คู่มือการค้นหาอภิธานศัพท์อโศก หรือ ห้องสมุดโลกุตระ 50 ปี
เอกสาร : https://docs.google.com/document/d/1HLGedxqTAOTOTQKGbO6M4qMremQ8K1jBWKRYDDt6MRQ/edit
วีดีโอ Loom 2 : https://www.loom.com/share/e824e62ec1eb4567848e94af124a7ed5
วีดีโอ Loom 1 : https://www.loom.com/share/2445744a08e74bca95d2f1d2a0526044
วีดีโอ YouTube : https://youtu.be/QyXcGmzhLmk
รายละเอียด
อาจจะทรงอยู่ แต่ไม่ได้เกิดอีกแล้ว หรือท่านจะเกิดอีก อาตมาก็อธิบายจนไม่รู้อธิบายอย่างไรแล้ว เพราะเป็นพระอรหันต์แล้วเป็นผู้ที่จบอรหันต์สมบูรณ์แบบ ปัญญาวิมุติขึ้นไป ผู้ที่เป็นบุคคลปัญญาวิมุติขึ้นไปก็เป็นผู้ที่จบกิจ เป็นผู้ที่เป็นอรหันต์ ดับอาสวะสิ้นได้แล้ว ผู้นี้จะ ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้เลย เลิกจิตนิยาม หายสูญไปเลย
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2566 ( 15:57:02 )
รายละเอียด
ตรงที่กิเลสหมดแล้ว หมดแล้วเลิกหมดแล้วจบไม่ต้องปฏิบัติอีก จึงเรียกว่าจบกิจ เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น เมื่อหมดสิ้นไปแล้ว เป็นเรื่องที่จบแล้วจบเลยเที่ยงแท้ถาวรยั่งยืนตลอดกาลนิรันดร นี่เป็นสุดยอดของศาสนาพระพุทธเจ้า
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 23 ธันวาคม 2562 ( 22:24:59 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:40:13 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:49:44 )
รายละเอียด
คือขณะเป็นๆ คุณก็ใช้ธาตุพีชะ ไม่ทุกข์ ไม่สุข แล้ว ก็อาศัยความเป็นพีชะ ไม่สุข ไม่ทุกข์ แล้วทำงานอยู่ในโลกไป แล้วเราก็แยกธาตุให้เป็นอุตุได้ คนนี้ก็เป็นอรหันต์ ผู้ที่เข้าใจ อุตุนิยาม พีชนิยาม จิตนิยาม ทำให้เป็นพีชะได้ อุตุได้ พระอรหันต์ก็เป็นเช่นนี้ ทั้งนั้นทำได้ก็จบ ชีวิตก็สบาย พูดให้ฟังนี้ ฟังดูง่ายๆ แยกแยะให้ฟัง ไปสำนักอื่นมีให้ฟังอย่างนี้ หรือไม่ อาตมาพูดด้วยภาษาร่วมยุคสมัย ให้พวกคุณฟัง เป็นภาษาสมัยนี้ คนที่พูดว่าดับได้ ง่าย ๆ แบบสมถะวิธีมันก็มี อาจารย์สมถะ ก็จะว่าอย่างนั้น อาตมาเป็นทางวิปัสสนา ดับได้โดยแยก แตกละเอียด จิตได้ในอุตุนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ได้ย่างแท้จริง นิยาม 5 ไปถามพวกเขาไม่รู้หรอก อธิบายอย่างอาตมาไม่ได้ เขาก็เล่นแต่วิธีสมถะ
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2562 ( 13:41:15 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:02 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:54:06 )
รายละเอียด
ขณะเป็นๆ คุณก็ใช้ธาตุพีชะ ไม่ทุกข์ ไม่สุข แล้ว ก็อาศัยความเป็นพีชะ ไม่สุข ไม่ทุกข์ แล้วทำงานอยู่ในโลกไป แล้วเราก็แยกธาตุให้เป็นอุตุได้ คนนี้ก็เป็นอรหันต์ ผู้ที่เข้าใจ อุตุนิยาม พีชะนิยาม จิตนิยาม ทำให้เป็นพีชะได้ อุตุได้ พระอรหันต์ก็เป็นเช่นนี้ ทั้งนั้นทำได้ก็จบ ชีวิตก็สบาย พูดให้ฟังนี้ ฟังดูง่ายๆ แยกแยะให้ฟัง ไปสำนักอื่นมีให้ฟังอย่างนี้หรือไม่ อาตมาพูดด้วยภาษาร่วมยุคสมัย ให้พวกคุณฟัง เป็นภาษาสมัยนี้ คนที่พูดว่าดับได้ ง่าย ๆ แบบสมถะวิธีมันก็มี อาจารย์สมถะก็จะว่าอย่างนั้น อาตมาเป็นทางวิปัสสนา ดับได้โดยแยก แตกละเอียด จิตได้ในอุตุนิยาม กรรมนิยาม ธรรมนิยาม ได้อย่างแท้จริง นิยาม 5 ไปถามพวกเขาไม่รู้หรอก อธิบายอย่างอาตมาไม่ได้ เขาก็เล่นแต่วิธีสมถะ
ที่มา ที่ไป
วิถีอาริยธรรม สันติอโศก วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 19 ธันวาคม 2562 ( 19:36:13 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:41:51 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:54:07 )
รายละเอียด
โดยเฉพาะคนนี่แหละ แล้วคนก็มีความติดยึดความกำหนดหมายต่างกันไปมากมายนับไม่ถ้วน พระอรหันต์ก็จะเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นของแต่ละคน ที่มีความต่างกันยึดถือต่างกัน
ความยึดถือต่างกัน พวกนี้แหละทำให้เกิดความขัดแย้ง ทางโลกก็ขัดแย้งกันไป พระอรหันต์ท่านไม่มีตัวตน ใครจะขัดแย้งกันอย่างไรก็ไม่มีปัญหา แม้ที่สุดเอาท่านไปฆ่าเอาท่านไปติดคุก เอาท่านไปทำอะไรท่านก็ไม่มีปัญหา
และอันใดที่ท่านไม่เข้าใจของเขาไม่ใช่ของท่าน ท่านก็ยังตัดสินไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นพระอรหันต์จึงต้องเรียนรู้ว่า ที่เขาคิดอย่างนี้เขายึดถืออย่างนี้ ท่านก็จะต้องศึกษาผู้อื่นต่อไป สิ่งนั้นสิ่งนี้ยึดว่าเหตุมาอันนี้ก็รู้เหตุที่เขายึดติดกัน แต่ละคน ๆ เพราะพระอรหันต์แต่ละองค์ก็ไม่ใช่จะเป็นอย่างที่คนอื่นเป็น ยึดอย่างที่คนอื่นยึด มาแต่ไหนแต่ไรไม่มี หลายอย่างพระอรหันต์ก็ยังฟื้นความจำไม่ได้ ก็จะรู้ทีหลัง ว่า.. อ๋อ! อันนี้เราก็เคยผ่านมาแล้วตอนนี้เราลืมไป คนนี้เหมือนเรา เราเหมือนเขา อะไรอย่างนี้เป็นต้น ก็จะรู้เติมไปอย่างนี้เรื่อยๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 16:57:30 )
รายละเอียด
จิตนิยามนี่ เป็นอวิชชา แล้วจะยึดมีกาย จิตนิยามจะยึดกาย จะไม่ได้ทำให้กายนี้หมดไปจากตัวตน อรหันต์หมดกาย กายไม่มี เป็นคนไม่มีกาย จิตนิยาม ของพระอรหันต์เป็นพีชนิยาม พีชนิยามไม่มีกาย แต่เป็นชีวะ พระอรหันต์เหมือนพืช ไม่มีเวทนา ไม่มีวิญญาณ นี่เป็นสภาวะที่อธิบายโดยสภาวะซับซ้อนมาก แต่ท่านมี มีจิตนิยาม มีธาตุรู้ครบ แต่ท่านรู้ว่า จิตหรือธาตุรู้ มันรู้ว่ายึดถือหรืออาศัย แค่ความเป็นพีชะ เป็นชีวะในระดับพืชเท่านั้นก็ไม่มีเวทนา ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข
เวทนามีแต่เวทนาแท้ ที่รู้ความจริงตามความจริง ว่าอะไรคืออะไรเท่านั้น อารมณ์ที่เป็นโลกียะ อารมณ์ที่เป็นทุกข์เป็นสุข มนุษย์หรือสัตว์โลกที่เป็นสัตว์ที่มีจิตนิยามแล้ว มีทุกข์มีสุขทั้งนั้น มีเวทนา มีวิญญาณทั้งนั้น แต่พระอรหันต์ไม่มีวิญญาณสัตว์โลก สิ้นความเป็นสัตว์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ เปิดยุคบุญนิยมระดม ปัญญา-อนัตตา ตอน 4 งานปลุกเสกพระแท้ๆของพุทธ ครั้งที่ 44 วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 เมษายน 2564 ( 18:30:28 )
รายละเอียด
พระอรหันต์ก็ยังเห็นแย้งกัน ฟังอีกที พระอรหันต์มีหนึ่งเดียวที่ตรงกันคือนิพพาน แต่สมมุติสัจจะของพระอรหันต์ก็เห็นต่าง พระอรหันต์ของมหายานของมหานิกาย เขาก็บอกว่าเป็นอรหันต์ แต่ความเห็นของสมมุติมันต่าง ก็เถียงกันกับพวกเถรวาท มหานิกาย แย้งกัน ก็มีธรรมะของพระพุทธเจ้าต่างคนต่างนานาสังวาสก็ไม่เป็นไร ก็สงบ ถ้าเข้าใจนานาสังวาสว่าคืออะไร ความเห็นของเธอกับความเห็นของเราคนละอย่าง คุณก็ยึดถือตามทางโน้น คุณมีจุดจบหรือจุดสูงของคุณเท่าไหร่ก็ยึดกันไป ฝ่ายนี้ก็ยึดของเขาไป ต่างคนต่างประพฤติไปสิ ที่สุดแห่งที่สุดก็มีตรงสูงสุดอันเดียวกัน หนึ่งเดียวกัน ก็เป็น สัจจะมีหนึ่งเดียวในโลก ไม่มีสอง เอกัง หิ สัจจัง นะ ทุติยะมัตถิ เท่านั้นเองหนึ่งเดียว ทั้งรูปทั้งนาม ทั้งความต่าง ทั้งสมมุติและปรมัตถ์ เป็นหนึ่งเดียวเลยสมมุติก็ไม่มี ปรมัตถ์ก็ไม่มี มีแต่ 0 หรือ 1
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรม พิธีบูชาพระบรมสารีริกธาตุ งานอโศกรำลึกครั้งที่ 40
ปี 2564 วันพุธที่ 9 มิถุนายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 20:54:19 )
รายละเอียด
กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ อาตมาก็เป็นแล้วมีแล้ว สรีระร่างกายมีพยาธิทุกข์มาไม่กี่วันนี่ก็หายแล้ว ก็เลยได้มาเทศนา
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิบ้านราช วันศุกร์ที่ 17 มกราคม 2563
เวลาบันทึก 26 มกราคม 2563 ( 16:18:50 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:42:51 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:55:47 )
รายละเอียด
ที่คุณใบฟ้าสรุปว่า ความเป็นอรหันต์คือเป็นคนหมดทุกข์หมดสุข นี้ก็ชัด แต่คนยังเข้าใจไม่ได้ง่ายๆ ไม่เข้าใจว่า เวทนาเป็นกรรมฐานของศาสนาพุทธ เป็นกรรมฐานของพระพุทธเจ้า แล้วอาตมาก็ชี้ว่า หัวใจศาสนาพุทธ ที่ “เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ” นี้ อาตมาจำพระบาลีประโยคนี้ได้เลย จำพระไตรปิฎก ได้ด้วย เล่ม 10 ข้อ 60 ธรรมทั้งสองเหล่านี้ รวมเป็นอันเดียวกันกับเวทนา โดยส่วนสอง (เทฺว ธมฺมา ทฺวเยน เวทนาย เอกสโมสรณา ภวนฺติ ฯ ) ล.10 ข.60
อาตมาว่านี่เป็นหัวใจของศาสนาพุทธ เวทนานี้เป็นกรรมฐานหมายความว่าเป็นฐานที่ตั้งของการกระทำ ฐานที่ตั้งของการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่กสิณ 40 อะไรเป็นกรรมฐาน ไม่ใช่ ไอ้นั่นมันเป็นสมถะ ของพวกเทวนิยม พวกนอกรีต พวกวิสุทธิมรรค ที่พุทธโฆษาจารย์เขาบันทึกกันไว้ เขายังไม่รู้ว่ากรรมฐานแท้ของศาสนาพุทธคือเวทนาอันเดียว มีหนึ่งเดียว ทำเวทนาในเวทนาให้พ้นสุขพ้นทุกข์ ซึ่งเขาก็พอรู้เลาๆ เขาก็ไปทำให้พ้นสุขพ้นทุกข์ได้เหมือนกัน เป็น อสัญญีสัตว์ ก็เลยไม่ได้พ้นความเป็นสัตว์ ไม่กำหนดหมายให้รู้อะไรเลย มีแต่หยุดๆๆๆๆ มันก็ไม่สุขไม่ทุกข์ เพราะดับความรู้สึก ดับการกำหนดรู้ไปแล้ว ดับเวทนา ดับสัญญา มันก็ไม่รู้อะไร มันก็เป็นอาการของคนไม่สุขไม่ทุกข์เหมือนกัน แต่มันไม่ใช่ของพุทธ มันคนละขั้วคนละข้างเลย
ของพระพุทธเจ้าไม่ต้องไปกด ไม่ต้องไปข่ม ไม่ต้องไปตัด เห็นเลยว่า กิเลสที่เป็นเหตุของทุกข์ กำจัดกิเลสๆ กิเลสหมดไปจากจิต จิตสดใสสว่างโพลง ดับ ตื่น รู้ สดใสเบิกบานร่าเริง มันคนละเรื่องกันเลยไม่ได้อับเฉา ไม่ได้มืดมิด ไม่ต้องไปนั่งเต๊ะท่า ไม่ต้องไปนั่งเข้านั่งออกฌานต้องนั่งสมาธิเข้าสมาธิ ไม่ต้อง ลืมตาเป็นสามัญปกติ นี่คือฌานของพระพุทธเจ้า สมาธิของพระพุทธเจ้า ตามเจโตปริยญาณ 16 ปฏิบัติกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ที่มีเจโตปริยญาณ 16 สูงสุดเป็น สมาหิโต เป็น วิมุติ ก็บรรลุสูงสุด สบายเลย ทรงไว้ซึ่งธรรมในธรรมที่สูงสุด มีสมาธิสมาหิโต และมีวิมุติแล้ว 2 อย่างเป็น อุภโตภาควิมุติ ทั้งจิตเจโตวิมุติ ทั้งปัญญาวิมุติ เป็นวิมุตติญาณทัสสนะ สูงสุดสบาย นี่เป็นสามัญของศาสนาพระพุทธเจ้า
แต่ทางสายหลับตาหรือสายที่ยังเข้าใจผิดมานี้ อาตมาทำงานมา 50 กว่าปียังไม่ค่อยกระเตื้อง คนมารับฟังโลกุตรธรรม มาฟังสัมมาทิฏฐิได้ มีจำนวนน้อย ซึ่งไม่ได้ประหลาดอะไร มันเป็นอจินไตย เป็นเรื่องยาก เป็นโลกุตระ คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) สันตา (สงบระงับอย่างสงบพิเศษ แม้จะวุ่นอยู่) . ปณีตา (สุขุมประณีตไปตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น) อตักกาวจรา (คาดคะเนด้นเดามิได้) นิปุณา (ละเอียดลึกถึงขั้นนิพพาน) ปัณฑิตเวทนียา (รู้แจ้งได้เฉพาะผู้เป็นบัณฑิต บรรลุแท้จริงเท่านั้น) (พตปฎ. เล่ม 9 ข้อ 34) ดังที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้จริงทุกอย่างเลย ตรงตามที่ท่านตรัสไว้ทุกอย่าง มันยาก มันลึกซึ้ง ตามรู้ได้ยาก เห็นตามได้ยาก ละเอียดลึกซึ้ง เป็นสภาพของนิพพาน เป็นธรรมดาธรรมชาติถึงขนาดนั้น
เพราะฉะนั้นสิ่งนี้อาตมาที่ทำงานมา 50 กว่าปีแล้ว มีมรรคผลน้อย ไม่มาก ในหมู่กลุ่ม เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ง่าย คัมภีรา อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ได้ขนาดนี้อาตมาก็ภาคภูมิใจแล้ว ไม่เสียหลายอาตมาถึงบอกว่าอาตมาตายหลับตา ตายสบาย ตายไม่ต้องไปกังวล อาตมาทำงานมาได้ขนาดนี้ อาตมาว่า อาตมาคุ้มแล้ว เพราะฉะนั้นมีแต่กำไร มีแต่ผลกำไร ที่ได้ตามที่เรากะเกณฑ์ไว้ว่าได้ประมาณนี้ เราได้เกินจากที่เราตั้งเป้าไว้ เหมือนนักเศรษฐศาสตร์บอกว่า 5 ปีจะต้องได้ประมาณนี้ ได้งบประมาณนี้ ตั้งตัวเลขตั้งอะไรๆ ไว้ อย่างโน้นเท่านี้ ตั้งอะไรต่ออะไรไป อาตมาก็ใช้เชิงนั้น ก็ได้แล้ว เพราะฉะนั้นทุกวันนี้จึงมีแต่กำไร จะตายเมื่อไหร่ก็ตายตาหลับไม่ใช่ตายหลับตาอย่างที่พูดเมื่อกี้ พูดผิด อย่างคนตายไม่หลับตาก็มีนะ เขาว่าคนที่ตายตาค้าง เขาว่าคนนี้ห่วงเยอะนะ เพราะว่าเป็นคนห่วงเยอะ ไม่สงบอย่างคนที่ตายตาหลับ
เขามองว่าได้น้อยๆไม่ใช่อรหันต์ ได้อรหันต์จะต้องได้บริวารมากๆ คุณไปคิดดีๆ เข้าใจได้ไม่ยากหรอก มากๆมันดี(แต่นั้น)มันไม่จริง แม้ว่าคุณได้มาก มันก็เป็นของเก๊ ของจริงมันได้แค่นี้แหละเพราะยุคนี้มันเป็นยุคเสื่อม ตามจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว แล้วมันก็เป็นไปตามกฎไตรลักษณ์ที่มันต้องเสื่อม แล้วมันก็เสื่อมจริง เสื่อมแล้ว แล้วเรากอบกู้ขึ้นมา จากที่อาตมาไม่ได้มีลักษณะอะไรที่เด่น ไม่มีอลังการอะไรประกอบในตัวเองเลย ที่จะช่วยเหลือ ที่จะเป็นจุดเด่นอะไร มี อาตมามีจุดเด่น แต่พูดไปแล้วเขาไม่เชื่อ ไม่เข้าใจ
จุดเด่นอาตมานี้มีอะไร
1. อาตมาอธิบายธรรมะได้ละเอียดลออ
2. ธรรมะที่อาตมาอธิบายละเอียดลออนี้เป็นโลกุตระ
3. แม้เป็นโลกุตระยากในการที่จะเข้าใจได้ เป็น คัมภีรา (ลึกซึ้ง) ทุททัสสา (เห็นตามได้ยาก) ทุรนุโพธา (บรรลุรู้ตามได้ยาก) ฯลฯ มันลึกซึ้ง แต่ก็ยังมีคนมาฟังได้รู้เรื่อง และมาปฏิบัติตามได้บรรลุมรรคผล มีการบรรลุได้เป็นหลักฐานยืนยันเลย ตามที่พูดมา ว่าไม่มีใครจะทำได้ ไม่มีที่อื่นจะทำได้ ใครจะทำได้เจ้าไหน
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #36 ชีวกสูตรคือเจาะจงฆ่าไม่ใช่เจาะจงชื่อคนกิน วันจันทร์ที่ 14 สิงหาคม 2566 แรม 13 ค่ำ เดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กันยายน 2566 ( 12:38:07 )
รายละเอียด
1. เป็นโลกวิทู
2. เป็นโลกานุกัมปายะ
เป็นวิธีรู้โลก รู้ทั่วๆไปช่วยโลก ช่วยอื่น ช่วยคนอื่นอย่างไร แล้วโลกุตรจิตของท่านไม่มีปัญหาอะไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 28 วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 17:13:20 )
รายละเอียด
ไม่มีพระวินัยที่ให้ยกเว้น แค่มีความกําหนัดจับต้องกายหญิง ก็เป็นอาบัติรองจากปาราชิก คืออาบัติสังฆาทิเสส รองจากปาราชิก หนัก
มาถึงประเด็นพระอรหันต์จริง แก่มากๆ สมองเสื่อมด้วย จะลามกได้ใช่ไหมครับ ตอบ...
ถ้าเป็นอรหันต์แล้วกิเลสถือว่าดับหมด ไม่มีเหตุปัจจัยจะมากระตุ้น จะแก่ขนาดไหนก็ตาม ยิ่งสมองเสื่อมด้วย ยิ่งไม่มีสิทธิ์เลย ประเด็นมันชัดเจนอย่างนี้ สมองนี้เป็นอุปกรณ์ให้จิตวิญญาณทำงาน เพราะฉะนั้น อรหันต์เมื่อกิเลสอาสวะสิ้นแล้ว ไม่มีทางจะไปลามกจกเปรตอย่างนี้ ไม่มีทางแล้ว สมองยิ่งเสื่อมไปอีกเครื่องมืออุปกรณ์ที่จะให้จิตวิญญาณทำงานยิ่งไม่เป็นเครื่องมือร่วมด้วยอีก แล้วมันจะเอาอะไรมาทำงานออกมา มาล้วงเลิ้ง มาแสดงออกทางกาย ชัดเจนนะ จะไม่พูดยาวแล้วตรงนี้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ อรหันต์แม้เป็นอัลไซเมอร์ก็ไม่มีพฤติกรรมกามเมถุน วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 สิงหาคม 2565 ( 04:40:11 )
รายละเอียด
แล้วจะให้อาตมาพูดอย่างไร นับวันอาตมายิ่งมีอาสโภ มีความกล้าหาญที่จะพูดความจริงอย่างนี้ หลายคนบอกว่ามันอวดตัวจังเลยพูดอย่างหนักแน่นมั่นคง แล้วจะให้อาตมาพูดอย่างไรอย่าพูดซึ่งทำอย่างนี้ได้อย่างไรก็ต้องพูดความเป็นจริงเต็มคำ พูดด้วยสำนวนไทยๆเหมือนจะยียวนในที แต่มันไม่ใช่ แต่อาตมาเน้นความจริงให้ฟัง ฟังดีๆแล้วจะได้ปัญญา สุสูสังลภเตปัญญัง สรุปแล้วอาตมาย่อมรู้ตัวเองตามที่อาตมาศึกษาตามพระพุทธเจ้ามาที่รู้จักจิต เจตสิก รูป นิพพาน วิจัยวิจารณ์แยกจิตพวกนี้ให้รู้เองเป็นเอง จึงรู้จบของตัวเองว่าเราเป็นพระอรหันต์เราจบกิจ อย่าว่าแต่พระอรหันต์ธรรมดาเลย พระอรหันต์โพธิสัตว์ระดับ 7 พูดความจริงอย่าเพิ่งหมั่นไส้กัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม พระอรหันต์มาตอบปัญหาประชาธิปไตยแท้ วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:22:57 )
รายละเอียด
พระอรหันต์ในระดับอุภโตภาควิมุติ คือ พระอรหันต์เจ้าขึ้นไปอาศัยพีชธาตุพระอรหันต์ไม่มีความทุกข์ ความสุขได้อย่างไรถาวรเมื่อไหร่ ก็ไม่มี จิตใจมีแต่อุเบกขาอยู่นั้น นิรันดร พระอรหันต์เต็มรูปแล้ว โดยเฉพาะเป็นพระอรหันต์ในระดับอุภโตภาควิมุติแล้ว ก็ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ไม่มีบาป ไม่มีบุญด้วยความจริงทั้งหมดของจิตวิญญาณไม่มี บาปบุญไม่มีทุกข์สุขไม่มี มีแต่พลังงานสะอาด พลังงานที่รู้จักความเป็นมนุษย์ รู้จักการช่วยโลก โลกานุกัมปา ช่วยโลกทำประโยชน์ให้แก่โลก เพราะจิตใจที่เป็นโลกุตระสิ้นสุด นี่คือ สภาพทั้งหลายที่ท่านขยายความ
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 22 ตุลาคม 2562 ( 12:27:42 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:43:29 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:56:32 )
รายละเอียด
สะสมได้ แล้วมีพลังงานจิตเหนือ สั่งสมแต่มีพลังงานจิตเหนือสภาพโลกียะ แรกๆคุมไม่ได้แต่ก็ค่อยเจริญไปแล้วคุมได้เหนือได้ในที่สุด ก็จะเจริญไปตามลำดับ ใช้เวลาต้องเสียเวลาซับซ้อนเหมือนกัน แล้วแต่ใครจะเก่ง อย่าประมาท พระพุทธเจ้าถึงว่าอย่าประมาทแม้โทษภัยอันมีประมาณน้อย
โทษภัยแม้น้อยมันก็มีจริง คือคำสำทับของพระพุทธเจ้าก่อนปรินิพพาน ต้องทำซ้ำซ้อน จนมีพลังแข็งแรงๆ จนเป็นกำแพงยักษ์ดันเข้ามาไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 30 วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม 2561
สื่อธรรมะพ่อครู(กรรม) ตอน สำนึกผิดดีได้ถ้าไม่ตีกิน
เวลาบันทึก 02 มีนาคม 2564 ( 17:08:33 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2563
หนังสืออ้างอิง
พตปฎ.เล่ม 11 ข้อ 248
เวลาบันทึก 12 สิงหาคม 2563 ( 11:44:02 )
รายละเอียด
วิจัยวิจารณ์ พยัญชนะพวกนี้แล้วเข้าใจเอาไปทำที่ตัวเอง ก็จะจบ อย่างที่คุณฟ้าเจือศีลถามมา สุดท้ายแล้ว คนก็จะอยู่อย่างเป็นคนที่ พระอรหันต์ไม่มีวิญญาณ ไม่มีเวทนา ก็ใช่
จริงๆ มีเวทนาที่เป็นเวทนาเดียว ไม่มีเวทนา 2 พระอรหันต์น่ะ มีเวทนาเดียว เวทนาแท้ เวทนาอีกคู่ไม่มี
จะบอกว่าไม่มีวิญญาณ ก็ได้ ก็คือไม่มีวิญญาณที่เป็นอวิชชาก็ไม่มี แต่มีวิญญาณที่เป็นวิชชา ควบคุมวิญญาณ ดูแลวิญญาณ อาศัยวิญญาณได้ วิญญาณที่เป็นวิชชาคือการเกิดก็ควบคุมได้ มีภพก็ควบคุมได้ มีชาติก็ควบคุมได้ ไม่มีอุปาทาน แต่อุปาทานก็ควบคุมได้เป็นสมาทาน ตัณหาควบคุมได้เป็นวิภวตัณหา เวทนาก็คุมได้เป็นเวทนาที่ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ จะอนุโลมไปตามคนที่เขายึดถือสุขทุกข์ก็ได้ แต่เราไม่มี เราสำเร็จจริง เรารู้จริงด้วยว่าไปมีมันไว้ทำไมเลอะเทอะ ก็ไม่มี
ผู้ที่ไม่มีเวทนาเก๊ ไม่มีตัณหาอุปาทานอย่างโลกีย์ มันรู้ทั้งมีและรู้ทั้งไม่มี รู้มี มีอุปาทาน มีตัณหา ที่จะเป็นตัณหาที่มีภพมีชาติอยู่ มันก็เป็นภาระมันก็เป็นตัวที่จะเกิดสภาวะ 2 ความทุกข์ความสุข ไม่ต้องทุกข์ไม่ต้องสุข รู้รอบรู้จริงรู้หมด แล้วคุณจะเอาอะไรอีกล่ะ เหนือเขาด้วย เขาน่ะยังไม่รู้ด้วยซ้ำมีแต่ทุกข์แต่สุข
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ผู้ไม่รู้ตัวเองไม่รู้ทั้งหมด ผู้รู้ทั้งหมด รู้ตัวเอง วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 21 เมษายน 2564 ( 17:03:17 )
รายละเอียด
ถ้า กลางคืน ลืมตาก็มืดหลับตาก็มืดแล้วไม่มีแสงอะไรหรอก ถ้าเป็นใน ไม่มีอะไรสะท้อนมาหรอก ที่มืดจริงๆก็แรม 15 ค่ำมืด รับรองมืด ไม่มีอะไรสะท้อนมาหรอกนอกจากจะมีแสงไฟฟ้าที่สะท้อนมา แต่ถ้าไม่มีแสงอื่นเลยนะ มืด คนเข้าไปในป่ามืดๆ ไม่มีไฟฟ้าอะไร รับรองกลางคืนแรม 15 ค่ำ มืด คุณลืมตาก็มืดอย่างนั้น ไม่มีแสงอะไรให้คุณเห็นได้เลย แต่คนที่มีอุปาทาน หลับตามันก็ไม่มืด ทั้งที่มืดนะ ดีไม่ดีไปสร้างอุปาทาน เป็นแสง บางทีเป็นสีเขียวสีเหลืองสีแดงเป็นอุปาทานทั้งนั้น เป็นของไม่มีจริง
เพราะฉะนั้นพระอรหันต์เป็นต้นไป หลับตาก็มืด ลืมตาก็สว่าง จะมีแสงสีอะไรก็ตามจริง หลับตาก็มืดไม่มีแสงสีอะไร ไม่มี ถ้ามีก็เป็นอุปาทานทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นพวกหลับตานี้ไม่มีทางเลยว่าหลับตาแล้วมันจะมืด พวกหลับตาปฏิบัติจะมีอุปาทานเยอะแล้วจะไปหลงแสงสีด้วย ให้เป็นแสงสีเขียวสีเหลืองสีแดงแล้วสีไกลสีใกล้วูบวาบ เป็นอุปาทานทั้งนั้น ซึ่งน่าสงสารที่ ท่าน ไม่รู้เรื่องไปหลง ปั้นขึ้นมาเล่นไปเสียเวลาทั้งชาติ แล้วก็หลงก็เก่งด้วยนะ ปั้นเป็นตัวเป็นตน เป็นรูปร่างเ ป็นผีนรก เป็นเทวดาต่างๆ นาๆ สารพัดไปเลย โอ้ย ...
มันก็เลยวุ่นวายปั่นป่วนอยู่ในนั้นเยอะแยะ มันยากจริงๆ สำหรับคนที่ไม่สัมมาทิฏฐิ จะเข้าใจอย่างที่อาตมาพูดนี้ ไม่ง่าย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ สุภกิณหาอย่างพุทธดับสุดสิ้นอาสวะ วันพุธที่ 2 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 31 มกราคม 2564 ( 15:33:41 )
รายละเอียด
พระอรหันต์ไม่มีเทวดา 6 ชั้น พระอรหันต์ไม่มีเทวดา ไม่เป็นเทวดาแล้ว ผู้ที่ยังมีอวิชชาอยู่เท่านั้นที่เป็นเทวดา เทวดาจตุมหาราช เทวดาดาวดึงส์ เทวดาดุสิต เทวดายามา เทวดานิมมานนรดี เทวดาปรินิมมิตวสวัตตี เป็นจิตที่เลอะเทอะทั้งนั้น เป็นเทวดาที่ปรุงแต่งไปตามภพภูมิพระอรหันต์หมดเทวดา เทวดาหรือเทพมี 3 อย่าง
1 คือสมมุติเทพเป็นเทวดาเลอะเทอะอย่างที่ว่า
ส่วนเทวดาอันที่ 2 คือเทวดาอุบัติเทพ และวิสุทธิเทพก็คือพระอรหันต์
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ วิญญาณฐิติ 7 ปฏิจจสมุปบาท และวิชชา 8 วันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 วันแรม 14 ค่ำเดือนยี่ ปีขาล ที่บวรสันติอโศก
เวลาบันทึก 08 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:33:37 )
รายละเอียด
โลกุตระนั้น เปิดให้รู้ความสุขความทุกข์และเรื่องความสุขความทุกข์กับความสุขความทุกข์ ดับภพ ดับชาติดับสวรรค์ดับนรก เป็นเรื่องลึกซึ้งเป็นเรื่องยาก ถ้าสามารถรู้จักจิตในจิต เวทนาในเวทนา ถ้าสามารถอ่านอาการออกอ่านอาการเป็น ว่ามันยังมีอาการแสวงรสสุขรสทุกข์ คือมันยังไม่เสวย ทำให้ไม่
สบายได้ ไม่มีรสของความสุขไม่มีรสของความทุกข์ได้ คนที่สามารถอ่านจิตตัวเองแล้วทำจิตตัวเองได้นั่นแหละคืออาริยบุคคลจนเป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์ไม่ใช่เรื่องลึกลับเป็นเรื่องรู้จักจิตในจิต แล้วทำให้จิตใจของเราลดกิเลสจนจิตใจไม่มีความสุขไม่มีความทุกข์
จิตใจไม่สุขไม่ทุกข์ทำโดยไม่ลดกิเลสก็ได้ โลกียะเขาก็ทำด้วยการกดข่ม ก็ได้ โดยวิธีต่างๆมันก็ทำได้ง่าย ทำได้ทนทำได้นานก็เป็นได้แต่มันไม่ใช่ทางของศาสนาพุทธ ศาสนาพุทธต้องลดตัวเหตุแห่งทุกข์แล้วเข้าใจให้ได้ว่า ความทุกข์ความสุขมันเป็นอนัตตามันไม่เป็นจริงหรอกมันเป็นตัวหลอก อารมณ์สุขอารมณ์ทุกข์ เพราะฉะนั้นก็เรียนรู้ไปเป็นลำดับตั้งแต่เรียนรู้ความเป็นสุขเป็นทุกข์ในโลกของอบาย เรียนรู้แล้วเราก็เข้าใจ คนที่เข้าใจแล้วก็เลิกมาได้ ป่ วยการไปเสียเวลาจะต้องไปมีความสุขความทุกข์ไปมีรสชาติในเรื่องของโลกอบาย หมดสุขหมดทุกข์พ้นโลกอบายจริงๆ และก็เลิกความสุขความทุกข์ในโลกกาม โลกอัตตา รูปโลก อรูปโลก อ่านให้ชัด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 24 พฤศจิกายน 2562 ( 11:50:24 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:44:12 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:36:48 )
รายละเอียด
คือ เป็นโพธิสัตว์สูงถึงขั้นไม่ทำบาปทั้งปวงแล้ว ก็ยิ่งรู้จักความดี ความไม่ดี ที่ท่านจะทรงไว้แต่ดี สิ่งไม่ดีท่านไม่ทรงไว้ จะรู้มาก มีมาก แล้วท่านจะยึดธาตุอัตภาพตัวเอง ช่วยคน ช่วยสัตวโลก ให้มีพลังนานเท่านาน ที่ท่านจะมีสมบัติ ก็เป็นคุณค่าสูงสุดที่ท่านมอบให้แก่โลก
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 193
เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 12:06:09 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:01:35 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:57:18 )
รายละเอียด
ท่านเป็นโพธิสัตว์ระดับใด ..พระอวโลกิเตศวรตามตำนานที่ได้เล่ากันมา คือพระโพธิสัตว์ใหญ่ มีปณิธานสูงยิ่ง แล้วท่านก็เป็นโพธิสัตว์มานาน แน่นอนว่านานก็ต้องใหญ่กว่าอาตมาแล้วท่านจะไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้ง่าย เพราะว่าท่านมีปณิธานจะสอนให้คนในโลกมนุษย์ชนเป็นพระอรหันต์ให้ได้หมดเสียก่อนและท่านจึงจะปรินิพพานสุดท้าย
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2562
เวลาบันทึก 17 ธันวาคม 2562 ( 20:31:59 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:45:06 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 14:58:04 )
รายละเอียด
ขณะนี้ พุทธ พระอวโลกิเตศวรเกิดอยู่ตลอดเวลา ไม่ยอมตาย อมตะอยู่อย่างนั้น เพราะมีปณิธานว่าจะช่วยเหลือมนุษย์ในโลกนี้ให้นิพพานหมดทั้งโลก ตัวเองจึงจะปรินิพพาน แล้วทำไมไม่ต่อโลกอื่นอีกละท่านอวโลกิเตศวร นี่โพธิรักษ์ทัก ท่านเก่งขนาดนั้นไปช่วยมนุษย์โลกอื่นอีกหน่อยสิ ท่านตั้งปณิธานจะรื้อขนสัตว์ให้หมดโลกจึงจะปรินิพพาน มันเป็นปณิธานที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเชื่อเลย มันโอเวอร์ไปกระมังมันมากไป Incredible มันไม่น่าเชื่อ อะไรอย่างนี้เป็นต้น แต่มันจริงมันทำได้ตามนั้น
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 17:58:43 )
รายละเอียด
สำหรับ“พุทธ”แท้ๆนั้น คำความที่ยืนยันตามพระไตรปิฎก
เล่ม 4 ข้อ 68 ก็คือ “ผู้มีอายุ ครั้งนั้น พระอัสสชิได้กล่าวธรรม
ปริยายนี้ ว่าดังนี้ :- ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรง
แสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น
พระมหาสมณะมีปกติทรงสั่งสอนอย่างนี้”
บาลีก็มีว่า “อถโข อาวุโสอสฺสชิ ภิกฺขุ อิมํ ธมฺมปริยายํ
อภาสิ เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต (อาห) เตสญฺจโย
นิโรโธเอวํวาที มหาสมโณติ ฯ”
สั้นๆก็คือ ธรรมใดเกิดมาแต่เหตุ ดับเหตุเสียได้ ธรรมนั้นก็ดับ
ชัดเจนแจ่มแจ้งนะว่า ศาสนาพุทธต้องมี“เหตุ” และต้อง
มีการปฏิบัติที่มี“กระบวนการ”(process)ที่เป็น“เหตุ”แห่งการ
ปฏิบัติ
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 237 หน้า 194
เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 19:25:56 )
รายละเอียด
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต คือ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ได้รับยกย่องจาก UNESCO มาเป็นบุคคลสำคัญของโลกชาวไทยก็ยกย่องว่าเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งท่านเป็นคนดี เป็นภันเตสมณะโพธิรักษ์ท่านเกิดมาเมื่อ 150 ปีแล้ว สมณะโพธิรักษ์อายุย่าง 86 ปี พระอาจารย์มั่นยังไม่ใช่อรหันต์สมณะโพธิรักษ์บอก
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:44:55 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:46:18 )
รายละเอียด
แม้แต่เรื่องสวดมนต์ อาตมาก็วิเคราะห์วิจัยแล้ว ขอยืนยันว่าพระอาบัติเพราะสวดมนต์นี้เยอะแยะ สวดมนต์ที่สวดแบบผิดอาบัติเขาไม่รู้กันแล้ว เช่นสวดลากเสียงยาว ใส่ทำนองเป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม ตีแตกเทวะด้วยคอมเม้นท์ที่เห็นต่างจากพ่อครู วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 มีนาคม 2564 ( 13:39:41 )
รายละเอียด
คือคนผู้เป็นโสดาบันเลิกจากโลกของอบายมุข พระสกิทาคามีก็เลิกจากโลกที่ไม่ได้เรื่องอีก พระอนาคามี ก็เลิกจากโลกที่เป็น กามคุณภายนอก หมดอรหันต์หมดโลกที่เป็นกิเลส
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 82 วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 04 ธันวาคม 2562 ( 14:47:37 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:47:17 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:00:51 )
รายละเอียด
คนผู้เป็นโสดาบันเลิกจากโลกของอบายมุข พระสกิทาคามีก็เลิกจากโลกที่ไม่ได้เรื่องอีก พระอนาคามี ก็เลิกจากโลกที่เป็นกามคุณภายนอกหมด อรหันต์หมดโลกที่เป็นกิเลส
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 20 ธันวาคม 2562 ( 20:13:39 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:01 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 03:57:10 )
รายละเอียด
เป็นการป้องกันตัวเองถ้าจะมี ไม่ได้เตะด้วยโทสะ ไม่เตะด้วยโหดร้ายหรอก พูดไปตอนนั้นก็เป็นเหตุการณ์ชุลมุนคนจะทำร้ายเท่านั้นเอง
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต บ้านราช ครั้งที่ 66 วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 27 พฤศจิกายน 2562 ( 19:15:45 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:49:50 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:01:37 )
รายละเอียด
คือ นัตถิทินนัง แปลว่าทานแล้วไม่มีอานิสงส์ ไม่มีผลทางโลกุตระ อาริยะของศาสนาพุทธเลย เขาก็สอนกันเต็มในวงการศาสนาพุทธอาจารย์ส่วนใหญ่ก็สอนกันอย่างนี้ คนที่มาอย่างชาวอโศก เรามีจำนวนน้อย อาตมาประผลสำเร็จแล้วได้แค่นี้ก็เหลือ สบายใจมากกว่านี้ ใครจะมาเพิ่มก็ยิ่งดี ใจของอาตมาไม่ได้ขี้โลภ อะไร ได้มากกว่านี้เป็นสองเท่า สามเท่า ห้าเท่า นั้นเท่า ก็ดีทั้งนั้น แต่มันจะได้ไหมละ ก็ไม่ได้ประหลาดอะไร คนมาก็ได้เป็นพระอาริยะ มันก็ดีเป็น คุณธรรมของพระพุทธเจ้าที่ตรงที่ถูก อาตมาเอาของพระพุทธเจ้ามาทำให้ถูกให้ตรง ได้ผล ก็ประสบความสำเร็จ ทำงานช่วยมนุษยชาติได้ เจริญขึ้น ดีขึ้น ทั้งคุณภาพ ทั้งปริมาณมากขึ้นก็ดี ไม่ได้ประหลาดอะไร
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช ครั้งที่ 79 วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 29 พฤศจิกายน 2562 ( 11:33:17 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:51:27 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2563 ( 10:26:49 )
รายละเอียด
นัตถิทินนัง แปลว่าทานแล้วไม่มีอานิสงส์ ไม่มีผลทางโลกุตระ อาริยะของศาสนาพุทธเลย เขาก็สอนกันเต็มในวงการศาสนาพุทธอาจารย์ส่วนใหญ่ก็สอนกันอย่างนี้ คนที่มาอย่างชาวอโศก เรามีจำนวนน้อย อาตมาประผลสำเร็จแล้วได้แค่นี้ก็เหลือ สบายใจมากกว่านี้ ใครจะมาเพิ่มก็ยิ่งดี ใจของอาตมาไม่ได้ขี้โลภ อะไร ได้มากกว่านี้เป็นสองเท่า สามเท่า ห้าเท่า นั้นเท่า ก็ดีทั้งนั้น แต่มันจะได้ไหมละ ก็ไม่ได้ประหลาดอะไร คนมาก็ได้เป็นพระอาริยะ มันก็ดีเป็น คุณธรรมของพระพุทธเจ้าที่ตรงที่ถูก อาตมาเอาของพระพุทธเจ้ามาทำให้ถูกให้ตรง ได้ผล ก็ประสบความสำเร็จ ทำงานช่วยมนุษยชาติได้ เจริญขึ้น ดีขึ้น ทั้งคุณภาพ ทั้งปริมาณมากขึ้นก็ดี ไม่ได้ประหลาดอะไร
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ชีวิต บ้านราช วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 28 พฤศจิกายน 2562 ( 19:56:01 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:50:35 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:02:41 )
รายละเอียด
พระอาริยะที่มีในโลก คือ บุคคลที่มีสภาพของจิตที่ล้างกิเลสออกได้หมด สะอาดบริสุทธิ์แล้ว จึงเป็นจิตตัวที่เราถือว่าเป็นจิตสะอาดบริสุทธิ์ที่เราได้ล้างกิเลสออกไปแล้ว ก็สะอาดบริสุทธิ์จริง ตรวจสอบแล้ว ตรวจสอบอีกนี่แหละเป็นสุดยอดของจิตสะอาดที่ตกผลึกลงเป็นของเรามีกิเลสอีกกี่เรื่อง ก็ตกผลึกไป เราก็เป็นพระอาริยะที่อยู่ในโลก เขาตกเป็นทาส แต่เราก็หลุดพ้นจากความเป็ฯทาสเหล่านั้นออกมาแล้วจิตตกผลึกตั้งมั่น จิตเป็นสมาธิ จึงไม่ใช่เรื่องพื้นๆ จิตนั้นพ้นจากจรณะ15 วิชชา 8 คุณสมบัติของจิตก็เชี่ยวชาญชำนาญขึ้น ทั้งปริมาณก็มากขึ้นรวมกันขึ้นมาเป็นจิตบริสุทธิ์ ปริโยทาตาเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพทั้ง 2 ด้าน ทั้งสมรรถนะความสามารถ quality and quantity
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 30 กันยายน 2562 ( 09:16:36 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:52:35 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:05:26 )
รายละเอียด
ก็ยืนยันได้ว่าพระอาริยะเป็นสิ่งประเสริฐเหนือมนุษย์ เหนือธรรมดามันเป็นได้นะคนสมัยนี้ก็มีได้ อาตมาเป็นตัวอย่าง อย่าเดา บอกแล้วเป็นของจริงอย่าไปเดาว่าคนนั้นคนนี้เป็นพระอาริยะนั้นอย่าไปเดาเขาเลย อย่างเช่นหลวงพ่อคูณ บอกว่าเป็นพระอาริยะอย่างนี้ ยังอยู่ในส่วนที่อาตมาไม่เห็นว่าเป็นพระอาริยะเลย ในคำสอนที่หลวงพ่อคูณปฏิบัติ แล้วไปทำเดรัจฉานวิชาทำไม อบายมุขสิ่งที่หยาบ
โลกุตระของพุทธเจ้านั้นรู้ก่อนเลยที่จะพ้นจากสิ่งที่หยาบ ทำเดรัจฉานวิชาเป็นอบายมุข มันมีขั้นต้น ขั้นกลาง ขั้นปลาย
อย่าไปเอาพระอรหันต์ที่เคี้ยวหมากปากเปรอะอยู่เป็นอรหันต์ไม่ได้หรอก จับตามองว่าเป็นสิ่งเล็กน้อย ไม่ใช่หรอก มันเป็นสิ่งที่หยาบก็ไม่รู้จะเป็นพระอาริยะได้อย่างไร เพราะเสพติดก็ไม่รู้ว่าตัวเองเสพติดอบายขั้นต่ำ เป็นสิ่งภายนอกขั้นต่ำก็ยังไม่รู้เลยมันน่าอายก็ยังไม่รู้ ถ้าหากปฏิบัติอย่างมีลำดับมันจะมีความอัศจรรย์ลาดลุ่มเหมือนฝั่งทะเล แต่หากสับสน เอาต้นเป็นปลายเอาหัวเดินต่างตีน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต บ้านราชฯ ครั้งที่ 36
วันจันทร์ที่ 28 มกราคม 2562 ที่บวรราชธานือโศก
เวลาบันทึก 16 มีนาคม 2564 ( 04:53:30 )
รายละเอียด
ตอนแรกท่านก็ปล่อยให้เราเป็นพระนานาสังวาสตั้งแต่ พ.ศ. 2518 วันร้ายคืนร้ายไปกินยาผิดอะไรมาก็ไม่รู้ พ.ศ. 2532 ก็ดึงเราเข้าไปอีก ดีนะช่วงนั้นยังมีผู้อำนวยการรถไฟ ส่งมาเป็นลายลักษณ์อักษรตอบเรามา ตอนที่จะไปซื้อตั๋วรถไฟ ลดครึ่งราคา ทางโน้นก็บอกว่าพระอโศกไม่ใช่พระของเถรสมาคม ก็เลยมีคำถามของผู้อำนวยการรถไฟ ผ่านไปถึงกรมการศาสนา ทางกรมการศาสนาก็มีหนังสือมาทางเถรสมาคมบอกว่า เราออกจากเถรสมาคมแล้ว ไม่ได้อยู่ในการปกครอง ก็มีหลักฐานชัดเจน ผู้อำนวยการรถไฟก็บอกว่านี่ไม่ใช่พระเถรสมาคม ก็คิดเงินเต็มราคา เราก็ต้องเสียเต็มราคาตั้งแต่บัดนั้นมาถึงบัดนี้ เราก็ยอมไม่มีปัญหาอะไร อย่างนี้เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ โสเหล่โลกุตระ ออนไลน์ ครั้งที่ 34 วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 เมษายน 2564 ( 21:37:38 )
รายละเอียด
คือ พระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นพระผู้สร้าง พระผู้ประทาน
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ”หน้า152
เวลาบันทึก 26 ตุลาคม 2562 ( 14:51:22 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:02:53 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:05:50 )
รายละเอียด
1. เหตุ หรือต้นเหตุ หรือปฐมเหตุ
2. พระผู้สร้างจิตตน คือสามารถในการทำใจในใจ(มนสิกโรติ)ของตนเอง หรือสร้างวิญญาณของตนเองให้สะอาดบริสุทธิ์จากกิเลสได้จริง
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 114
ยอดนิยายของโลกที่ไขความเป็นมนุษย์ หน้า 351
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:45:55 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:03:05 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:06:18 )
รายละเอียด
พูดกันว่าพระเจ้าใจดีรักมนุษย์ทุกคน ปรารถนาดีให้คนไม่มีทุกข์นอกจากคนชั่ว ก็จะส่งลงนรก ถ้าเผื่อว่า ธรรมดาก็ต้องรักทุกคนส่งขึ้นสวรรค์ทุกคน แต่ทำไมเมื่อลูกๆยังลำบากอีกเยอะแยะยังจะต้องให้เจ็บปวดให้ตาย การให้ตายนี้เป็นเรื่องที่ซ้อน พระเจ้าไม่ให้ใครตาย พระเจ้าไม่มีตายเป็นวิญญาณนิรันดร ใครตายจากร่างกาย วิญญาณไม่มีตาย ในศาสนาเทวนิยม วิญญาณจะต้องไปอยู่กับพระเจ้าตลอดนิรันดร คำว่าวิญญาณนี้ตายสูญหายไม่ได้ไม่มี ศาสนาเทวนิยมมีปัญญานิรันดรไม่มีตาย ไปอยู่กับพระเจ้าเท่านั้น ส่วนที่จะลงนรกพระเจ้าเป็นผู้พิพากษา จะให้ใครลงนรก ศาสนาเหล่านี้จึงเป็นศาสนาที่อ้อนวอนพระเจ้าจะถูกจะผิดก็ต้องให้พระเจ้ารักท่านจึงจะไม่ส่งลงนรก ออดอ้อนให้พระเจ้ารัก แต่ศาสนาพุทธนั้นหยุดเลยในความผิดไม่ทำไรแล้วไม่ยึดติดในนรก หมดสวรรค์หมดนรก มีชีวิตอยู่ยังไม่ปรินิพพานเป็นปริโยสานก็กรรมกิริยาที่มีแต่ดีเป็นกุศล
ที่มา ที่ไป
รายการสำมะปี๋ซี่วิต สันติอโศก วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2562 ( 15:11:49 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:10 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:07:11 )
รายละเอียด
พระเจ้าคือมายาใหญ่คือเจ้าของสุข แล้วครอบงำโลกอยู่ก็คือไอ้ตัวสุขนี่แหละ คนไม่รู้จักสุขและไม่กล้าดับสุข ไม่กล้าเป็นคนไม่มีสุข พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ว่าสิริมหามายาที่แท้ตัวทุกข์ ที่แท้มันเป็นตัวทุกข์ ให้มันเอาหน้าความสุขมาหลอก จนกระทั่งมีเจ้าของสุขยิ่งใหญ่เรียกว่าพระเจ้า อยากได้สุขต้องขอจากพระเจ้า พระเจ้าประทานสุข ถ้าทุกข์เพราะพระประสงค์ของพระเจ้านั่นแหละ ถ้าใครทุกข์ก็จะบอกว่าเพราะพระประสงค์ของพระเจ้าลงโทษ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ตอน 3 วันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2567 แรม 9 ค่ำเดือนอ้ายปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 มกราคม 2567 ( 14:44:47 )
รายละเอียด
เพราะศาสนาพระเจ้าไม่รู้จักซาตาน ไม่ได้ลงรายละเอียดของซาตานเลย ซาตานเลยหลอกคนได้ตลอดเวลา เพราะจริงๆแล้วซาตานกับพระเจ้าคืออันเดียวกันคือสุขกับทุกข์ ความทุกข์คือซาตาน ความสุขคือพระเจ้า พระเจ้าเป็นเจ้าของสุขเป็นสุขนิยม ส่วนซาตานเป็นเจ้าของทุกข์ นี่คือสิริมหามายาเป็นหนึ่งในสอง เอามาใช้ในสมมุติต้องรู้จักแยกความสุขความทุกข์
ถ้าไม่สุขทุกข์แล้วก็เป็น 0 นอกจาก 0 กับ 2 แล้วไม่มี 1 คือสมมุติสัจจะ อาศัยอยู่เท่านั้นเอง ผู้จบเป็นอรหันต์แล้วจะรู้ว่าอยู่กับสมมุติ ถ้าจะมีก็มี 2 กับ 0 เท่านั้นแหละ พอปรุงเป็น 2 3 ก็เกิดสังขารขยายออกไป ขยายความมีออกไปไม่สิ้นสุด ถ้าไม่รู้จักจบไม่รู้จักกรอบแห่งการตัดจบ มันก็จะขยายไปตลอดกาล
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมในงานพิธีน้อมกตัญญูบูชา พ่อครูสมณะโพธิรักษ์ งานอโศกรำลึก 2564 วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2564 ( 16:03:50 )
รายละเอียด
อธิปไตย 3 เป็นประชาธิปไตยที่รับใช้มวลประชาชนทั้งโลก เพราะเป็นทฤษฎีรวมของอธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ว่าเป็นการรับใช้มวลมนุษยชาติ ยิ่งกว่าพระเจ้า พระเจ้านั้นรับใช้ประชาชนแต่ที่จริงครอบงำประชาชน บัญชาประชาชน สั่งการประชาชน พระเจ้า แต่นี่ไม่ใช่ อันนี้เป็นนัยยะสำคัญว่าพระเจ้ากับพระพุทธเจ้าเป็นคนละขั้วคนละทิศทาง
พระเจ้านั้นใช้ใหญ่ แต่พระพุทธเจ้านั้นใช้เล็ก
พระพุทธเจ้านั้นใช้อำนาจโดยไม่ใช้อำนาจ แต่ของพระเจ้านั้นมีอำนาจโดยใช้อำนาจ มันต่างกัน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาที่เลยปัญหาของคนหลงความรู้มาก วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 เมษายน 2564 ( 21:01:40 )
รายละเอียด
พระเจ้ากับพระพุทธเจ้านั้นแตกต่างกันอย่างยิ่ง
“พระเจ้า”นั้น“ลึกลับ”แต่“พระพุทธเจ้า”นั้น“เปิดเผย”ยิ่ง
“พระพุทธเจ้า”กับ“พระเจ้า” จึงแตกต่างกันหันทิศ
ไปคนละทาง มีทิศทางเดินไปต่างกันถึง 180 องศา มุ่งไปตรงกันข้ามทีเดียว หรือหมุนได้ต่างกันชนิด 360 องศาชนิดที่เป็น“คนละโลก”จึงมองไม่เห็นกันเลย เพราะทั้งในกว้าง ทั้งในความไกล ทั้งในความมาก ทั้งในความลึกลับ ทั้ง“ความลึก” และ“ความลับ” ทั้งใน“ความมืดดำ”ทั้งใน“ความเวิ้งว้าง”
ส่วน“พระพุทธเจ้า”นั้นสัมผัส“ความจริง”ได้ทุกแง่ทุกเหลี่ยมทุกซอกทุกมุม ทุกนอกทุกใน ทุกหยาบทุกละเอียด ทุกมิติ ทุกนัยะ ทุกประเด็น ทุกโลก ฯลฯ นิรันดร
“พระเจ้า”นั้น สัมผัส“ความจริง”ไม่ได้ด้วย“ภาวะ 2” หรือในความเป็น“เทฺว” เพราะทั้ง“ลึก”ทั้ง“ลับ” ทั้ง“มืดดำ” ทั้ง “เวิ้งว้าง”ควาญหาไม่เจอ“เนื้อตัว”ส่วนใดของ“พระเจ้า”ได้เลย
“พระพุทธเจ้า”เป็น“เนื้อหนังมีชีวะ”ทั้งเห็นได้ทั้งสัมผัสแตะต้องสรีระที่มี“กาย”กับ“จิต”อันเป็น“2 ใน 1”และ“1 ใน 2”ของ“เทฺว”ได้ในความเป็น“คน”ของโลกในกาละ ส่วน“พระเจ้า”ยืนยันไม่ได้เลย แม้แค่“กาย”ก็ให้มนุษย์สัมผัสไม่ได้ ยิ่ง“จิต”ก็ยิ่งรู้ได้อยู่คนเดียวคือ“พระศาสดา”หรือ“พระบุตร”เท่านั้น นอกนั้นเป็น“สิทธิ์ของพระจิต” หรือ“พระวิญญาณ”ที่เป็น“พระเจ้า”เท่านั้นมีสิทธิ์เด็ดขาดแต่ผู้เดียว ถือกันว่า “พระเจ้า”เป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งในเอกภพมหาจักรวาลนั้นแต่ผู้เดียว”
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1
วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2565 ( 20:58:08 )
รายละเอียด
“พระเจ้า”เป็นผู้ประทาน“สุข”แต่ผู้เดียว
“สุข”มี“พระเจ้า”เป็น“เจ้าของ“สุขนิยม”
“พระเจ้า”คือ“เทฺว”ผู้ยิ่งใหญ่ที่จะบัญชาให้ใครๆมี“สุข”ได้
“สุขนิยม” คือ ผู้ยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า “สุข-ทุกข์”คือ
“เทฺว” เป็น“ภาวะ 2”ที่ไม่แยกกันเลย มันเป็น“ภาวะคู่”นิรันดร
แต่เจ้า“สุข”นี้แลมันยอดสุดยอด“มายา”
ที่หลอกมนุษย์ให้หลงติดยึดงมงายอยู่กับ“สุข”ชั่วกาลนาน ของคนโลก
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ รวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อที่ 20 หน้า 55
เวลาบันทึก 13 มิถุนายน 2564 ( 14:22:18 )
รายละเอียด
“พระเจ้า”เป็นผู้ประทาน“สุข”แต่ผู้เดียว
“สุข”มี“พระเจ้า”เป็นเจ้าของ“สุขนิยม”
“พระเจ้า”คือ“เทฺว”ผู้ยิ่งใหญ่ที่จะบัญชาให้ใครๆมี“สุข”ได้
“สุขนิยม” คือ ผู้ยังไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงว่า “สุข-ทุกข์”คือ“เทฺว” เป็น“ภาวะ 2”ที่ไม่แยกกันเลย มันเป็น“ภาวะคู่”นิรันดร
แต่เจ้า“สุข”นี้แลมันยอดสุดยอด“มายา”
ที่หลอกมนุษย์ให้หลงติดยึดงมงายอยู่กับ“สุข”ชั่วกาลนาน ของคนโลก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการพุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2ตอน 4
วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 16:31:58 )
รายละเอียด
พระศาสดาของศาสนาเทวนิยมนั้น สูงสุดคือพระเจ้า พระศาสดาของศาสนาเทวนิยมไม่รู้ว่าพระเจ้าคือความรู้ ความจริง ที่ตนนั่นแหละมี แล้วจริงๆ พระเจ้าก็คือความรู้และความจริงของตน ที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่ไม่รู้ชาติไหนต่อชาติไหนและคนก็มาได้บ้าง จนมาแสดงออกคนมายอมรับนับถือ ได้เป็นศาสดาองค์ใดองค์หนึ่ง ในศาสนาเทวนิยมที่อวิชชาไม่รู้อัตตาไม่รู้ตัวตน แล้วตัวตนก็ได้เป็นพระเจ้าหรือพระศาสดา และตัวเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพระเจ้า พระเจ้าของตัวเองก็ไม่รู้ตัวเอง ก็เลยพลอยให้คนอื่นๆไม่รู้จักพระเจ้า ก็รู้แต่ศาสดา
แล้วศาสดาก็ไม่รู้จักพระเจ้า ศาสดาก็เลยเอาความไม่รู้จักพระเจ้ามาสอนสาวก สาวกทั้งหมดก็เลยมีความรู้ ที่เป็นความรู้อันลึกลับคือพระเจ้า ความรู้อันลึกลับ เป็นความรู้อยู่ในความมืด หรือความรู้อยู่ในความคลุมเครือ ความรู้อยู่ในความไม่กระจะกระจ่างไม่เปิดไม่เผยในความเป็นคน
ความเป็นคนมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ออกมาตื่นเต็ม เป็นสติเต็มร้อยทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่เมื่อมีสิ่งที่ไม่เต็มคน จะลึกลับทางแบบพระเจ้า หรือไปนั่งหลับตาไปปฏิบัติอีก กลายเป็นพญาครุฑ กลายเป็นพญานาคก็ตาม ไม่เต็มคนทั้งนั้น อธิบายพญาครุฑ พญานาคไปแล้วนะ
นี่คือสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ของธรรมะ แม้แต่ในศาสนาพุทธ จะเป็นพญานาคหรือเป็นพญาครุฑก็ไม่สมบูรณ์ทั้งคู่ จนกว่าจะมาจับสภาวะได้ว่า พระพุทธเจ้าบอกจุดปฏิบัติสูงสุดในศาสนาให้ เป็นฐานปฏิบัติ ในพรหมชาลสูตร ท่านก็ใช้คำว่าฐานะนี่แหละ เป็นที่ตั้ง เป็นแหล่งเป็นจุดสำคัญที่จะต้องปฏิบัติ หรือใช้ทำกรรมกิริยา เรียกเต็มๆ ว่ากรรมฐานะหรือกรรมฐาน กระทำกันตรงนี้
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #49 ชำแหละลากไส้อัตตาของพญาครุฑและพญานาค วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือนอ้าย ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 มีนาคม 2567 ( 15:49:45 )
รายละเอียด
เหตุคือไม่มีปัญญารู้จักรู้แจ้งรู้จริง“กรรมวิบาก”เพราะว่า ไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงความเป็น“กรรมวิบาก”ที่มี“กรรมเป็นของของตน-ตนเป็นทายาทกรรมของตน-กรรมพาตนเกิดตนเป็นไป-กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ ตาย-เกิดอยู่ไม่รู้จบไม่รู้แล้ว อยู่ตลอดกาล หากยังไม่มี“ปัญญา” จึงลึกลับ หรือไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในสัจจะอยู่นั่นเองว่า แท้ๆแล้ว“พระเจ้า”ก็คือ“ตนเอง” เป็น“นายของอัตตา” เป็น“ผู้บงการกรรมของตน”
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 1
วันพุธที่ 23 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 30 มีนาคม 2565 ( 21:48:29 )
รายละเอียด
พระเจ้าทำได้ไหม พระเจ้าเข้าใจโลกุตระไม่ได้หรอก เพราะฉะนั้นชาวโลกุตระจึงกบฏต่อพระเจ้า แม้แต่พระเจ้าก็ทำให้คนหายจนไม่ได้
ตามสัจจะของพุทธนั้นชัดเจนในความเป็นคน ว่า มีทั้งสมมุติสัจจะที่คนย่อมมีความรู้ความสามารถที่มากน้อยแตกต่างกัน และมีทั้งปรมัตถสัจจะที่คนย่อมมีวิบากของแต่ละคนที่ได้สั่งสมมา แล้วต้องใช้วิบากตามน้อย-ตามมากหรือมีสุข-มีทุกข์ ตามวิบากและตามปัญญาของตนจริง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจแบบพุทธ ตอน 1 วันพุธที่ 29 มีนาคม 2566 วันขึ้น 8 ค่ำเดือนห้าปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 พฤษภาคม 2566 ( 20:54:37 )
รายละเอียด
ประชาธิปไตยของตะวันตกเข้าใจอย่างเทวนิยมว่าต้องเป็นใหญ่ต้องเป็นหนึ่ง พระเจ้าเป็นหนึ่ง ใครเปลี่ยนแปลงพระเจ้าไม่ได้ ทั้งๆที่พระเจ้านั้นแสนลึกลับ ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหนเลยคือพระเจ้า แต่พระเจ้าของชาวพุทธคือพระพุทธเจ้า พระเจ้าที่ชื่อว่าสัมมาสัมพุทธะ เป็นคนไม่เอาสิ่งลึกลับ เพราะสิ่งลึกลับมันคือจินตนาการ อะไรก็ได้เป็นลมเป็นแล้ง เป็นนิรมาณกาย ในกาย3
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ตุ้ม ตะลุ่ม ตุ้ม ม้ง ครั้งที่ 49 ตอบไทยรัฐทีวีเรื่องสมุนไพรกับการพึ่งพาตนเอง วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 กันยายน 2565 ( 13:56:37 )
รายละเอียด
“พระพุทธ”หรือ“พระเจ้า”ของศาสนาพุทธนั้นไม่ลึกลับ จึงเป็น“พระพุทธเจ้า”ผู้เป็น“เจ้าของพระธรรม (ธรรมสามี)”ที่เปิดเผย และคนใดก็ตามผู้สามารถจริง ก็สามารถสะสมบารมีให้มี“พระธรรม”เท่าเทียมกับ“พระพุทธเจ้า”ทุกพระองค์ได้ แม้แต่“พระธรรม”ที่เป็น“คำสอน”แบบพุทธ ก็มีนัยสำคัญเพราะเป็น“คำสอน (doctrine)”ที่ไม่ใช่“คำสั่ง (command)”หรือบงการ ซึ่งแตกต่างยิ่งจาก“พระธรรม”ที่เป็น“คำสั่ง (อาชญา)”ของ“พระเจ้า”อย่างมีนัยสำคัญ หลายนัยลึกล้ำนัก
หนังสืออ้างอิง
เปิดยุคบุญนิยมเล่ม 2 หน้า 475 ข้อที่ 663
เวลาบันทึก 11 กรกฎาคม 2565 ( 14:04:22 )
รายละเอียด
ใช่ เมื่อเช้านี้เสวนากัน อาตมาสรุปลงว่าตกลงความลับนี่คือความทุกข์ พระเจ้านี่คือความลับ พระเจ้านี่คือความทุกข์ เพราะฉะนั้นพระเจ้ายังไม่เปิดเผยพระเจ้าเมื่อไหร่ยังลึกลับอยู่อย่างนั้น ก็เท่ากันกับเขาไม่มีทางที่จะดับทุกข์ได้ เพราะพระเจ้าคือความทุกข์ ทุกข์กับสุขมันตัวเดียวกัน แต่พระเจ้านี้ ขออภัยผู้ที่นับถือพระเจ้าอย่าหาว่าดูถูกดูแคลน นี่พูดวิชาการ
พระเจ้าไม่ฉลาดจึงหลงว่าความสุขนี้น่าได้น่ามีน่าเป็น มัดจำความวิปลาส แท้ๆ แล้วก็ติดอยู่ในอารมณ์นี้ความรู้สึกนี้ ไม่มีวันหายไม่มีการศึกษาที่จะหมดความรู้สึกนี้ ไม่มีวัน เพราะฉะนั้นศาสนาเทวนิยมจึงจะไม่หมดไปจากโลกหมดไปจากมหาจักรวาลได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม เรียนอัตถิราคสูตรให้หมดสุขหมดทุกข์แท้จริง วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 24 กุมภาพันธ์ 2564 ( 16:55:50 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน 2563
เวลาบันทึก 12 กรกฎาคม 2563 ( 11:28:32 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:53:42 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:08:17 )
รายละเอียด
ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ พระเจ้าก็คือวิญญาณหรือธาตุรู้ เขาก็รู้ว่าพระเจ้าคือพระวิญญาณคือธาตุรู้ แต่แล้วธาตุรู้ทำไมไม่รู้ ก็เพราะมันไม่รู้ น่าจะเรียกว่าธาตุไม่รู้ ไปเรียกธาตุรู้ได้อย่างไรพระเจ้า พระเจ้าก็คือวิญญาณ แต่วิญญาณมันคือตัวรู้ แล้วไม่รู้ว่าพระเจ้าคืออะไร แล้วไปบอกว่าวิญญาณเป็นธาตุรู้ คุณก็รู้จักพระเจ้าที่เป็นธาตุไม่รู้สิ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 พฤษภาคม 2565 ( 20:00:13 )
รายละเอียด
แม้แต่ศาสนาไม่รู้ตัวเองนั้นเขาก็มีบารมีมาประกาศจริงๆเขาก็รู้ คนก็นับถือผู้ประกาศนี้เป็นศาสดา ผู้ประกาศนี้เป็นศาสดาทุกพระองค์ ผู้ประกาศโฆษกของพระเจ้า แต่ก็ไม่รู้ว่าพระเจ้าคืออะไร พระเจ้าคือธรรมะ 2 ธรรมะที่ตัวเองสั่งสมมาเป็นธาตุรู้ของรูปนาม เป็นธรรมะ 2 อย่าง
เป็นความรู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นความรู้ธรรมะ 2 ทุกอย่างทั้งหมดเป็นเรื่อง 2 อย่างทั้งนั้น ถ้ามีอย่างเดียวก็หมดการปรุงแต่ง ก็ไม่มีบวกไม่มีลบไม่มีทุกข์ไม่มีสุข ไม่มีอะไรเดือดร้อนไม่เดือดร้อน ถ้าใครจมอยู่ในความเดือดร้อนก็เดือดร้อนเอง ถ้าใครไม่จมอยู่ในความเดือดร้อนก็อยู่ในความไม่เดือดร้อนเอง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ สำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561
ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:26:06 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 7 ตุลาคม 2563
เวลาบันทึก 18 พฤศจิกายน 2563 ( 11:50:23 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 16 กันายน 2563
เวลาบันทึก 13 พฤศจิกายน 2563 ( 12:01:37 )
รายละเอียด
คำว่า พระเจ้าเป็นภาษาเท่านั้น สภาวะเป็นอันเดียวกัน พระเจ้าอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ ลึกลับจนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใครรู้ว่าพระเจ้าคืออะไร เทวนิยมไม่รู้จักพระเจ้าคืออะไร ที่จริงแล้วพระเจ้าก็คือตัวเอง คือจิตวิญญาณ แล้วก็ศึกษาจิตวิญญาณคืออะไรจนกระทั่งรู้การเกิดการดับของจิตวิญญาณและทำการเกิดการดับได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ชาติ 5 พาพ้นขิฑฑาปโทสิกะและมโนปโทสิกะ วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 01 มกราคม 2565 ( 20:24:08 )
รายละเอียด
เราไม่มีกรรมกิริยาอะไรเลยมันก็เป็นกรรมที่นิ่งๆ ก็สั่งสมด้วยอวิชชาด้วยความไม่รู้ พระศาสดาจึงมาเรียนรู้ว่ารู้นะแต่ไม่รู้ว่ากรรมคืออะไร รู้แต่ว่าดีคือกายวาจานั่นแหละ แต่อธิบายไม่ออก เป็นกายวาจาแต่ไม่รู้ว่าใจคือบงการ ก็เลยบอกว่าพระเจ้าเป็นผู้บงการ กายวาจาจะทำอะไร พระเจ้าท่านไม่ใช่พาทำชั่ว ท่านพาทำแต่ดี เพราะฉะนั้นเชื่อพระเจ้า ก็พยายามศึกษาฝึกฝนทำแต่ดี ศาสนาจึงมีแต่ทำดีที่สุดแล้วก็เวียนเกิดเวียนตาย เพราะไม่รู้การเวียนเกิดเวียนตาย คุณทำดีคุณก็ได้ดี ผู้ที่จะสั่งสมตัวเองเป็นพระเจ้าก็สั่งสมเรียนรู้ความดี ทำกรรมดีแต่ไม่รู้คำว่ากรรมคืออะไร นึกว่ากรรมคือ God God สั่งให้ทำดีก็เชื่อก็ทำได้ ทำได้สูงสุดก็เลยเป็นพระเจ้า กว่าจะได้เป็นพระเจ้าไม่ใช่แค่ชาติเดียว สั่งสมความดีเป็นคนดีที่สุดได้เป็นพระเจ้า
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปฏิจจสมุปบาท ชาติ 5 โดยพิสดาร วันจันทร์ที่ 19 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 25 เมษายน 2564 ( 13:40:39 )
รายละเอียด
สำนวนนี้นี่ เขาจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม มันเป็นสิ่งประเสริฐแล้ว ถ้าเขารู้ตัวแล้วเข้าใจความหมายของคำพูดอันนี้ชัด มันก็จบ พระเจ้าจะช่วยท่าน แต่ท่านต้องช่วยตัวเองก่อน หรือพระเจ้าจะช่วยคนผู้ช่วยตนเองได้แล้ว ยิ่งชัดใหญ่ ใครช่วยตัวเองแล้วนั่นแหละผู้นั้นพระเจ้าจะช่วย ตีกินเลยพระเจ้า ก็เป็นภาษาที่ดี เป็นภาษาที่บอกถูกแล้วล่ะ เพราะฉะนั้นพระเจ้าจะช่วยหรือไม่ช่วยก็คือตัวเองแหละเป็นหลัก ตัวเองช่วยตัวเองให้หลุดพ้น ให้จบสุดบริบูรณ์ได้ ก็จบแล้ว จะมีพระเจ้าหรือไม่มีพระเจ้า ก็มีตัวเราทำได้จริง สมบูรณ์จริง จบจริง บริบูรณ์จริง ก็จบแล้ว เรื่องใดก็แล้วแต่
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เรื่องง่ายที่แสนยากของการเพาะพันธุ์จิตอรหันต์ วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน 2565 ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 07 ธันวาคม 2565 ( 20:04:03 )
รายละเอียด
คือ พลังงานแห่งกรรม ตัวตนที่จับต้องได้ พระเจ้าเป็นพลังงานที่สะสมก่อตัวมาจาก การกระทำที่เราสัมผัสได้
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 209
เวลาบันทึก 27 ตุลาคม 2562 ( 12:33:46 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:03:46 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:08:50 )
รายละเอียด
นี่แหละคือพระเจ้าที่พิสูจน์ได้ ไม่ลึกลับ เกิดอยู่ที่นี่มีองค์รวม มีบุคคลที่พูดกันรู้เรื่อง ยืนยันได้แล้ว นี่แหละคือวิทยาศาสตร์ เป็นทิฏฐธรรม เป็นปัจจุบันชาติ เกิดในปัจจุบันนี้ กระทบสัมผัสพิสูจน์เรียกร้องมาดูกันได้ อกาลิโก ไม่จำกัดกาลเวลา พิสูจน์ได้เสมอ เมื่อมีความรู้มีความจริงอันนี้แล้ว ทำได้ยืนยันได้กับทุกคนได้ ผู้ที่มีทวารทั้ง 5 มาสัมผัสพูดกันภาษารู้เรื่องกันก็รู้ ไม่รู้อะไรก็กด Google มันแปลให้หมดเลยเดี๋ยวนี้ อาจจะแปลไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็พยายามไปในอนาคตก็คงจะได้ถึง แต่ไม่ดีหรอก ให้เครื่องมือมันแปลให้ ต้องตัวคนมีธัมมวิจัย มีปัญญาตัดสินเอง มันจึงจะเป็นความรู้ที่จริง เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ค่าของเครื่องมือมันมากนัก เครื่องมือมันรู้แทนหมด เราก็โง่ ตัวคนที่เป็นธาตุรู้เป็นชีวะต้องไปพึ่งพามัน เขาพยายามทำให้หุ่นยนต์มีเวทนา มันทำไม่ได้หรอก เพราะความละเอียดของวัตถุที่เป็น robot ที่เป็นหุ่นยนต์นี้ มันเป็นเรื่องของวัตถุ ขนาดเป็นพืชมันยังเป็นไม่ได้เลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานอโศกรำลึก และบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ปี 2564
วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน 2564 แรม 10 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 16 กรกฎาคม 2564 ( 21:21:48 )
รายละเอียด
แม้แต่ทางตะวันออกกลางก็เป็นพีระมิด ทางเอเชียก็สร้างเป็นวิหารอะไรใหญ่โตมโหฬาร ก็เพราะว่ากลัวก็เลยสร้างพวกนี้ ทำเพื่อถวายพระเจ้ากันทั้งนั้น แต่ในยุคนี้ไม่ได้สร้างอย่างนั้นแล้ว ไม่ต้องไปยึดถือในพลังงานลึกลับที่ไม่รู้ว่าอะไร ให้อยู่ในปัจจุบันที่เป็นธรรมะ 2 เทวหรือเทวดาหรือเทพเจ้าที่เป็นเทวะใหญ่พลังงานใหญ่ ศาสนาพราหมณ์ฮินดูก็เป็นพระพรหม ศาสนาอื่นๆก็เป็นพระยะโฮวาห์พระอัลลอฮ์ก็ว่ากันไป แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร เป็นแต่เพียงว่าพยายามมีความรู้
คนที่มีความรู้สูงสุด อย่างพระศาสดาของศาสนาต่างๆ จะเป็นศาสนาอิสลาม ศาสนาพระยะโฮวา ศาสนาโบราณตั้งแต่ชาวยิวต่างๆ ก็มีพระเจ้าที่ลึกลับ แต่ถือว่าเป็นยอดแห่งความรู้ ทีนี้มีคนที่เกิดอุบัติขึ้นมา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองมีความรู้มาได้อย่างไร ก็เลยคิดว่านั่นไม่ใช่ตัวเองไม่รู้ตัวเอง มีอะไรอันหนึ่งบันดาลมีอะไรอันหนึ่งสิงสู่ สั่งการบงการให้ประกาศก็เลยกลายเป็นผู้ประกาศ โฆษก ก็ประกาศสิ่งลึกลับ เป็นความรู้ที่สูงส่งแต่ไม่เชื่อว่าตัวเองมีความรู้นี้ ถือว่าเป็นความรู้ที่สูงสุดที่ไม่เชื่อว่าตัวเองสามารถรู้หรือใครจะบังอาจรู้ได้ นี่คือศาสนาทางเทวนิยม ทางยุโรปหรือทางเอเชียก็ตาม ก็จะมาพูดตามพระเจ้า พระเจ้ามีความรู้อยู่ที่พระเจ้า นี่เป็นศาสนาที่ตีไม่แตก เทวะ ความรู้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการสำมะปี๋ซี่วิต ปฐมอโศก ครั้งที่ 19 วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม 2561
ที่ปฐมอโศก สื่อธรรมะพ่อครู(โพธิปักขิยธรรม 37) ตอน ตีให้แตกแยกให้ออกในธรรมะ 2
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2564 ( 12:22:42 )
รายละเอียด
ต้องขออภัยพระเจ้าเพราะว่าเป็นบัญญัติเป็นสภาวะ พระเจ้าอยู่ที่ไหนก็ไม่มีหรอก ศาสนาพุทธเราไม่มี
พระเจ้าก็คือพลังงานของจิต พระเจ้าคือพระวิญญาณยิ่งใหญ่ ก็คือของจริงที่อยู่ในวิญญาณสัตว์โลกนี่แหละ โดยเฉพาะมนุษยชาติอาริยะ มนุษย์เจริญก็จะรู้จัก
ที่มา ที่ไป
เทศน์ทำวัตรเช้าโดยพ่อครู งาน ว.บบบ.เพื่อฟ้าดิน ครั้งที่ 8 วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 มกราคม 2564 ( 18:09:10 )
รายละเอียด
ไม่ใช่สิ ยกให้เป็นความมีตัวตนนิรันดรด้วย พระเจ้าน่ะ มันเป็นตรงนี้ เพราะถ้าเผื่อว่า พระศาสดาของเทวดานิยม ยกให้เป็นของไม่มีตัวตนมันก็จบ แต่นี่มันไม่จบสิ มันก็ยังวน ยกให้เป็นของพระเจ้า พระเจ้าก็ยังอยู่สิ อยู่ในโลก แล้วในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะเที่ยง ไม่มีอะไรที่จะไม่วนเวียน วนเวียนทั้งนั้น ไม่มีอะไรเที่ยงที่นิรันดร ไม่มี จะต้องวนไปวนมาเคลื่อนที่ไปตลอด สูงแล้วก็ตกต่ำ ตกต่ำแล้วก็สูง วนขวาแล้วก็ซ้าย ซ้ายแล้วก็ขวา เคลื่อนไปไม่มีอะไรเที่ยง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 12:12:36 )
รายละเอียด
ศาสนาอื่นจะแข่งกันจะเป็นเรื่อง magical เป็นเรื่องลึกลับเพ้อฝันไป แม้แต่พระเจ้าเขาก็ยังลึกลับทุกวันนี้ตามหาพระเจ้าก็ยังสัมผัสไม่ได้ แล้วก็มีคำสอนสืบทอดมา คนนี้ศาสนานี้ศาสดานี้ของเทวนิยม ไม่ต้องไล่ชื่อเขา เขาก็ว่าศาสดาของเขาถูกต้องจริงของเขา ศาสนานี้ศาสดาองค์นี้ก็ว่าของเขาถูกต้องจริง อันนี้ก็ถูกต้องจริง พูดชัดๆเลยก็ได้ ใหญ่ๆอย่างศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาฮินดู ศาสนาซิกข์ ศาสนาบาไฮ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนายิว ศาสนายูดาย ศาสนาอะไรอีกเยอะแยะเลยแข่งกันอยู่นั่นแหละ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 ประการ 3 ข้อแรก โดยพิสดาร วันพุธที่ 9 มีนาคม 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 17 มีนาคม 2565 ( 11:01:28 )
รายละเอียด
“พระเจ้า”นั้นเห็นจริงได้ยากยิ่งกว่า“พระพุทธเจ้า” เพราะ“ภาวะ 2”นี้มี“ความจริง”ที่สัมผัสได้ กับสัมผัสไม่ได้ เป็นต้น หรือในมิติอื่นก็สามารถพิสูจน์ยืนยันได้อีกมากมิติ (ความจริงที่สัมผัสได้จึงจริงกว่า) ซึ่งเป็น“ภาวะ 2”ที่มีความเป็น“เทฺว”ที่ยิ่งใหญที่สุด คนจะเข้าใจเลยว่า พระเจ้าที่สัมผัสไม่ได้ก็คือไม่จริง เพียงแต่เขาไม่ยอมรับเท่านั้น เขาไม่สามารถมีความรู้ว่าความจริงที่สัมผัสได้มีด้วยหรือ ความรู้ที่สัมผัสได้มันยิ่งใหญ่นะ มีความรู้ที่สัมผัสได้ยิ่งใหญ่กว่านี้อีกเหรอ แต่เขาบอกว่าความจริงต้องลึกลับความจริงต้องสัมผัสไม่ได้ ก็จะรู้ว่าอย่างนี้มีด้วยหรือ ความจริงนี้ต้องสัมผัสไม่ได้มันลึกลับ แต่ไอ้นี่สัมผัสได้เขาก็บอกว่าไม่จริง จะมีความเชื่ออย่างนี้ด้วยหรือ?
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ปัญญา 8 เล่ม 1 ตอนที่ 2
วันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2565 แรม 15 ค่ำเดือน 4 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 10 สิงหาคม 2565 ( 19:43:59 )
รายละเอียด
พระเจ้าที่สูงสุดก็คือพระพุทธเจ้า และสูงสุดก็คือ ไม่มีตัวตน แล้วก็สูญหายไปเลย ดับ แม้แต่ความเป็นพระเจ้าของพระองค์เอง
พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่สูงสุด พระพุทธเจ้าก็เป็นพระเจ้าที่สูงสุด
แม้พระเจ้า ทางเทวนิยมเขาก็ถือว่าสูงสุด พระพุทธเจ้าก็มีความสูงสุด ก็เหมือนกับพระเจ้า แต่พระพุทธเจ้านั้นดับความเป็นพระเจ้าสูญไปเลย แต่พระเจ้าอย่าว่าแต่ดับความเป็นตัวพระเจ้าเองเลย ไม่รู้จักตัวเองเลย
เช่น พระบุตร บอกว่า ตัวเองเป็น ปกาศกของพระเจ้า เป็นผู้นำคำสอนความจริงของพระเจ้าที่เป็นพระบิดา เอามาประกาศ เข้าใจอย่างนั้นจริงๆ ความจริงไม่ใช่ของพระเจ้าอะไรหรอก แต่เป็นของพระศาสดาเองนั่นแหละ สั่งสมมา ความรู้หรือความจริง ที่พระศาสดาของศาสนาเทวนิยมลัทธิใดๆ ก็แล้วแต่ คือความเป็นจริงของพระองค์เอง ของพระศาสดาองค์นั้นๆเอง ที่มีกรรมวิบากสั่งสมมา แต่ไม่รู้จักกรรมวิบาก ไม่รู้จักตัวเอง ไม่เชื่อว่าตัวเองมีความรู้ความจริงขนาดนี้เชียวหรือ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปรียบเทียบนายกฯ พลเอกประยุทธ์กับคุณทักษิณ วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 ตุลาคม 2565 ( 12:08:28 )
รายละเอียด
อาตมาไม่ได้โมเม มันเป็นเรื่องจริง มันเป็นมาอย่างนั้น เพราะฉะนั้น คนฉลาดก็คือปัญญา ถ้าคนเฉโกอยู่ ไม่ใช่ฉลาด คนเฉโก คนมีความรู้แบบนั้น ไปทิ้งหมดเลย เอา 6 ไปรวบมาเป็นหนึ่ง หนึ่งอะไร?
หนึ่งอะไร? หนึ่งตามพระศาสดาหรือตามพระเจ้าของเขา ระบุไว้อย่างไร คัมภีร์ว่าอย่างไร ระบุไว้อย่างไร อย่าไปแยกเป็น 2 ไปกระจายขยายความอีกต่างหาก ไม่ขึ้นกับ กาละ เทศะ ฐานะ ต้องเป็นของพระเจ้าหนึ่งเดียวตลอดกาลนาน เปลี่ยนแปลงออกจากตรงนั้น จะกาละไหน เทศะไหน ฐานะไหน เมื่อใด มีเหตุปัจจัย-องค์ประกอบแตกต่างเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ไม่เกี่ยว ต้องหนึ่งเดียวนี้อยู่ตลอดกาลนาน โด่เด่อยู่หนึ่งเดียวตลอด ไม่ขึ้นกับกาล ไม่ขั้นกับกาละ ไม่ขึ้นกับเทศะ ไม่ขึ้นกับสถานที่ องค์ประกอบอะไรไม่ขึ้น ไม่ขึ้นกับบุคคล ไม่ขึ้นกับฐานะ ไม่ขึ้นกับจิตวิญญาณ ไม่ขึ้นอะไรที่จะเป็นอีกหลากหลายเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง..ไม่เกี่ยว ต้องเป็นอย่างเก่า ยึดมั่นถือมั่นอย่างเดียว ตามคัมภีร์อย่าไปเปลี่ยน อย่าไปแก้ อย่าไปทำผิดเพี้ยนเป็นอันขาดอย่างนั้นเลย ก็น่าสงสาร น่าสงสาร
เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าตรัสรู้ทุกอย่างไม่เที่ยง คำว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง นี้สุดยอดลึกซึ้ง
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ จุดสำคัญที่สุดในสัจธรรมของพุทธคือสุข-ทุกข์ วันพุธที่ 27 กันยายน 2566 ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 10 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 15 มีนาคม 2567 ( 08:52:39 )
รายละเอียด
คำว่า สุข คำนี้ สุดยอดจริงๆเลย พระเจ้าเป็นเจ้าของความสุขโดยที่เขาไม่รู้ว่าความสุขนั้นมีความทุกข์อยู่ด้วยอย่างแยกกันไม่ออก พระเจ้ากับซาตานจึงเป็นอันเดียวกัน แต่เขาไม่รู้ตัว เพราะว่าพระเจ้าหรือศาสดาเทวนิยมไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้อัตภาพ ไม่รู้จักอัตตา มีความรู้แค่นี้ ไม่ใช่ว่าศาสดาเทวนิยมองค์ไหน ก็ไม่รู้จักตัวเอง ที่ได้มีความรู้สั่งสมมากในแต่ละชาติ จนกระทั่งได้ความรู้ มีบารมีขนาดได้เป็นพระศาสดา เป็นความรู้ที่ตนเองสั่งสมในสัมภาระวิบากของตนเองแท้ๆก็ไม่รู้ ทั้งที่มีความรู้อื่นใดๆตั้งมากมาย แต่ไม่เชื่อตัวเองว่าตัวเองจะรู้ได้อย่างนี้ เห็นไหมว่าเป็นความมั่นใจ รู้อย่างไม่ครบถ้วนแต่เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถที่จะรู้ว่าจริงๆแล้วทุกอย่างเป็นสังขารปรุงแต่งกันอยู่เท่านั้น มันไม่ใช่สิ่งถาวรแน่นอน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ระบอบบริหารประเทศที่โลกมีกัน 9 แบบ วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 03 ธันวาคม 2564 ( 05:30:29 )
รายละเอียด
เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นธรรมิกราชองค์หนึ่ง ไม่ได้พูดเล่น อาตมาไม่ได้เป็นคนบอกไว้ว่า พอจะมีธรรมิกราช 2 องค์ เข้ามาเกิดขึ้นในยุคนี้ อาตมาไม่ได้เป็นคนพยากรณ์ อาตมาไม่ได้เป็นคนพูด แต่อาตมาเป็นตัวเป็นตัวนั้นได้ เขาไม่เชื่อหรอก อาตมาไม่มีปัญหา เป็นแต่เพียงอาตมามีสิทธิ์พูดความจริงเท่านั้นเอง ใครจะเชื่อ ไม่เชื่อไม่มีปัญหา อาตมาก็ทำงานของอาตมาไป ทำหน้าที่ของอาตมาไป
ในหลวงท่านทำแล้ว ทรงงานไปแล้วจนกระทั่งสวรรคตไปแล้ว ทุกคนเข้าใจเพราะในหลวงทรงงานทางรูปธรรม คนพอเข้าใจแล้วว่า ท่านทรงอะไร ทรงงานมา 70 พรรษา คนเขารู้แล้ว เห็นแล้ว เขาดูออกว่า มันไม่ใช่ว่า ความรวย วัตถุ ท่านก็ตรัสแล้ว ท่านก็ทรงแล้วด้วย ไม่ใช่ความรวยทางวัตถุ แต่เป็นรูปธรรมที่เป็นกิริยา เป็นกิริยาอะไร เป็นกิริยาที่สร้างสรรค์ เสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว มันมีรูปร่างอย่างนั้น มีรูปทรงอย่างนั้น แสดงออกให้มนุษย์ที่มีปฏิภาณปัญญารู้
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 5 พ่อครูพบ อ.ยักษ์ วิวัฒน์ ศัลยกำธร วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2565 ขึ้น 12 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2565 ( 12:13:35 )
รายละเอียด
ทางเทวนิยมเขาก็เชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้รู้สูงสุด แต่พระเจ้าเขาเป็นความลึกลับ ไม่รู้ว่ามีหรือไม่มี อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่มีผู้ที่เอาความรู้ความจริงจากพระเจ้ามาประกาศ เป็นประกาศก ศาสดาทุกองค์เป็นประกาศก เป็นผู้ประกาศความรู้ความจริงของสิ่งลึกลับที่เรียกว่าพระเจ้า เป็นศาสนาที่ลึกลับ จึงทำลายไม่ได้ ทำลายอัตตา ทำลายจิตวิญญาณ ทำลายธาตุรู้สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ แต่พุทธสามารถที่จะมีปัญญารู้ความจริงจบครบหมดเลย สามารถบงการพลังงานที่มันเป็นอัตภาพเป็นวิญญาณ เป็นอัตตาของแต่ละคน ถึงได้จัดการควบคุมได้ ให้ไม่ทำชั่ว ทำแต่ดี เหมือนกับเทวนิยมต้องการได้ แล้วมันเที่ยงกว่าด้วย เหมือนกับอรหันต์เกิดมาไม่ทำชั่วอีกแล้ว เกิดอีกกี่ชาติก็ทำดี จนเป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าสูงสุดที่สุด
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ โฮมแฮงกันซัดหอกเพื่อฆ่าโจรทำลายศาสนา วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 20 พฤศจิกายน 2564 ( 04:30:17 )
รายละเอียด
วันนี้วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 ที่บวรราชธานีอโศก ไปเรื่อยๆเวลาไม่เคยหยุด อาตมาเคยพูดว่า พระเจ้านี่นะ ถ้าแน่จริงหยุดเวลาให้หน่อยเถอะ พระเจ้าเก่งจริงหยุดเวลาสัก 5 วินาทีก็ได้ ลองหยุดดูซิ หยุดได้ไหม ถ้าพระเจ้าสามารถหยุดเวลาได้ ไม่ให้เวลาเดินไป ยิ่งหยุดได้เป็นชั่วโมงเลย หมายความว่าโลกนี้ชะงักหมดเลยโลกหยุดหมุน เวลาไม่เคลื่อนเลย ถ้าพระเจ้าทำได้พระเจ้าก็เป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งจริงเลย เอาล่ะพูดไปจะหาว่าเราไปท้าตีท้าต่อยอะไร
นั่นมันเป็นเรื่องสัจธรรม ทางด้านโน้นเขาเข้าใจอย่างนั้นซึ่งยังเป็นเรื่องลึกลับ ยังเป็นเรื่องที่คิดว่ามันเป็นเช่นนั้น ซึ่งมันเป็นไปได้ยาก เพราะว่าเขายังมีตัวตน ก็เลยนึกว่าตัวตนนี้ยิ่งใหญ่กว่าอะไรหมด แต่แท้จริงตัวตนไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าธรรมชาติ ธรรมชาติยิ่งใหญ่กว่าตัวตน
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ปลุกธรรม #35 ที่สุดแห่งที่สุดที่จะเกื้อกูลโลกได้คือโลกุตรธรรม วันจันทร์ที่ 7 สิงหาคม 2566 แรม 6 ค่ำเดือน 8(2) ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 สิงหาคม 2566 ( 12:17:27 )
รายละเอียด
นี้แหละ สำคัญมาก เพราะ“พระเจ้า”แต่ละองค์ ของ“เทฺว
นิยม”ทั้งหลาย
ไม่มีองค์ไหนเปิดเผย“อัตตา”อย่างชัดเจนชัดแจ้ง“สัมผัส”กับ
“ตัวตน”บุคคลมนุษย์เป็นๆทั้งหลายในโลกได้เลย
“เทฺวนิยม”ยัง“ลึกลับ”อยู่ตลอดกาลแม้กับศาสดาทุกองค์
และทุก“ศาสนาเทฺวนิยม”ล้วนลึกลับ
เพราะไม่เป็นวิทยาศาสตร์
“ตัวตน”หรือ“อาตมัน” ยิ่งเป็น“ปรมาตมัน”ยิ่งสำคัญ
ถ้าไม่รู้จักรู้แจ้งรู้จริงในความเป็น“อัตตา(อาตมัน)”เสียแล้ว
ก็เท่ากับว่า“ไม่รู้จักตัวเองนั้นเอง”
ไม่ได้สัมผัสตนเอง ที่เป็น“จิตวิญญาณ”ของตนเองแท้ๆจริงจัง
แล้วจัดการทำ“ตัวเอง”ได้ด้วย“กรรม”ของตนเอง ให้เสื่อม
หรือให้เจริญ
ให้บรรลุได้สูงสุดจนกระทั่งทำ“ตนเองพ้นทุกข์”ได้จริง
ที่สุดแห่งที่สุดนั้นถึงขั้น“ดับตนเอง”ให้ “สูญ”ไปหมด“กรรม”
ใน“กาล” ปรินิพพานเป็นปริโยสานได้แน่แท้
หนังสืออ้างอิง
หนังสือรวมเปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 208 หน้า 174
เวลาบันทึก 24 กรกฎาคม 2564 ( 11:07:16 )
รายละเอียด
พระเจ้าแผ่นดินที่มีทศพิธราชธรรม คือ การมีโลกุตระธรรมอย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 ประเด็นที่ชัดที่สุด คือ พาให้คนมาสงบ มามักน้อยสันโดษเอาแบบของเรานี่แหละไม่ต้องเอาตามต่างประเทศ พออยู่พอกิน ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์เป็นธรรมิกราชองค์หนึ่งที่เกิดมาในยุคนี้ ซึ่งท่านไม่อยู่แล้ว ตอนนี้ต่างประเทศก็ยอมรับไม่ใช่เรื่องที่ไร้สาระอะไรยอมรับอย่างเทิดทูน ไม่ใช่ยอมรับกันธรรมดา
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
เวลาบันทึก 17 กันยายน 2562 ( 14:58:35 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:54:22 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น พระประยูรญาติของพระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์ สืบทอดกันมา ตั้งแต่ปู่ย่าหลานเหลนโหลนจึงต้องเตรียมตัวเป็นพระเจ้าแผ่นดินหมดทุกพระองค์ อย่าประมาท เพราะฉะนั้นความไม่ประมาทซึ่งเป็นทศพิธราชธรรม ทุกพระองค์ต้องฝึก เกิดมาเป็นลูกหลานเหลนโหลนพระเจ้าแผ่นดินแล้ว กี่ทอดก็แล้วแต่เท่าที่มนุษยชาติจะมี Generation ที่จะยืนยาวไป อาจจะ 5 ช่วง ทวด ทวดของทวด 8 ,9 ยากมากตัดเขตที่ 7 นี่แหละ ท่านถึงจะตัดโคตรก็ตัดที่ 7 ชั่วโคตรจะประหารชีวิตก็ประหาร 7 ชั่วโคตรนี้สุดยอดแล้วไม่ให้เหลือโคตรเลย เขาว่าอย่างนั้นนะ เป็นความเข้าใจง่ายๆ แต่ที่จริง DNA ไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ยิ่งนามธรรม 7 ชั่วโคตรก็พยาบาทกันเป็นหนังจีนเลย ต้องล้างแค้นแทนปู่แทนทวด จองเวรจองกรรมไม่มีที่สิ้นสุด ถ้ามันไม่จองเวรต่อหนังมันก็สร้างต่อไม่ได้ เพราะฉะนั้นหนังจีนจึงต้องจองเวรกัน ไม่อย่างนั้นหากินไม่ได้มันก็จบสิหนัง จบเรื่องทุกคนไม่จองเวรมันจะไปสร้างหนังต่ออย่างไร
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3
วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 08:06:16 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น ถ้าจะเป็นใหญ่แบบประธานาธิบดี จะต้องสร้างอำนาจบาตรใหญ่มากทางอำนาจวัตถุ ทั้งหลักเกณฑ์ วิธีการ ทั้งโครงสร้าง ทั้งกฎหมาย อะไรหมดเลย จึงจะอยู่รอด แต่ถ้าอำนาจที่ไม่ได้ยึดถืออำนาจแบบพระเจ้าแผ่นดิน สร้างแต่คุณงามความดีของตัวเอง ตัวเองมีคุณงามความดีด้วยพระองค์เอง พระเจ้าแผ่นดินมีคุณความดีของพระองค์เอง มนุษย์มีอิสรเสรีภาพจะเห็น คนที่มีดวงตาดีมีความเจริญมีความเฉลียวฉลาดจะนับถือบูชาเชิดชูพระเจ้าแผ่นดินสุดยอดให้เองหมดเลย พระเจ้าแผ่นดินไม่ต้องการเรียกร้องเอาความยกย่องชมเชยบูชา ไม่ต้องเรียกร้อง ประชาชนจะให้เองเทิดทูนให้เองหมดเลย เป็นความจริง นี่คือสัจจะ
เพราะฉะนั้น พระเจ้าแผ่นดินจะต้องเป็นผู้ที่รู้โครงสร้างของมนุษยชาติ แล้วจะต้องรู้การสร้างพฤติกรรมของตนเอง ของพระองค์เอง สร้างมา ทุกพระองค์จะต้องมีกฎมณเฑียรบาล ที่จะต้อง ทุกพระประยูรญาติทั้งหมดเกิดมาก็ต้องอยู่ในกฎมณเฑียรบาล ต้องฝึกพระองค์เอง ทุกพระองค์เตรียมเพื่อที่จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินของประชาชน
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ตอน 3
วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 8 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2564 ( 08:04:38 )
รายละเอียด
แต่จริงๆแล้ว เขาไม่ได้รู้ละเอียดลออถึงโลกุตระที่แท้ ว่ามาจากต้นรากของจิตเป็นประธาน ว่ามีคุณสมบัติโลกุตรธรรม พระเจ้าแผ่นดินไทย ร.9 มีคุณสมบัติโลกุตรธรรมที่แท้ แต่เขาเข้าใจไม่ได้แต่เขาก็พอใจเขาก็ให้อยู่ เขาก็พอมองออก โลกียะไม่สมบูรณ์แบบ เหมือนโลกุตระที่สมบูรณ์แบบ
เพราะฉะนั้น คุณก็จะได้อำนาจจากใครก็ไม่รู้ พยายามหาวิธี แท็กติกต่างๆ สั่งสมวิธีการที่จะมาเป็นใหญ่ คนนั้นก็มาเป็นอย่างที่เขาเป็น ซึ่งมันไม่มีคุณธรรม มันไม่มีการสืบทอดโดยสัจธรรม ไม่มีระบบระเบียบ ไม่มีกฎมณเฑียรบาล ไม่มีวิธีการศึกษา ซึ่งจะต้องทรงประพฤติอย่างนั้นจริงๆ จะต้องฝึกฝนอย่างนั้นมาจริงๆ เขาไม่มี จับแพะชนแกะ เรียกว่า จับหมาหลง คือเดินถือถุงเงินมาหว่านลงตรงนี้ แล้วก็ได้รับเลือกเป็นใหญ่ในที่นั้น นี่เขาเรียกว่า แดนหมาหลง เอาเสาไฟฟ้ามาก็ได้ อย่างนี้เป็นต้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ กษัตริย์คือจิตประชาชนคือกายของประเทศ วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 22 กันยายน 2565 ( 14:07:58 )
รายละเอียด
วันนี้ วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก อาตมานำเอาเรื่องของเทวะ มาให้ศึกษา เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ผู้ที่เป็นเทวะตีไม่แตกแยกไม่ออกจะจำนนกับ 1คือ พระเจ้า ทั้งที่พระเจ้ามีทั้งศาสนาเทวนิยมและอเทวนิยม
พระเจ้าของเทวนิยมนั้นลึกลับ ไม่รู้อยู่ไหนไม่มีใครเคยรู้จักพระเจ้า สัมผัสไม่ได้ แต่พระเจ้าของศาสนาพุทธนั้นสัมผัสได้ เรียนรู้ได้ ตีแตกแยกแยะพระเจ้าได้ ครบถ้วนเลยว่าประกอบไปด้วยอะไร คืออะไรแท้ๆ ใครเป็นพระเจ้า พระเจ้าเป็นใคร รู้แจ้งจบ จนสุดท้ายก็รู้ว่าพระเจ้าคือ อนัตตา
แต่ของเทวนิยมนั้นพระเจ้าคือ อัตตา เพราะว่าเขาไม่ได้ศึกษาเหมือนกับศาสนาพุทธ ไม่มีสัมมาทิฏฐิ ไม่สามารถตีแตกแยกแยะเทวะออกได้ด้วยธรรมะ 2 เทวะ แปลว่า 2 ไม่สามารถวิจัยธรรมะ 2 เป็นคู่เทียบไปเรื่อยๆจึงจะรู้แจ้งจบ การเทียบทีละคู่ๆนี่แหละ คือ มีพยัญชนะกับสภาวธรรม แล้วก็จัดการกับสภาวธรรมได้ถูกตัวตนอย่างแท้จริงสำเร็จ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ วิถีอาริยธรรม จักร 4 คือธรรมะของโลกุตรบุคคล
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม 2564 ขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 19 มิถุนายน 2564 ( 12:27:15 )
รายละเอียด
พระเจ้าจริงๆนั้นในเทวนิยมก็คือตัวศาสดาเอง พระเจ้าคืออะไร พระเจ้าคือความรู้ความจริง ตัวศาสดาที่มีภูมิธรรมมีความรู้ความจริง นั่นแหละคือพระเจ้า คือความรู้ความจริงของผู้นั้นเอามาประกาศเอามาอธิบาย ความรู้ต่างๆให้แก่มนุษย์ ผู้นั้นก็เข้าใจว่าผู้นี้คือผู้รู้ยิ่ง ผู้รู้ยอดเป็นหนึ่ง นั่นแหละคือได้เป็นศาสดา ศาสนานั้นๆของลัทธินั้นๆ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์ทำวัตรเช้า พุทธาภิเษกสุดยอดปาฏิหาริย์แห่งพุทธ ครั้งที่ 46 จรณะ 15 พัฒนาปัญญา 8 ประการ วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 28 พฤษภาคม 2565 ( 12:33:11 )
รายละเอียด
“ความจริง”นี้ก็พระศาสดาเองอีกแหละที่ยังคงยึดมั่นถือมั่น(อุปาทาน)ทำ“ความลึกลับ”เองนี้ไว้ให้“ลึกลับ”อยู่ใน“ตนเอง”กันอยู่
ตลอดกาล
จึง“ลึกลับ”ในความเป็น“พระเจ้า”นิรันดร
“พระเจ้า”นั้นคือ “อัตตา”แท้ๆ คือ“ตนเอง”จริงๆ
นั่นก็คือ ยังไม่รู้“ความจริง”ว่า
ความเป็น“พระเจ้า”นั้นก็คือ“ตนเอง”นั่นแหละ เป็น“พระเจ้า”
เอง คือ“ตัวตนของศาสดาเอง”
ยังไม่มีความรู้ว่า“คำสอน”หรือ“พระธรรม”ที่“พระศาสดา”
แต่ละองค์นำมาประกาศแก่โลกนั้น
เป็น“คำสอน”หรือเป็น“พระธรรม”ของท่าน“พระศาสดา
เอง”นั่นเอง
ที่พระองค์ได้สั่งสมบารมีมาเอง เป็น“ของตนๆเอง”แท้ๆ ไม่รู้
กี่ชาติต่อกี่ชาติ กว่าจะได้เป็นศาสดา
จนท่านได้เป็นศาสดา ก็คือ “กรรมวิบาก”ของท่านเอง
เพราะท่านไม่มีความรู้ในความเป็น“ชาติ” เป็น“ภพ” ไม่รู้
ในความเป็น“กรรม”เป็น“วิบาก”
ที่มี“การเกิด-การตาย” สืบทอด สั่งสม“กรรมเป็นของของ
ตน(กัมมัสสกะ)-ตนรับมรดกกรรมของตน(กัมมทายาท)-กรรมจึงพาตน
เกิดตนเป็นอะไรต่ออะไรมาตลอด(กัมมโยนิ)-สร้างเผ่าสร้างพันธุ์
ของความเป็นกรรมเป็นวิบากของตนเอง(กัมมพันธุ)-ตนพึ่งกรรม
ของตนเองมาเองแท้ๆ(กัมมปฏิสรโณ)”เลย
หนังสืออ้างอิง
หนังสือ เปิดยุคบุญนิยม เล่ม 2 ข้อ 230 หน้า 189
เวลาบันทึก 01 สิงหาคม 2564 ( 13:41:24 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2563
เวลาบันทึก 05 เมษายน 2563 ( 10:58:27 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:00 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:10:31 )
รายละเอียด
เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงมีเกินสิ่งที่พระเจ้ามีคือโลกุตรธรรม เพราะพระพุทธเจ้าสร้างโลกุตรธรรมขึ้นมาเพื่อให้รู้ได้ว่า อ๋อ ที่พระเจ้าท่านรู้ทั้งหมดคือโลกุตรธรรมจัดการได้หมด พระเจ้าก็หมดวิญญาณ ก็หมดอัตภาพอัตตาปรมาตมันก็หมด สูญหายไปเลยไม่ใช่ตายแล้วต้องไปอยู่กับพระเจ้า ไม่ เป็นกบฏต่อพระเจ้าอย่าง โอ้โห ไม่รู้ 0 จะบอกว่ากบฏอย่างไร พระเจ้าไม่รู้ว่านี่เป็นกบฏด้วยเหรอ ไม่ต้องกลัวการลงโทษของพระเจ้าด้วย เพราะแม้แต่พระเจ้าก็สูญ พระเจ้าทำอะไรไม่ได้
ที่มา ที่ไป
พ่อครูเทศน์เปิดงานปลุกเสกพระแท้ๆ ของพุทธ ครั้งที่ 44 พาปฏิญาณศีล 8
วันอาทิตย์ที่ 4 เมษายน 2564 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 08 เมษายน 2564 ( 21:29:51 )
รายละเอียด
ผู้ที่เกิดในสมัยพระพุทธเจ้า เรียกเถรวาทะ คนไทยนับถือพุทธเถรวาท ก็ควรนับถือเถรวาทะสิ จะไปเอาอรรถกถามายืนยันก็ผิดสิ แต่รุ่นหลังจะเป็นอาจาริยวาท หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปเกือบพันปี จึงจะได้เขียนตำราออกมาชาวพุทธเถรวาทก็ควรเอาแต่เถรวาทะ ไม่ควรไปเชื่ออาจาริยวาทอาจารย์รุ่นหลัง
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 23 ตุลาคม 2562
เวลาบันทึก 06 ธันวาคม 2562 ( 15:27:07 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:55:16 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:11:11 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 3 เมษายน 2563
เวลาบันทึก 09 เมษายน 2563 ( 11:39:28 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:44 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:11:56 )
รายละเอียด
ถูกต้องคุณต่างหากไม่ถูกต้อง ที่อาตมาพูดนี้ถูกต้องอย่างที่คุณพูดมานี่มันผิด พระเถระสมาคมหรือคณะหมู่ใหญ่ได้พากันมาผิดหลายร้อยปีแล้วมันก็เลยผิดไปไกล อาตมาก็ขอเตือนสติว่าเดี๋ยวนี้มันไม่เหลือที่ดีแล้ว เป็นกลองอานกะ มีแต่เดรัจฉานวิชาจารีตประเพณีที่ผิด มีแต่เรื่องโลกๆ ที่หาเงินทองแย่งในลาภยศสรรเสริญกัน ซื้อลาภยศกัน มีแต่อย่างนั้นกันจริงๆในวงการศาสนา หาพระที่บริสุทธิ์นิสสัคคิยปาจิตตีย์ก็มีอยู่บ้าง แต่ไม่มากหรอก ที่ไม่สะสมทรัพย์สินเงินทองเลย อย่างเช่นสมเด็จพระสังฆราชปัจจุบันนี้เป็นต้น
อาตมารู้ เข้าใจท่าน ท่านน่าเคารพ แต่ท่านก็ปฏิบัติอย่างที่ท่านเข้าใจอย่างที่พาเป็นกันเป็นพระออกนอกทาง ไปนั่งหลับตา แบบเทวนิยม ซึ่งอันนี้ก็พูดความจริงขออภัย ไปวิจารณ์สมเด็จสังฆราชปัจจุบันแต่ท่านเคารพได้ในยุคนี้ถือว่าดีมากแล้วไม่มีปัญหาอะไรอาตมานับถือท่าน ไม่ได้พูดเล่นลิ้นนะ พูดจริง ก็หาพระดีๆขนาดนี้ยากอยู่แล้วในปัจจุบันเพราะฉะนั้นท่านเป็นสังฆราชดีแล้ว
ในกระบวนพระที่น่าเคารพ อาตมาว่าอาตมาเป็นผู้มองออก
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราชฯ แก้กรรมฐานให้ถูกพุทธ วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่บ้านราชฯ
เวลาบันทึก 07 กุมภาพันธ์ 2564 ( 14:32:56 )
รายละเอียด
ไม่เกิดในยุคนี้ ก็เป็นผู้ที่เกิดในยุคพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ ได้ร่วมประชุมอยู่กับพระพุทธเจ้าโดยตรงเลยนั่นแหละ คือพระเถระแท้ เพราะฉะนั้นผู้ที่อยู่ในยุคพระพุทธเจ้า ตายแล้ว มาเกิดชาติใหม่แล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้าแล้ว เป็นต้น พระเถระนั้นก็เป็นสัตตบุรุษเอง พระพุทธเจ้าไม่อุบัติแล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นไปพบสัตตบุรุษที่เป็นพระเถระ ที่เป็นผู้รับถ่ายทอดคำสอนตรงมาจากพระพุทธเจ้าเลย แล้วเป็นสัตตบุรุษด้วย เป็นผู้ที่บรรลุระดับ 7 สัตตะนี่ ระดับ 7 ขึ้นไป
ถือว่าระดับ 7 ขึ้นไปเป็นที่รับรองแล้วว่า เป็นผู้ที่อยู่ในรอบ 7 8 9 สามเส้าสุดท้าย อยู่ใน cyclic order ที่จะสำเร็จเสร็จสรรพแล้วก็เป็นผู้ที่สอบได้ ที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ถ้าไม่ถึงขั้นนี้ ระดับ 6 ลงมาก็ยัง ระดับ 5 ระดับ 4 ก็ยังไม่ได้เข้ารอบนั้น
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ตอบปัญหาคนตาบอดชวนคนตาบอดไปดูท้องฟ้าสวย วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 23 กุมภาพันธ์ 2566 ( 12:12:51 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563
เวลาบันทึก 10 มีนาคม 2563 ( 09:31:17 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:07 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:12:19 )
รายละเอียด
พระเทวทัต คือ พระเทวทัตมีพยากรณ์ว่าจะได้เป็นปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตแต่ท่านมีอนัตริยกรรม แม้ท่านจะมาเกิดอีกหลายครั้ง แต่ไม่มีบารมี มีสาวกที่จะเกิดศาสนาได้ ก็เลยปรินิพพานเป็นปริโยสานไปเลย แต่พระเทวทัตสร้างบารมีต่อไปไม่ได้สูงสุดได้แค่ปัจเจกสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อไปเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการวิถีอาริยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:43:55 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:04 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:07:59 )
รายละเอียด
พระเทวทัตไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์ คือพระพุทธเจ้าไม่ฉันเนื้อสัตว์ พระเทวทัตก็ไม่ได้ฉันเนื้อสัตว์ แต่พระเทวทัตอยากจะจัดระเบียบ ยุคสมัยพระพุทธเจ้า ทวีปอินเดียเขารู้กันหมดแล้ว รู้ว่าคนไม่ควรกินเนื้อสัตว์ แล้วจะไปออกกฎระเบียบทำไมอีกเจาะช่องให้คนอื่นเขาบ้าง พระพุทธเจ้าไม่ใช้วิธีการบังคับ แต่ในยุคสมัยนี้เกือบจะคำสั่งแล้ว อาตมาไม่ได้สั่งเป็นกฎระเบียบมาอยู่กับพวกเราต้องไม่กินเนื้อสัตว์นะก็ยังมีพวกเราที่ยังทานเนื้อสัตว์กันอยู่ คุณออกไปข้างนอกก็รับประทาน แต่มาในนี้คุณก็ไม่รับประทานเท่านั้น สำหรับคนที่เขายังทานเนื้อสัตว์เราเข้าไปว่าเขาไม่ได้ มันเป็นอิสรเสรีภาพ ก็ให้พากเพียรไป คุณมาที่นี่ก็ให้เกียรติเราแล้ว ไม่เอาเนื้อสัตว์เข้ามารับประทานอยู่ในนี้คุณไปรับประทานส่วนตัวก็เรื่องของคุณ แต่คนที่ไม่รับประทานด้วยใจของเขาก็เป็นกุศลเต็มรูปของเขา
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายพ่อครู รายการวิถีอารยธรรม วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน 2562
เวลาบันทึก 01 ตุลาคม 2562 ( 17:39:16 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:56:52 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:14:20 )
รายละเอียด
ก็จริงอย่างคุณจรรยา ประเสริฐว่า มันไม่ใช่หน้าที่ของพระหรือของภิกษุที่จะไปรับแบก ต้องไปช่วยคนป่วย ต้องไปรักษาคนป่วย ต้องเอาคนป่วยมาแบกมาหาม มันไม่ใช่เลย ก็ท่านทำมันก็ต้องทุกข์ของท่านเอง เพราะว่ามันไม่ใช่หน้าที่ มันไม่ใช่เรื่อง ว่าจริงๆแล้วทำผิดวินัยด้วย ภิกษุไปรักษาไข้รักษาคนเจ็บป่วยไม่ได้ ก็ผ่านไป
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ ปรับทุกข์ปลุกธรรม #16 ตรวจสอบความจบกิจเป็นอรหันต์ในเรื่องเศรษฐกิจ วันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2566 ขึ้น 6 ค่ำเดือน 5 หน้าร้อน ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 05 พฤษภาคม 2566 ( 12:57:27 )
รายละเอียด
ประเด็นอยู่ที่ว่าพรรคสัมมาธิปไตยสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร จะไปเป็นผู้ช่วยพระเอก ไม่ได้ตั้งจิตตั้งใจจะเป็นพระเอกเองแต่มาเป็นผู้ช่วยพระเอกอันนี้ถูกต้องแล้ว จะทำตนเป็นผู้ช่วยพระเอก และผู้ช่วยพระเอกจริงๆนี้คือใคร คือประชาชน ในประชาธิปไตยผู้ที่เป็นนักการเมืองน้ำดี ประชาชนก็ต้องหนุน ก็ต้องช่วย ยิ่งเป็นผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่สูงๆจนสูงที่สุด เช่นเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นต้น ก็ต้องมีประชาชนเป็นผู้ช่วยอย่างเต็มที่ ดังที่เห็นได้ขนาดนี้ อาตมาว่าอาตมาไม่ได้ตาถั่ว อาตมาว่าอาตมาตาดีนะที่เห็นความจริงว่า พลเอกประยุทธ์มีประชาชนสนับสนุน ไม่ได้จัดตั้ง
การเมืองเขาที่มีผู้ที่ทำหน้าที่มาเป็น ส.ส.แล้วจะไปเป็นรัฐมนตรีไปเป็นนายก เขาจัดตั้งกันทั้งนั้น จัดตั้งกันถึงขนาดจ่ายคนละกี่บาทเพื่อพอเวลาไปปรากฏการณ์ที่ไหนก็ไปเสนอหน้า เป็นหน้ามา หรือหน้าม้าก็ได้เอ้า อย่าไปใส่ตัวอื่น มาเป็นหน้าม้า เขาทำกันอย่างนั้น แต่ผู้ที่จริงมีประชาชนไปสนับสนุนยินดีโดยไม่ต้องจัดตั้ง ไม่ต้องมีหน้าม้า นี่คือสัจจะความจริง เพราะฉะนั้นในความจริงที่มันลึกซึ้งกันทุกวันนี้เราเห็นได้ความจริง อย่างพลเอกประยุทธ์ไม่ต้องไปนั่งเสียเงินจัดตั้งพวกนี้เลย หรือแม้แต่เป็นกลยุทธ์กลวิธีวิธีการ กลเม็ดเด็ดพรายอะไรเยอะ
เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยทุกวันนี้จึงเป็นประชาธิปไตยเลือกตั้ง ที่ก็ทำลำลองกันไปเท่านั้นเองจะเลือกตั้ง มันจริงอยู่ที่คนปฏิบัติตรงประพฤติจริงนักการเมืองจริง ในเมืองไทยจะเห็นได้ว่าพลเอกประยุทธ์เป็นนักการเมืองที่มีประชาธิปไตยลึกซึ้งมาก ขอบอกได้เลยว่าลึกซึ้งกว่าอเมริกา เพราะมีความรู้ทางวิญญาณ อเมริกาเป็นการเมืองขาเดียว เป็นการเมืองไม่มีวิญญาณ เป็นการเมืองมีแต่รูปธรรมไม่มีนามธรรม นามธรรมกระจัดกระจายไม่ได้เป็นประชาธิปไตย นามธรรมแหลกละเอียด นามธรรมนั้นถูกเหตุข้อมูลหลักฐาน ค่ายกลแห่งการเมืองจัดการหมดเลย ไม่ได้บริสุทธิ์ใจไม่ได้เป็นความอิสระเสรีภาพอย่างสมบูรณ์แบบอะไรเลย
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ แพ้แน่ๆถ้าพลังเงียบไม่ช่วย
วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 วันขึ้น 9 ค่ำเดือน 6 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 12 พฤษภาคม 2566 ( 11:20:01 )
รายละเอียด
ไม่ใช่พระ
บวชเป็นพระแล้วต้องทิ้งบ้านช่องเรือนชานไม่มีบ้านช่องเรือนชานไม่มี ญาติปริวัตตังปหายะ
ต้องอยู่ตามประสาของตน แม้ที่สุดจะมีกุฏิ คนสร้างกุฏิให้ก็ได้อาศัย กุฏิของพระพุทธเจ้าใหญ่โตไม่ใช่เล่นเลยนะก่ออิฐถือปูน ซึ่งเป็นธรรมดาธรรมชาติของคนที่จะอุดหนุนส่งเสริมอุปการะต่างๆ เมื่อเราทำดี ตามประสาคนเขาก็จะสนับสนุนช่วยทุกอย่างนั่นแหละ อย่างอาตมานี่ หน้าหนาว ไม่รู้อะไรต่ออะไรมา ใส่คอ ใส่หัว ใส่เสื้อ ใส่มือ ใส่เท้า ทั้งนั้นแหละ
ที่มา ที่ไป
พ่อครูแสดงธรรมรายการ พุทธศาสนาตามภูมิ ความมหัศจรรย์ของศีลที่พ่อครูเอามาสถาปนา วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 แรม 7 ค่ำเดือน 3 ปีฉลู ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 27 กุมภาพันธ์ 2565 ( 18:27:06 )
รายละเอียด
ก็เป็นอวิชชา มิจฉาทิฏฐิเข้าร่วมไปด้วยกัน มีเจตนามีความโง่หรือความฉลาดมากน้อยเท่าไหร่ ก็นึกว่าตัวเองฉลาดที่จริงนั้นโง่ ผิด อันนี้สั่งสม มีน้ำหนัก เจตนามีน้ำหนักสูงก็บาปหนักเท่านั้นเท่านั้น
มันผิด พระพุทธเจ้าท่านสอนแล้วสอนอีกว่า ผู้ตั้งตนเป็นคนโสดนั้นเป็นบัณฑิต ผู้ฝักใฝ่ในเมถุนย่อมเศร้าหมอง นี่ก็ชัด การแต่งงานการมีคู่นี่มันเป็นทุกข์ เสร็จแล้วแต่งงานกันไปก็จะเกิดทุกข์เศร้าหมองกัน แทนที่จะสดใสเบิกบานร่าเริงเป็นคนโสด
ผู้ตั้งตนเป็นคนโสด ท่านเรียกว่าเป็นบัณฑิต ผู้ไปแต่งงานท่านเรียกว่า ผู้ที่เข้าไปหาความเศร้าหมอง มีอีกเยอะที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสในเรื่องอย่าไปแต่งงานเลย อย่าไปมีคู่เลย อยู่เป็นคนโสดเถิดและรักษาพรหมจรรย์อะไรพวกนี้เยอะแยะ ไม่สิ ไม่มีเลย ตามแบบหลักเกณฑ์พระธรรมวินัยห้าม ทำก็เป็นอาบัติ จะไปทำได้ไง
คือพราหมณ์กับพุทธ มันผิดเพี้ยนกันไป ต่อไปพุทธผิดก็จะกลายเป็นพราหมณ์ในอนาคต คือคำสองคำ. คำว่า พราหมณ์กับคำว่าพุทธ จะหมุนเวียนกัน เป็นพยัญชนะที่เรียกกันว่าเป็นศาสนาพุทธนี่แหละมีวิชชาจรณะอันเดียวกัน อาตมาตั้งใจจะเอาอัมพัฏฐสูตรมาสาธยายอันนี้ให้ละเอียด ฟังดีดี ที่พระพุทธเจ้าท่านเจรจา อัมพัฏฐมานพ ยืนยันจรณะ 15 วิชชา 8 หรือยืนยัน วิชชาจรณะสัมปันโน แต่ก่อนเขาเรียก พราหมณ์เป็นนักบวช ก็ไว้ผมยาวมุ่นผม นุ่งขาวห่มขาวนี่แหละ พิธีประเพณีต่างๆบางอย่างพระก็ไม่ควรไปยุ่งเลย อย่างพิธีแต่งงานนี้ มันเป็นสังฆาทิเสสด้วยนะ อย่าไปยุ่ง ชักนำก็ไม่ได้ แต่งงานนี่จะไปร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างเป็นพิธีไม่ได้เลย คิดว่าคงเข้าใจไม่ยากเท่าไหร่นอกจากคนที่หลงใหล เราอย่าไปพูดถึงศาสนาอื่นเขาเลย เขาก็ได้ความเป็นจารีตประเพณีความนิยมของเขามันคนละนิยม ของเราเป็นพุทธนิยม ไม่ใช่นิกายนิยมอื่นๆมันคนละอย่างกันเพราะฉะนั้นจะว่าไปแล้วประเดี๋ยวก็จะต้องไปข่มอันหนึ่งยกอีกอันหนึ่ง เราก็เข้าใจพุทธของเราให้ถูกต้องดีงามก็แล้วกัน
ก็ขอสรุปว่า อย่าเชียวนะ อย่าไปต่อ ก็ขอปรามไทยโพสต์เข้าใจให้ดีๆ ให้สัมมาทิฏฐิดีๆ มันเป็นเรื่องใหญ่นะ เป็นเรื่องไม่ใช่เรื่องเล็ก ผู้มีพรหมจรรย์ ผู้รักษาพรหมจรรย์ ผู้ไม่ยินดีในเมถุนหรือคนคู่ ไม่แต่งงาน ตั้งตนเป็นคนโสดเป็นบัณฑิต อะไรพวกนี้ มันเป็นเรื่องลึกซึ้งสุดยอด มันจะเดินทางไปสู่นิพพาน
เพราะฉะนั้น ถ้ามันผิดมันก็จะเป็นวิบาก เป็นกิเลสเสริมหนุน เป็นอะไรต่ออะไรไปอีก ยาวยืด เพราะฉะนั้น ผู้ใดรักษาได้ แม้จะต้องกดข่ม ปฏิบัติธรรมด้วยหน้านองน้ำตาอยู่ อย่างไรๆ ก็ตัดใจ ไม่ให้เป็นคู่ มันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ อาตมาเคยพูดถึงเรื่องคู่หรือกาม มีคนมาทำปริญญาเรื่องพุทธศาสนา เป็นฝรั่ง เป็นชาวอเมริกัน มาทำปริญญาด็อกเตอร์ในเรื่องนี้ อาตมาก็เคยพูดกับเขาว่า ศาสนาพุทธเราไม่ส่งเสริมในการที่จะไปวุ่นวายถึงเรื่องคู่ และจะต้องล้างกิเลสกาม เขาก็เถียงว่า กามมันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ไปล้าง ไปทำอะไรมันเล่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์
ที่มา ที่ไป
รายการปรับทุกข์ ปลุกธรรม ครั้งที่ 10 ออกจากกาละได้โดยใช้ มูลสูตร10 และวิญญาณฐิติ 7 วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ขึ้น 2 ค่ำเดือน 3 ปีเถาะ ที่บวรราชธานีอโศก
เวลาบันทึก 11 กุมภาพันธ์ 2566 ( 15:51:58 )
รายละเอียด
ผู้ที่มีจิตเกิดใหม่จากคน หรือเป็นพระที่แปรเปลี่ยนมาจากชาติคน เกิดจริง ๆ เกิดในจิต เกิดแบบผุดเกิดในลักษณะโอปปาติกกำเนิด เกิดโดยอาศัยกรรมและเป็นผู้ที่จะไม่เวียนว่ายไปตกนรกอีกเป็นอันขาด มีแต่จะสูงขึ้น
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 41
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:46:26 )
เวลาบันทึก 19 กรกฎาคม 2563 ( 08:03:54 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:17:27 )
รายละเอียด
พระ หมายถึงผู้เจริญผู้ประเสริฐทางโลกีย์ก็เรียกพระ ประเทศไทยใช้คำว่าพระนำหน้าคนที่เจริญ แต่ก่อนมีชื่อยศศักดิ์เช่นคุณพระ มี ขุนหลวง พระยา เจ้าพระยาสมเด็จเจ้าพระยา อย่างนี้เป็นต้น นักบวช เอาคำว่าพระ มาจากรากศัพท์คำว่า วระ หรือแปลว่าผู้ประเสริฐเป็นพระ ใช้เป็นคำนำหน้า แทนที่คำว่าพราหมณ์ ตอนแรกเราบวชก็เรียกตามเขาว่าพระ หนักเข้าๆเราแยกนานาสังวาสมาเป็นชาวอโศก ตอนแรกเราก็ยังเรียกตัวเองว่าพระอยู่ แต่สุดท้ายเขาบอกว่าไม่ให้เรียกผิดกฎหมายจับ ก็เกิดเรื่องราวจับเราไปไม่ให้เราเรียกว่าพระ หาว่านุ่งห่มลอกเลียนพระ สุดท้ายเราก็หลุดมาตามธรรม ได้คำเรียกเป็นสมณะ เขาก็ได้คำเรียกเป็นพระ มันเป็นวิวัฒนาการของภาษากับสภาวะ แต่เดิมเป็นสมณพราหมณ์ ต่อมาก็ผิดเพี้ยนไปแล้วก็กลับมาสู่สิ่งที่ถูกต้องอีก เป็นสัจธรรมจัดสรรเป็นตัวอย่างดีเลย ศาสนิกของศาสนาใดก็ปฏิบัติตามหลักการของศาสนานั้น ของเราก็ปฏิบัติให้ตรงตามคำสอนทั้งฆราวาสและนักบวชให้ไปสู่สัมมาทิฎฐิถูกต้องตามคำสอนพระพุทธเจ้าอย่างไร ศีล สมาธิ ปัญญา จรณะ 15 วิชชา 8 อย่างไรเป็นแกนหลักเลย สุดยอดของพระพุทธเจ้าแล้วศีล สมาธิ ปัญญา เราก็เรียนรู้ไปและปฏิบัติไปจากการบรรลุธรรม ปฏิบัติอะไรเข้าปฏิบัติศีลสมาธิปัญญาและต้องรู้ว่าศีลของเราขนาดใดสมาธิของเราขนาดใด อธิจิต แล้วปัญญาซึ่งไม่ใช่เฉโก แต่ปัญญาคือความสะอาดแบบโลกุตระเป็นความฉลาดแบบ genius เลย เป็นความสุดยอดเฉลียวฉลาดใด จบที่หลุดพ้นจากกิเลสเป็นวิมุติ อธิวิมุติ หลุดพ้นมีวิมุติ วิมุติญาณทัสนะ ปฏิบัติอย่างไร ก็ปฏิบัติอย่างที่อาตมาบอกอยู่บอกทั้งหมดที่เดียวไม่ได้ ต้องค่อยๆบอกไป ศีลสมาธิปัญญาเป็นหลัก ศีลข้อที่ 1 2 3 เป็นอย่างไรแล้วก็ขยายความเป็นกายกรรมมโนกรรมแล้วก็ขยายในข้อของศีล ที่เกิดอธิจิตเกิดปัญญาในแต่ละเรื่อง เป็นเหตุปัจจัยที่รวมกันอยู่และก็ขยายก้น เป็นองค์ประกอบกัน เพราะฉะนั้นจึงต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์นี้ แล้ว วัด คือที่ใด วัดมันหมายถึงสัปปายะสถานที่ที่มีคุณธรรม โดยเฉพาะเป็นคุณธรรมของพระศาสดา ที่ๆมีสัปปายะ 4 พร้อมตรงนั้นเราเรียกว่าวัด อย่างชาวอโศกไม่ได้แยกว่าตรงนี้ที่วัด ตรงนี้ที่ฆราวาส แต่อยู่กันได้ดี แต่ของพวกเขาอยู่กันจะปนกันไม่ได้ ต้องแยกกัน เขายังหาว่าพวกเราอยู่รวมกันไปเดี๋ยวก็จะเกิดลูกเณร ซึ่งถ้าภูมิมันไม่ถึงจริงก็จะมีจริงอย่างนั้น ตอนนี้เราก็พิสูจน์แล้ว 40-50 ปีแล้วก็ไม่ได้เกิดกรณีอย่างนี้ให้เขาว่าได้ เพราะจิตใจมันเป็นจริง จิตใจมันเป็นจริงแล้วไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับอะไรก็ได้ เหมือนสามัญปกติได้ แต่ขนาดนั้น เราก็ไม่ได้ประมาท เราก็มีกฎเกณฑ์พอสมควร เราก็ไม่ได้ละเมิดกัน จิตมันก็แม้พ้นจากกฎเกณฑ์แล้วมันก็ไม่เกิดหรอก แต่ถ้าพ้นแล้วไม่คลุกคลีอีกหรือมีกฎเกณฑ์อีกมันก็ยิ่งดีเพราะฉะนั้นอย่าประมาทในกฎเกณฑ์ ให้ระมัดระวังสังวร ประมาทจะเสียได้ พวกเรารักษามาได้ถึง 40 50 ปีก็อย่าให้เสีย อย่าให้บกพร่อง ก็รักษาไว้ แต่มันก็นานๆไป แน่นอนถึงวาระเสื่อมก็เสื่อม แต่ให้อาตมาได้ไปสัก 1000 ปีค่อยเสื่อมก็แล้วกัน
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันพุธที่ 1 กรกฎาคม 2563
เวลาบันทึก 08 สิงหาคม 2563 ( 11:18:51 )
รายละเอียด
ที่มา ที่ไป
รายการพุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม 2563
เวลาบันทึก 25 มิถุนายน 2563 ( 11:34:28 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:57:49 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:10:14 )
รายละเอียด
อาตมาประกาศไม่เหมือนใคร แต่ใคร ก็บ้วนน้ำลายใส่ ต้องยืนยันต้องประกาศ ต้องสร้างความจริงอ้างอิงพระไตรปิฏก ทั้งพามาปฏิบัติได้จริง พาคนรวยมาเป็นคนจน พาคนติด รูปรส กลิ่น เสียง สัมผัส มาเลิก พาคนติดแบรนด์เนมออกมา ยืนยันได้ ทำให้คนยอมรับ ไม่ใช่ว่าโม้ตัวเองทำได้คนเดียว คนอื่นทำไม่ได้ พวกคุณจะถือว่ามีมารมีเด่นๆ จนยอมรับได้ ขออภัย อย่างพวกคุณยังบรรลุได้ จากเคย หลง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส หลงอัตตาใหญ่ ก็ไม่เอาแล้ว จะไปใหญ่แบบทักษิณก็ไม่เอา จะไปใหญ่ แบบ ธนาธร ก็ไม่เอา แม้แต่เดี๋ยวนี้ จตุพร พรหมพันธุ์ ก็ยังมีสำนึกรู้ตัวแล้ว อะไรอย่างนี้เป็นต้น คนที่ไม่รู้ตัวบ้าบออยู่นอกประเทศออกไป อองล่องไปกับทักษิณก็ไป ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข ตอนนั้นเขาเป็นรองเลขานายกฯ เคยมาเยือนที่บ้านราชฯ เราก็เทศน์ไป นึกว่าเขาจะรับได้ ที่ไหนได้เขาไม่รู้เรื่องเลย
ที่มา ที่ไป
พุทธศาสนาตามภูมิ บ้านราช วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562
เวลาบันทึก 27 ธันวาคม 2562 ( 12:47:23 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:58:39 )
รายละเอียด
คือ ผู้ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นแท้จริง ชนิดที่ไม่ทำเพื่อ “ตัวตนหรือตัวเอง” ได้ถึงขั้น “จิตใจไม่มีกิเลสที่เพื่อตัวตน ได้แท้จริง”
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า 181
เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 14:45:48 )
เวลาบันทึก 20 กรกฎาคม 2563 ( 03:22:20 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:20:16 )
รายละเอียด
คือ ผู้ที่มี “โพธิ”(ความรู้ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้)ในตนกันจริงๆ “อันเป็นความรู้ขั้นโลกุตระ”
หนังสืออ้างอิง
“คนจน” ที่มีแบบ ฉบับแก้แล้วไขอีก เล่ม 1 หน้า.178
เวลาบันทึก 09 พฤศจิกายน 2562 ( 14:17:30 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:08:19 )
เวลาบันทึก 14 สิงหาคม 2563 ( 04:20:40 )
รายละเอียด
คือ เป็นผู้รู้ดี รู้ชั่ว แล้วเลิกชั่ว ทำดีได้สมบูรณ์ด้วยใจที่สะอาด ปล่อยวาง ไม่ติดยึด ไม่ติดดี เพราะชั่วกับดีจะไม่แยกจากกัน พระโพธิสัตว์ จึงเข้าใจ และพยายามสอน พยายามค้นหาวิธีการทำอย่างไร จะช่วยคนชั่ว ให้ดีขึ้น (รื้อขนสัตว์) นั่นคือ ต้องรู้ประมาณ และรู้จักขณะเวลา โอกาสว่า จะช่วยเหลือใคร เมื่อไร อย่างไร แค่ไหน จึงจะพอเหมาะพอดี ดังนั้น ก็เป็นเรื่องจำเป็นที่พระโพธิสัตว์ ต้องเรียนรู้ ศึกษา ฝึกฝนให้มีทั้งศาสตร์และศิลป์ในการกล้าแสดงออก บอกสอน ท้วงติง ติเตียน
หนังสืออ้างอิง
“สัจจะชีวิต ของ สมณะโพธิรักษ์ ภาค 4” “โพธิรักษ์”…“โพธิกิจ” หน้า 113- 114
เวลาบันทึก 25 ตุลาคม 2562 ( 15:37:01 )
เวลาบันทึก 29 กรกฎาคม 2563 ( 15:10:11 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:21:43 )
รายละเอียด
พระโพธิสัตว์ คือ ท่านผู้บำเพ็ญเพียรศึกษาเรื่องของมนุษย์ความเป็นมนุษย์กับความเป็นสังคมแล้วก็ช่วยมนุษย์ช่วยสังคมให้เหมาะสมตามยุคตามสมัย (กาลัญญุตา) ใช้สัปปุริสธรรม 7 การช่วยมนุษย์นี้ไม่มีใครมาจ้างวาน ไม่มีใครมาให้ค่า ไม่มีใครมาให้รางวัล ดีไม่ดีจะได้รับการต่อว่า ถูกถล่มทลายด้วยซ้ำไป ผู้ตั้งจิตบำเพ็ญปรารถนาไว้ว่าจะปฏิบัติพากเพียร เอาอนุตรอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทีเดียว
ที่มา ที่ไป
ธรรมาธิบายจากพ่อครู รายการพุทธศาสนาตามภูมิ
หนังสืออ้างอิง
คนคืออะไร? หน้า 124
เวลาบันทึก 15 กรกฎาคม 2562 ( 15:54:24 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 14:59:41 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:22:22 )
รายละเอียด
มีชีวิตอยู่อย่างสัพพปาปัสสอกรณัง กุสลสูปสัมปทา สจิตตปริโยทปนัง ทำจิตใจให้สะอาดหมดจดแล้ว ถ้าอยู่ก็มีแต่ทำดี ไม่ทำชั่วทำบาปอีกเลย จนกว่าจะปรินิพพานเป็นปริโยสาน
ที่มา ที่ไป
รายการวิถีอาริยธรรม บ้านราช วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม 2562
เวลาบันทึก 16 พฤศจิกายน 2562 ( 20:09:53 )
เวลาบันทึก 23 กรกฎาคม 2563 ( 15:00:26 )
เวลาบันทึก 13 สิงหาคม 2563 ( 15:22:57 )
Facebook : test
Youtube : Name
Twitter : Name
Line : Name
Telegram : Name
Wechat : Name
Skype : Name