเพียรทำตนอยู่  ไม่ได้หมายถึงผู้มีจิตบรรลุแล้ว[ผู้มีจิตบรรลุแล้วอาจมีพฤติไม่ดูดีก็ได้]

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 217


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:19:02 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:36:52 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:56:23 )

โสรโต โหติ

รายละเอียด

ผู้ประพฤติเพื่อจะกำจัดกิเลสอยู่[ไม่ใช่ผู้งดเว้นจากบาป]

หนังสืออ้างอิง

รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 217


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:19:53 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:38:05 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:56:42 )

โสฬสญาณ 16

รายละเอียด

คือความรู้แจ้งเห็นจริงตามลําดับของการวิปัสสนา

1. นามรูปปริจเฉทญาณ (รู้แจ้งแยกรูปแยกนามได้)

2.ปัจจัยปริคคหญาณ(รู้แจ้งเหตุปัจจัยแก่กันของนามรูป)

3. สัมมสนญาณ(รู้แจ้งนามรูปเป็นไปตามไตรลักษณ์)

4. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ(รู้แจ้งความเกิดและดับ)

5. ภังคานุปัสสนาญาณ(รู้แจ้งว่าทุกสิ่งต้องเสื่อมสลาย)

6. ภยตูปัฏฐานญาณ(รู้แจ้งภัยอันน่ากลัวของกิเลส)

7.อาทีนวานุปัสสนาญาณ(รู้แจ้งโทษชั่วของกิเลส)

8. นิพพิทานุปัสสนาญาณ(รู้แจ้งในความเบื่อหน่ายกิเลส)

9. มุญจิตกัมยตาญาณ(รู้แจ้งการปลดเปลื้องกิเลสออกไป)

10. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ(รู้แจ้งทบทวนว่ากิเลสออกจริงไหม)

11. สังขารุเปกขาญาณ(รู้แจ้งความเป็นกลางปราศจากกิเลส)

12.สัจจานุโลมิกญาณ(รู้แจ้งในอาริยสัจ 4 ทั้งอนุโลม ปฏิโลม)

13. โคตรภูญาณ(รู้แจ้งรอยต่อระหว่างปุถุชนกับอาริยชน)

14. มัคคญาณ(รู้แจ้งในข้อปฏิบัติสู่ความเป็นอาริยบุคคล)

15. ผลญาณ(รู้แจ้งในอาริยผลที่ทําได้)

16. ปัจจเวกขณญาณ(รู้แจ้งตรวจสอบชัดว่าวิมุตไหม)

 

หนังสืออ้างอิง

ธรรมพุทธสุดลึก,พระวิสุทธิมัคค์ “ปัญญานิเทศ” หน้า 540-651


เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2565 ( 11:38:47 )

โสเหล่โลกุตระ

รายละเอียด

ก็ทักทาย ตอนนี้เรามีเทคโนโลยี ทักทายไปถึงที่ต่างๆที่เข้ามาอยู่หน้าจอโทรทัศน์ อาตมาอยู่มาอายุย่างเข้า 87 ปีแล้ว อาตมาตั้งแต่เด็กก็วิ่งเล่นอยู่ที่อำเภอวารินฯนี่แหละ ตอนเกิดมาอายุ 2 ขวบพอดีลุงก็ไปเลี้ยงอยู่ที่หนองคาย ลุงป้าก็ยังไม่มีลูกกำลังแต่งงานกันใหม่ๆ เสร็จแล้วจนอายุ 7 ขวบ ก็มีลูกป้าลูกลุง ตอนนั้นมีสงครามโลกครั้งที่ 2 ลุงเป็นแพทย์ประจำจังหวัดก็ต้องถูกโยกย้าย มีลูก 2 คน คนที่ 3 อยู่ในท้อง ย้ายไปอยู่สกลนคร มีทั้งลูกทั้งหลานอยู่ด้วยกันย้ายไปย้ายมาก็ลำบากยาก ลุงป้าก็เลยส่งให้กลับมาอยู่กับแม่ ตอนนั้นแม่ค้าขายอยู่ศรีสะเกษ อาตมาก็เลยไปเรียนอยู่ศรีสะเกษอยู่ 1-2 ปีตอนชั้น ป.2  ตอน ป.2, ป.3, ป.1 เรียนอยู่หนองคาย มาเรียน ป.4 อยู่ที่โรงเรียนเทศบาลอำเภอวาริน โรงเรียนเทศบาลอำเภอวารินชำราบ ประมาณ พ.ศ. 2484... เราก็โสเหล่กันไป ก็เหมือนกับอาตมาเป็นปู่ย่าตายายคุยกับลูกหลานไป อาตมาพูดไปก็จะแฝงอธิบายธรรมะไปด้วย ฟังให้ดีแล้วก็จะรู้ว่าอาตมาพูดไปฟังธรรมะอธิบายแทรกขยายความ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 24 วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 17:35:17 )

โหติ

รายละเอียด

1. มี 

2. การรู้ตนเมื่อทำตนให้เข้าถึง ให้สูงขึ้น ให้ดีขึ้นได้อย่างเชื่อมั่น เห็นแท้เป็นไปย่อมเป็นไปจริง ทำให้มีขึ้นได้ที่ตน , ย่อมมีขึ้นได้จริง

ที่มา ที่ไป

จากรู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 102, จากหนังสือทางเอก ภาค 2 หน้า 524


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:41:28 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:39:26 )

โหติ(ภวติ)

รายละเอียด

มี , เป็น , เกิด

หนังสืออ้างอิง

คนคืออะไร? หน้า 544


เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2562 ( 16:42:19 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:44:31 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:56:57 )

โอกกันตะ กับโอคทา

รายละเอียด

ในคำว่า “ชาติ” ทวนอีก

“ชาติ” พระพุทธเจ้าตรัสไว้ 5 

ชาติ, สัญชาติ, โอกกันติ, นิพพัตติ, อภินิพพัตติ

โอกกันตะ ในขณะปัจจุบันทำจนจบแล้วก็เรียกว่า “โอคทา” เป็นจิตวิมุติสำเร็จ ก็หยั่งลง สั่งสมเป็นอมตะ จากวิมุติแล้วเป็นอมตะในมูลสูตร(ข้อ 9 ) ปรินิพพานเป็นปริโยสานเป็นข้อ 10 

 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:44:49 )

โอกกันติ

รายละเอียด

คือ การรู้การเกิดความหยั่งลงในจิตที่รู้ว่ามีกิเลสหรือไม่มีกิเลสก็จะหยั่งลงในจิตไป

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชธานีอโศก วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2562


เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2562 ( 14:51:25 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:12 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:57:14 )

โอกกันติ

รายละเอียด

โอกกันติ คือ การหยั่งลง ในปัจจุบัน เมื่อเราเกิดมาแล้ว เกิดมาก็มีจิต มีกาย จิตเราก็จะมีกรรม มีวิบาก หยั่งลงไป ถ้าคนที่มิจฉาทิฏฐิ  คนที่ไม่รู้ดีรู้ชั่ว ไอ้ที่ทำลงไป ถ้ามีต้นรากของกิเลสก็จะได้แต่ชั่วสั่งสมในทางจิตของตนเอง ถ้ามีธาตุดีก็จะมีดีบ้างชั่วบ้าง ถ้าสามารถรู้ความดีความชั่วของโลกีย์นะ ก็จะเลือกเอาที่ดีสะสมลงไป สะสมความดีแบบโลกีย์ ดีที่สุดก็ได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่ง แล้วก็สร้างศาสนาเทวนิยม ละชั่ว ประพฤติดี ซึ่งมันไม่เที่ยงหรอก ดีชั่วไปแล้วมันก็ลืม เสร็จแล้วก็มาหาชั่วใหม่ หมุนเวียนกันอยู่อย่างนี้เป็นสมบัติผลัดกันชม นับชาติไม่ถ้วน นับความวนไม่จบ เป็นอยู่อย่างนี้สำหรับโลกีย์ 

ถ้าสามารถเอาดีให้มันหยั่งลงได้ก็เจริญ เจริญสูงสุดก็เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่ง แล้วก็ไม่เที่ยงต้องวนเวียนมาเป็นลิ่วล้อใหม่ตามวิบาก เขาไม่เข้าใจกรรมวิบาก วิบากจึงเป็นเรื่องอจินไตยเป็นเรื่องคิดเอาไม่ได้ ต้องรู้รายละเอียดของกรรมวิบากต่างๆ คือทำอะไรแล้วกรรมจะต้องเป็นผล เป็นของของตน ไม่เอาไม่ได้ เพราะฉะนั้นสั่งสมเป็นอกุศลคุณก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นสั่งสมกุศล พระพุทธเจ้าท่านศึกษาว่าแค่กุศลกับอกุศลเราก็รู้แล้ว ก็เอาที่ดี เลือกเอาแต่ที่ดีให้ได้ จนกระทั่งรู้ว่าจิตนี้มันก็มีดี แต่ที่จริงมันคืออะไร 

จิตมันคือการปรุงแต่งของธาตุ 2 ท่านก็แยกมาเรียนรู้ธาตุ 2 แยกออกมาจากรูปนาม มาเป็น อายตนะ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธ‌ศาสนา‌ตาม‌ภูมิ‌ ‌ชาติ‌ ‌5‌ ‌พา‌พ้น‌ขิฑฑาป‌โท‌สิ‌กะ‌และ‌มโน‌ป‌โท‌สิกะ‌ ‌วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 20:35:26 )

โอกกันติ

รายละเอียด

โอกกันติ คือ “การเกิด”ระดับกลาง ที่จะเรียนรู้“ภาวะ 2”ได้อย่างสำคัญ ถ้าแค่ขั้น“โลกียะ”ก็รู้แค่“ชั่ว-ดี” เป็น“อกุศลวิบาก-กุศลวิบาก” ซึ่งสำหรับ“สัตว์”เดรัจฉานก็มีการสะสมใส่“วิบาก”เป็น“ผลกรรมของตน”ไปตามยถากรรม สัญญามันก็โตขึ้นกำหนดดีกำหนดชั่วได้จะเห็นได้ว่าสัตว์บางตัวเป็นสัตว์มีเมตตา สัตว์ส่วนใหญ่มันก็ไม่มีเมตตาถ้าใครไปทำอะไรมัน มันยึดมันถือ มันก็ไม่ฟังเสียงเลยใช่ไหม มันก็เหมือนกับคนที่เหมือนสัตว์เดรัจฉาน ถ้าอะไรมาแตะสิ่งที่ตัวเองหวงแหนตัวเองต้องการ ก็แย่งชิงกันเข่นฆ่ากัน ก็เหมือนกับจิตวิญญาณสัตว์ 

ส่วน“เทฺวนิยม”ก็ยังเป็น“ความรู้”ตามแบบ“โลกียะ” แค่ความรู้ที่เป็น“เฉโก”อยู่ ยังไม่มีพัฒนาการเป็น“โลกุตระ” 

ถ้าสัตว์ชั้นต่ำมันก็แยกออกยาก แต่มันก็จะวิวัฒนาขึ้นเป็น“สัตว์เจริญ”ขึ้นตามยถากรรม ตามพัฒนาการของไหวพริบที่สัตว์แต่ละตัวจะพึงมี กว่าจะ“รู้ดีทำดี-รู้ชั่วละชั่ว”นั้น ก็ต้องสะสม“ไหวพริบ”ใส่ตัวตนกันไป เจริญขึ้นตามลำดับๆ ซึ่ง“สัตว์เดรัจฉาน”หรือ“ปุถุชน”คนผู้ยัง“อวิชชา”นั้น จะเริ่มเรียนรู้“ดี-ชั่ว”ไปตามไหวพริบของภูมิธรรมแห่งคนแต่ละคนหรือสัตว์แต่ละตัว ตาม“ธรรม”ที่มีทั้ง“สมมุติธรรม” ทั้ง“ปรมัตถธรรม”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศนาต้อนรับปีใหม่ 2567 เรื่องปฏิจจสมุปบาท ตอน 2 วันจันทร์ที่ 1 มกราคม 2567 แรม 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 13 มกราคม 2567 ( 20:00:48 )

โอกกันติ ทุกอย่างของการเกิดหยั่งลงเป็นอวิชชา

รายละเอียด

โอกกันติ คือ ตัวกลาง ของการเกิดหยั่งลง ทุกอย่างสั่งสมลงเป็นอวิชชา โดยไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่วก็รับเละไปหมดอยู่ในเซฟ จนกระทั่งมาศึกษารู้และแยกแยะได้ ถ้าเราปล่อยให้กิเลสผสมแล้วมันเกิดมันก็เป็นอวิชชายาวนานไปอีกนับชาติไม่ถ้วน

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 33 วันจันทร์ที่ 29 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 01 เมษายน 2564 ( 21:10:41 )

โอกกันติ คืออะไร

รายละเอียด

“โอกกันติ” คือ การเกิดในปัจจุบัน ทุกปัจจุบัน เมื่อเกิดกรรมทางกาย วาจา ใจ กรรมนั้นๆ ก็จะหยั่งลงความเกิดเป็นปึกแผ่นของชาติหรือความจำที่เป็นสัญชาติ มันจะหยั่งลง 

ในโลกียะ มันก็มีความเกิดใหม่เรียกว่าความเกิดของกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมเหมือนกัน แต่เขาไม่รู้ แต่มันก็หยั่งลง ในความจำ ของโลกียะก็หยั่งลง ของโลกุตระก็หยั่งลง แต่โลกียะเขาแยกไม่ออก เขาไม่รู่ว่าการเกิดนี้ เขาควรให้เกิดหรือไม่ให้เกิด ในโลกียะก็มีกิเลสทำให้เกิดกรรม มันก็เป็นกรรมของคุณแล้วก็ผนึกลงไปเป็นกรรมทายาท จะต้องเป็นมรดกของคุณ คุณต้องรับมรดกนี้ คุณจะต้องรับเป็นทายาทของกรรมของคุณเอง กัมมทายาท แล้วกรรมนี้จะพาคุณเกิดกัมมโยนิ ตกผลึกสั่งสมเป็นตระกูลของคุณ เป็นกรรมพันธุ์ แล้วคุณจะต้องได้อาศัยอันนี้แหละ เป็นกัมมปฏิสรโณ สั่งสมดีก็อาศัยดี ทำชั่วก็ได้ชั่วไปเรื่อยๆ หากรู้ว่าต้องสั่งสมความดีละเว้นความชั่วก็เป็นกัลยาณชนขึ้นมา ถ้าเป็นพระอริยะแบบโลกุตระ ก็ยิ่งทำดีแต่ไม่ติดยึดดี แต่ต้องทำสั่งสมลงเหมือนกัน ทำแบบโลกุตรจิต คือ “นิพพัตติ”

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การเกิดคือชาติ 5 ในปฏิจจสมุปบาท วันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 19 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:50:36 )

โอกกันติ คืออะไร

รายละเอียด

โอกกันติ เป็นการเกิดในปัจจุบัน พออะไรเกิดเราก็ต้องพิจารณาตัวเกิดในปัจจุบัน ผู้เรียนรู้ธรรมะแล้วจะพิจารณาตัวเกิดในปัจจุบันนี่แหละ คัดเลือกคัดเฟ้นเลย เอ็ง เกิดมาพร้อมหน้ากิเลสหรือเปล่า ถ้าพร้อมหน้ากิเลสไม่เอา เอาตัวเลือกที่จะต้องเอาสะอาดบริสุทธิ์ไม่เอากิเลส กิเลสมันไม่เป็นของแท้ ให้หยั่งลงสะสมลง (โอกกันติ)

ส่วนคนที่อวิชชาไม่รู้จักว่าต้องเลือกอะไรให้เกิด อะไรเกิดก็ใส่เข้าไป สะสมเข้าไป อะไรเกิดก็สั่งสม หยั่งลง กองเข้าไปเป็นอวิชชาเรื่อยๆ เป็นความโง่ ส่วนมากก็มีแต่กิเลสผสมลงไปเรื่อยๆคุณก็สั่งสมเป็นกองกิเลส โอกกันติ ของคนทั่วไปผู้ที่ไม่ได้เรียนธรรมะ ก็จะสะสมแต่กองกิเลส 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก 


เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 21:09:20 )

โอกกันติ หรือสโมสรณา

รายละเอียด

ผู้สามารถเรียนรู้จิตที่มันเกิดจากกรรม สั่งสมสะสมลง รวมลง สโมสรณา หรือโอกกันติก็จะรวมลงหยั่งลงในอัตภาพของเรา โอกกันติ จึงเป็นตัวกลาง คนที่อวิชชาก็ไม่เรียนรู้ควบคุม ที่เป็นชาติอย่างดีบ้างชั่วบ้าง  ชั่วเยอะกว่าดีมันก็หยั่งลงด้วยคุณไม่รู้เรื่องมีอวิชชา ไม่รู้ดีไม่รู้ชั่วแยกชั่วไม่ได้ คุณก็ทำเละเทะเลยส่วนมากก็เป็นความชั่วมันก็ สั่งสมเป็นของตน กรรมที่ทำเป็นของของตน คุณต้องเป็นทายาทของกรรมของตนเอง และกรรมของตนเองนี่แหละ กัมมโยนิ จะพาให้เป็นไปต่างๆนานา แล้วสั่งสมเป็นเผ่าพันธุ์ เป็นตระกูล ตระกูลชั่วตระกูลโหดด้วย เห็นแต่ละคนแสดงบทบาทตามจริงของเขาทั้งนั้นเลย จิตของเขาเป็น เป็นไปตามที่วิบากและเป็นไปตามจิตจริงเขาแสดงออกด้วย ไม่ว่าจะเป็น โดนัล ทรัมป์ หรือเป็นทักษิณ ยิ่งลักษณ์ ใครต่อใครหลายคนยังไม่อยากกล่าวชื่อไปหมดยังไม่ตายก็มี ก็เป็นจริงตามจริง ไม่ได้ทำเกินกว่าที่ตัวเองมีที่ตัวเองเป็นหลัก 

เรามาเรียนรู้สภาวะที่สั่งสมลงได้แล้วแยกไม่เอา สิ่งที่เลวสิ่งที่ชั่วไม่ไปก่อกิริยาบาปกรรมไม่ไปก่อกรรมขึ้นมาเมื่อไม่ก่อมันก็ไม่มีหยั่งลงในสิ่งชั่ว มีแต่หยั่งลงในสิ่งที่ดี หยั่งลงแต่สิ่งที่ไม่มีกิเลสมาร่วมเป็นโลกุตระ ดีชั่วนั้นยังเป็นสมมติสัจจะ ส่วนสุขทุกข์ตัวหลักนี้ใหญ่มากใหญ่กว่าดีชั่วเยอะ เป็นเรื่องลึกซึ้งมาก

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 แยกวิญญาณฐีติ 7 สัตตาวาส 9 วันพุธที่ 27 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:59:01 )

โอกกันติ ในชาติ 5

รายละเอียด

จึงสามารถที่จะรู้ว่าเมื่อมีจิตนิยามแล้ว คุณกระทบสัมผัส คุณจะมีกรรมกริยาทั้งหลายอยู่ในโลก คุณก็ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณเกี่ยวข้องทั้งนั้น คุณจะหนีไปให้สุดโลก ก็หนีดินน้ำไฟลมที่จะตั้งลงที่คุณนี้ไม่ได้ หนีไปสุดโลกไหนก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันจะต้องตั้งลงหยั่งลงในตัวคุณ คุณจะต้องมีตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัส แล้วคุณก็จะโง่ไปหลงว่ามันมาหยั่งลงตั้งลงไปยึดถือเป็นตัวเราของเราไปหมด คุณก็ต้องยึดถือจิตที่มันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มันเกี่ยวข้องมีอะไรจะมารับมีอะไรสัมผัส แล้วก็รับเละ ทั้งๆ ที่มันเป็นนามธรรมรับเป็นเราเป็นของเราจำไว้นี่เป็นเราเป็นของเราคุณก็จะเลยสั่งสมความโง่เข้าไป เป็นเราเป็นของเรา เป็นเราเป็นของเรามาก ตาย

ก็มารู้โอกกันติ จิตมันรับเละอะไรเข้าไปใน จิตก็รับเละ ดีไม่ดีมันไม่ชอบก็ผลักบ้างแต่รับมากกว่าผลัก เต็มไปด้วยขยะเยอะ ก็ต้องมาเลือก เอามาทำไมขนาดมาเป็นจิตนิยามก็แย่แล้ว ก็ต้องลดลงเถิด จึงลดลงๆๆ จิตที่พอรู้ตัวจะควบคุมความเกิดที่มันรู้ตัว โอกกันติ เป็นตัวกลางของความเกิด ชาติ สัญชาติ โอกกันติ นิพพัตติ อภินิพพัตติ

ที่มา ที่ไป

พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44  วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 19:47:05 )

โอกกันติเป็นการเกิดในปัจจุบันธรรม แล้วสั่งสมเป็นเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

รายละเอียด

ส่วน โอกกันติ เป็นการเกิดในปัจจุบันธรรม มีอะไรเกิดมีอะไรสั่งสมลงในจิตเจตสิก สัญญา สังขาร วิญญาณ ของเรา เราก็ต้องเรียนรู้อันนี้แหละที่สำคัญ 

ที่มา ที่ไป

พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 4-5-10 วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2565 ( 14:19:52 )

โอกันติที่เป็นโลกุตระ

รายละเอียด

คือ  โลกุตระก็แยกกิเลสออกมา ทำลายได้ กิเลสคือ จิต  เหตุที่มันก่อจะเกิดกระทบกับเราแล้วเกิดกิเลส ไม่มีฤทธิ์ จิตของเราแข้งแรงง ควบคุมสิ่งเหล่านั้นได้ จิตเป็นจิตที่สูง เป็นจิตที่เหนือมัน  อุตระ มันทำอะไรเราไม่ได้เลย อย่าง   นิจจัง(เที่ยงแท้) ธุวัง  (ถาวร) สัสตัง (ยืนนาน  อวิปริฌามธัมมัง(ไม่แปรเปลี่ยน)  อสสังหิรัง (ไม่มีอะไรหักล้างได้)  อสังกุปปัง (ไม่กลับกำเริบ

ที่มา ที่ไป

รายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 81 วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562


เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 13:38:12 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:35:49 )

เวลาบันทึก 24 สิงหาคม 2563 ( 03:23:52 )

โอกาสที่จะแสดงความจริงว่าอาหารเป็นที่ 1 ของโลก

รายละเอียด

เราไม่รวยแล้วแต่เราก็อุดมสมบูรณ์ เรามีความอุดมสมบูรณ์ในสิ่งที่ควรสมบูรณ์แล้วเราก็เร่งรัดพัฒนาให้คนพากันมาสมบูรณ์อย่างนี้ ให้พากันสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหาร อันนี้ก็ขอย้ำตรงนี้เลยว่า อาตมามุ่งมั่น อยากให้พวกเราเข้าใจอันนี้จริงๆ แล้วอยากให้พวกเราชัดเจนแล้วลงมือช่วยกันจริงๆ ถ้าพวกเรานี้มีพลังงานสัมประสิทธิ์ เคลื่อนขึ้นมา ขณะนี้ที่นั่งกันทั้งหมดมีพลังงานสัมประสิทธิ์ในทางกสิกรรมเท่าไหร่ ถ้าหากมีสัมประสิทธิ์ในทางกสิกรรมเพิ่มขึ้นในแต่ละคน 2 x 2 รับรอง แผ่นดินราชธานีอโศกนี้ เป็นไงๆ จะเต็มโต๊ะนี่ยิ่งกว่านี้ ใช่ไหม ไม่ได้พูดเล่นนะ อยากให้เพิ่ม เพราะตอนนี้เป็นโอกาสที่จะแสดงความจริงต่อโลก ว่าคุณจะมีทองคำ คุณจะมีเพชรนิลจินดา คุณจะมีน้ำมัน คุณจะมีอาวุธฆ่าคน คุณจะมีเครื่องเทคโนโลยีอันวิเศษเท่าไหร่ อันนี้แหละมันเป็นที่ 1 ของโลก อาหารกินเข้าไปในท้องเลี้ยงชีวิตนี่แหละที่ 1 ของโลก ไอ้พวกนั้นอย่างไรก็เป็นรอง 

ที่มา ที่ไป

รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563


เวลาบันทึก 07 กันยายน 2563 ( 09:54:49 )

โอกาสพูดคุยปรับความรู้ จึงยิ่งไม่มี!

รายละเอียด

ซึ่งขั้นนี้ก็คือ“ความรู้”หรือ“ทิฏฐิ”ของทั้ง 2 ยังไม่ทันที่จะได้เปรียบเทียบกันดูหรอก นี่มันแค่แลเห็นกันด้วย“กล้องส่องทางไกล”ชั้นหนึ่งของโลกเชียวนะ! 

เพียงมองกันแค่นั้น ก็ต่างกระดอนออกจากกันกระเด็นไปไกลเสียแล้ว

ยังไม่ต้องถึงขั้น“พูด”กันหรอก เพราะยังไงมันก็ไม่เข้าถึง“หู”เป็นแน่ มันยังอยู่กันไกลเหลือเกิน 

เพราะฉะนั้นไอ้ที่จะถึงขั้นจับ“ตัวตน”มาเทียบมาวัดกันนั้น มันยังเป็นไปไม่ได้

จนกว่าจะเข้าใกล้กันจริงๆ และสามารถเข้ามาชิดกัน ถึงขั้น“สัมผัส(ผัสสะ)”กันได้ แล้วเกิด“เวทนา(ความรู้สึก)”รู้จักรู้แจ้งรู้จริงกันและกันชนิดมี“โผฏฐัพพะ(ผิวหนังภายนอกกระทบกัน)” จนกระทั่งสามารถเข้าสู่กันและกันได้ เหมือนไฟฟ้ามี“สื่อ(medium)”แตะสัมผัสกันแล้ว โน่นแหละ

แต่นี่มันยังไกลกันแสนไกล ที่ไกลเกินกว่าจะเป็นเวลากล่าวถึง

หนังสืออ้างอิง

หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 477 หน้า 354


เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2564 ( 09:11:54 )

โอคธา

รายละเอียด

1. ที่หยั่งลง , หยั่งลงในใจ

2. ถึงที่สุด

หนังสืออ้างอิง

ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 64, 78 , คนจะมีธรรมะได้อย่างไร / เราคิดอะไร ฉบับ287หน้า 43


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:50:17 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:48:54 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:57:47 )

โอฆติณฺณ

รายละเอียด

เป็นผู้ข้ามโอฆสงสารได้แล้ว ก็คือผู้ถึงฝั่งนิพพานแล้ว

หนังสืออ้างอิง

สมาธิพุทธ หน้า 259


เวลาบันทึก 14 กรกฎาคม 2562 ( 07:48:58 )

เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2563 ( 13:50:19 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:58:07 )

โอฆทา

รายละเอียด

ใครว่าอโศกไปไม่รอดหรอก คำนี้ ท้าทาย ซึ่งศาสนาพุทธถ้าปฏิบัติได้คุณธรรมแล้ว หยั่งลงเป็นโอฆทาแล้ว จะมี

1.นิจจัง (นิพพานเที่ยงแท้แล้วไม่เปลี่ยนแปลง) .

2.ธุวัง (ถาวรคงที่ ไม่มีเสื่อมอีก) .  .

3.สัสสตัง (ยั่งยืนตลอดกาล ไม่กลับกลอก)

4.อวิปริณามธัมมันติ (ไม่แปรปรวนเป็นอื่นอีก)

5.อสังหิรัง (ไม่มีอะไรๆ จะมาเอากลับคืนไปได้)ุ6.อสังกุปปัง (ไม่กลับฟื้นกำเริบอีก)

7.นัตถิ อุปมา กวจิ  (ไม่มีอุปมาในที่ไหนๆ)     

ซึ่งโลกโลกุตระนั้นไม่สามารถมีโลกียะใดมาเปรียบเทียบได้ จึงเรียกอีกภาษาว่าหลุดพ้น จากความวนเวียนอย่างสุข-ทุกข์ แต่เราหลุดเราทิ้งได้ เมื่อได้แล้วจึงเป็น นิจจัง ทุวัง สัสตัง อวิปริณามธัมมังอสังหิรัง อสังกุปปัง และเป็นนัตถิอุปมา

ที่มา ที่ไป

 560423


เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 07:15:03 )

เวลาบันทึก 25 กรกฎาคม 2563 ( 14:37:03 )

เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2563 ( 20:58:45 )

statistics

ติดต่อสอบถาม

Facebook : test

Youtube : Name

Twitter : Name

Line : Name

Telegram : Name

Wechat : Name

Skype : Name

Copyright © 2018 Borvornsocial.net all right are reserved. developer สงวนลิขสิทธิ์