คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2561
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 19:13:05 )
รายละเอียด
อาตมาคงไม่เก่งไปถึงขั้นอธิบายบาปอย่างไรของการไปเอื้ออวยสายเอนเตอร์เทน ตามที่ประเด็นคุณตั้งมา เป็นอิตถีภาวะ
อิตถีภาวะคือผู้ช่วยปุริสภาวะ อิตถีภาวะไม่ใช่เอก ปุริสภาวะคือเอกบุรุษคือผู้นำ อิตถีภาวะคือผู้ช่วย และการช่วยจนสุดท้ายก็กลายเป็นนางบำเรอของปุริสภาวะ อธิบายธรรมะภาษาอาจจะดูน่าเกลียด เป็นผู้ช่วยอีกทีไม่ใช่เป็นเอก เอก ต้องเป็นตัวปุริสสภาวะ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาไหน ศาสนาคริสต์ก็บอกว่าอดัมเป็นเอก อีฟหรืออีวา ผู้หญิง เกิดจากซี่โครงซี่ที่ 7 ของอดัม ตามประวัติตำนาน เคยมีชาวคริสต์มาพูดถึงความเสมอภาคว่า ทำไมท่านกดขี่ผู้หญิง ซึ่งเราก็เห็นใจสงสารอยู่ แต่จะไปพูดผิดสัจจะ เพราะผู้หญิงต้องมีความด้อยกว่าผู้ชาย จะไปเป็นใหญ่กว่าผู้ชายไม่ได้ เขาก็บอกพูดแบบนี้ไม่เสมอภาคกันนี่หว่า เขาก็เถียงเรื่องความเสมอภาค เขาก็นับถือศาสนาเทวนิยม เราก็ว่า ศาสนาเทวนิยมเขามีตำนานว่า ผู้หญิงเป็นส่วนหนึ่งของผู้ชายใช่ไหม ไม่ใช่ว่าพระเจ้าเสกจากสิ่งที่เท่าเทียมกัน แต่ผู้หญิงถูกเสกจากซี่โครงของอดัม เขาก็รับว่าตรงกับตำนาน เราก็บอกว่าเขาก็นับถือตามตำนานศาสนาคุณ หากว่าไม่มีศาสนาก็ไม่พูดต่อแล้ว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มนุษย์ที่ยังมีทุกข์มีสุขอยู่ก็คือโง่กว่าพืช วันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 มิถุนายน 2564 ( 20:09:49 )
รายละเอียด
อยู่ในรูปรอยเท่าที่เข้าใจได้ เห็นเป็นเรื่องสืบเนื่องติดต่อและขยายกัน อ้างอิงกันยิ่งขึ้น
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 2 หน้า 157
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 20:58:04 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:07:43 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:48:46 )
รายละเอียด
1. ปรุงอย่างเก่ง ปรุงอย่างเจริญ ปรุงอย่างทำความรุ่งเรืองยิ่ง ๆ
2. เก่งยิ่ง สามารถยิ่ง ๆ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 215 , ทางเอก ภาค 3 หน้า 71
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 20:56:37 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:08:49 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:51:13 )
รายละเอียด
สังขารที่มีฤทธิ์ คือ อิทธาภิสังขาร
คือผู้ที่ทำได้จริงรู้ได้จริง คือ อิทธิบาทกับการสังขาร เรียกโดยภาษาว่า
ฉันทาธิบาท
วิริยาธิบาท
จิตตาธิบาท
และวิมัสสาธิบาท
โดยสั่งสมเป็น
ฉันทสมาธิปธานสังขาร
วิริยาสมาธิปธานสังขาร
จิตตสมาธิปธานสังขาร
และวิมัสสมาธิปธานสังขาร
เป็นสังขาร 4
ที่มา ที่ไป
เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:51:12 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:40:32 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:50:48 )
รายละเอียด
1. ความเก่ง
2. มีฤทธิ์ มีอำนาจ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 71 , คนคืออะไร? หน้า 270
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 20:54:54 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:10:00 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:49:10 )
รายละเอียด
อิทธิบาท 4 (คุณที่เป็นบาททะยานยัน ไปสู่ความสำเร็จในธรรม) คือ ธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสำเร็จ มีประสิทธิภาพ มีอิทธิพล มีความร่าเริงยินดีในการงาน เจริญไปด้วยความขยันขันแข็ง กระตือรือร้นพากเพียร
1. ฉันทสมาธิ (จิตตั้งมั่นในความพอใจ, พอใจรักใคร่ในธรรม ในเป้าหมาย)
2. วิริยสมาธิ (จิตตั้งม้่นในความเพียร, พากเพียรลดละกิเลส เพียรเอาชนะกิเลส)
3. จิตตสมาธิ (จิตตั้งมั่นในความมีใจโถมไปให้เต็ม, เอาใจทุ่มเทโถมเข้าใส่ ฝักใฝ่ไม่ท้อถอย)
4. วิมังสาสมาธิ (จิตตั้งมั่นในการพิจารณาทบทวน, หมั่นตริตรองพิจารณาทบทวนธรรมเสมอๆ)
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 10 "ชนวสภสูตร" ข้อ 200 , พระไตรปิฎก เล่ม 35 ข้อ 505, ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก, คนคืออะไร? หน้า 281, 353
เวลาบันทึก 20 มิถุนายน 2562 ( 13:17:27 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:10:58 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:49:50 )
รายละเอียด
อาตมาก็จะอยู่อีกกี่ปีๆ เท่าที่สังขารร่างกายอยู่ได้ แต่มันเมื่อยเหมือนกัน แต่ก็มีจิตฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา เป็นอิทธิบาทมันมี มันเมื่อยก็พักมันไม่เมื่อยก็เพียร ไม่เมื่อยเท่าไหร่เขาก็ยังบังคับให้พักเลย ฝืนบ้างแต่ก็ไม่ฝืนมาก เขาหวังดีก็เอาที่กุศลเจตนา พักมากๆจะเป็นง่อยเอาก็รับผิดชอบนะ จะว่าไม่บอกไม่เตือน อ้าว!..เป็นได้นะ มันไม่สมดุล
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานพุทธาภิเษก วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2563 ( 16:09:16 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:41:24 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:50:22 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการโสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 16:35:24 )
รายละเอียด
คือธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความสําเร็จ
1. ฉันทสมาธิ (จิตตั้งมั่นในความพอใจ)
2. วิริยสมาธิ จิตตั้งมั่นในความเพียร)
3. จิตตสมาธิ (จิตตั้งมั่นในความมีใจโถมไปให้เต็ม)
4. วิมังสาสมาธิ (จิตตั้งมั่นในการพิจารณาทบทวน)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 10 “ชนวสภสูตร” ข้อ 200
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 18:30:18 )
รายละเอียด
แสดงฤทธิ์ได้เป็นอัศจรรย์ เช่น ล่องหน ดำดิน เหาะได้ เป็นต้น
หนังสืออ้างอิง
อีคิวโลกุตระ หน้า 28 , 29
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 20:52:32 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:11:07 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:51:39 )
รายละเอียด
อิทธิปาฏิหาริย์คือ การแสดงด้วยรูปธรรม การแสดงเด่นๆ การแสดงความเก่งพิลึก เหาะเหินเดินน้ำดำดิน แทงไม่เข้ายิงไม่ออก ประหลาด แปลก คนทำไม่ได้ง่ายๆ เลย อันนั้นเป็นรูปธรรมเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนถือศีล 5 ได้ถือเป็นความมหัศจรรย์อย่างยิ่ง วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 มกราคม 2565 ( 14:02:37 )
รายละเอียด
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าพวกนี้มันไม่แน่นอนไม่เที่ยงหรอก ได้ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่มีอะไรดี มีแต่หลงใหลกันว่าเก่ง ว่ายอดว่าวิเศษวิเสโสไป จะไปทางอิทธิปาฏิหาริย์ หรืออาเทสนาปาฏิหาริย์ เดินน้ำดำดินอยู่ยงคงกระพัน ถ้าหากทางนามธรรมเรียกว่าอาเทสนาปาฏิหาริย์ ระลึกได้ ของหายก็ทายได้ หยั่งรู้ฟ้าดิน เรียกว่า อาเทสนาปาฏิหาริย์ ก็พอเป็นไปได้
อาตมาไม่ได้เล่นนานหรอก เล่นไสยศาสตร์ตอนเป็นฆราวาสอยู่ 8 ปี ก็ยืนยัน อาตมากลางวันไปเล่นกับพวกวิทยาศาสตร์สะกดจิต กลางคืนไปทางไสยศาสตร์
กลางวันอยู่ที่วัดมะเกลือ หมอเชียร หมอจรูญ หมอประพันธ์ อาตมาก็ไปคลุกคลีกับเขาอันนี้ทางวิทยาศาสตร์ แม้แต่เรื่องการระลึกชาติ เขาก็ตามศึกษา บางคนระลึกไปไกลเลย วิญญาณโน่นนี่ต่างๆนานา อาตมาก็เป็นอาจารย์ จริงๆแล้ว ที่อาตมาเอามาพูดมายืนยันอธิบายต่างๆนี้
แม้แต่นั่งหลับตาสะกดจิต เป็นสมถะ อาตมาก็ไม่ได้หมายความว่าอาตมาไม่รู้จัก อาตมาก็ทำมาหนัก รู้จัก อย่างสายหลับตา เขาจะมีอะไรเหล่านี้ อาตมาก็ไม่ได้ด้อยกว่าเขา มีฤทธิ์มีเดชก็มีจริงๆ
สายวิทยาศาสตร์แถมอีก อาตมาก็ได้ ศึกษาฝึกฝนไปด้วย ไม่ใช่ว่าไม่รู้ พูดอะไรไปแล้วไม่เคยรู้เรื่องรู้ราวเหมือนหมาเห็นองุ่นเปรี้ยว ไม่ใช่อย่างนั้นอาตมาเป็น อาตมาทำได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเปิดตาพญานาคลงสู่การเมืองไทย วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2565 ( 19:34:35 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 17:33:06 )
เวลาบันทึก 03 สิงหาคม 2563 ( 08:02:43 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:41:30 )
รายละเอียด
อิทธิปาฏิหาริย์เป็นการแสดงปาฏิหาริย์ที่เป็นความเก่งวิเศษที่มันเห็นเป็นรูปธรรมเลย เหาะได้เดินน้ำดำดินได้ อย่างนี้เป็นต้น เสกคนหนึ่งคนให้เป็นพันคนปุ๊บ อะไรอย่างนี้ ซึ่งเป็นความเก่งพิเศษในระดับสัมผัสได้ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นความเก่งพิเศษ ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงๆแล้วซับซ้อน
มันไม่จริงหรอก มันเป็นอุปาทานที่ไปใช้ให้จิตของคนเป็นเช่นนั้นไปได้ชั่วคราว แต่ความจริงมันไม่ถาวรและไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ สรุปไว้ตรงนี้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ เก่งให้ตายอย่างไรก็เป็นเรื่องไม่ควรจะทำ นี่เป็นเรื่องของทางรูปธรรม ที่สัมผัสเป็นแท่งเป็นก้อนเป็นรูปเป็นร่างเป็นอภินิหาร อย่างนี้
ส่วนอาเทศนาปาฏิหาริย์ คือปาฏิหาริย์เฉพาะทางจิตในจิต หยั่งรู้ใจคนอื่น ใช้จิตท่องโลก ไปหาของหาย ทำนายทายทักอะไรต่ออะไร อย่างเอาจิตไปใช้ ทะลุทะลวงอะไรได้ มันก็มีได้ เป็นปาฏิหาริย์อีกอย่างหนึ่ง
อิทธิปาฏิหาริย์ก็มีจริงได้ อาเทสนาปาฏิหาริย์ก็มีจริงได้ แต่พระพุทธเจ้าไม่ส่งเสริม ไม่ส่งเสริมแถมปรับอาบัติด้วย ผู้ใดทำอาบัติทุกกฎ อาบัติทุกกฎก็คือที่ตั้งตั้งไว้แล้วที่บอกไว้แล้วอย่าทำ ห้ามทำเป็นกฎ เป็นกฎเกณฑ์อย่าไปทำ
ถ้าไม่มีจริงก็ปาราชิก ก็ไปหลอกคนหรือเป็นเรื่องไม่ดีเป็นปาราชิก แต่ถ้ามีจริงก็ไม่ตี หรือท่านห้ามไว้นี่คือถูกกฏ ที่จริงก็คืออย่าไปทำ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จบกิจทั้ง 4 อย่างมีปาฏิหาริย์ของพุทธ วันศุกร์ที่ 22 ธันวาคม 2566 ขึ้น 10 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 มกราคม 2567 ( 22:17:03 )
รายละเอียด
ความมหัศจรรย์นี้ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ภาษาบาลีท่านเรียกว่า ปาฏิหาริย์ คือความเป็นไปได้อย่างเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาเขาจะเป็นได้ เช่น คนเหาะได้ ดำดินได้ เดินบนน้ำได้ เรียกว่าอิทธิปาฏิหาริย์ มีฤทธิ์มาก แสดงได้อย่างเป็นรูปธรรม เห็นอย่างโต้งๆเลย เดี๋ยวนี้ก็มี อย่าว่าแต่คนเดินได้เลย เอาเหล็กแท่งเป็นร้อยตันเหาะขึ้นไปข้างบนอากาศได้ ยิ่งใหญ่กว่ายุคพระพุทธเจ้าอีก เอาแท่งเหล็ก รู้จักไหมเด็กๆ เครื่องบิน เหาะขึ้นไปบนฟ้าได้ หนักตั้งเป็น 100 ตัน เก่งจริงๆเลยคนยุคนี้ ทำอิทธิปาฏิหาริย์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 25 ปาฏิหาริย์ของคนจนมหัศจรรย์ วันจันทร์ที่ 24 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 26 พฤษภาคม 2565 ( 18:06:33 )
รายละเอียด
คนทรง ก็คือตัวเขาเองนั่นแหละ คนทรง จะเอามาพูดอะไรต่ออะไร ด้วยตัวเขาเอง คนที่เป็นคนทรงแบบอวิชชา เขาก็จะเข้าใจผิดว่าไม่ใช่เขาหรอก มีวิญญาณอะไรอื่นเข้ามาทรงในตัวเขา แล้ววิญญาณนั้นก็เก่งสามารถดูอะไรละเอียดลึกลับได้อย่างที่คนธรรมดาไม่รู้ หรือวิญญาณนั้นจะเก่งถึงขนาด เป็นคนธรรมดาที่ตัวเขาเป็นคนธรรมดาชีวิตธรรมดา เขาก็ทำไม่ได้เหมือนตอนที่เขาเข้าทรง จะเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์อะไรก็แล้วแต่หลายอย่าง พอเข้าทรงแล้วทำอะไรต่ออะไรได้พิเศษขึ้นมา เขาก็นึกว่ามีวิญญาณของผู้ที่เก่งๆเข้ามาในร่างเขา ใช้ร่างเขาแสดงความเก่งที่เป็นความรู้ทั้งอิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ แล้วเขาก็แสดงเต็มไปหมดเลย อย่าว่าแต่ประเทศไทยเลย ประเทศอื่นไหนก็มีทั่วไป
ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีวิญญาณใดเข้าทรงเขา เป็นความสามารถของเขาเท่าที่เขามี แต่เขาเอาออกมาใช้เป็นสามัญไม่ได้ เขาก็ต้องเพ่งเข้าไป Concentrate เข้าไปหาตัวหนึ่งเข้าไป เป็นสมาธิหนึ่งเดียวในจิตของตนเอง แล้วก็ใช้พลังงานที่เข้าไปรวมจิตให้เต็มที่ แสดงออกทางที่เขาสามารถจะใช้พลังจิตเต็มๆที่นั้น ให้เป็นฤทธิ์ทางอิทธิฤทธิ์หรือทางอาเทสนาปาฏิหาริย์ เขาก็แสดงได้เท่าที่เขามีของเขาแต่ละคน แต่เขาไม่รู้ตัว
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:38:49 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 28 มีนาคม 2563 ( 16:34:21 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 11:08:47 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 17:03:42 )
รายละเอียด
อิทธิปาฏิหาริย์และอาเทสนาปาฏิหาริย์ คือ เป็นเรื่องของอุปาทาน การเดินลุยไฟ เดินบนดาบ เรื่องอุปาทานมันเป็นได้เท่าที่ผู้ใดสามารถรวมพลังจิตได้ในขณะรวมนั้นเสร็จแล้วก็สลาย มันได้ชั่วคราวและไม่ได้ทุกครั้ง ไม่ถาวรเที่ยงแท้ ยาก ไม่เป็นผลการตัดกิเลส มีแต่หลงตัว หลงตน พระพุทธเจ้าท่านเบื่อหน่ายระอา พระองค์ทรงเห็นโทษภับจึงอึดอัด (อัฏฏิยามิ) ระอา(หรายามิ) เกลียดจัง (ชิคุจฉามิ) ในอิทธิปาฏิหาริย์ และอาเทสนาปาฏิหาริย์ มันจะเป็นได้บ้าง แต่มันไม่จริงแท้มันหลอกตัวเองได้
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการสำมะปี๋ซี่วิต
เวลาบันทึก 27 กันยายน 2562 ( 17:07:27 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:42:02 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 26 กมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2563 ( 10:22:15 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:43:49 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:43:20 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 24 มีนาคม 2563 ( 14:04:58 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 11:09:42 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:44:31 )
รายละเอียด
สรุปแล้วพวกเราชาวอโศกนี้ หลุดพ้นมาจากอำนาจบ้าๆบอๆเหล่านั้น มาได้แล้ว และมันก็มีอิทธิพล อย่านึกว่าชาวอโศกไม่มีอิทธิพล แต่ไม่ใช่อิทธิพลของชาวอโศก เป็นอิทธิพลของธรรมะพระพุทธเจ้า เป็นอิทธิพลของธรรมะพระพุทธเจ้าซ้อนอยู่เห็นไหม ชาวอโศกนี้ดูมีอิทธิพล แต่ไม่ใช่อิทธิพลของชาวอโศก แต่เป็นจากความรู้ของพระพุทธเจ้าที่เรามาปฏิบัติ เกิดพฤติกรรม เกิดจิตวิญญาณ เกิดพลังงานนั้นออกไปเป็นกระแส เป็นรังสีออกไป ตั้งแต่รูปหยาบจนถึงนามธรรม ถึงรัศมีแสงสีอะไรออกไป ซึ่งมันไม่มีรูปร่าง จนกระทั่งเป็นนามธรรม มันไม่มีรูปร่าง ที่ใช้ศัพท์ว่าแสงสีหรือรังสีอะไรพวกนี้ พูดศัพท์ทางวิชาการว่าเป็น กัมมันตภาพรังสี
กัมมะ อันตะ ภาวะของกัมมะ อันตะ เป็นกัมมันตภาพ รังสีของกัมมันตภาพรังสี มันมีพลังงานออกไป แล้วพลังงานเหล่านี้มันมีฤทธิ์ป้องกันค้ำยันบุคคลเข้าสู่กระแส ถูกรังสีก็ทนไม่ได้ กัมมันตภาพรังสีของปรมาณูเข้ามาใกล้มันได้ที่ไหนเล่า เห็นไหม นึกถึงรูปธรรม นามธรรมก็นัยยะเดียวกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงาน ปฏิญาณศีล 8 งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 47 วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม 2566 ที่บวรปฐมอโศก
เวลาบันทึก 15 เมษายน 2566 ( 16:52:36 )
รายละเอียด
เหมือนอย่างศาสดา ศาสดาก็มีของตัวเองเต็มที่ แต่ไม่รู้ว่าตัวเองได้สั่งสมกรรมวิบากมา สามารถมีความรู้ สามารถมีความจริงเท่าไหร่ หรือจะแสดงเหาะเหินเดินน้ำดำดินได้เท่าไหร่ อย่างเช่นพระเจ้าหลายองค์ก็เก่งอย่างโน้นอย่างนี้ บางองค์ก็มีฤทธิ์ อย่างที่เราได้ยินฤทธิ์เดชของพระเยซู ฤทธิ์เดชของพระโมหะมัต หรือทางศาสนาฮินดูในเรื่องรามเกียรติ์มีเยอะแยะเลยสารพัด
เพราะฉะนั้นที่เป็นจริงได้ก็มี ที่เป็นจริงไปไม่ได้ก็มี มีพลังงานพิเศษที่เป็นจริงได้ เรียกว่าเรื่องที่มันควบคุมไม่ได้เอามาใช้ประโยชน์ไม่ได้มีแต่อวดเก่ง มีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดช เก่งหยั่งรู้ใจคนทำนายทายทักในสิ่งที่ลึกลับอะไรต่ออะไรได้เก่ง อาเทสนาปาฏิหาริย์อิทธิปาฏิหาริย์ ถูกก็ได้ไม่ถูกก็ได้ แต่ไม่มีทางพ้นทุกข์ ประเด็นสำคัญ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 26 ทำปาฏิหาริย์ให้ชีวิตมีค่า สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 20:44:59 )
รายละเอียด
วิชชาข้อที่ 3 คืออิทธิวิทญาณ ก็คือมีวิธีมากขึ้น จากมโนมยิทธิ ฤทธิข้อนี้ก็ได้อย่างหนึ่งอีกข้อหนึ่งสองสามอย่างมากขึ้น วิธะ แปลว่าหลากหลาย diversity หรือ วาไรตี้ มีมากขึ้น มีมุมเหลี่ยมในการฆ่ากิเลสได้เยอะขึ้น อิทธิวิทญาณ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 09 กุมภาพันธ์ 2566 ( 14:13:10 )
รายละเอียด
เกิดเป็นปาฏิหาริย์ หมายถึงอนุสาสนีปาฏิหาริย์ มีอำนาจฤทธิ์แรง สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรต่ออะไรได้อย่างน่าทึ่ง เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทางกาย วาจา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางใจ
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร?หน้า 272
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 20:51:29 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:12:22 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:52:07 )
รายละเอียด
ท่านไปแปลกันว่าทำคนเดียวให้เป็นหลายคนได้ แต่ที่จริงไม่มีคำว่าคนหรอก ที่จริงคือเธอบรรลุ อิทธิวิธีหลายประการ คือคนเดียวก็เป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ (เอโกปิ หุตฺวา พหุธาโหติ พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ) คือทำคนให้มีกิเลสหมดไปได้เหมือนกันได้นั่นเอง ทุกคนก็เป็นเหมือนคนเดียวกันคือคนไม่มีกิเลสได้ ทำให้ปรากฏก็ได้ทำให้หายก็ได้ ไม่ได้เป็นเหมือนการเล่นกลหรอก แต่เป็นการทำให้กิเลสหายวับไปได้เลย หรือปรุงให้เขา เหมือนคนมีกิเลสเหมือนแม่ครัวปรุงอร่อยให้คนอื่นกินแต่แม่ครัวไม่ได้ติดอร่อย เหมือนแม่เล่นหม้อข้าวหม้อแกงกับลูกทำเล่นไปสนุกไปเท่านั้น อนุโลมให้ลูกเท่านั้น ที่จริงยืนบนฐานไม่มีแล้ว ทะลุฝ่ากำแพงภูเขาไปได้ ไม่ติดขัดเหมือนไปในที่ว่างก็ได้ ( สู่แดนธรรมว่า ….เหมือนไปเที่ยวห้างแล้วไม่ติดขัดเดินฝ่าภูเขาออกไปได้) สิ่งเหล่านี้เหมือนกองกิเลสหนามากในโลกแต่เราเดินผ่านไปได้สบาย แต่คนที่ติดเขาเดินผ่านไม่ได้ แต่เราเดินผ่านได้เหมือนเดินในที่ว่าง
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 22 ธันวาคม 2562 ( 15:17:50 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:45:46 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:44:04 )
รายละเอียด
ท่านไปแปลกันว่าทำคนเดียวให้เป็นหลายคนได้ แต่ที่จริงไม่มีคำว่าคนหรอก ที่จริง คือ เธอบรรลุอิทธิวิธีหลายประการ คือ… คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ (เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ) คือทำคนให้มีกิเลสหมดไปได้เหมือนกันได้นั่นเอง ทุกคนก็เป็นเหมือนคนเดียวกันคือคนไม่มีกิเลสได้ ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายก็ได้ ไม่ได้เป็นเหมือนการเล่นกลหรอก แต่เป็นการทำให้กิเลสหายวับไปได้เลย หรือปรุงให้เขาเหมือนมีกิเลส เหมือนแม่ครัวปรุงอร่อยให้คนอื่นกินแต่แม่ครัวไม่ได้ติดอร่อย เหมือนแม่เล่นหม้อข้าวหม้อแกงกับลูกทำเล่นเป็นสนุกไปเท่านั้น อนุโลมให้ลูกเท่านั้น ที่จริงยืนบนฐานไม่มีได้แล้ว ทะลุฝากำแพงภูเขาไปได้ ไม่ติดขัดเหมือนไปในที่ว่างก็ได้ (สู่แดนธรรมว่า เหมือนไปเที่ยวห้างแล้วไม่ติดขัด เดินฝ่าภูเขาออกไปได้) สิ่งเหล่านี้เหมือนกองกิเลสหนามากในโลกแต่เราเดินผ่านไปได้สบาย แต่คนที่ติดเขาเดินผ่านไม่ได้ แต่เราเดินผ่านได้เหมือนเดินในที่ว่าง
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 14:07:00 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:47:22 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:52:46 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 11:16:31 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:47:33 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:52:42 )
รายละเอียด
วิธ แปลว่าหลากหลาย วาไรตี้หรือไดเวอร์ซิตี้ มีต่างๆ นานาหลากหลาย วิธะหรือพิธะ
อิทธิ วิธะ คำว่าอิทธิ คือเก่ง แต่เก่งมีสองนัย ทางโลกีย์เหาะได้ บินได้ เดินบนน้ำได้ก็เรียกว่าเก่งทางโลกีย์ แต่ถ้าเก่งมากขึ้นอีกลดกิเลสได้เป็นมโนมยิทธิ แล้วเก่งได้มีความหลากหลายมากมายมากขึ้น เรียกวาอิทธิวิธญาณ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 20:05:40 )
รายละเอียด
อิทธิวิธญาณ ก็ไปเข้าใจว่าเป็นอิทธิวิธีที่เป็นวิธีการปาฏิหารย์ของฤาษีมานิกา ฤาษีคันทารี อนึ่งเก่งทางอิทธิปาฏิหาริย์เหินเดินน้ำดำดินอะไรต่างๆ นานาตามพยัญชนะทื่อๆ ที่มีในข้ออิทธิวิธญาณ
“วิธ” แปลว่าหลากหลายวาไรตี้หรือไดเวอร์ซิตี้ มีต่างๆ นานาหลากหลาย “วิธะ” หรือ “พิธะ”
“อิทธิ”, “วิธะ” คำว่า “อิทธิ” คือเก่ง แต่เก่งมีสองนัย เป็นสิริมหามายา ทางโลกีย์ดำลงดินได้เดินบนน้ำได้ก็เรียกว่าเก่งทางโลกีย์ แต่ถ้าเก่งมากขึ้นอีกลดกิเลสได้เป็นมโนมยิทธิ แล้วเก่งได้มีความหลากหลายมากมายมากขึ้น เรียกวา “อิทธิวิธญาณ”
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ดับชาติ 5 ด้วยวิชชา 8 วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:56:09 )
รายละเอียด
ก็ทำอย่างนี้แหละ มโนมยัง ก็ทำให้มากขึ้นเรียกว่า อิทธิวิธ
วิธะ แปลว่าหลากหลายมากมาย Variety หลากหลายมากมายมากขึ้นเรียกว่า อิทธิวิธญาณ ทำอิทธิอย่างมโนมยิทธินี่แหละก็เป็นญาณ 3 อย่างนี้แหละเป็นสุดยอด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 46 จรณะและวิชชาคือพุทธคุณภาคปฏิบัติ วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 พฤษภาคม 2565 ( 19:51:35 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น คนที่มีปัญญามากๆ ก็จึงมีอำนาจเพิ่มขึ้นมีอิทธิวิธญาณ จาก มโนมยิทธิ ก็เป็น อิทธิวิธญาณ หรือหลากหลายวิธี จะว่าหลากหลายวาไรตี้ ไดเวอร์ซิตี้ มันหลากหลายเยอะขึ้นเรียกว่า อิทธิวิธญาณ ญาณที่มีมโนมยิทธิมากขึ้นจนละเอียดไปเป็นโสตทิพย์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อาหาราธิปไตย สร้างอายะ 3 ด้วยอาหาราวุธ วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 แรม 12 ค่ำเดือน 3 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2566 ( 10:37:50 )
รายละเอียด
เธอบรรลุอิทธิวิธีหลายประการ คือ...
1. หนึ่งเดียวเป็นหลากหลายก็ได้ หลายหลากเป็นหนึ่งเดียวก็ได้ (เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ)
2. ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายก็ได้
3. ทะลุฝา กำแพง ภูเขาไปได้ ไม่ติดขัดเหมือนไปในที่ว่างก็ได้
4. ผุดขึ้น ดำลงแม้ในแผ่นดินเหมือนในน้ำก็ได้
5. เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้
6. เหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได้
7. ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ซึ่งมีฤทธิ์มีอานุภาพมากด้วยฝ่ามือก็ได้
8. ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2562 ( 14:29:14 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:48:26 )
รายละเอียด
มโนมยิทธิ ซึ่งเป็นความสามารถทางจิต เป็นฤทธิ์ทางจิต ซึ่งไม่ใช่ฤทธิ์แบบที่เขาเข้าใจผิดๆกันเป็นพาซื่อที่บอกว่า เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ ขยายไว้ในอิทธิวิธญาณ (อันเป็นไปในฝ่ายปัญญาวิมุติ) ทำจิตให้สำเร็จ มีฤทธิ์
1.หนึ่งเดียวเป็นหลากหลายก็ได้ หลากหลายเป็นหนึ่งเดียวก็ได้ (เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ) เป็นฤทธิ์อย่างยิ่ง ง่ายๆ ก็คือจิตเป็นหนึ่งเดียวได้คือคุณเก่งแล้ว คุณมีเอกัคคตาแล้ว ทำจิตให้เป็นหนึ่งยิ่งใหญ่ได้ มีอะไรเยอะแยะ สัมผัสโลกทั้งโลก สารพัดที่จะสัมผัสทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ มีทั้งลาภวัตถุ ยศ อำนาจ สรรเสริญ สุขที่หลอกเต็มไปหมด จิตเราก็เป็นเอโก อยู่กับความหลากหลาย แต่จิตใจเราเป็นหนึ่ง เป็นเอกัคคตา จิตเอกัคคตา ไม่ได้ทำง่ายๆ อย่างที่เขาว่ากันหรอก
หลากหลายเป็นหนึ่งเดียวก็ได้ พหุทาปิเอโกโหติ คือ กิเลสตั้งมากมายแต่ทำจิตให้เป็นหนึ่งเดียวถาวรเที่ยงแท้ เอกัคคตา ไม่มีกิเลสอะไรเข้าแทรกได้เลย กิเลสใดๆก็ทำอะไรไม่ได้ นี่คือความหมายคำแปลของ เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ
2. ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายไปก็ได้ ซึ่งพูดตามพยัญชนะภาษาเหมือนนักเล่นกล หายไปแล้ว วับออกมาได้ เหมือนไสยบาบา มีสร้อยทองคำออกมาเลย เขาก็เก่งจริงๆ นะ ไสยบาบาเก่งจริงๆ อาตมาก็จับผิดที่ว่า แกบอกว่ามีนาฬิกา Rolex ก็เลยบอกว่า คนเป็นนักธรรมะชั้นสูงเอานาฬิกา Rolex เข้ามาได้อย่างไร คุณก็ไปควักของเขามาหรือไม่คุณก็ปลอมนาฬิกา Rolex ออกมา ไปปลอมมามันก็ผิดไปขโมยของเขามันก็ผิด อาตมาจับผิดไสบาบา ตรงนี้ ก็ช่างทำ เก่ง พวกนี้เก่งจริงๆ
3. ทะลุฝากำแพงภูเขาไปได้ ไม่ติดขัดเหมือนไปในที่ว่างก็ได้ ก็หมายความว่า กองกิเลสใหญ่เหมือนภูเขา ก็เดินผ่านไปได้เหมือนในที่ว่างได้ ไม่ขัดไม่ติด เหมือนทะลุภูเขา ทะลุกำแพง ทะลุกองกิเลส ทะลุกองโลกียะทางโลกเขา ผ่านเหมือนเดินไปในที่ว่าง
4. ผุดขึ้นดำลงแม้ในแผ่นดินเหมือนในน้ำก็ได้แม่น้ำ หมายความว่า จะผุดขึ้นมาจากแผ่นดิน ก็เหมือนโผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำ เดินอยู่บนแม่น้ำก็เหมือนดำดินอยู่บนดิน ก็หมายความว่าทำได้กลับกันกับคนทั้งโลกเขาทำได้ คนมันเดินบนน้ำไม่ได้หรอก คนมันดำลงไปในดินไม่ได้หรอก ตอนนี้ทำได้กลับกันกับคนทั้งโลกเขาทำ มันเป็นอภินิหารอย่างนั้น
ถ้าไปเข้าใจโดยไม่เข้าใจภาษาธรรม ภาษาคน ก็แปลไปอย่างซื่อๆว่า มีอิทธิฤทธิ์เดช ดำลงไปในดินได้ เหมือนขอมดำดิน
สู่แดนธรรม...อันนี้เป็นภาษาของญาณหรืออธิปัญญาสิกขา
เป็นภาษาของภูมิปัญญา ไม่ใช่ภาษาของคนสามัญ
5. เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้
6. เหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได้ สบายเบา เหมือนมีปีกสองปีกบินไปไหนได้ เบาสบายไม่หนักไม่มีอะไรเป็นภาระ ก็เหมือนคนเหาะได้ ไม่มีอะไรติดขัด ไม่มีอะไรถ่วง นี่คือความหมายของธรรมะ
7. ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ซึ่งมีฤทธิ์มีอานุภาพมากด้วยฝ่ามือก็ได้ หมายความว่าโลกียะจะแรงจะร้อนขนาดไหนเหมือนพระอาทิตย์พระจันทร์ ลูบหัวล้านพระอาทิตย์เล่นได้สบาย ไม่มีฤทธิ์อะไรกับเราเลย
8. ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ อำนาจทางกายเอาไปหมด ทั้งรูปทั้งนาม เป็นรูปนามที่สะอาดบริสุทธิ์ทั้งหมด มีฤทธิ์มีอำนาจสะอาดทั้งหมด เป็นฤทธิ์อำนาจทางโลกุตรธรรมไปตลอดพรหมโลก พรหมโลกคือแดนสะอาดบริสุทธิ์ รูปก็สะอาดนามก็สะอาด เป็นอำนาจทางจิต ทำให้สะอาดถาวรด้วย เรียกว่าพรหมโลก หรือพรหมกาย ใช้เต็มๆ คำว่า อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกคือพรหมกาย พระพุทธเจ้าบอกว่า พรหมกายคือชื่อของเราตถาคต เป็นชื่อของรูปนามที่สะอาดบริสุทธิ์
อาตมาไม่อ่านคำของพระเถระ อาตมาจะอ่านเฉพาะของพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ธรรมบรรยาย คุหัฏฐกสุตตนิทเทส ตอน 4 วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2564 แรม 2 ค่ำเดือน 7 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 กรกฎาคม 2564 ( 12:37:21 )
รายละเอียด
เอาอิทธิวิธญาณหรืออิทธิปาฏิหาริย์ วิธะ แปลว่า หลากหลายวาไรตี้หรือไดเวอร์ซิตี้ มีความรู้ใน อิทธิ หลากหลายที่มีฤทธิ์เดชหลากหลาย เช่น เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ หนึ่งเดียวทำให้เป็นมากมายสำเร็จ หรือมากมายทำให้เป็นอย่างเดียวสำเร็จ แต่ท่านก็แปลว่าคนหนึ่งคนให้เป็นคนหลากหลาย เป็นร้อยเป็นพัน จากคนเป็นร้อยเป็นพันก็เนรมิตให้มาเป็นคนเดียวได้ อันนั้นเป็นเรื่องรูปธรรมของบุคคลตัวตนเราเขา ซึ่งไม่ใช่โลกุตระ ไม่ใช่ปรมัตถ์ แต่อันนี้มันหมายถึงสิ่งที่เป็นอจินไตย เป็นนามธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เมืองไทยเป็นเมืองของพระพุทธเจ้า-โลกุตรธรรมจะช่วยโลกได้ วันศุกร์ที่ 2 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 เมษายน 2564 ( 20:02:48 )
รายละเอียด
1. มีวิธีในการทำให้เกิดความเก่ง เจริญขึ้น
2. การฝึกรู้วิธีให้เก่ง หัดทำให้ได้ ให้เป็น ให้เข้าใจในวิธีวิถีต่าง ๆ อย่างชัดแท้
3. กำลังละมิจฉาทิฏฐิ
4. ความเก่งเยี่ยมอัศจรรย์หลากหลายแบบตามคำสอนที่พาพ้นทุกข-อาริยสัจได้แท้ ดับกิเลสหลุดพ้นจากโลกียภูมิ บรรลุสู่โลกุตรภูมิได้จริง ความน่าอัศจรรย์ต่าง ๆ นั้นเป็นต้นว่า จากหนึ่งทำให้เกิดขึ้นมากมายก็ได้ราวกับเนรมิต จากสิ่งที่มีอยู่มากมายทำให้ลดลงมาเป็นหนึ่งเดียวก็ได้ หรือกิเลสตั้งมากมายทำให้ลดลงได้จริง ๆ ทำให้เป็นอาริยบุคคลขึ้นมาในตนก็ได้ ทำให้ความเป็นสัตว์นรกหายไปจากตนก็ได้ หรือแม้จะอยู่กับกองกิเลสโลกีย์ในสังคมที่หนาเท่าภูเขา แข็งราวกับกำแพง เราก็ทะลุไปมาได้ไม่ติดขัด เหมือนเดินอยู่ในที่ว่าง เพราะจิตของเราอยู่เหนือกิเลสเหล่านั้นได้ จิตเราว่างจริง การบรรลุโลกุตระนั้นมันประหลาดมหัศจรรย์ราวกับ...คนดำดินได้ คนเดินบนแผ่นน้ำก็ได้ เมื่อหลุดพ้นมันช่างเบากายเบาใจราวกับเหาะลอยไปได้เหมือนนก หรือกิเลสที่แสนร้ายแรง แสนจะรู้จักมันยากก็สามารถเอาชนะกิเลสได้อย่างมหัศจรรย์ราวกับเราเอื้อมไปจับพระจันทร์ที่แสนไกลได้ ลูบคลำพระอาทิตย์ที่แสนร้อนด้วยฝ่ามือได้ปานฉะนั้น และหรือแม้พรหมโลกอันสูงส่งก็มีอำนาจสามารถไปได้ตลอด
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 3 หน้า 106 ,175 ,176, พุทธเป็นอเทวนิยมอย่างนี้ หน้า 101 - 102
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 20:50:01 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:14:13 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 16:46:49 )
รายละเอียด
เธอบรรลุอิทธิวิธีหลายประการ คือ...
1. คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ (เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหติ)
2. ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายก็ได้
3. ทะลุฝากำแพงภูเขาไปได้ ไม่ติดขัดเหมือนไปในที่ว่างก็ได้
4. ผุดขึ้นดำลงแม้ในแผ่นดินเหมือนในน้ำก็ได้
5.เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้
6. เหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได้
7. ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ซึ่งมีฤทธิ์มีอานุภาพมากด้วยฝ่ามือก็ได้
8. ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้
จะมาสอนคนให้ลดกิเลสได้ เทียบทีละคู่เรียกว่า ธรรมทั้ง 2 เหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) เล่ม 10 ข้อ 60 นี่คือประโยคที่ประโยคทอง เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา เอามาศึกษาเอาเวทนาเป็นตัวฐานปฏิบัติกรรมฐาน ก็เอาจากทีละคู่เรียกว่าเวทนา 2
ทำเวทนา 2 ให้เป็นหนึ่ง เอกสโมสรณาภวันติ ก็จะสำเร็จผล คุณก็จะเก่งในการรู้จักเวทนา เวทนา 108 อาตมาก็สอนอธิบายแล้วก็เอาไปทำกันได้ อย่างนี้เป็นต้น
ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายไปก็ได้ จากหนึ่งเป็นหลาย จากหลายเป็นหนึ่งเดียวก็ได้ นี่คือเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ อย่างเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่อธิบายแบบที่นั่งอยู่ในห้อง เข้ามาแล้วก็เนรมิตกายให้เป็นพันคนอยู่ในห้องเต็มห้องเลย เขาก็อธิบายกันอย่างนั้น คือ เป็นตัวตนบุคคลเราเขา ไม่ได้เป็นนามธรรม ไม่ได้เป็นกิเลสกับไม่ใช่กิเลส มันไม่ใช่ปรมัตถธรรม ได้แต่เป็นเรื่องที่อธิบายกันผิดๆ ผู้ไม่รู้ก็อธิบายผิด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ คนจนสาธารณโภคีที่เหาะได้ทั้งชุมชน วันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 29 มกราคม 2564 ( 16:34:37 )
รายละเอียด
เพิ่งจะพูดไปถึง สักกายทิฏฐิ ทีนี้เน้นเข้ามาหา ธรรมนิยาม 5
สักกะ ตัวเรา กาย มีสภาพ 2 มีนอกมีใน มีสภาพคู่ เป็นเทวะ แปลว่าสอง เทวะเป็นภาษาที่เรียกทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดเลย ตั้งแต่ต้นจนจบก็คือต้องเป็นภาวะ 2 แม้จะพลิกมาเรียกภายนอกภายใน กายนอกกายใน เวทนานอกเวทนาใน เวทนานอกก็คือโยงออกมาจากกาย จิตในจิตนอก จิตก็ต้องโยงมาจากกาย มาจากเวทนา มันมีจิต แล้วคุณก็ทำในลักษณะ ทั้งกายหรือภายนอก ทั้งภายในเข้ามา ในกายแล้วเข้ามาหาเวทนา เวทนาเราก็ไม่ได้เรียกว่าเวทนานอกทีเดียว แต่มันโยงมาจากกาย มันมาจากนอกมันเชื่อมกันอยู่ไม่ได้ขาดจากกัน เรียกภาษาหยาบๆว่า อิทัปจยตาหรือปัจจยาการ มันเนื่องกันมา หรือจะเรียกอย่างละเอียดว่า อายตนะ มันมารวมกันอยู่ใน ตนะ มันรวมกัน 2 ชิ้น แล้วก็ทำเป็นประโยชน์เรียกว่า อายะ ทำให้มันเป็นผล เป็นส่วนที่ได้ เป็นส่วนที่เจริญให้ได้
ถ้าโง่มันก็เข้าใจสิ่งเสื่อมเป็นสิ่งเจริญ ถ้าโง่คุณก็ทำสิ่งเสื่อมให้แก่ตน ถ้าคุณไม่โง่ คุณสัมมาทิฏฐิ คุณก็ทำสิ่งที่เจริญให้แก่ตน ทำอายตนะให้เจริญได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ภาคค่ำ นำปฏิญาณศีล 8 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 45 ราชธานีอโศก วันพุธที่ 5 เมษายน 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2566 ( 06:19:07 )
รายละเอียด
อิทัปปัจจตา คือ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ทุกอย่างเกิดมาแต่เหตุ จากสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งนี้จากสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ เป็นสาย เพราะสิ่งนี้จึงเป็นสิ่งนี้นั่นเอง เป็นสภาวะที่อันนี้เกิดแล้วก็เป็นเหตุปัจจัยต่อเนื่องไปเกิดสิ่งต่อไป
อิทัปปัจจยตาเกิดได้ เมื่อจิตของคุณเริ่มเป็นจิตนิยามขึ้นมาสภาวะเป็นอัตภาพเกิดจิตนิยามขึ้นมาก็จะเป็นกรรมบันทึกอยู่ในอัตภาพ แล้วก็เกิดเป็นสัตว์ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวก็เป็นอวิชชาอย่างไม่รู้จักกรรมวิบาก ไม่รู้จักอาการของกรรมวิบากไม่สามารถที่จะจัดการเรื่องกรรมวิบากของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นสัตว์เดรัจฉานยิ่งเป็นสัตว์เซลล์เดียวหรือสัตว์ที่มีจำนวนเซลล์น้อยๆ มันก็ไม่รู้เรื่องทำไปตามอวิชชาของเขา ที่มีสิ่งแวดล้อมที่มีเจตนามีตัวตนเป็นตัวหลัก เจตนาตัวตนจะเป็นอย่างไรก็ทำไปตามประสาอวิชชา ก็เกิดวิบากสะสมมา จนกลายเป็นวิชามากขึ้นเกิดแล้วเกิดอีกอัตภาพนั้นต่อเนื่องมาจนกระทั่งจนกว่าจะมาพบศาสนาพุทธ
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 18 กันยายน 2562 ( 15:38:11 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:49:40 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 10:36:46 )
รายละเอียด
1. ความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันของสรรพสิ่งในโลก
2. เป็นผลสืบต่อไป
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 102, อีคิวโลกุตระ หน้า 281
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 17:31:57 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:15:20 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:14:07 )
รายละเอียด
ไม่รู้ในปฏิจจสมุปบาทว่าสิ่งทั้งหลายอาศัยกันและกันเกิดขึ้น
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 61, หน้า 85
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 17:31:07 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:16:03 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:15:36 )
รายละเอียด
อิทัปปัจจยตาเกิดได้อย่างไร เกิดเมื่อจิตของคุณเริ่มเป็นจิตนิยามขึ้นมาสภาวะเป็นอัตภาพเกิดจิตนิยามขึ้นมาก็จะเป็นกรรมบันทึกอยู่ในอัตภาพ แล้วก็เกิดเป็นสัตว์ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียวก็เป็นอวิชชาอย่างไม่รู้จักกรรมวิบาก ไม่รู้จักอาการของกรรมวิบากไม่สามารถที่จะจัดการเรื่องกรรมวิบากของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นสัตว์เดรัจฉานยิ่งเป็นสัตว์เซลล์เดียวหรือสัตว์ที่มีจำนวนเซลล์น้อยๆ มันก็ไม่รู้เรื่องทำไปตามอวิชชาของเขา ที่มีสิ่งแวดล้อมที่มีเจตนามีตัวตนเป็นตัวหลัก เจตนาตัวตนจะเป็นอย่างไรก็ทำไปตามประสาอวิชชา ก็เกิดวิบากสะสมมา จนกลายเป็นวิชามากขึ้นเกิดแล้วเกิดอีกอัตภาพนั้นต่อเนื่องมาจนกระทั่งจนกว่าจะมาพบศาสนาพุทธ
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 11:11:01 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:50:39 )
รายละเอียด
คือ ทั้งสามคำมีความหมายเดียวกัน คือ ผู้ใดได้สั่งสมสร้างกรรมมาอย่างไร ก็เป็นไปตามกรรมอย่างนั้นๆ โดยมีกรรมเป็นตัวกำหนด ทุกอย่างมาแต่เหตุแห่งกรรมเพราะเหตุอย่างนี้ จึงเป็นอย่างนี้ เพราะทำเหตุอย่างโน้น จึงเป็นอย่างโน้น เหตุดี ก็เป็นดี เหตุชั่ว ก็เป็นชั่ว เหตุดีบ้างชั่วบ้าง ก็เป็นไปตามจริงอย่างนั้น และเหตุต่างๆ หลายๆอย่างนี้ ก็มีอิทธิพล มีอำนาจ มีฤทธิ์ มีผล แรงบ้าง อ่อนบ้าง ฉะนั้นเราทุกคนต่างก็เป็น เจ้ากรรมนายเวร ของเราเอง เราจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ประเสริฐสุด แม้แต่จะเป็นพระพุทธเจ้า ก็เป็นได้ด้วยกรรม
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 208
เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 12:31:00 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:08:47 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:19:42 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 05 มีนาคม 2563 ( 13:06:24 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 11:11:20 )
รายละเอียด
จงเข้าถึงสิ่งนี้อยู่เถิด
หนังสืออ้างอิง
เปิดโลกเทวดา หน้า 37
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 20:57:20 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:16:40 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:55:11 )
รายละเอียด
1. โลกลูกนี้
2. โลกอื่น คือร่างกายที่ประกอบ ประชุมไปด้วยดิน ฯ
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 158 , 263
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 17:29:52 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:17:42 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:53:25 )
รายละเอียด
ภาวะที่จะปฏิบัติธรรมให้เป็นพระพรหมได้(ร่างกายยาววาหนาคืบกว้างศอก พร้อมสัญญาและใจ หรือวิญญาณอยู่ในร่างกายนี้) นี่แหละคือที่อยู่(วาโส)ของผู้ประพฤติพรหมจรรย์(พรหมจริยา)สำเร็จได้
หนังสืออ้างอิง
ธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 257
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 17:26:43 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:18:29 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:54:52 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2561
เวลาบันทึก 30 ธันวาคม 2563 ( 12:08:19 )
รายละเอียด
1. โลกมนุษย์นี้
2. ภพนี้ , โลกขณะนี้
3. โลกที่คนอยู่นี้
4. โลกที่เรากำลังมีชีวิตเป็น ๆ อยู่นี้
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 412, 413 ,425,จากหนังสือธรรมที่เป็นพุทธ หน้า 170
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 17:24:18 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:20:14 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:54:28 )
รายละเอียด
หยั่งรู้ความหย่อนและยิ่งแห่งอินทรีย์ของความเป็นสัตว์ทั้งหลาย
หนังสืออ้างอิง
เปิดโลกเทวดา หน้า 96
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 16:49:28 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:21:24 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:55:35 )
รายละเอียด
อุ. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ในเรื่องนี้ ท่านปาราสิริยพราหมณ์แสดงการ เจริญอินทรีย์ แก่สาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า อย่าเห็นรูปด้วยจักษุ อย่าได้ยินเสียงด้วยโสต ฯ
พ. ดูกรอุตตระ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่เจริญอินทรีย์แล้วตามคำของปาราสิริยพราหมณ์ ต้องเป็นคนตาบอด ต้องเป็นคนหูหนวก เพราะคนตาบอด ไม่เห็นรูปด้วยจักษุ คนหูหนวก ไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ อุตตรมาณพ ศิษย์ปาราสิริยพราหมณ์ นั่งนิ่งเก้อเขิน คอตกก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณ ฯ
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎก เล่มที่ 14 ข้อ 854 หน้า 408
เวลาบันทึก 02 พฤศจิกายน 2562 ( 04:05:38 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:07:55 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:57:08 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563
เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2563 ( 11:13:43 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
ทำวัตรเช้า วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน 2561
เวลาบันทึก 30 มกราคม 2564 ( 12:48:29 )
รายละเอียด
พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่าไผ่ ในนิคมชื่อกัชชังคลา อุตตรมาณพ ศิษย์พราหมณ์ปาราสิริยะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามดังนี้ว่า อาจารย์ได้แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกหรือเปล่า ฯอุตตรมาณพ ตอบว่า แสดง พระพุทธเจ้าถาม แสดงอย่างใด ด้วยประการใด ฯ อุตตรมาณพ ตอบว่า การแสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า อย่าเห็นรูปด้วยจักษุ อย่าได้ยินเสียงด้วยโสต ฯ พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่เจริญอินทรีย์แล้วตามคำของปาราสิริยพราหมณ์ ต้องเป็นคนตาบอด ต้องเป็นคนหูหนวก เพราะคนตาบอดไม่เห็นรูปด้วยจักษุ คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ อุตตรมาณพ ศิษย์ปาราสิริยพราหมณ์ นั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตกก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณ ฯ
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 25 ธันวาคม 2562 ( 13:34:57 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:55:22 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:59:44 )
รายละเอียด
เอาอินทริยภาวนาสูตร
อินทริยภาวนา แปลว่า ปฏิบัติให้เกิดผล แล้วเป็นการเจริญอินทรีย์เจริญอย่างไร วิธีปฏิบัติพลังกำลังของการจะเกิดพลังทางจิต เจตสิก รูป นิพพาน เกิดพลังไปกำจัดกิเลสจะเจริญอินทรีย์อย่างไร หมายความว่าอินทรีย์คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทางทวารทั้ง 6 จะปฏิบัติอย่างไร ปฏิบัติกับอินทรีย์ทั้ง 6 อย่างไร
ทีนี้ ในเรื่องนี้ท่านว่าไว้ใน อินทริยภาวนาสูตร ล.14
พระไตรปิฎก เล่มที่ 14 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 6
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
10. อินทริยภาวนาสูตร (152)
[853] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่าไผ่ ในนิคมชื่อกัชชังคลา ครั้งนั้นแล อุตตรมาณพ ศิษย์พราหมณ์ปาราสิริยะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วทูลปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[854] พอนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามดังนี้ว่า ดูกรอุตตระ ปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกหรือเปล่า ฯ
อุ. แสดง พระโคดมผู้เจริญ ฯ
พ. ดูกรอุตตระ แสดงอย่างใด ด้วยประการใด ฯ
อุ. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ในเรื่องนี้ ท่านปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า อย่าเห็นรูปด้วยจักษุ อย่าได้ยินเสียงด้วยโสต ฯ
พ. ดูกรอุตตระ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่เจริญอินทรีย์แล้วตามคำของปาราสิริยพราหมณ์ ต้องเป็นคนตาบอด ต้องเป็นคนหูหนวก เพราะคนตาบอดไม่เห็นรูปด้วยจักษุ คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ อุตตรมาณพ ศิษย์ปาราสิริยพราหมณ์ นั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตกก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณฯ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ มรรคมีองค์ 8 ทำให้พ้น
จากอัญญเดียรถีย์ วันศุกร์ที่ 23 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2564 ( 11:18:10 )
รายละเอียด
สรุปอีกทีหนึ่งว่า หลับตา แม้อานาปานสติก็ตาม แม้พวกท่านทั้งหลาย ท่านก็ไม่มีกายแล้ว มันผิดไปสนิทแล้ว อานาปานสติ อ่านดีๆในพระไตรปิฎกฉบับของพระกัสสปะนี้ก็ตาม ก็ยังบอกเลยว่าต้องมีกาย ไม่มีกาย มันผิดแล้ว แล้วกายนั้น ก็เหลือแต่ลมหายใจเข้าออก เท่านี้ มีความรู้สึกกันอยู่เท่านี้ นอกนั้นปิดหมด ตาก็ไม่เห็น หูก็ไม่ได้ยิน ลิ้นก็ไม่ได้รับรสสัมผัสแตะต้องข้างนอก ก็ไม่มีรับรู้สึกอะไร ไปอยู่ข้างในหมด ผิดหมดเลย
เพราะฉะนั้น อันนี้แม้จะอยู่ในพระไตรปิฎก เล่มพระมหากัสสปะ ก็ยังอุตส่าห์เก็บไว้ใน อินทริยภาวนาสูตร
_พระไตรปิฎก เล่มที่ 14 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 6
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
10. อินทริยภาวนาสูตร (152)
[853] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่าไผ่ ในนิคมชื่อกัชชังคลา ครั้งนั้นแล อุตตรมาณพ ศิษย์พราหมณ์ปาราสิริยะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วทูลปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[854] พอนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามดังนี้ว่า ดูกรอุตตระ ปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกหรือเปล่า ฯ
อุ. แสดง พระโคดมผู้เจริญ ฯ
พ. ดูกรอุตตระ แสดงอย่างใด ด้วยประการใด ฯ
อุ. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ในเรื่องนี้ ท่านปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า อย่าเห็นรูปด้วยจักษุ อย่าได้ยินเสียงด้วยโสต ฯ
พ. ดูกรอุตตระ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่เจริญอินทรีย์แล้วตามคำของปาราสิริยพราหมณ์ ต้องเป็นคนตาบอด ต้องเป็นคนหูหนวก เพราะคนตาบอดไม่เห็นรูปด้วยจักษุ คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ อุตตรมาณพ ศิษย์ปาราสิริยพราหมณ์ นั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตกก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณ ฯ
พ่อครูว่า... มันชัดเจนจริงๆ ศาสนาพุทธไม่ได้ให้คนไปปิดหู ปิดตา ปิดการรับรู้ ท่าน มหากัสสปะยังเก็บตกหล่นตรงนี้ได้ มีพระอานนท์ท่านไม่สังกัดทั้งศรัทธาและปัญญา ท่านเก็บหมดทั้งศรัทธาและปัญญา เติมให้ครบ 500 รูปที่ทำการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งแรก ก็เลยเป็นพระไตรปิฎกฉบับที่เป็นเชิงศรัทธาเสียมาก เป็นการบอกใบไม้กำมือเดียว แล้วบอกว่าพระสมณโคดมสอนใบไม้กำมือเดียว ไม่ได้สอนพระโพธิสัตว์ แล้วก็ฝากฝังให้พระโพธิสัตว์ต่างๆมาสืบทอดศาสนาต่อไป แม้อาตมาก็รับฝากฝังไว้ ท่านพอแล้วเมื่อยแล้วปรินิพพานไปก่อนกัปด้วย ท่านยังตรัสไว้บอกว่า ท่านจะอยู่ให้เกินหนึ่งกัปหรืออยู่ให้ถึงกัปก็ได้
ทางศรัทธาหรือทางมหากัสสปะไม่ขัดข้องหรอกในคำพูดว่า เราจะอยู่เกินกว่ากัปหรือถึงกัปก็ได้เขาไม่เกี่ยงหรอกเขาก็ชอบ ไม่มีปัญหาก็บันทึกไว้ แต่เราก็เอามา
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อานาปานสติอย่างพุทธ ไม่มีนัตถิกทิฏฐิ วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 สิงหาคม 2565 ( 19:56:06 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นหลับตาจึงเป็นโมฆะจากศาสนาพุทธเลย พระพุทธเจ้าก็ตรัสยืนยันในพระสูตร อินทริยภาวนาสูตร ยืนยันชัดเจนว่า
พระไตรปิฎก เล่มที่ 14 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 6
มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์
10. อินทริยภาวนาสูตร (152)
[853] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ป่าไผ่ ในนิคมชื่อกัชชังคลา ครั้งนั้นแล อุตตรมาณพ ศิษย์พราหมณ์ปาราสิริยะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคยังที่ประทับ แล้วทูลปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการทักทายปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[854] พอนั่งเรียบร้อยแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามดังนี้ว่า ดูกรอุตตระ ปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกหรือเปล่า ฯ
อุ. แสดง พระโคดมผู้เจริญ ฯ
พ. ดูกรอุตตระ แสดงอย่างใด ด้วยประการใด ฯ
อุ. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ในเรื่องนี้ ท่านปาราสิริยพราหมณ์แสดงการเจริญอินทรีย์แก่สาวกทั้งหลายอย่างนี้ว่า อย่าเห็นรูปด้วยจักษุ อย่าได้ยินเสียงด้วยโสต ฯ
พ. ดูกรอุตตระ เมื่อเป็นเช่นนี้ คนที่เจริญอินทรีย์แล้วตามคำของปาราสิริยพราหมณ์ ต้องเป็นคนตาบอด ต้องเป็นคนหูหนวก เพราะคนตาบอดไม่เห็นรูปด้วยจักษุ คนหูหนวกไม่ได้ยินเสียงด้วยโสต เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสแล้วอย่างนี้ อุตตรมาณพ ศิษย์ปาราสิริยพราหมณ์ นั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตกก้มหน้า ซบเซา หมดปฏิภาณ ฯ
คนมีปฏิภาณยอมรับความจริง คนไม่มีปฏิภาณแล้วยังโง่เง่างมงายไม่ยอมรับความจริงก็ไปนั่งหลับตาปิดหู แล้วก็เพ้อพกไปกับจิตเป็นสัมภเวสีไป เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าตรัส
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การปฏิวัติโดยประชาชนของไทย เป็น Soft Power วันศุกร์ที่ 29 เมษายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 สิงหาคม 2565 ( 17:21:09 )
รายละเอียด
1. สำรวมในอินทรีย์ทวารทั้งหลาย
2. มีอำนาจ
หนังสืออ้างอิง
ทางเอก ภาค 1 หน้า 246 , คนคืออะไร? หน้า 490
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 16:48:46 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:22:22 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:55:59 )
รายละเอียด
การสำรวมอินทรีย์
หนังสืออ้างอิง
รู้คนขังสุข รู้คุกขังสัตว์ หน้า 147
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 16:46:21 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:23:09 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:56:17 )
รายละเอียด
1. ฤทธิ์แรงในตน
2. อำนาจในใจตน , ความเป็นใหญ่ในใจตน
หนังสืออ้างอิง
สมาธิพุทธ หน้า 151 ,วิถีพุทธ หน้า 52
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 16:47:50 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:23:59 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:56:40 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2561
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2564 ( 11:09:08 )
รายละเอียด
คือ ความมีอำนาจ มีพลัง กระทำเพื่อความหลุดพ้น (ธรรมะมีกำลังขึ้นเป็นใหญ่ในจิต เมื่อกระทำให้เจริญมากๆ ย่อมหยั่งลงสู่อมตะ)
1. สัทธา (มีความเชื่อมั่นเป็นอำนาจเป็นพลัง, ความเชื่อที่ปักมั่นยิ่งขึ้น เป็นสัทธินทรีย์ ฯ)
2. วิริยะ (มีความเพียรเป็นอำนาจเป็นพลัง, ความเพียรที่มีพลังขึ้น เป็นวิริยินทรีย์ ฯ)
3. สติ (มีความระลึกรู้ตัวเป็นอำนาจเป็นพลัง, ความระลึกรู้ตัวแววไวขึ้น เป็นสตินทรีย์ ฯ)
4. สมาธิ (มีจิตตั้งมั่นเป็นอำนาจเป็นพลัง, เกิดฌานยิ่งขึ้น จิตมีสภาวะตั้งมั่นแข็งแรง)
5. ปัญญา (มีความรู้แจ้งเป็นอำนาจเป็นพลัง, ความรู้จริงในความจริงแห่งธรรม ฯ)
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ 5 ประการนี้ ไม่มีแก่ผู้ใดเสียเลยโดยประการทั้งปวง เราเรียกผู้นั้นว่าเป็นคนพวกภายนอก ตั้งอยู่ในฝ่ายปุถุชน
ที่มา ที่ไป
พระไตรปิฎกเล่ม 19 "สัทธาสูตร" ข้อ 1011-1015
พระไตรปิฎกเล่ม 22 "วิตถตสูตร" ข้อ13-14
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก
เวลาบันทึก 26 มิถุนายน 2562 ( 21:20:38 )
เวลาบันทึก 18 กรกฎาคม 2563 ( 19:07:02 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:57:58 )
รายละเอียด
คือความมีอํานาจ มีพลัง กระทําเพื่อความหลุดพ้น
1. สัทธา (มีความเลื่อมใสเป็นอํานาจเป็นพลัง)
2. วิริยะ (มีความเพียรเป็นอํานาจเป็นพลัง)
3. สิต (มีความระลึกรู้ตัวเป็นอํานาจเป็นพลัง)
4. สมาธิ (มีจิตตั้งมั่นเป็นอํานาจเป็นพลัง)
5. ปัญญา (มีความรู้แจ้งเป็นอํานาจเป็นพลัง)
หนังสืออ้างอิง
ธรรมพุทธสุดลึก,พระไตรปิฎกเล่ม 19 “สัทธาสูตร” ข้อ 1011-1015 พระไตรปิฎกเล่ม 22 “วิตถตสูตร” ข้อ 14
เวลาบันทึก 13 มีนาคม 2565 ( 21:04:44 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2561
เวลาบันทึก 11 มกราคม 2564 ( 11:14:36 )
รายละเอียด
อินทรีย์5 คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 68 วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 24 ตุลาคม 2562 ( 12:48:49 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:10 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:57:36 )
รายละเอียด
เพราะว่าธาตุรู้ของคนนี้มันลึกซึ้ง จะไปให้เกินกว่า 6 ทวารนี้ไม่ได้ เกินกว่าพระเจ้าสร้างอีก มันจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์โลกอย่างไร ที่เรียกว่าจิตนิยาม ยิ่งใหญ่เกินกว่า 6 ทวารนี้ได้ พระเจ้าแน่จริงสร้างมาเลย เมื่อ 6 ทวารก็มีอินทรีย์ 6 อินทรีย์คือพลังงาน เกิดการสะสมตั้งลงเป็น static มี dynamic เป็นคู่ จะมีตัวแปรที่เป็นทศนิยมเสมอ ตราบใดที่มี 2 ตัวนี้ทำงาน ไม่มีพลังงานตัวแปรที่เป็นตัวเพิ่ม แม้แต่ทศนิยม .000001 มันก็คือ 0 กับ ชรตา
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 14 มกราคม 2561
เวลาบันทึก 26 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:45:17 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 29 กรกฎาคม 2563
หนังสืออ้างอิง
พตปฎ. เล่ม 22 ข้อ 13
เวลาบันทึก 29 สิงหาคม 2563 ( 16:59:38 )
รายละเอียด
รู้จักอินทรีย์ของชีวิต รู้จักความเป็นชีวะ ชีวิต ฆ่า ให้ตายสนิท ถ้าเผื่อว่ามันยังเหลือ ชีวะเป็นพีชะอยู่ ถ้าให้อาหารมันอยู่ ให้อาหารแก่พืช พืชโตขึ้นได้ ถ้าเราไม่ให้อาหารมัน มันก็จะฝ่อ ชราเสื่อมลง เหี่ยวแห้งลง จนกระทั่งไม่ให้อาหารมันเลย พืชมันก็ตาย สัตว์ก็เหมือนกัน ไม่ได้รับอาหารอีกเลย ไม่มีธาตุที่จะเป็นอาหารเข้าไปเลี้ยงขันธ์ ขันธ์พืช เป็นองค์ประชุมเป็นชีวะระดับพืช มันไม่มีอาหารไม่มีธาตุจะไปเลี้ยง
มะละกอก็ต้องการอาหารธาตุประเภทหนึ่ง จำนวนหนึ่ง อย่างหนึ่ง มะเขือก็ต้องการธาตุอาหารอีกอย่างหนึ่ง ระกำก็อีกอย่างหนึ่ง มะนาวก็อีกอย่างหนึ่ง กล้วยก็ต้องการธาตุอาหารต่างกัน ก็จะมีธาตุอาหารที่ไปปรุงกันให้ตัวมันถ้าหมด หมดความเป็น หมดความสร้างตัวมันได้ ตัวมันก็หายไปเพราะมันไม่มีธาตุที่จะไปสังเคราะห์สังขารตัวมัน ให้ปรุงแต่งตัวมันคือ มันก็เหี่ยวแห้งลงหมดลง หายไปสลายไปเป็นดินน้ำไฟลม พืชก็สลายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม เป็นอุตุธาตุ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์งานมหาปวารณาครั้งที่ 39 คุณธรรมยิ่งใหญ่กว่าอาวุธ วันอังคารที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 พฤศจิกายน 2564 ( 10:48:27 )
รายละเอียด
คุณจะอ่อนหรือจะแก่ยังไงอาตมาก็แก่แล้ว แก่กรอบแล้ว แล้วจะให้ทำยังไง ต่างคนก็ต่างเอาของตัวเองมายืนยัน เราก็เอาของเรามายืนยัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เวียนธรรมมาฆบูชา งานพุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์ ครั้งที่ 48 วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2567 ( 19:45:20 )
รายละเอียด
อินทรีย์ภาวนา คือ ทำให้ความชอบหรือความชังหมดไปเมื่อตากระทบรูป หูเรากระทบเสียง สุภะ คือ งาม, น่าได้ น่ามี น่าเป็น (สุภะ กับ อันตะ คือ สุดที่คุณยึดคุณจับไว้ว่าอันนี้ น่าได้น่ามีน่าเป็น)
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 20 กันยายน 2562 ( 12:49:11 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:57:40 )
รายละเอียด
คุ้มครองในอินทรีย์ทั้งหลาย
หนังสืออ้างอิง
เปิดโลกเทวดา หน้า 38
เวลาบันทึก 22 กรกฎาคม 2562 ( 16:45:35 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 22:24:33 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 20:58:59 )
รายละเอียด
แม้แต่เดี๋ยวนี้ ของจีนก็เป็นระบอบคอมมิวนิสต์แปลง เอาประชาธิปไตยเข้าไปผสมผสานตามภูมิความรู้ของเขา จนกระทั่งเข้าตาประชาชนอยู่ ก็ว่าไป ก็มีตัวอย่าง
ตัวอย่างอินเดียกับตัวอย่างของจีน นี่เป็นคู่เทียบที่ลึกซึ้งเป็นอจินไตย อินเดียเป็นสายเจโตสายศรัทธา ส่วนจีนก็เป็นสายปัญญา เพราะฉะนั้นก็จะต่างกัน เปรียบเทียบกันไปเถอะ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาเอกีภาวะประชาธิปไตยโลกุตระ วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:45:51 )
รายละเอียด
น่าสงสารที่มีความติดยึดแบบโบราณไม่เปลี่ยนตามยุคสมัย เราก็ศึกษา ที่พูดไม่ได้ลบหลู่ดูถูก ที่จริงกาลเวลามันก็เลื่อนมา มันเจริญด้วยอะไรต่ออะไรแล้ว มันแก้ไขสิ่งที่ยังโบราณดึกดำบรรพ์ ก็เตือนพวกเรานี่แหละ ทางอินเดียเขาไม่รู้เรื่องหรอก ตลอดชีวิตเขาก็ไม่ได้ฟังอาตมาพูดหรอก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาให้เกิดปัญญาถึงอรหันต์ วันพุธที่ 12 พฤษภาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มิถุนายน 2564 ( 20:47:30 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:01:37 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 11:12:19 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:25:27 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 20 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2563 ( 13:19:00 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:48:14 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:28:01 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:31:28 )
รายละเอียด
อินเดียเขาสงบด้วยนาน เขาสมถะ แบบนั้นเขาก็อยู่อย่างนั้นของเขาไป ไม่หวือหวาไม่ฟู่ฟ่าเหมือนโลกเขาหรอก เขาก็ได้แต่ร้องรำทำเพลงไปอยู่อย่างนั้น หนังของเขามีแต่ร้องเพลง ไม่มีใครสู้ได้ในเรื่องหนังของอินเดียที่ร้องเพลง ร้องเพลงแล้วก็เต้นรำไป มันเบิกบานร่าเริงในความสงบ ในความสมถะ มันมีสภาวะ 2 ใน 1 มี 1 ใน 2
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สบายสงบและมั่นคงที่ 1 ในโลกคือประเทศไทย วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 7 ค่ำเดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 02 ธันวาคม 2565 ( 13:16:33 )
รายละเอียด
ที่บอกว่าอินเดียเป็นเจโต และปัญญาคือจีน ขอบอกว่าไม่ใช่ จีนนั้นคือเฉโก แต่อาจเฉโกอย่างดี เป็นความรู้โลกียะไม่ใช่ความรู้ฉลาดแบบโลกุตระ ปัญญานั้นเป็นความฉลาดแบบโลกุตระ ยังไม่มีในจีนหรอกมีแต่ในเมืองไทย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อภิภู คือผู้นำพาคนไปสู่ความจนอันประเสริฐ วันพุธที่ 22 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 ธันวาคม 2564 ( 11:00:02 )
รายละเอียด
สรุปแล้วประเด็นที่ว่าถามว่าทำไมต้องไปเกิดที่อินเดีย เพราะว่าต้องเป็นหลัก แกนต้องเป็นหลัก อินเดียเป็นเรื่องแกนหลัก เป็นเรื่องแก่น ส่วนอันอื่นปัญญากับศรัทธา ศรัทธาก็จะเป็นหลักปัญญาก็จะเป็นองค์ประกอบที่เป็นพลังงานวิ่ง เปรียบเทียบพลังงานศรัทธาคือบวก ปัญญาคือพลังงานทางด้านลบเป็นพลังงาน 2 ชนิดที่จะอยู่ร่วมกัน อยู่ในโลก เปรียบเทียบกันแล้วก็จะมีความสัมพันธ์กันปฏิสัมพันธ์กันมีการสังเคราะห์สังขารกันเป็นธรรมชาติ สรุปว่าอินเดียเป็นแกนหลักพระพุทธเจ้าจึงเกิดที่นั่นเป็นหลักก่อน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 25 วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:19:23 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 11 สิงหาคม 2563 ( 11:19:28 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 29 มิถุนายน 2563 ( 10:38:01 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:48:26 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้นของพระพุทธเจ้านั้นรู้ทั้งจะให้อยู่นิรันดร เช่นขณะนี้ก็มีผู้ตั้งปณิธานทางสายพุทธ ตั้งปณิธานเป็นพระอวโลกิเตศวร อว แยกศัพท์ตัวนี้ให้ฟังหน่อย
อว โลก เต อิศวร
ในความเป็นอิศวร คือพระเจ้าเป็นตรีมูรติ แล้วก็ไปทะเลาะกันแยกกันเป็น ราม อิศวร พรหม เรียกว่า ตรี 3 มูรติ คือรากเหง้า แล้วก็แยกไม่ออก แต่ พยายามทำความเข้าใจว่า มันก็ควรอยู่คลองโลก ก็แบ่งหน้าที่กัน ราม อิศวร พรหม แบ่งหน้าที่กันสามเส้า
ราม เป็นผู้สร้าง ส่วนอิศวร เป็นผู้ทำลาย พระพรหม เป็นผู้ประนีประนอม
3 ลักษณะ สามเส้า นี้จึงรักษาความมีอยู่ในโลก
เป็นอิศวร สาม คือ เตศวร คุณจะอยู่อย่างอิศวร ก็อยู่อย่างพลังงาน คุณจะอยู่ก็อยู่อย่างสมมุตินั้น เป็นอวตารเยอะนะ พระอวโลกิเตศวร กวนอิมก็เป็นอวตารของพระอวโลกิเตศวร นางกาลี ก็เป็นอวตารของพระอวโลกิเตศวร
ไม่ได้ตรวจดูโลกธรรมดานะ แต่เป็นผู้ที่จะช่วย ช่วยรื้อขนสัตว์ในโลกให้บรรลุนิพพานหมดคนสุดท้าย จึงจะขอปรินิพพาน นี่ปณิธานของพระอวโลกิเตศวร ซึ่งเป็นปณิธานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลย แล้วคุณนึกออกไหมว่าจะช่วยคนให้นิพพานได้หมดทั้งโลก ไหวไหมนี่ เราก็นึกไม่ออกเหมือนกัน แต่ท่านมีปณิธานอย่างนั้นจริงๆ ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:25:50 )
รายละเอียด
คือ ต้องมีภาวะ“สระ 3 เส้า”ร่วม กันอยู่ ซึ่งได้แก่ “ความรู้แจ้งรู้จริงในความเป็นตัวเรา” ว่า มี อยู่อย่างไร? และ“ผู้อื่น-อันอื่น” มีอยู่อย่างไร? แล้วมัน“อิสระ”จากกันนั้น เป็นไฉน? “อิสระ”คือ “หลุดพ้นจากอันอื่น” ตั้งแต่เราหลุดพ้น จาก“อีกอันหนึ่งที่เราเกี่ยวพันหรือผูกพันอยู่” ถึงขั้นผูกพัน อยู่ ที่มันขาดไม่ได้ แต่เราก็“หลุดพ้น”ตัดขาดมาได้ ชนิดที่ ไม่ต้องพึ่งสิ่งนั้น ไม่ต้องห่วงหา ไม่โหยหา ขาดเยื่อขาดไยไม่ ต้องทุกข์เลยเมื่อไม่มีสิ่งนั้น ไม่ต้องสัมผัสแตะต้องสิ่งนั้นแล้ว ที่สุดแม้สัมผัสสิ่งนั้นอยู่ก็“ไม่มีความรู้สึก”ผลักหรือดูดเลย มี ความรู้สึกกลางๆ เฉยๆ ว่างๆ คือ “เนกขัมมสิตอุเบกขา” แต่เราก็สามารถสัมพันธ์อยู่กับสิ่งเหล่านั้นได้ร่วมงาน กันด้วยดีมีประโยชน์ช่วยเหลือสนับสนุนกันด้วยซ้ำอย่างสมัครใจเอง หรือจะไม่ทำงานร่วมอยู่ด้วยก็ได้ โดยไม่มีอะไร ขัดข้องเลย ไม่มี“ปัญหา”เลย มีแต่“ปัญญา”ชัดเจนทุกอย่าง
หนังสืออ้างอิง
คนจนที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 385
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2562 ( 15:22:07 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:58:50 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 21:00:22 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 14:34:05 )
รายละเอียด
มาเข้าเป้าตรงที่ว่า เนื้อหาสาระต้องเรียกด้วยภาษาศัพท์ว่า สัจธรรม ความจริงแห่งความจริง ที่เป็นแก่นแกนของมนุษยชาติ ตั้งแต่จิตวิญญาณไปจนถึงองค์ประกอบ ซึ่งร่วมเป็นรูปเป็นนาม เอาไปขยายปรุงแต่งเป็นสังขาร นี่ก็เป็นศัพท์ทางวิชาการ มันพัฒนาขึ้นมาแล้วเป็นเครื่องอาศัย เมื่อพัฒนาปรุงแต่งขึ้นมา มนุษย์ก็ได้อาศัย ใช้สอย ได้นำพาชีวิตมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ที่ใดก็ตาม มนุษยชาติที่มีความรู้ แล้วก็แสดงออกทางกาย ทางวาจา ทางใจนี่แหละเป็นตัวประธาน ทำออกมาแล้วก็มาอาศัยกันอยู่ทุกวันนี้ อาตมาก็พูดอธิบายไปอย่างนี้ รู้สึกว่ามันยังไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ว่าผู้ที่พยายามจะเข้าใจที่อาตมาพูดก็ต้องขอบคุณด้วย ดีแล้วล่ะ พยายามช่วยอาตมาหน่อย อาตมาอธิบายเก่งได้เท่านี้
สรุปง่ายๆก็คือ เราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาติไหน ศาสนาไหน หรือว่าลัทธิการบริหารประเทศแบบไหนก็ตาม จริงๆ ไปสู่จุดสูงสุดก็คือ จุดที่มันสูงสุดที่สงบ เป็นจุดสงบ เป็นจุดสบาย เป็นจุดที่อิสระ เสรี อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น เกษมใส อาตมาไม่ใช้คำว่า เกษมสันต์ เพราะมันจะวนมาเป็นความสงบอีก สันต์คือสันติ แต่เกษมใส มันแจ่มใสเบิกบานร่าเริงไปอีก สิ่งเหล่านี้ เป็นจุดที่มนุษย์ไม่ต้องการก็ตาม แต่คุณต้องมาถึงตรงนี้ถึงจะสมบูรณ์ ถึงจะ Absolute ต้องมาตรงนี้ ที่อาตมา ย่อๆ ไว้นี่ มาถึงจุด อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส
ก็จบด้วย Word 4 - 5 คำนี้
“จุดสูงสุดที่มนุษย์ต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม คือ อิสระ สบาย สงบ อบอุ่น อิ่มเอม เกษมใส”
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 6 พ่อครูพบ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2565 แรม 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2565 ( 20:13:42 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 11:37:25 )
เวลาบันทึก 27 กรกฎาคม 2563 ( 11:14:03 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 21:01:05 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561
เวลาบันทึก 29 ธันวาคม 2563 ( 11:29:35 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2563 ( 10:29:19 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 08:48:42 )
เวลาบันทึก 22 สิงหาคม 2563 ( 12:30:43 )
รายละเอียด
นี่คือคำตอบของผู้ที่ได้มาเรียนรู้ เป็นอิสรชน เขาถูกตู่ว่ามาอยู่ในคอกของคนมีชนัก ที่นี่บอกแต่ไหนแต่ไรว่า ไม่เคยไปเรียกร้อง ไม่เคยไปอ้อนวอน ไม่เคยไปและเล็มใครมา
เคยบอกว่าคุณทุกคนมาที่นี่มาเอง โดยภูมิปัญญาด้วยความสมัครใจของคุณ ไม่เคยไปบังคับ อาจจะเคยพูดเล่น หนูเปล่าหนา เขามาเอง คุณสมัครใจมาถือศีลตามหลักเกณฑ์ที่นี่เขา คุณสมัครใจมาไม่กินเนื้อสัตว์ตามวัฒนธรรมที่นี่เขา มันเป็นอย่างนั้น ไม่ได้หมายความว่า เหมือนอย่างคนที่เข้าใจง่ายๆตื้นๆ เข้าใจสมบูรณ์ไม่ได้ ที่นี่ไม่มีการบังคับ เป็นอิสรชนจริงๆ อย่างที่คุณหายโง่เขาเขียนมา
มาสุดยอดที่จะได้ความเป็นอิสระสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่อิสระที่บำรุงกิเลสที่บำเรอตัวตน อย่างนั้นไม่อิสระ อย่างนั้นเป็นทาสอัตตาตัวเอง ทาสติดรสติดชาติ แค่นี้เข้าใจไม่ได้ไม่มีภูมิปัญญาพอว่าติดอยู่อย่างนั้นไม่อิสระ อิสระต้องไม่ติดอะไรเลย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสโลกธรรม
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 28 จะเป็นสาธารณโภคีต้องไม่มีพญานาค วันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:11:28 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วัศุกร์ที่ 14 สิงหาคม 2563
เวลาบันทึก 05 กันยายน 2563 ( 10:44:35 )
รายละเอียด
อิสรเสรี ได้ คุณจะไปเลือกพรรคเพื่อไทยก็ได้ อิสรเสรีภาพจริงๆ นะพูดจริง แต่ควรหรือไม่ควรก็อยู่ที่คุณ ไม่ได้มีข้อห้ามอะไร ในส่วนที่พูดกันว่าแล้วอยู่พรรคสัมมาธิปไตย แล้วจะไปเลือกพรรคลุงตู่ จะเป็นการตัดคะแนนลุงตู่ใช่ไหม พูดให้ชัด คุณ 1 คะแนน คุณอยู่สัมมาธิปไตย คุณก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์ให้พรรคสัมมาธิปไตย ถ้ามีคนพรรคสัมมาธิปไตยสมัคร คุณก็ไม่เลือกคุณก็ไปเลือกพรรคลุงตู่ แน่นอนตัดจากสัมมาธิปไตยไปให้ลุงตู่ก็ถูก แต่หากพรรคสัมมาธิปไตยไม่ได้ลงสมัคร คุณก็เอาคะแนนเสียงที่คุณมีสิทธิ์ คุณจะไปตัดทิ้งทำไมให้สูญเปล่าก็ไปเลือกพรรคที่คุณพอใจ พรรคลุงตู่เป็นต้น มันก็ไม่ได้ตัดคะแนนอะไรนี่
ทีนี้เรื่องที่เราพากันไปหาเสียงสนับสนุนลุงตู่ก็ได้ใช่ไหม เมื่อกี้มีคนท้วงคุณเจ็ดแก้ว ไปหาเสียงมันไม่ถูก แม้แต่บอกเรียกคนมาสมัคร เป็นสมาชิกนี้ก็เป็นการหาเสียง เออ เอา ละเอียดๆ เหมือนกันเนาะ พูดไปก่อนแล้วว่าพวกเรามันพวกน้อย รู้น้อย แล้วก็ไม่ครบไม่พอ มันไม่พอตามกฎหมายกฎเกณฑ์อะไรต่ออะไรก็จำเป็น มันต้องมีเวลามันมีเวลามีกรอบบังคับจำกัด มีทั้งจำนวนต้องได้ โอ๊ย.. ไม่เห็นใจกันเลย ก็ดีก็เคร่งครัดในเป็นพวกคุมกฎกันไป เราก็ใช้มหาปเทสหน่อยก็แล้วกัน เพราะว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องของวงกว้าง ไม่ใช่เรื่องของวงจำกัดหรือว่าวงแคบเข้ามาหาปรมัตถ์ มันเป็นวงกว้างเข้าไปสู่สมมุติ มันก็จะต้องมีอนุโลมปฏิโลมอะไรกันบ้าง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 พฤษภาคม 2566 ( 12:26:13 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2563 ( 14:30:42 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:43:03 )
รายละเอียด
หมวดที่สอง มีสามเส้าอีก ขยายความประชาธิปไตยอีก
1. มีจิตวิญญาณ
2. มีอิสระเสรีภาพ
3. ไม่มีอัตตา
นี่คือความเป็นประชาธิปไตยที่ Absolute Ultimate เป็นประชาธิปไตยที่สุดยอด คือ ประชาธิปไตยที่ผู้บริหารมีจิตวิญญาณที่ไม่มีอัตตา ให้อิสระเสรีภาพ นี่คือหัวใจของประชาธิปไตย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการวิถีอาริยธรรม บ้านราชฯ หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม 2561 ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(การเมืองบุญนิยม) ตอน หัวใจประชาธิปไตยครบสูตร 2 หมวด 3 ประการ
เวลาบันทึก 28 กุมภาพันธ์ 2564 ( 18:53:50 )
รายละเอียด
อิสรเสรีภาพเป็นตัวหลัก เมืองไทยตอนนี้มีอิสรเสรีภาพดีที่สุด โดยเฉพาะชาวอโศกมีอิสรเสรีภาพดีกว่าใครในโลก อาตมายังไม่ใช้คำว่าสัมบูรณ์นะ อาตมาให้คำว่า สัมบูรณ์ มีมิติของความเต็มมากกว่าบริบูรณ์หรือปริปูรณะ สัมมปูรณะนี้เหนือกว่า สมะ คือเสมอหรือสงบ ปูระ คือเต็ม ปริปูรณะคือบริบูรณ์รอบยังไม่เนียนใน แต่ สัมม นี้ทั้งนอกทั้งในครบกว่าอิสระ ผ่านอิสระเสียที อิสระเป็นตัวนำว่าประชาธิปไตย นี้ ทุกคนต้องการอิสระแล้วมีอิสระจริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์วันมาฆบูชา บ้านราช เนื้อแท้ประชาธิปไตยพุทธ 5 ประการ วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 29 กุมภาพันธ์ 2563 ( 11:35:56 )
เวลาบันทึก 26 กรกฎาคม 2563 ( 13:59:30 )
เวลาบันทึก 21 สิงหาคม 2563 ( 21:01:50 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 2 กันยายน 2563
เวลาบันทึก 26 กันยายน 2563 ( 11:52:32 )
รายละเอียด
พูดแล้วเหมือนหลงใหลแต่มันเป็นเรื่องจริง เป็นปรากฏการณ์ของมนุษยชาติ เกิดให้เห็น เป็นปรากฏการณ์จริงขณะนี้ ยืนยันอ้างอิงได้ว่ามนุษย์ทำได้ มนุษย์มีสัมมาชีพแบบนี้ทำงานแบบนี้ พูดแบบนี้เข้าใจแบบนี้ มีความรู้แบบนี้
นี่เป็นความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เศรษฐศาสตร์บทนี้ ในยุคพระพุทธเจ้าเอามาใช้กับฆราวาสยังไม่ได้ สาธารณโภคี ถ้าเป็นยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นยุคทาส คนไม่รู้จักสิทธิมนุษยชน แต่ยุคนี้ไม่เป็นทาสกันแล้ว คนมีอิสระเสรีภาพ ไม่ใช่สมบูรณาญาสิทธิราชย์ คนเข้าใจในสิทธิมนุษยชนและสิทธิต่างๆ จนใช้สิทธิ์เว่อร์เกินด้วยซ้ำ จึงสะดวกสบาย อาตมาเอาทฤษฎีเหล่านี้มาใช้จนสำเร็จเป็นสาธารณโภคี สำเร็จได้อย่างสวยงามด้วย
เราไม่ได้อยู่ในกรอบของพระวินัยเหมือนพระ แต่นี่ไม่ได้เป็นหลักเกณฑ์อย่างนั้นเป็นอิสระเสรีภาพ อยู่ในกรอบสาธารณโภคีมีศีล 5 ไม่มีอบายมุข ไม่กินเนื้อสัตว์ ก็เลิกละกันไปประพฤติกันไปก็อยู่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ ขั้นตอนการสร้างพลังงานบุญโดยพิสดารวันพุธที่ 14 มีนาคม 2561ที่บวรราชธานีอโศก
สื่อธรรมะพ่อครู(เศรษฐศาสตร์บุญนิยม) ตอน สาธารณโภคีคือสิ่งยอดเยี่ยมที่สุดของเศรษฐกิจ
เวลาบันทึก 15 กุมภาพันธ์ 2564 ( 15:47:37 )
รายละเอียด
ยืนยันสัจจะมีหนึ่งเดียวไม่ผิดพลาดหรอก แต่เดี๋ยวนี้คนยังทำไม่ได้ถึง มีพลเอกประยุทธ์พยายามทำอยู่ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เข้าพรรคไหนนะ แต่เขาก็บอกว่า จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ของคุณพีระพันธุ์ ว่าอย่างนั้นนะ แต่พลเอกประยุทธ์ก็ยังไม่ว่าอะไร คือไม่ปฏิเสธไม่รับ รับก็ไม่รับ ปฏิเสธก็ไม่ปฏิเสธ เป็นผู้ที่มีอิสระเสรี เป็น อนุปคัมมะ ข้างนี้ข้างนี้ก็ไม่ อยู่กลางๆ เห็นอยู่รู้อยู่ว่าข้างนี้เขาอยากจะให้ไปเข้า ข้างนี้ไม่อยากให้เข้าหรือเข้าไม่ได้เราก็ไม่ควรเข้า ครั้งนี้ควรเข้าอยู่ก็ไม่เป็นไร ยังไม่เข้าข้างใคร นี่แหละอิสระเสรีภาพเป็นนักประชาธิปไตยตัวยง คุณประสิทธิ์อวยพรให้อาตมาอยู่ 2 หมื่นปี ก็ขอบคุณ เพิ่มไปอีก 1-2 นักษัตรก็เหลือกินแล้ว
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม พ่อครูตอบปัญหาผู้ชมทางบ้าน วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 5 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 พฤศจิกายน 2565 ( 13:01:12 )
รายละเอียด
เท่าที่อ่านตามโจทย์ที่คุณเขียนมา ก็ขยายความได้มากเลยอิสระเสรีภาพไม่ใช่เรื่องตื้นเขิน เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ซึ่งค่อยๆทำไปอิสรภาพจาก อันหยาบแรง เช่นโสดาบันมีอิสระจากอบายมุข มีอิสระจากสิ่งที่ หยาบแรง จิตหลุดพ้นแล้ว เป็นเอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน อบายมุขนี้จะอยู่ที่ไหน จะอยู่อเมริกาจะอยู่เมืองจีนจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ เราไปเจอที่ไหนเราก็อยู่เหนือมันหมด สูงกว่าอบายมุขขั้นกามก็หลุดพ้นได้อีก ก็เหนือทั่วทั้งแผ่นดิน ธรรมดาธรรมชาติเขาก็มีตามรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัส เราก็อยู่เหนือหมด ไปอยู่ไหนก็สบาย เหลือภายในรูปภพก็ล้างอีก อยู่กับเราตลอดนะ ไปไหนไปกัน อยู่ในใจเรา ก็คือรูปภพ อรูปภพ ก็ล้างอีก จนอยู่เหนือมันได้ หมดรูปภพหมดอรูปภพได้อีกต่อไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เตวิชชสูตร ตอน1 วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2561ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 10:12:56 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name